สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากมาเล่าประสบการณ์การสั่งของที่เกี่ยวกับแม่และเด็กจากอเมริกาให้ฟังค่ะ และมีปัญหาอยากปรึกษาผู้รู้ทุกท่านค่ะ (ถ้าดิฉันพิมพ์เว้นวรรค ไม่ค่อยถูกต้อง ขออภัยด้วยนะคะ
)
1. เนื่องจากดิฉันอยู่อเมริกา จึงมีเพื่อนๆหลายคนมักจะฝากซื้อเสื้อผ้าเด็ก, อุปกรณ์เกี่ยวกับแม่และเด็กทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ขนมพวกกลูเตนฟรี (gluten free) และอาหารเสริมเด็ก เนื่องจากลูกเพื่อนแพ้กลูเตนและผักผลไม้ที่มีหัวอยู่ใต้ดิน เช่น แครอท มันฝรั่ง เพราะหาที่ไทยได้ค่อนข้างลำบากและแพง แต่ด้วยการทำงานของดิฉัน ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้บ่อย ปกติจะกลับประมาณสองปีครั้ง หรืออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อนๆหลายๆคนรอให้ดิฉันขนของกลับให้ไม่ไหว เลยรบกวนให้ส่งไปรษณีย์ไปแทน นอกจากจะซื้อฝากเพื่อนแล้ว บางครั้งดิฉันก็ซื้อของจากที่นี่ส่งกลับเมืองไทยบ้าง บางครั้งส่งเป็นของขวัญให้ครอบครัว หรือให้เพื่อนๆ โดยใช้บริการของ DHL เนื่องจากบริษัทที่ดิฉันทำงานอยู่มีส่วนลดให้พนักงานในการส่งของกลับไทยซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน
2. หลายปีที่ผ่านมา เมื่อดิฉันส่งของผ่าน DHL ไม่เคยมีปัญหาแต่ประการใด จนกระทั่งช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ส่งผ่าน DHL จะมีปัญหาตลอดเลยคือ DHL จะต้องมีใบมาแจ้งว่า ต้องจ่ายเงินเพิ่มเท่านั้นเท่านี้ ดิฉันเคยถามเจ้าหน้าที่ DHL เค้าบอกว่ามันเป็นการสุ่มจากกรมศุลกากร แล้วแต่ดวง…… ???
ดิฉันอยากทราบว่า การสุ่มตรวจนี้ พอจะมีเกณฑ์อะไรไหมคะ
3. ล่าสุดสองเดือนก่อน เพื่อนสนิทคนนึงมีปัญหาหนักมาก เนื่องด้วยลูกคลอดก่อนกำหนด กระเพาะอาหารทำงานไม่ปกติ ย่อยอาหารได้ไม่ดี ต้องทานอาหารโดยผ่านไซริงค์ (Syringe) และตัวแม่เองก็แทบไม่มีน้ำนม คือลูกแทบจะเข้าโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ เพื่อนก็เลยฝากซื้ออาหารเสริมเด็กและวิตามินช่วยเสริมน้ำนม ให้ส่งไปให้ที่ไทย ปรากฏว่าเพื่อนได้รับใบจาก DHL บอกว่าของติดด่านที่ศุลกากร ต้องทำเรื่องส่งฉลากไปให้ อ.ย. พร้อมนำบัตรประชาชนไปแสดงตัว DHL แจ้งว่าสินค้าเข้าไม่ได้เพราะเข้าข่ายเป็นยา คือของทั้งหมดราคาไม่ถึง 1000 บาทด้วยซ้ำและมีขายทั่วไปใน supermarket ที่อเมริกา ท้ายสุดแล้วเพื่อนบอกว่า จัดการได้แล้วโดยจ้าง DHL เคลียร์ให้ จ่ายไปเพิ่มอีกประมาณ 3,000 บาท DHL บอกว่าเคสแบบนี้มีเยอะ เค้าเรียกว่า shipping ผี ดิฉันอยากทราบว่ามันคืออะไรคะ และเงิน 3,000 บาท ตกเป็นของใครคะ
4. อีกเคสคือปลายปีที่แล้ว เพื่อนฝากซื้อเสื้อผ้า รองเท้าเด็ก ดิฉันส่งไปให้โดย DHL ซึ่งเพื่อนต้องจ่ายเพิ่มไปอีกประมาณ 800 กว่าบาทค่ะ ในขณะที่เพื่อนคนเดียวกันนี้ให้ดิฉันส่งวิตามิน ซี่งดิฉันส่งผ่าน USPS เพราะ DHL ไม่รับส่งเพราะวิตามินหลายขวดมาก ผ่านไป 12 วันเพื่อนได้รับของจาก USPS เรียบร้อยไม่มีปัญหาและไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะ กรณีนี้เป็นปัญหาของ DHL หรือกรมศุลกากรคะ
5. ล่าสุดเพื่อนสนิทอีกสองคนคลอดลูก และเพื่อนคนที่ลูกแพ้กลูเตนต้องการอาหารเสริมเพิ่ม ดิฉันเลยหาวิธีใหม่โดยไม่ได้สั่งซื้อจาก website โดยตรงจากที่อเมริกา แต่หาร้าน ใน IG หรือ facebook ที่รับนำเข้าของ ซึ่งร้านเสื้อผ้าเด็กมีอยู่หลายร้านมากที่เค้ารับนำเข้าและเคลียร์ค่าภาษีให้ แต่ร้านขายอาหารเสริมแบบกลูเตนฟรี กับวิตามินเพิ่มน้ำนมหายากอยู่ค่ะ แต่ในที่สุดก็หาให้เพื่อนได้ ตอนแรกก็ไม่กล้าซื้อเพราะก็เห็นคนติดตามยังไม่เยอะมาก แต่ก็เอาวะ ถามเพื่อนว่าลองมั้ย เพื่อนบอกว่าอะไรก็ลองเพื่อลูก ก็เลยได้ลองและก็รู้สึกดีใจแทนเพื่อนที่หาของให้ลูกและน้ำนมได้ แต่สงสัยคะว่า ร้านพวกนี้ไม่มีปัญหาเรื่องภาษีหรือคะ เพราะคำนวณแล้ว ถ้าโดนภาษีแบบเพื่อนดิฉัน แทบจะขาดทุนเลยทีเดียว (สำหรับใครที่สนใจพิกัด สอบถามได้ทางหลังไมล์นะคะ ร้านมีของเกี่ยวกับแม่และเด็กหลายอย่างดีค่ะ)
ขอบคุณทีรับฟังค่ะ ถ้าใครมีข้อคิดเห็นยังไง รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
** เจ็บนี้อีกนานกับ DHL และค่าภาษี ** ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งของกลับเมืองไทยค่ะ
1. เนื่องจากดิฉันอยู่อเมริกา จึงมีเพื่อนๆหลายคนมักจะฝากซื้อเสื้อผ้าเด็ก, อุปกรณ์เกี่ยวกับแม่และเด็กทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ขนมพวกกลูเตนฟรี (gluten free) และอาหารเสริมเด็ก เนื่องจากลูกเพื่อนแพ้กลูเตนและผักผลไม้ที่มีหัวอยู่ใต้ดิน เช่น แครอท มันฝรั่ง เพราะหาที่ไทยได้ค่อนข้างลำบากและแพง แต่ด้วยการทำงานของดิฉัน ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้บ่อย ปกติจะกลับประมาณสองปีครั้ง หรืออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อนๆหลายๆคนรอให้ดิฉันขนของกลับให้ไม่ไหว เลยรบกวนให้ส่งไปรษณีย์ไปแทน นอกจากจะซื้อฝากเพื่อนแล้ว บางครั้งดิฉันก็ซื้อของจากที่นี่ส่งกลับเมืองไทยบ้าง บางครั้งส่งเป็นของขวัญให้ครอบครัว หรือให้เพื่อนๆ โดยใช้บริการของ DHL เนื่องจากบริษัทที่ดิฉันทำงานอยู่มีส่วนลดให้พนักงานในการส่งของกลับไทยซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน
2. หลายปีที่ผ่านมา เมื่อดิฉันส่งของผ่าน DHL ไม่เคยมีปัญหาแต่ประการใด จนกระทั่งช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ส่งผ่าน DHL จะมีปัญหาตลอดเลยคือ DHL จะต้องมีใบมาแจ้งว่า ต้องจ่ายเงินเพิ่มเท่านั้นเท่านี้ ดิฉันเคยถามเจ้าหน้าที่ DHL เค้าบอกว่ามันเป็นการสุ่มจากกรมศุลกากร แล้วแต่ดวง…… ??? ดิฉันอยากทราบว่า การสุ่มตรวจนี้ พอจะมีเกณฑ์อะไรไหมคะ
3. ล่าสุดสองเดือนก่อน เพื่อนสนิทคนนึงมีปัญหาหนักมาก เนื่องด้วยลูกคลอดก่อนกำหนด กระเพาะอาหารทำงานไม่ปกติ ย่อยอาหารได้ไม่ดี ต้องทานอาหารโดยผ่านไซริงค์ (Syringe) และตัวแม่เองก็แทบไม่มีน้ำนม คือลูกแทบจะเข้าโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ เพื่อนก็เลยฝากซื้ออาหารเสริมเด็กและวิตามินช่วยเสริมน้ำนม ให้ส่งไปให้ที่ไทย ปรากฏว่าเพื่อนได้รับใบจาก DHL บอกว่าของติดด่านที่ศุลกากร ต้องทำเรื่องส่งฉลากไปให้ อ.ย. พร้อมนำบัตรประชาชนไปแสดงตัว DHL แจ้งว่าสินค้าเข้าไม่ได้เพราะเข้าข่ายเป็นยา คือของทั้งหมดราคาไม่ถึง 1000 บาทด้วยซ้ำและมีขายทั่วไปใน supermarket ที่อเมริกา ท้ายสุดแล้วเพื่อนบอกว่า จัดการได้แล้วโดยจ้าง DHL เคลียร์ให้ จ่ายไปเพิ่มอีกประมาณ 3,000 บาท DHL บอกว่าเคสแบบนี้มีเยอะ เค้าเรียกว่า shipping ผี ดิฉันอยากทราบว่ามันคืออะไรคะ และเงิน 3,000 บาท ตกเป็นของใครคะ
4. อีกเคสคือปลายปีที่แล้ว เพื่อนฝากซื้อเสื้อผ้า รองเท้าเด็ก ดิฉันส่งไปให้โดย DHL ซึ่งเพื่อนต้องจ่ายเพิ่มไปอีกประมาณ 800 กว่าบาทค่ะ ในขณะที่เพื่อนคนเดียวกันนี้ให้ดิฉันส่งวิตามิน ซี่งดิฉันส่งผ่าน USPS เพราะ DHL ไม่รับส่งเพราะวิตามินหลายขวดมาก ผ่านไป 12 วันเพื่อนได้รับของจาก USPS เรียบร้อยไม่มีปัญหาและไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะ กรณีนี้เป็นปัญหาของ DHL หรือกรมศุลกากรคะ
5. ล่าสุดเพื่อนสนิทอีกสองคนคลอดลูก และเพื่อนคนที่ลูกแพ้กลูเตนต้องการอาหารเสริมเพิ่ม ดิฉันเลยหาวิธีใหม่โดยไม่ได้สั่งซื้อจาก website โดยตรงจากที่อเมริกา แต่หาร้าน ใน IG หรือ facebook ที่รับนำเข้าของ ซึ่งร้านเสื้อผ้าเด็กมีอยู่หลายร้านมากที่เค้ารับนำเข้าและเคลียร์ค่าภาษีให้ แต่ร้านขายอาหารเสริมแบบกลูเตนฟรี กับวิตามินเพิ่มน้ำนมหายากอยู่ค่ะ แต่ในที่สุดก็หาให้เพื่อนได้ ตอนแรกก็ไม่กล้าซื้อเพราะก็เห็นคนติดตามยังไม่เยอะมาก แต่ก็เอาวะ ถามเพื่อนว่าลองมั้ย เพื่อนบอกว่าอะไรก็ลองเพื่อลูก ก็เลยได้ลองและก็รู้สึกดีใจแทนเพื่อนที่หาของให้ลูกและน้ำนมได้ แต่สงสัยคะว่า ร้านพวกนี้ไม่มีปัญหาเรื่องภาษีหรือคะ เพราะคำนวณแล้ว ถ้าโดนภาษีแบบเพื่อนดิฉัน แทบจะขาดทุนเลยทีเดียว (สำหรับใครที่สนใจพิกัด สอบถามได้ทางหลังไมล์นะคะ ร้านมีของเกี่ยวกับแม่และเด็กหลายอย่างดีค่ะ)
ขอบคุณทีรับฟังค่ะ ถ้าใครมีข้อคิดเห็นยังไง รบกวนแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ