พ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ควรบอกหรือไม่บอกดี

กระทู้สนทนา
สืบเนื่องจากพ่อเราเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ตรวจพบตอนที่เป็นระยะสุดท้าย หมอบอกว่ามีเลือดออกในช่องท้องเพราะก้อนมันแตกและมีเลือดไหลออกมา ทำให้พ่อท้องโต พ่อสามารถอยู่ได้ 3-6 เดือน แล้วหมอก็นัดฉีดคีโม

ก่อนที่จะถึงวันฉีด ที่บ้านไม่มีใครบอก จนถึงวันฉีด หมอเจ้าของโรคก็ไม่ได้บอก แต่หมอที่ทำหน้าที่ฉีดคีโมบอกว่า "คุณลุง คุณลุงรู้มั้ยว่าตัวเองเป็นอะไร คุณลุงเป็นมะเร็งนะ ลูกใหญ่เท่ามะพร้าว ลุงกลัวหรือเปล่า" (พ่อตอบว่าไม่) "งั้นก็ดีแล้วลุง เดี๋ยวนี้คนเป็นกันเยอะ ลุงอยากกินอะไรก็กินนะ"

พอหลังจากฉีดคีโม แม่มาเยี่ยมพ่อ พ่อบอกแม่ว่า "หมอบอกว่ากุเป็นมะเร็ง" (ปล. ที่บ้านเป็นยุคพ่อขุนรามคำแหง) แม่เล่าว่าตอนที่พ่อพูดแบบนั้น แม่เห็นพ่อน้ำตารื้น แล้วก็ไม่พูดอะไร เปลี่ยนเรื่องพูด

พอตกเย็น หมอเจ้าของไข้มาบอกพ่อในเชิงแก้ข่าว ว่าเข้าใจผิด ว่าพ่อไม่ได้เป็นมะเร็ง เป็นแค่ตับอักเสบขั้นรุนแรง

หลังจากฉีดยา พ่อก็มีอาการข้างเคียงแบบที่คนฉีดคีโมเป็น เช่น อาเจียน
ในวันที่หมอบอกว่าให้ออกจากโรงพยาบาล ปรากฎว่าค่าตับสูง หมอประจำโทรมาที่บ้านบอกน้องชายว่า ยังกลับบ้านไม่ได้
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ พ่อยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

เล่ามาถึงตรงนี้ พ่อยังไม่รู้ว่าเป็นมะเร็ง และก็เข้าใจว่าพวกเราไม่อยากให้กลับบ้าน เพราะพ่อกับเราทางโทรศัพท์ว่า "ป๊ารู้สึกว่าคนที่บ้านไม่อยากให้ป๊ากลับบ้าน" (เราก็ตอบกลับไปว่า ไม่ใช่อย่างนั้นป๊า พวกเรายังไม่มั่นใจ แล้วอีกอย่างอยู่ใกล้หมอก็ดีกว่า) "ป๊า เบื่อ อยู่โรงพยาบาลมันหดหู่ ไม่มีไรทำ ได้แต่ลุกนั่ง ขยับตัวลงนอน อยู่บ้านยังได้ทำอะไรบ้าง"

เราเลยโทรไปคุยกับน้องชายคนสุดท้อง น้องชายสุดท้องคุยกับน้องชาย 3 แล้วสรุปว่า พวกเราควรที่จะให้เค้ารู้ว่าเค้าเป็นอะไร เพื่อที่เค้าจะได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

ดิฉันเห็นด้วยอย่างมาก เพราะทุกขณะที่นั่งทำงาน (อยู่ต่างประเทศ) มีความสับสนแล่นเข้ามาในสมองตลอดว่า "ถ้าเราไม่บอกว่าป๊าเป็นอะไร ป๊าก็ยังคาดหวังว่าโรคที่เป็นจะหาย แล้วถ้าเกิดว่าป๊าเสียในขณะที่ป๊าไม่รู้อะไรเลย เค้าจะไปแบบสงบมั้ย จิตสุดท้ายจะไปสู่สุขคติหรือเปล่า  สู้ว่าให้ป๊ารู้ แล้วให้ป๊าเตรียมพร้อม วันสุดท้ายที่ป๊าจากโลกนี้ไป ก็จะจากโลกนี้ไปแบบจิตสุดท้ายที่บริสุทธิ์" (พ่อเราเค้าเป็นคนนั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำบุญ ใส่บาตร ตอนสมัยเราเด็ก ๆ ก็จัดผ้าป่าไปบูรณะวัดหลายครั้ง แถมไปนั่งสมาธิกับพระอาจารย์ตามป่าช้า เราว่าเค้าต้องยอมรับได้ เพื่อที่เค้าจะได้ใช้เวลาที่เหลือ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญภาวนา ตามแต่เค้าสะดวก)

เราไม่อยากให้เค้าจากโลกนี้ไปแบบคนไม่รู้  เรากังวลว่าถ้าหมอฉีดยาแก้ปวดอย่างที่เราอ่านในหลายกระทู้ในพันทิป บางท่านก็ค่อย ๆ หลับและจากไป
แต่ถ้าเป็นไปตามคำวินิจฉัยของหมอประจำ ถ้านับจากวันที่หมอแจ้งกับแม่ ก็ยังไม่ถึง 1 เดือน แต่อาการพ่อจากที่เราได้รับฟังจากแม่ ก็จะประมาณว่า กินไม่ลง เบื่ออาหาร จะนอนมากกว่า พ่อเราเค้าเป็นคนสูงใหญ่ ในขณะที่แม่เป็นคนรูปร่างเล็ก แม่ก็กังวลเรื่องถ้ากลับไปอยู่บ้าน แม่จะดูไม่ไหว ในพี่น้องเราก็คิดว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลที่บ้าน แต่บ้านเราก็เป็นบ้านแบบบ้าน ๆ จริง ๆ เลยมีความคิดอีกอย่างคือจะให้พ่อนอนห้องเดี่ยวที่โรงพยาบาล เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา น้องชายคนสุดท้องมาดูแลและทำงานไปด้วยได้ หลาน ๆ พ่อก็ข้ามมาเยี่ยมพ่อได้

อยากถามสมาชิกในพันทิปที่มีประสบการณ์ญาติหรือคนในครอบครัวจากไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ว่าท่านเหล่านั้นทำอย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไร
อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านสมาชิกค่ะ

ปล. เราทำงานต่างประเทศ ต้องอาศัยโทรตอนหลังเลิกงาน โทรเข้าไลน์พี่สาวบ้าง โทรเข้าหาแม่บ้าง เราได้วีดีคอลกับพ่อครั้งละประมาณ 5-10 นาที ก็ดีใจเป็นที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่