สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
คนยุคนี้มักคิดว่าคนสมัยก่อนว่างทำอะไร ไม่น่าเบื่อตายเหรอ อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี ทีวีก็มีไม่กี่ช่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วคนสมัยก่อน ไม่ได้มีเวลาว่างมากเหมือนคนสมัยนี้ ที่จะทำกิจกรรมเพื่อความบันเทิงหรือเรื่องไร้สาระได้มากมายเท่าในปัจจุบัน เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดำเนินชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ แบบที่ในปัจจุบันคงมองว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ และไม่ได้สิ้นเปลืองเวลาอะไร
1. การเดินทางลำบาก ถนนหนทางมีน้อยและไม่ดี ระบบขนส่งมวลชนมีน้อยไม่ครอบคลุม ไม่ได้มีรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือวินเตอร์เตอร์ไซค์ทั่วทุกหัวระแหงแบบนี้ แท็กซี่ไม่ได้มีวิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้ ฉะนั้น หากต้องมีธุระปะปังที่ไหนไกล ๆ อาจจะต้องตื่นตั้งแต่ตีสีตีห้าไปโหนรถเมล์ หรืออาจหมดเวลาเป็นวัน สมัยก่อนเคยมีที่ที่รังสิตลำลูกกา เรียกว่าต้องเช่ารถตู้ไปดูเลยทีเดียว และหมดเวลาไปเลย 1 วันเต็ม ๆ การเดินทางทั่วไปในกรุงเทพก็อาศัยรถเมล์เป็นหลัก รถสองแถวบ้าง เดินเท้าบ้าง รถเมล์ก็น้อย คนก็แน่น เป็นเรื่องปกติ อย่างบ้านผมอยู่กรุงเทพส่วนใต้ เดินทางไปบางเขนสมัยนั้นอย่างกับไปรังสิตคลอง 6 แบบปัจจุบัน ไป ตจว. ก็นั่งรถไฟครับ ขึ้นเหนือลงใต้ ไม่ได้มีเที่ยวบินแบบปัจจุบัน ถนนก็เป็นเลนสวน ไม่ใช่มอเตอร์เวย์สามเลนแปดเลนแบบนี้
2. อาหารการกินสมัยก่อนมักนิยมทำอาหารกินเองกันที่บ้าน เพราะมันไม่ได้มีร้านสะดวกซื้อมากมาย 7-11, Big C Extra หรือ Lotus Express ไม่มี ไม่ได้มีซุปเปอร์มาเก็ต ไม่ได้มีห้างแทบทุกหัวมุมถนน มีแต่ตลาดสด ตลาดนัด ตอนเช้าก็จ่ายตลาด หรือซื้ออาหารสำเร็จรูป แวะร้านโจ๊ก ร้านข้าวต้ม ร้านรถเข็น ตอนเย็นก็แวะตลาดก่อนเข้าบ้าน อาหารแช่แข็ง แช่เย็นไม่ต้องพูดถึง และไม่มีไมโครเวฟ
3. การทำธุรกรรมต่าง ๆ หลายอย่างที่คนปัจจุบันมองว่าธรรมดา เช่น ธุรกรรมกับธนาคาร ก็ต้องลางานไปเลย ไม่ได้ทำได้ผ่านอินเตอร์เน็ตเหมือนตอนนี้ ไม่มีธนาคารในห้าง ไม่มี ATM ระบบธนาคารก็ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หมดแบบในปัจจุบัน เสียเวลาหลายชั่วโมง สาขาก็มีน้อย หรือการติดต่อกับสถานที่ราชการ ทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ฯ ของพวกนี้เสียเวลามากมาย หมดเป็นวัน ต้องลางานไปทำ
4. ในบ้าน เครื่องทุ่นแรงอย่างเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ฯ อะไรพวกนี้ไม่มี ซักผ้าก็ซักมือ อุ่นอาหารก็ก่อเตาถ่าน
5. สำหรับเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา สมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เน็ต แหล่งความรู้ไม่ได้หาง่ายสะดวกดายแบบตอนนี้ ทำการบ้านทำรายงาน ต้องไปห้องสมุดตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรือไม่ก็หอสมุดแห่งชาติเทเวศน์ ไปแล้วก็ไม่ได้มีคอมพิวเตอร์สามารถค้นหนังสือได้ง่ายดายแบบปัจจุบัน ต้องไปเปิดตู้ดัชนี หาเลขหนังสือ ได้หนังสือแล้วก็นั่งอ่าน อ่านเสร็จแล้วก็เรียบเรียงเขียนออกมาใส่สมุดเอากลับบ้าน ไม่ใช่ถ่ายเอกสารได้แบบปัจจุบัน รายงานหรือการบ้านบางอย่างต้องไปห้องสมุดตามหน่วยงานกรมกองต่าง ๆ เช่น มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือข้อมูลจำเพาะ ก็ต้องไปติดต่อตามหน่วยงานราชการนั้น ๆ ไม่ใช่สืบค้นเอาจากเว็บไซต์ของหน้าหน่วยงานนั้นได้ เช่น อยากได้มาตรฐานสินค้าเกษตร ก็ต้องไป ม.เกษตร หรือไปติดต่อกรมการข้าว ขอรายชื่อพันธุ์ข้าวในประเทศไทย แบบนั้นเลย ถ้าบ้านอยู่ไกล ก็ต้องออกแต่ไก่โห่ โหนรถเมล์ไปบางเขน ซึ่งไกลมาก เด็กสมัยนี้เรียนง่ายสะดวกสบายมากแล้วยังจะบ่นเรียนลำบาก ผมนึกแล้วก็รู้สึกสังเวช
6. ข้าวของ เครื่องใช้ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ ไม่ได้มีขายตามอินเตอร์เน็ต สั่งออนไลน์แล้วส่งถึงบ้าน ไม่ได้มีขายตามร้านทั่วไป ของบางอย่างต้องไปซื้อตามแหล่งเฉพาะ เช่น เครื่องจักร อะไหล่ ต้องไปเวิ้ง อยากได้เสื้อผ้า ต้องไปพาหุรัด อยากได้เกม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็ต้องบ้านหม้อ หรือสะพานเหล็ก คอมพิวเตอร์พันธุ์ทิพย์ แบบนี้เป็นต้น
7. การติดต่อสื่อสาร ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เวลานัดกันต้องใช้โทรศัพท์บ้าน นัดแนะเวลาและสถานที่ให้เรียบร้อย คลาดกันทีหนึ่งเรื่องใหญ่มาก ต้องวางแผนล่วงหน้า
ฉะนั้น ในความเป็นจริง คนสมัยก่อนไม่ได้มีเวลาว่างมากมายแบบคนปัจจุบันดอก เวลาที่จะเอาไปหาความบันเทิงส่วนบุคคลหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คุณคิด แค่ใช้ชีวิตประจำวันก็หมดวันหนึ่งแล้วอย่างรวดเร็ว แต่คนยุคนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติหรือแปลกประหลาดดอก เพราะมันเป็นวิถีชีวิตปกติของเขา
1. การเดินทางลำบาก ถนนหนทางมีน้อยและไม่ดี ระบบขนส่งมวลชนมีน้อยไม่ครอบคลุม ไม่ได้มีรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือวินเตอร์เตอร์ไซค์ทั่วทุกหัวระแหงแบบนี้ แท็กซี่ไม่ได้มีวิ่งเต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้ ฉะนั้น หากต้องมีธุระปะปังที่ไหนไกล ๆ อาจจะต้องตื่นตั้งแต่ตีสีตีห้าไปโหนรถเมล์ หรืออาจหมดเวลาเป็นวัน สมัยก่อนเคยมีที่ที่รังสิตลำลูกกา เรียกว่าต้องเช่ารถตู้ไปดูเลยทีเดียว และหมดเวลาไปเลย 1 วันเต็ม ๆ การเดินทางทั่วไปในกรุงเทพก็อาศัยรถเมล์เป็นหลัก รถสองแถวบ้าง เดินเท้าบ้าง รถเมล์ก็น้อย คนก็แน่น เป็นเรื่องปกติ อย่างบ้านผมอยู่กรุงเทพส่วนใต้ เดินทางไปบางเขนสมัยนั้นอย่างกับไปรังสิตคลอง 6 แบบปัจจุบัน ไป ตจว. ก็นั่งรถไฟครับ ขึ้นเหนือลงใต้ ไม่ได้มีเที่ยวบินแบบปัจจุบัน ถนนก็เป็นเลนสวน ไม่ใช่มอเตอร์เวย์สามเลนแปดเลนแบบนี้
2. อาหารการกินสมัยก่อนมักนิยมทำอาหารกินเองกันที่บ้าน เพราะมันไม่ได้มีร้านสะดวกซื้อมากมาย 7-11, Big C Extra หรือ Lotus Express ไม่มี ไม่ได้มีซุปเปอร์มาเก็ต ไม่ได้มีห้างแทบทุกหัวมุมถนน มีแต่ตลาดสด ตลาดนัด ตอนเช้าก็จ่ายตลาด หรือซื้ออาหารสำเร็จรูป แวะร้านโจ๊ก ร้านข้าวต้ม ร้านรถเข็น ตอนเย็นก็แวะตลาดก่อนเข้าบ้าน อาหารแช่แข็ง แช่เย็นไม่ต้องพูดถึง และไม่มีไมโครเวฟ
3. การทำธุรกรรมต่าง ๆ หลายอย่างที่คนปัจจุบันมองว่าธรรมดา เช่น ธุรกรรมกับธนาคาร ก็ต้องลางานไปเลย ไม่ได้ทำได้ผ่านอินเตอร์เน็ตเหมือนตอนนี้ ไม่มีธนาคารในห้าง ไม่มี ATM ระบบธนาคารก็ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หมดแบบในปัจจุบัน เสียเวลาหลายชั่วโมง สาขาก็มีน้อย หรือการติดต่อกับสถานที่ราชการ ทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ฯ ของพวกนี้เสียเวลามากมาย หมดเป็นวัน ต้องลางานไปทำ
4. ในบ้าน เครื่องทุ่นแรงอย่างเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ฯ อะไรพวกนี้ไม่มี ซักผ้าก็ซักมือ อุ่นอาหารก็ก่อเตาถ่าน
5. สำหรับเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา สมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เน็ต แหล่งความรู้ไม่ได้หาง่ายสะดวกดายแบบตอนนี้ ทำการบ้านทำรายงาน ต้องไปห้องสมุดตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรือไม่ก็หอสมุดแห่งชาติเทเวศน์ ไปแล้วก็ไม่ได้มีคอมพิวเตอร์สามารถค้นหนังสือได้ง่ายดายแบบปัจจุบัน ต้องไปเปิดตู้ดัชนี หาเลขหนังสือ ได้หนังสือแล้วก็นั่งอ่าน อ่านเสร็จแล้วก็เรียบเรียงเขียนออกมาใส่สมุดเอากลับบ้าน ไม่ใช่ถ่ายเอกสารได้แบบปัจจุบัน รายงานหรือการบ้านบางอย่างต้องไปห้องสมุดตามหน่วยงานกรมกองต่าง ๆ เช่น มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือข้อมูลจำเพาะ ก็ต้องไปติดต่อตามหน่วยงานราชการนั้น ๆ ไม่ใช่สืบค้นเอาจากเว็บไซต์ของหน้าหน่วยงานนั้นได้ เช่น อยากได้มาตรฐานสินค้าเกษตร ก็ต้องไป ม.เกษตร หรือไปติดต่อกรมการข้าว ขอรายชื่อพันธุ์ข้าวในประเทศไทย แบบนั้นเลย ถ้าบ้านอยู่ไกล ก็ต้องออกแต่ไก่โห่ โหนรถเมล์ไปบางเขน ซึ่งไกลมาก เด็กสมัยนี้เรียนง่ายสะดวกสบายมากแล้วยังจะบ่นเรียนลำบาก ผมนึกแล้วก็รู้สึกสังเวช
6. ข้าวของ เครื่องใช้ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ ไม่ได้มีขายตามอินเตอร์เน็ต สั่งออนไลน์แล้วส่งถึงบ้าน ไม่ได้มีขายตามร้านทั่วไป ของบางอย่างต้องไปซื้อตามแหล่งเฉพาะ เช่น เครื่องจักร อะไหล่ ต้องไปเวิ้ง อยากได้เสื้อผ้า ต้องไปพาหุรัด อยากได้เกม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็ต้องบ้านหม้อ หรือสะพานเหล็ก คอมพิวเตอร์พันธุ์ทิพย์ แบบนี้เป็นต้น
7. การติดต่อสื่อสาร ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เวลานัดกันต้องใช้โทรศัพท์บ้าน นัดแนะเวลาและสถานที่ให้เรียบร้อย คลาดกันทีหนึ่งเรื่องใหญ่มาก ต้องวางแผนล่วงหน้า
ฉะนั้น ในความเป็นจริง คนสมัยก่อนไม่ได้มีเวลาว่างมากมายแบบคนปัจจุบันดอก เวลาที่จะเอาไปหาความบันเทิงส่วนบุคคลหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คุณคิด แค่ใช้ชีวิตประจำวันก็หมดวันหนึ่งแล้วอย่างรวดเร็ว แต่คนยุคนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติหรือแปลกประหลาดดอก เพราะมันเป็นวิถีชีวิตปกติของเขา
แสดงความคิดเห็น
ทุกคนคิดว่าในยุค ค.ศ.1950-1970 เวลาว่างเขาทำอะไรกัน
ค.ศ.1950-1970(พ.ศ.2493-2513)
ในเวลาว่างพวกเขาทำอะไรกัน เช่น ดูสาว เป่ากบ ดีดลูกแก้ว ดูรถ ฯลฯ มันก็ไม่น่าเหมือนสมัยนี้นะครับ สิ่งเร้ามันไม่เหมือนกันเพราะปัจจุบันก็เล่นแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เกมส์ ฯลฯ ผมอยากรู้ว่าเค้าทำไรกัน ทั้งเด็ก วัยรุ่น หนุ่มกลางคน คนแก่