October in Africa .. 12 วันลุยเดี่ยวแอฟริกาใต้ - แซมเบีย - ซิมบับเว I

ทริปนี้เกิดจากความตั้งใจที่ไม่ตั้งใจ อันที่จริงทวีปแอฟริกามันก็เป็นอะไรที่ดูไกลตัวเกินกว่าที่เราๆ จะนึกอยากไป
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามท้ายที่สุดผมก็บินเดี่ยวกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ไปจนได้ เที่ยวบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์ในการไปแอฟริกาใต้ก็ถือว่าสะดวกมากนะครับ เพราะเราบินจากเมืองไทยตอนประมาณ 3 ทุ่ม ก็จะไปถึงที่แอฟริกาใต้ตอนประมาณ 6 โมงเช้านิดๆ พอดี สามารถเที่ยวต่อได้เลย
รวมเวลาก็ 10นิดๆ ชั่วโมงหละครับ


หลังจากเดินทางถึงสนามบิน OR Tambo เป็นที่เรียบร้อย ก็จัดการแลกเงินและไปรับรถที่เช่าไว้ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะขับรถในต่างประเทศ
ยอมรับว่าวิตก และเครียดมากพอสมควร ณ จุดรับรถ ปัญหาแรกในชีวิตก็กำเนิด เพราะผมทำใบขับขี่สากลไป ก็เข้าใจว่าเราเพียงแต่ใช้ใบนี้ในการขับรถในต่างประเทศ แต่ที่จริงแล้วทางบริษัทรถเช่าได้ขอเรียกดูใบขับขี่ไทยตัวจริงด้วย ซึ่งผมไม่ได้เอาไปฮะ! แต่ด้วยว่าปรกติเป็นคนที่ถ่ายรูปเอกสารสำคัญเก็บไว้ในมือถือทั้งหมด เลยรอดไปได้ ไม่อย่างนั้น ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น
เหตุผลหลักที่ผมจำเป็นต้องเช่ารถ เนื่องจากว่าทริปที่วางไว้นั้น คือการเดินทางออกจากเมืองโจเบิร์ก ไปยัง ซันซิตี้ ซึ่งเท่าที่ได้หาข้อมูลและรีวิวต่างๆ มา การเดินทางไปซันซิตี้ถือว่าดูยุ่งยากวุ่นวาย การซื้อทัวร์แบบวันเดย์ก็ไม่ตอบโจทย์แถมราคาค่อนข้างจะแพง ถึงแพงมาก ผมจึงเลือกที่จะขับรถด้วยตัวเอง
วินาทีที่จะขับรถออกจากสนามบินนี่คือยอมรับว่า โครตตื่นเต้น อารมณ์อย่างกับไปสอบใบขับขี่อย่างไงอย่างงั้น

แต่เอาเข้าจริงๆ การขับรถในแอฟริกาใต้กับไม่ยากอย่างที่กังวลครับ
เพราะถนนที่นั่นค่อนข้างจะดีถึงดีมากเลยทีเดียว และการจราจรนั้นไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด อีกทั้งเส้นทางที่ผมเดินทางไปไม่ได้ซับซ้อนมาก
แค่ว่าต้องตั้งค่าเจ้าตัว GPS ให้ดีๆ ก็เท่านั้น อีกทั้งพวงมาลัยเองก็อยู่ขวาเหมือนบ้านเรา แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ ตัวสัญญาณไฟเลี้ยวกับที่ปัดน้ำฝนครับ
มันสลับข้างกันอยู่กับบ้านเรา ดังนั้นเวลาจะเลี้ยวทีไร กลายเป็นไปเปิดที่ปัดน้ำฝนทุ๊กกที

การเดินทางจากโจเบิร์กไปยังซันซิตี้ก็ประมาณ 200 กิโลเมตรครับ ขับรถแบบชิวๆ ก็ 2 ชั่วโมงกว่าๆ
ตามประสาคนไม่ชินทาง ระหว่างทางก็แวะหาไรกินกันไป ก็มาจบที่นี่แหละครับ เคเอฟซีเพื่อนรัก ง่ายสุด
อ่อ เคเอฟซีที่นี่ไม่ต้องถามหาช้อน หาซ่อมนะครับ ต้องจัดกันมือเปล่านี้แหละครับ ที่สำคัญยังมีเมนูเครื่องเคียงแปลกๆ ที่เค้าเรียกกันว่า "ปั๊บ"
ซึ่งมันคือแป้งนี่แหละครับ ที่เหมือนเอามาเคี่ยวจนแห้งเหนียวเป็นก้อนครับ

เอาละครับในที่สุดเราก็มาถึงที่พัก .. ซึ่งผมพักที่ Bakungbung Bush Lodge คืออยากบอกว่าตอนจองเนี่ยต้องตัดใจจองอย่างมาก
เพราะราคาที่พักสูงมาก ประมาณคืนละ 8 พันกว่าบาท ซึ่งถือเป็นโรงแรมที่แพงที่สุดในทริปนี้ของผมแล้ว
แต่พอมาถึงคือพูดเลยว่ามันโอเคมากๆ และที่สำคัญมันคุ้มมาก เพราะนอกจากจะมีในส่วนของอาหารเช้าบริการแล้ว
ยังรวมค่ามื้อเย็นแบบบุฟเฟต์อีกหนึ่งมื้อให้ด้วย และยังรวมค่าทัวร์ Big 5 Encounter หรือทัวร์ตามล่า Big 5 ให้อีก 1 ทริป
ซึ่งตรงนี้ผมเจ็บใจมาก เพราะตอนจองผ่าน Agoda ทางเว็บไม่ได้มีการแจ้งไว้ ผมจึงไปจองทัวร์ Big 5 เองไว้ต่างหากด้วย เท่ากับเสียเงินฟรีๆ ไปเลยเกือบ 2 พันบาท

หลังจากเก็บข้าวเก็บของเรียบร้อย ผมก็ขับรถออกจากโรงแรม ย้อนกลับไปที่ Sun City (โรงแรมนี้อยู่ห่างกับ Sun City ประมาณ 5 กิโลครับ)
เพื่อที่จะไปตามล่าเจ้า Big 5 โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2 พันบาทครับ
สำหรับคนที่ขับรถไป ทาง Sun City เค้าจะคิดค่าบริการจอดรถ 75แรนด์ ครับ จอดได้ทั้งวัน

หลังจากที่ผ่านประตูตรงนี้เข้าไป เราก็จะต้องนั่งรถบริการ หรือ โมโนเรลอีก 1 ทอด เพื่อที่จะเข้าไปตรงจุด Visitor Center ครับ
ซึ่งตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ละครับ

ที่จุด Visitor Center จะมีกิจกรรมเยอะแยะเลยครับ แต่ไว้ค่อยมาเล่า วันนี้เรามีนัดไปขึ้นรถในการไปตามล่า Big 5 กันก่อน
โดยเราก็จะไปขึ้นรถกันตรงจุดจอดรถ Visitor Center ตามรูปครับ

รอบที่ผมจองเนี่ย เป็นรอบ 4 โมงเย็นครับ โดยการเข้าไปส่องสัตว์ในอุทยาน Pilanesberg เนี่ยจะกินเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ
โดยรถก็จะขับเข้าไปในตัวอุทยาน ขับไปเรื่อยๆ โดยคนขับแกก็เก่งดีนะครับ ยังกะนัดกะสัตว์ไว้ แกมองเห็นได้ไงก็ไม่รู้
บางตัวต้นไม้คลุมแทบจะมิด แกก็ยังมองเห็นบอกให้เราดู

ส่วนที่ผมไปเจอก็จะมี กวาง ม้าลาย แรด ช้าง ฮิปโป อะไรประมาณนี้ครับ ถามว่าสนุกมั๊ย เอาจริงๆ นะ มันก็เพลินๆ
เน้นดูวิวมากกว่า สัตว์เนี่ยมันก็ไม่ได้เจอแบบตลอด ขับไปแบบ 15-20 นาที ถึงจะเจอซักตัวไรงี้ครับ
แต่วิวช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดินนี่ใช้ได้เลย ส่วนอากาศช่วงที่ผมไป เป็นปลายฤดูหนาวพอดี ดังนั้นก็ค่อนข้างจะหนาวทีเดียวครับ

หลังจากที่จบทริป เค้าก็จะมาส่งเราที่เดิมครับ ผมสะดวกหน่อย เนื่องจากมีรถ ก็ขับรถกลับไปโรงแรมได้เลย
สำหรับคนที่ไม่มีรถ แนะนำว่าควรจะพักเฉพาะในบริเวณ Sun City เท่านั้นนะครับ เพราะไปพักที่อื่นท่าทางจะลำบากมาก
อย่างที่ผมพักนี่คือ ขึ้นเขา เข้าไปอยู่ในเขตอุทยานเลย ไม่สะดวกอย่างแน่นอน
และอย่างที่เล่าครับ ที่โรงแรมที่พักเนี่ยเค้ารวมอาหารเย็นให้ด้วย ซึ่งไม่ไก่กาเลยฮะ จัดเต็มกันแบบแอฟริกามากๆ
จบวันแรกแต่เพียงเท่านี้ เอาว่าทั้งอิ่ม ทั้งมึน

เช้าวันที่ 2 ที่พิลานิสเบิร์ก
เนื่องจากอย่างที่ผมบอกครับโรงแรมที่ผมพักเนี่ยมันอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเลย วิวเลยแอบดีนิดนึง
เช้าบางเช้าก็จะมียีราฟบ้าง ช้างบ้าง ออกมาหากินบริเวณนี้ครับ

ส่วนผมแม้ว่าเช้านี้จะไม่เจอยีราฟ หรือเจอช้าง แต่ก็มีเจ้านกน้อยสีสวยนี่มาร่วมโต๊ะครับ

หลังจากเช็คเอาท์เป็นที่เรียบร้อย ผมก็ขับรถกลับไปที่ Sun City อีกครั้ง เพื่อที่จะไปทัวร์ภายใน Sun City หละครับรอบนี้
จริงๆ ใน Sun City หลักๆ ก็จะมีโรงแรมหรู 5 โรงแรม และมีส่วนของ Visitor Center ที่จะมีสวนน้ำขนาดใหญ่
และก็มีสะพาน Bridge of Time เป็นไฮไลท์ ซึ่งที่สะพานเนี่ย ทุก 1 ชม. ก็จะมีการแสดงแสงเสียงประกอบด้วย
ส่วนตัวสวนน้ำ ผมไม่ได้ลงไปครับ แต่จริงๆ ค่าเข้าสวนน้ำไม่ได้แพงครับ ประมาณ 200 กว่าบาทเองครับ

จริงๆ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกนะครับในบริเวณนี้ อารมณ์มันเหมือนมาห้าง ที่มีโรงหนัง มีเขาวงกต อะไรงี้ให้เล่น แต่ว่าผมก็ไม่ได้เล่นนะครับ
คือมันก็ไม่ได้ดึงดูดความอยากเท่าไหร่ อีกอย่างด้วยเวลาด้วยครับ เลยออกจาก Visitor Center ไปยังโรงแรมที่น่าจะหรูหราที่สุดของ Sun City แหละครับ
The Palace ค่าที่พักที่นี่ก็สุดจะย่อมเยาว์ คืนละ 9 พันอัพเองฮะ .... ส่วน Service จะมีอะไรบ้าง สู้ที่ผมพักได้ป่าว อันนี้ไม่รู้จริงๆ

แต่ต้องยอมรับครับว่า โรงแรมที่นี่คือแบบสวยมากกกก และใหญ่มากจริงๆ  คือเดินเข้าไปนี่กลัวเค้าหาว่าจะไปโขมยของเค้าไปเลย

หนึ่งภารกิจสำคัญในการมา Sun City ครับ คือการมาตามหาเจ้าช้างตัวนี้ ตอนแรกหาไม่เจอครับไม่รู้มันอยู่ตรงไหน
กำลังจะกลับออกจากโรงแรมแล้ว ถ้าใครไป ก็เดินเข้าไปในตัวโรงแรมแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปครับ
ก็จะเจอพี่เค้ายื่นเด่นเป็นสง่าอยู่ครับ

หมดเวลาที่ Sun City แต่เพียงเท่านี้ครับ ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับเข้าเมืองกัน
ซึ่งก่อนกลับผมก็แวะหาไรทานที่ Visitor Center นี่แหละครับ ที่นี่มีร้านไทยด้วยน่ะครับ
เลยจัดซะหน่อย ซึ่งเท่าที่คุยกับพนักงานเค้าแจ้งว่ามีคนไทยทำงานที่นี่ด้วย แต่ตอนผมไปไม่เจอครับ

ส่วนการขับรถกลับก็ไม่ยากเย็นไรครับ เริ่มคุ้นเคย เส้นทางก็ใช้เส้นทางเดิมกับขามาครับ
เสน่ห์ตามสี่แยกในเขตนอกเมืองนี่คล้ายๆ บ้านเรานะครับ พี่ๆ เค้าก็จะมายืนขายของกันตามสี่แยกครับ
เรียกว่ามีหมดทุกประเภท ของกิน ของใช้ สารพัดกันเลยทีเดียว

ทิ้งท้าย Sun City กันด้วยรูปนี้ครับ โดยเป้าหมายของผมต่อไปคือ Pretoria เมืองหลวงแห่งแอฟริกาใต้ครับ

PRETORIA  จะพยายามต่อให้ไวที่สุดใน Comment ด้านล่างนะครับ .. อดใจรอนิดนึงง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่