ในกรุงเทพฯ มีร้านข้าวขาหมูมากมาย ทั้งเป็นร้านอยู่ในตึกที่สืบทอดกันมานานหลายสิบปี จนไปถึงร้านรถเข็นตามตรอก ซอกซอย และริมทางเท้า วันนี้เราจะมานำเสนอ ร้านข้าวขาหมูนายอุ๊ พลับพลาไชย จุดเริ่มต้นของการรู้จักร้านนี้ เพราะท่านแม่ได้ดูรายการทีวีอีกเช่นเดิม และพิธีกรได้พาไปกินข้าวขาหมูที่ร้านนี้ จุดเด่นคือ ร้านนี้เปิดบริการตั้งแต่เวลา ตี5-10โมงเช้า เปิดทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์
จุดเด่นสุดๆ ที่ทำให้ท่านแม่เกิดอาการอยากทานทันทีที่ดูรายการจบ นั่นก็คือ คาจัก หลายคนอาจจะรู้จักแต่คากิ คือบริเวณอุ้งเท้าของหมู แต่คาจัก คือช่วงเอ็น เอ็นล้วนๆหนาๆ ชิ้นใหญ่ๆ ให้กันมาทั้งข้อ เพราะปกติ เวลาสั่งตามร้านขาหมูทั่วไปว่า หนัง+เอ็น ก็จะได้เป็นแค่ เอ็นชิ้นเล็กๆ ที่เลาะออกมาจากช่วงขาหมู ทำให้ไม่สะใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกครั้งที่แม่อยากทานไส้และคาจัก เราก็ต้องตื่นแต่เช้า ขับรถมาที่พลับพลาไชยกันแต่เช้ามืด มาถึงก็จะเห็นมีคนจำนวนหนึ่งนั่งกันที่โต๊ะ พร้อมๆกับมีคนจำนวนหลายคน ยืนรอรอบๆรถเข็น เห็นรถมาจอดรับของที่สั่งกัน
การเดินทาง ก็สามารถหาเส้นทางจาก google map ได้ด้วยนะครับ แค่เสิชก็นำทางมาถึงร้าน ที่ร้านไม่มีที่จอดรถนะครับ ถ้ามาช่วงเช้าก่อน 6.30 ยังพอหาที่จอดตรงข้ามร้านได้บ้าง แต่ถ้ามาหลังจากเวลานี้ แนะนำให้นำรถไปจอดที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊งแล้วเดินมายังร้านนี้ครับ สำหรับท่านที่ชอบทานไส้หมู ขอแนะนำที่ร้านนี้เลยนะครับ ไส้หมูเส้นใหญ่ หั่นหนา สะใจ และที่สำคัญควรโทรมาจองที่ร้านก่อนล่วงหน้า 1 วัน เพราะขนาดวันนี้พวกเราไปถึงร้านเวลา 5.40 น. ก็ต้องพลาดผิดหวัง เพราะไส้หมูหมดแล้วจ้า หมดตั้งแต่เปิดร้านเพียงไม่กี่นาที ทั้งๆที่ปกติ มาถึงเวลานี้ยังเหลืออยู่ครึ่งนึงของที่เอามา
มาถึงร้านก็เดินหาที่นั่งกันได้ตามอัธยาศัยนะครับ มีโต๊ะวางไว้โดยรอบ บนโต๊ะจะมีอุปกรณ์การทานวางไว้พร้อม ทั้งช้อนส้อม ถ้วยน้ำจิ้ม พริกน้ำปลา และพริกน้ำส้ม นั่งสักพักจะมีเด็กเดินมาถามออเดอร์ แต่สำหรับขาประจำ จะแค่แวบมาให้อาเฮียคนสับเห็นหน้า พร้อมพูดคำว่า "เหมือนเดิม กินคนเดียวบ้าง กินสองคนบ้าง" เพราะถ้าสั่งขาหมูเปล่าสับใส่จานจะมีหลายราคา ตามจานเล็ก จานใหญ่ อาเฮียคนสับ ก็จะกะปริมาณให้กับลูกค้าเอง หรือเราจะสั่งระบุราคาด้วยตัวเองก็ได้เช่นกันนะครับ หรือถ้าอยากทานราดข้าวเป็นจานเดียวก็สามารถสั่งได้เหมือนกันนะครับ
หลังจากสั่งอาหาร ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็จะเริ่มทะยอยนำมาเสิรฟ์ ปกติที่นี่มีทั้งผักกาดดองและกระเทียมเป็นกลีบนึ่งมาวางไว้เคียงข้างขาหมู แต่ในวันนี้กลับไม่ได้วางเคียงในจานแบบทุกที ด้วยแฟนก็ไม่ทานผักกาดดอง กับกระเทียม บวกกับหิวกันล่ะ ก็เลยกินกันเลยล่ะกัน
ในรูปจะไม่ได้ทานคาจักนะครับ เพราะสั่งกลับบ้านมาให้แม่ รสชาติสำหรับขาหมู น้ำพะโล้ไม่เค็มมากครับ นำมาราดบนข้าว ตามด้วยพริกน้ำส้ม คลุกให้เข้ากัน ทานอร่อยมาก เสียดายไม่ได้ทานผักกาดดอง ที่นี่ผักกาดดองรสชาติดีนะครับ ไม่เปรี้ยวโดด ต้มเปื่อยกำลังดี กระเทียมก็กลิ่นไม่แรง ที่ร้านนี้ข้าวเปล่าจะเป็นข้าวเสาไห้นะครับ ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ อาจจะไม่ถูกใจสำหรับคนที่ชอบทานข้าวนุ่มๆ
สรุป วันนี้พลาดไส้หมูกลับไปให้แม่ พลาดไม่ได้กินผักกาดดองและกระเทียม แต่รสชาติอย่างอื่นโดยรวมอร่อยครับ รสชาติถูกใจผู้สูงอายุค่อนข้างมาก ท่านใดตื่นแต่เช้า หรือไปเที่ยวจนเกือบสว่าง ผ่านมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาทานนะครับ ที่สำคัญ แกงจืดในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกันนะครับ บางวันเป็นต้มจืดมะระ เกี่ยมฉ่าย ฯลฯ
สามารถแวะชม รีวิวร้านอาหารและทริปท่องเที่ยวอื่นๆของเราได้ที่
http://www.jaaechoun.blogspot.com
http://www.facebook.com/J2Ctravel
ขอบคุณที่ให้ความสนใจอ่านจนจบจ้า ^o^
[CR] สุดยอดคาจักและไส้หมู ที่ร้านข้าวขาหมูนายอุ๊ พลับพลาไชย
จุดเด่นสุดๆ ที่ทำให้ท่านแม่เกิดอาการอยากทานทันทีที่ดูรายการจบ นั่นก็คือ คาจัก หลายคนอาจจะรู้จักแต่คากิ คือบริเวณอุ้งเท้าของหมู แต่คาจัก คือช่วงเอ็น เอ็นล้วนๆหนาๆ ชิ้นใหญ่ๆ ให้กันมาทั้งข้อ เพราะปกติ เวลาสั่งตามร้านขาหมูทั่วไปว่า หนัง+เอ็น ก็จะได้เป็นแค่ เอ็นชิ้นเล็กๆ ที่เลาะออกมาจากช่วงขาหมู ทำให้ไม่สะใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกครั้งที่แม่อยากทานไส้และคาจัก เราก็ต้องตื่นแต่เช้า ขับรถมาที่พลับพลาไชยกันแต่เช้ามืด มาถึงก็จะเห็นมีคนจำนวนหนึ่งนั่งกันที่โต๊ะ พร้อมๆกับมีคนจำนวนหลายคน ยืนรอรอบๆรถเข็น เห็นรถมาจอดรับของที่สั่งกัน
การเดินทาง ก็สามารถหาเส้นทางจาก google map ได้ด้วยนะครับ แค่เสิชก็นำทางมาถึงร้าน ที่ร้านไม่มีที่จอดรถนะครับ ถ้ามาช่วงเช้าก่อน 6.30 ยังพอหาที่จอดตรงข้ามร้านได้บ้าง แต่ถ้ามาหลังจากเวลานี้ แนะนำให้นำรถไปจอดที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊งแล้วเดินมายังร้านนี้ครับ สำหรับท่านที่ชอบทานไส้หมู ขอแนะนำที่ร้านนี้เลยนะครับ ไส้หมูเส้นใหญ่ หั่นหนา สะใจ และที่สำคัญควรโทรมาจองที่ร้านก่อนล่วงหน้า 1 วัน เพราะขนาดวันนี้พวกเราไปถึงร้านเวลา 5.40 น. ก็ต้องพลาดผิดหวัง เพราะไส้หมูหมดแล้วจ้า หมดตั้งแต่เปิดร้านเพียงไม่กี่นาที ทั้งๆที่ปกติ มาถึงเวลานี้ยังเหลืออยู่ครึ่งนึงของที่เอามา
มาถึงร้านก็เดินหาที่นั่งกันได้ตามอัธยาศัยนะครับ มีโต๊ะวางไว้โดยรอบ บนโต๊ะจะมีอุปกรณ์การทานวางไว้พร้อม ทั้งช้อนส้อม ถ้วยน้ำจิ้ม พริกน้ำปลา และพริกน้ำส้ม นั่งสักพักจะมีเด็กเดินมาถามออเดอร์ แต่สำหรับขาประจำ จะแค่แวบมาให้อาเฮียคนสับเห็นหน้า พร้อมพูดคำว่า "เหมือนเดิม กินคนเดียวบ้าง กินสองคนบ้าง" เพราะถ้าสั่งขาหมูเปล่าสับใส่จานจะมีหลายราคา ตามจานเล็ก จานใหญ่ อาเฮียคนสับ ก็จะกะปริมาณให้กับลูกค้าเอง หรือเราจะสั่งระบุราคาด้วยตัวเองก็ได้เช่นกันนะครับ หรือถ้าอยากทานราดข้าวเป็นจานเดียวก็สามารถสั่งได้เหมือนกันนะครับ
หลังจากสั่งอาหาร ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็จะเริ่มทะยอยนำมาเสิรฟ์ ปกติที่นี่มีทั้งผักกาดดองและกระเทียมเป็นกลีบนึ่งมาวางไว้เคียงข้างขาหมู แต่ในวันนี้กลับไม่ได้วางเคียงในจานแบบทุกที ด้วยแฟนก็ไม่ทานผักกาดดอง กับกระเทียม บวกกับหิวกันล่ะ ก็เลยกินกันเลยล่ะกัน
ในรูปจะไม่ได้ทานคาจักนะครับ เพราะสั่งกลับบ้านมาให้แม่ รสชาติสำหรับขาหมู น้ำพะโล้ไม่เค็มมากครับ นำมาราดบนข้าว ตามด้วยพริกน้ำส้ม คลุกให้เข้ากัน ทานอร่อยมาก เสียดายไม่ได้ทานผักกาดดอง ที่นี่ผักกาดดองรสชาติดีนะครับ ไม่เปรี้ยวโดด ต้มเปื่อยกำลังดี กระเทียมก็กลิ่นไม่แรง ที่ร้านนี้ข้าวเปล่าจะเป็นข้าวเสาไห้นะครับ ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ อาจจะไม่ถูกใจสำหรับคนที่ชอบทานข้าวนุ่มๆ
สรุป วันนี้พลาดไส้หมูกลับไปให้แม่ พลาดไม่ได้กินผักกาดดองและกระเทียม แต่รสชาติอย่างอื่นโดยรวมอร่อยครับ รสชาติถูกใจผู้สูงอายุค่อนข้างมาก ท่านใดตื่นแต่เช้า หรือไปเที่ยวจนเกือบสว่าง ผ่านมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาทานนะครับ ที่สำคัญ แกงจืดในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกันนะครับ บางวันเป็นต้มจืดมะระ เกี่ยมฉ่าย ฯลฯ
สามารถแวะชม รีวิวร้านอาหารและทริปท่องเที่ยวอื่นๆของเราได้ที่
http://www.jaaechoun.blogspot.com
http://www.facebook.com/J2Ctravel
ขอบคุณที่ให้ความสนใจอ่านจนจบจ้า ^o^