ทริปสิงคโปร์ครั้งนี้เกิดขึ้นมาแบบ งงๆ จากทริปญี่ปุ่นคราวที่แล้ว [เที่ยวญี่ปุ่น ลิงแช่ออนเซ็น
https://ppantip.com/topic/36139115] Nok Scootz ดีเลย์ไปหลายชั่วโมง เลยได้ Voucher รวมมูลค่า 100 SD ซึ่งต้องใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อตั๋ว Scootz ครั้งต่อไป .. เอิ่ม .. ด้วยความเป็นผู้เสียหายแต่ไม่อยากเสียสิทธิ์ พอใกล้วันหมดอายุ หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปไหน ก็จิ้มไปที่ "สิงคโปร์" ละกัน! เบ็ดเสร็จ ไป-กลับ 2 คน จ่ายเพิ่มไป 6,776 บาท (ก็ไม่แย่นะ) แต่ที่เจ็บใจกว่านั้นคือ หลังจากจองก็มีตั๋วโปรโมชั่นออกมา .. ช้ำเลยครับงานนี้ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป จ่ายตังแล้ว ลางานแล้ว ทริปนี้ต้องเต็มแม็กซ์ครับ
..
..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยังไงฝากติดตามรีวิวแบบเต็มแม็กซ์ได้ที่
http://www.facebook.com/tem.temmax
http://www.tem-temmax.com
..
ผมเคยมาสิงคโปร์แล้วเมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าจะไปซ้ำสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เช่น Universal Singapore, Garden by the bay ก็จะกระไรอยู่ เลยออกแบบทริปนี้ให้ฟินและประหยัดที่สุดดีกว่า ^^ เลยกลายเป็นทริปเดินเล่น ชมเมือง ถ่ายรูป Up Profile หาของกิน โดยเฉพาะ Street Food แบบที่คนสิงคโปร์ยังต้องร้องขอพิกัด! ตามมาครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
..
สำหรับรีวิวนี้จะพยายามเขียนให้เห็นภาพรวม ถ้ามีเวลาจะมาลงดีเทลเพิ่มเติมให้ แต่ถ้าสงสัยหรือต้องการข้อมูลส่วนไหน สอบถามได้ตลอดเลย ยินดีให้ข้อมูลครับ ^^
ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง วันที่ 26 สิงหาคม 2017 เวลา 15:50 น. ถึง Singapore เวลา 19:15 น. ด้วยสายการบิน Scootz
แล้วผมก็มาถึงสนามบิน Changi International Airport Singapore เวลา 2 ทุ่มคนยังเยอะมาก แถวผ่าน ตม. ค่อนข้างยาว เลยใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะผ่านมาได้
สิ่งแรกที่ทำคือเปลี่ยน Sim Card ผมได้พก Travel Sim Asia ของ True Move H สำหรับ 8 วัน (4GB) เล่นเน็ตได้สบาย เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยว และไม่พลาดการติดต่อกับเพื่อนๆ Package 8 วัน 4GB เรียกว่าซื้อเกินวันจริงไปเยอะ
ผมเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปยังที่พัก โดยใช้ MRT ก็เดินตามป้าย "Train to City" ไปครับ
MRT ของที่นี่ก็คือรถไฟนี่แหละ ซึ่งปกติก็จะซื้อบัตร EZ-Link แต่ครั้งนี้ขอเลือกอย่างอื่นครับ
สำหรับใครที่มาเที่ยวสิงคโปร์หลายวัน แนะนำซื้อเป็น Singapore Tourist Pass มีให้เลือกเป็น 1 Day = 20 SGD/ 2 Day = 26 SGD/ 3 Day = 30 SGD โดยจะมีค่ามัดจำบัตร 10 SGD ที่จะได้รับคืนตอนคืนบัตร .. ผมเลือกเป็น 3 Day จ่ายไป 40 SGD แต่มารู้ทีหลังว่า เค้านับเป็นวัน! ใช่ครับ แม้วันนี้ผมจะใช้ตอน 2 ทุ่ม ก็นับเป็นหนึ่งวันทันที ไม่ได้นับรอบ 24 ชั่วโมงครับ
.
2 คืนแรก ผมพักที่ 5 Footway.inn Project Boat Quey โดยนั่ง MRT มาลง Quark Quey แล้วเดินไปยัง Boat Quey โดยเดินเลียบแม่น้ำสิงคโปร์มาเรื่อยๆ แล้วใช้ Google Map นำทางไป
วันนี้ถือว่าอากาศดีมาก ระหว่างทางก็ชมบรรยากาศริมแม่น้ำ ร้านอาหารต่างๆ กับการจัดตกแต่งไฟตามสะพาน คนเยอะไม่เปลี่ยวเลยครับ
เดินไม่ไกลก็ถึงที่พักแล้วครับ ที่ 5 Footway.inn Project Boat Quey อยู่ในอาคารเก่าริมแม่น้ำสิงคโปร์ ซ่อนตัวอยู่ระหว่างร้านอาหาร บอกเลยว่าย่านนี้คึกคักสุดๆ ยามค่ำคืน ปลอดภัย กลางเมือง และเดินทางสะดวกมากๆ
ห้องพักคืนนี้สามารถนอนได้ 3 คน จะเป็นเตียงล่าง 1 เตียงเล็ก และชั้น 2 จะเป็นเตียงใหญ่ สำหรับ 2 คน เฟอร์นิเจอร์ใช้แบบง่ายๆ สไตล์ Hostel พวกเตียงหมอนสะอาดใช้ได้ครับ
ใน Hostel จะมีส่วนที่เรียกว่า Gallery ซึ่งใช้เป็นห้องรับประทานอาหารส่วนกลางแบบ Common Room แบบฉบับ Hostel แต่ที่นี่ถือเป็น Common Room ที่ผมประทับใจที่สุด
ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือวิวหลักล้าน ไม่ต้องแปลกใจถ้าช่วงเย็นๆ จะมีนักท่องเที่ยวมารวมกลุ่มกัน ทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มริมระเบียงแบบนี้
บอกเลยว่าชิวมากๆ เพราะสามารถเห็น Marina bay sand วิวนี้เลย บอกตรงๆเทบจะไม่อยากไปไหน
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ร้านก็ปิดเกือบหมดแล้ว เลยหาของกินง่ายๆแถวๆนั้นละกันครับ
เช้าวันแรกที่ Singapore ตื่นมาด้วยใจหายแว๊บ เพราะฝนตกหนักมากกกก มองไปทางไหนก็เป็นฝ้าขาวบางๆ ในใจคิดว่าวันนี้คงพังหมดละ 555
เลยไปที่ Gallery หาอาหารเช้ารองท้องเบาๆ เพราะวันนี้ยังมีรายการอาหารต้องกินอีกเพียบ! แต่ที่ประทับใจคือ ท่ามกลางสายฝน ก็มีเหล่านักวิ่งที่ยังคงวิ่งออกกำลังกายอยู่ นับถือใจพี่จริงๆ
..
..
ก่อนออกลุย! กับร้านแรก!
เริ่มจากนั่งรถออกมาไกลหน่อยที่ PEK KIO FOOD CENTER
WAH KEE BIG PRAWN NOODLES
เป็นร้านแรกที่ได้ทานสำเร็จ และประทับใจมากก กุ้งใหญ่ มี 3 ราคา 15 SGD/20 SGD/25 SGD ราคาก็ตามขนาดกุ้ง แต่วันนี้มาไม่ทัน กุ้งใหญ่หมด เลยได้มาแค่กุ้งปกติ ชุดละ 10 SGD ร้านนี้ที่จริงมีหลายสาขา แต่ผมขอเลือกเป็นสาขาแรกเนอะ
สั่งมา 2 ชุด ต่างกันที่บะหมี่เป็นแบบแห้งและแบบน้ำ น้ำซุปหอม หวาน อร่อย รสชาติไม่จัดเกินไปแต่มันละมุนชุ่มคอ มีความกลมกล่อมแบบทะเล๊ทะเล ดีงามมากๆ ถือเป็นเมนูที่ทำให้อยากกลับไปสิงคโปร์อีกสักรอบ ..
.
.
อิ่มท้องแล้วเดินเล่นที่ Little India
อีกจุด Check in ถ่ายรูป ที่ House of Tan Teng Niah ซึ่งเป็น Chineese Villa หลังสุดท้ายที่เหลือยู่ที่ Little India กับบ้านสีสันสดใสสุดๆ
บริเวณผนังของอาคารมักจะมีรูปวาดที่แสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน Little India
แล้วไปต่อที่ Arab Street
ระหว่างทาง ดันเจอกับร้าน ZAM ZAM RESTAURANT น่าทานมาก เพราะคนเข้าคิวกันแน่น โต๊ะล้นออกมาหน้าร้านเลยทีเดียว ว่าแล้วต้องไปต่อแถวดูบ้าง
Matabak Beef - 7 SGD
เป็นมะตะบะที่ค่อนข้างต่างจากที่เคยกินที่ไทย จะเป็นเนื้อสับกับเครื่องต่างๆ คลุกแทรกตัวอยู่กับเนื้อแป้งเลย ลักษณะจะแห้งๆหน่อย แต่รสชาติหอมเครื่องเทศ อร่อยกำลังดี ที่สำคัญชิ้นใหญ่มาก ประมาณ 3 เท่า ของที่เคยกินในไทย และทุกคำจะเจอเนื้อแทรกอยู่ ฟินได้สม่ำเสมอ
Beef Briyani - 6.5 SGD
เป็นข้าวหมกเนื้อ เนื้อชิ้นเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณข้าว แต่รสชาติของเนื้อมีความเข้มข้น นุ่ม หอมเครื่องเทศ ข้าวจะเป็นข้าวบัสมาติ ซึ่งเป็นข้าวที่นิยมมากในประเทศอินเดีย ลักษณะจะเป็น เส้นยาวๆ ร่วนไม่ติดกัน เหมาะมากกับการกินคู่กับน้ำแกง ที่ชุ่มฉ่ำอยู่ด้านล่าง
.
.
เดินเล่นไปมา จบที่ Haji Lane ถนนสาย Art เหมาะกับคนฮิปๆ และชอบถ่ายรูป ตลอดเส้นทางจะมีดีเทลฮิปๆ ทั้ง Street Art และร้านค้าน่าสนใจเต็มไปหมด เปิดตั้งแต่สายๆ บอกเลยว่ามุมถ่ายรูปเพียบ! แต่วันนี้มาเย็นๆ ร้านก็ปิดไปเยอะแล้วและเปลี่ยนเป็นร้านนั่งชิวๆแทน
สำหรับใครที่อยากหามุมอัพโปรไฟล์ Haji Lane เป็นอีกจุดที่ห้ามพลาด Background เท่ๆๆเพียบ
เที่ยวเหนื่อยแล้ว ก็กลับมาพักเอาแรงที่ Hostel สักแปป แล้วเดินเล่นริมอ่าวสิงคโปร์กันครับ
จากที่พัก สามารถเดินเลียบแม่น้ำไปยังอ่าวสิงคโปร์ได้เลย ระยะทางไกล แต่อยู่ในระยะที่เดินไหว เพราะเราเน้นเดินชิวๆ เดินไป ถ่ายรูปไป ชมวิวแม่น้ำ ตึกสวยๆ บรรยากาศดีมากๆเลย ว่าแล้วก็แวะถ่ายรูปตามสะพานต่างๆ
สะพานนี้กำลังซ่อมแซม ก็เลยมีการปิดถนน เย้ ถนนนี้เป็นของเรา จะนั่งจะนอนมุมไหนก็ได้
จนได้เจอกับ Merlion ครับ กำลังพ่นน้ำอย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังจากเดินมาไกล
จากจุดนี้สามารถชมการแสดงจาก Water and Sound ได้ สารภาพว่าวันนี้แต่เรามาเลทเกินไป คืนนี้เลยพลาดการแสดง ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ได้ ยังอยู่อีกหลายวัน
รอบอ่าวยังมีศูนย์อาหารที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีอาหารหลากหลายให้เลือก ในบรรยากาศ Outdoor แบบนี้
Helix Bridge สะพานเกลียว ฮีลิกซ์ กับการจัดไฟสีสันสดใส สวยงาม
ถึงเวลากลับเข้าที่พัก ยังขอเวลาไปนั่งเล่นชมแม่น้ำสิงคโปร์อีกหน่อยพร้อมวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ครับ
เริ่มยาวไปแล้ว เดี๋ยวมาต่อนะครับ
*แก้ไข จัดหน้ากระดาษให้อ่านง่ายขึ้น
[SR] อัพรูปโปรไฟล์ จ่ายน้อยๆ กินหนักๆ ที่ Singapore
..
..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
..
ผมเคยมาสิงคโปร์แล้วเมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าจะไปซ้ำสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เช่น Universal Singapore, Garden by the bay ก็จะกระไรอยู่ เลยออกแบบทริปนี้ให้ฟินและประหยัดที่สุดดีกว่า ^^ เลยกลายเป็นทริปเดินเล่น ชมเมือง ถ่ายรูป Up Profile หาของกิน โดยเฉพาะ Street Food แบบที่คนสิงคโปร์ยังต้องร้องขอพิกัด! ตามมาครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
..
สำหรับรีวิวนี้จะพยายามเขียนให้เห็นภาพรวม ถ้ามีเวลาจะมาลงดีเทลเพิ่มเติมให้ แต่ถ้าสงสัยหรือต้องการข้อมูลส่วนไหน สอบถามได้ตลอดเลย ยินดีให้ข้อมูลครับ ^^
ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง วันที่ 26 สิงหาคม 2017 เวลา 15:50 น. ถึง Singapore เวลา 19:15 น. ด้วยสายการบิน Scootz
แล้วผมก็มาถึงสนามบิน Changi International Airport Singapore เวลา 2 ทุ่มคนยังเยอะมาก แถวผ่าน ตม. ค่อนข้างยาว เลยใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะผ่านมาได้
สิ่งแรกที่ทำคือเปลี่ยน Sim Card ผมได้พก Travel Sim Asia ของ True Move H สำหรับ 8 วัน (4GB) เล่นเน็ตได้สบาย เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยว และไม่พลาดการติดต่อกับเพื่อนๆ Package 8 วัน 4GB เรียกว่าซื้อเกินวันจริงไปเยอะ
ผมเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปยังที่พัก โดยใช้ MRT ก็เดินตามป้าย "Train to City" ไปครับ
MRT ของที่นี่ก็คือรถไฟนี่แหละ ซึ่งปกติก็จะซื้อบัตร EZ-Link แต่ครั้งนี้ขอเลือกอย่างอื่นครับ
สำหรับใครที่มาเที่ยวสิงคโปร์หลายวัน แนะนำซื้อเป็น Singapore Tourist Pass มีให้เลือกเป็น 1 Day = 20 SGD/ 2 Day = 26 SGD/ 3 Day = 30 SGD โดยจะมีค่ามัดจำบัตร 10 SGD ที่จะได้รับคืนตอนคืนบัตร .. ผมเลือกเป็น 3 Day จ่ายไป 40 SGD แต่มารู้ทีหลังว่า เค้านับเป็นวัน! ใช่ครับ แม้วันนี้ผมจะใช้ตอน 2 ทุ่ม ก็นับเป็นหนึ่งวันทันที ไม่ได้นับรอบ 24 ชั่วโมงครับ
.
2 คืนแรก ผมพักที่ 5 Footway.inn Project Boat Quey โดยนั่ง MRT มาลง Quark Quey แล้วเดินไปยัง Boat Quey โดยเดินเลียบแม่น้ำสิงคโปร์มาเรื่อยๆ แล้วใช้ Google Map นำทางไป
วันนี้ถือว่าอากาศดีมาก ระหว่างทางก็ชมบรรยากาศริมแม่น้ำ ร้านอาหารต่างๆ กับการจัดตกแต่งไฟตามสะพาน คนเยอะไม่เปลี่ยวเลยครับ
เดินไม่ไกลก็ถึงที่พักแล้วครับ ที่ 5 Footway.inn Project Boat Quey อยู่ในอาคารเก่าริมแม่น้ำสิงคโปร์ ซ่อนตัวอยู่ระหว่างร้านอาหาร บอกเลยว่าย่านนี้คึกคักสุดๆ ยามค่ำคืน ปลอดภัย กลางเมือง และเดินทางสะดวกมากๆ
ห้องพักคืนนี้สามารถนอนได้ 3 คน จะเป็นเตียงล่าง 1 เตียงเล็ก และชั้น 2 จะเป็นเตียงใหญ่ สำหรับ 2 คน เฟอร์นิเจอร์ใช้แบบง่ายๆ สไตล์ Hostel พวกเตียงหมอนสะอาดใช้ได้ครับ
ใน Hostel จะมีส่วนที่เรียกว่า Gallery ซึ่งใช้เป็นห้องรับประทานอาหารส่วนกลางแบบ Common Room แบบฉบับ Hostel แต่ที่นี่ถือเป็น Common Room ที่ผมประทับใจที่สุด
ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือวิวหลักล้าน ไม่ต้องแปลกใจถ้าช่วงเย็นๆ จะมีนักท่องเที่ยวมารวมกลุ่มกัน ทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มริมระเบียงแบบนี้
บอกเลยว่าชิวมากๆ เพราะสามารถเห็น Marina bay sand วิวนี้เลย บอกตรงๆเทบจะไม่อยากไปไหน
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ร้านก็ปิดเกือบหมดแล้ว เลยหาของกินง่ายๆแถวๆนั้นละกันครับ
เช้าวันแรกที่ Singapore ตื่นมาด้วยใจหายแว๊บ เพราะฝนตกหนักมากกกก มองไปทางไหนก็เป็นฝ้าขาวบางๆ ในใจคิดว่าวันนี้คงพังหมดละ 555
เลยไปที่ Gallery หาอาหารเช้ารองท้องเบาๆ เพราะวันนี้ยังมีรายการอาหารต้องกินอีกเพียบ! แต่ที่ประทับใจคือ ท่ามกลางสายฝน ก็มีเหล่านักวิ่งที่ยังคงวิ่งออกกำลังกายอยู่ นับถือใจพี่จริงๆ
..
..
ก่อนออกลุย! กับร้านแรก!
เริ่มจากนั่งรถออกมาไกลหน่อยที่ PEK KIO FOOD CENTER
WAH KEE BIG PRAWN NOODLES
เป็นร้านแรกที่ได้ทานสำเร็จ และประทับใจมากก กุ้งใหญ่ มี 3 ราคา 15 SGD/20 SGD/25 SGD ราคาก็ตามขนาดกุ้ง แต่วันนี้มาไม่ทัน กุ้งใหญ่หมด เลยได้มาแค่กุ้งปกติ ชุดละ 10 SGD ร้านนี้ที่จริงมีหลายสาขา แต่ผมขอเลือกเป็นสาขาแรกเนอะ
สั่งมา 2 ชุด ต่างกันที่บะหมี่เป็นแบบแห้งและแบบน้ำ น้ำซุปหอม หวาน อร่อย รสชาติไม่จัดเกินไปแต่มันละมุนชุ่มคอ มีความกลมกล่อมแบบทะเล๊ทะเล ดีงามมากๆ ถือเป็นเมนูที่ทำให้อยากกลับไปสิงคโปร์อีกสักรอบ ..
.
.
อิ่มท้องแล้วเดินเล่นที่ Little India
อีกจุด Check in ถ่ายรูป ที่ House of Tan Teng Niah ซึ่งเป็น Chineese Villa หลังสุดท้ายที่เหลือยู่ที่ Little India กับบ้านสีสันสดใสสุดๆ
บริเวณผนังของอาคารมักจะมีรูปวาดที่แสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน Little India
แล้วไปต่อที่ Arab Street
ระหว่างทาง ดันเจอกับร้าน ZAM ZAM RESTAURANT น่าทานมาก เพราะคนเข้าคิวกันแน่น โต๊ะล้นออกมาหน้าร้านเลยทีเดียว ว่าแล้วต้องไปต่อแถวดูบ้าง
Matabak Beef - 7 SGD
เป็นมะตะบะที่ค่อนข้างต่างจากที่เคยกินที่ไทย จะเป็นเนื้อสับกับเครื่องต่างๆ คลุกแทรกตัวอยู่กับเนื้อแป้งเลย ลักษณะจะแห้งๆหน่อย แต่รสชาติหอมเครื่องเทศ อร่อยกำลังดี ที่สำคัญชิ้นใหญ่มาก ประมาณ 3 เท่า ของที่เคยกินในไทย และทุกคำจะเจอเนื้อแทรกอยู่ ฟินได้สม่ำเสมอ
Beef Briyani - 6.5 SGD
เป็นข้าวหมกเนื้อ เนื้อชิ้นเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับปริมาณข้าว แต่รสชาติของเนื้อมีความเข้มข้น นุ่ม หอมเครื่องเทศ ข้าวจะเป็นข้าวบัสมาติ ซึ่งเป็นข้าวที่นิยมมากในประเทศอินเดีย ลักษณะจะเป็น เส้นยาวๆ ร่วนไม่ติดกัน เหมาะมากกับการกินคู่กับน้ำแกง ที่ชุ่มฉ่ำอยู่ด้านล่าง
.
.
เดินเล่นไปมา จบที่ Haji Lane ถนนสาย Art เหมาะกับคนฮิปๆ และชอบถ่ายรูป ตลอดเส้นทางจะมีดีเทลฮิปๆ ทั้ง Street Art และร้านค้าน่าสนใจเต็มไปหมด เปิดตั้งแต่สายๆ บอกเลยว่ามุมถ่ายรูปเพียบ! แต่วันนี้มาเย็นๆ ร้านก็ปิดไปเยอะแล้วและเปลี่ยนเป็นร้านนั่งชิวๆแทน
สำหรับใครที่อยากหามุมอัพโปรไฟล์ Haji Lane เป็นอีกจุดที่ห้ามพลาด Background เท่ๆๆเพียบ
เที่ยวเหนื่อยแล้ว ก็กลับมาพักเอาแรงที่ Hostel สักแปป แล้วเดินเล่นริมอ่าวสิงคโปร์กันครับ
จากที่พัก สามารถเดินเลียบแม่น้ำไปยังอ่าวสิงคโปร์ได้เลย ระยะทางไกล แต่อยู่ในระยะที่เดินไหว เพราะเราเน้นเดินชิวๆ เดินไป ถ่ายรูปไป ชมวิวแม่น้ำ ตึกสวยๆ บรรยากาศดีมากๆเลย ว่าแล้วก็แวะถ่ายรูปตามสะพานต่างๆ
สะพานนี้กำลังซ่อมแซม ก็เลยมีการปิดถนน เย้ ถนนนี้เป็นของเรา จะนั่งจะนอนมุมไหนก็ได้
จนได้เจอกับ Merlion ครับ กำลังพ่นน้ำอย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังจากเดินมาไกล
จากจุดนี้สามารถชมการแสดงจาก Water and Sound ได้ สารภาพว่าวันนี้แต่เรามาเลทเกินไป คืนนี้เลยพลาดการแสดง ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ได้ ยังอยู่อีกหลายวัน
รอบอ่าวยังมีศูนย์อาหารที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีอาหารหลากหลายให้เลือก ในบรรยากาศ Outdoor แบบนี้
Helix Bridge สะพานเกลียว ฮีลิกซ์ กับการจัดไฟสีสันสดใส สวยงาม
ถึงเวลากลับเข้าที่พัก ยังขอเวลาไปนั่งเล่นชมแม่น้ำสิงคโปร์อีกหน่อยพร้อมวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ครับ
เริ่มยาวไปแล้ว เดี๋ยวมาต่อนะครับ
*แก้ไข จัดหน้ากระดาษให้อ่านง่ายขึ้น
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น