Continued from Part 1 :
https://ppantip.com/topic/37009074/
หลังจากที่แผนการพิชิตภูเขาไฟฟูจิเมื่อครั้งที่แล้วของผมพังล่มเละเทะไม่เป็นท่า ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เวลาไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิจริงๆกันซักทีครับ…
ภาพเหตุการณ์จากบทความก่อน
เรามาดูแพลนการพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิในโลกแห่งความเป็นจริงกันเลยดีกว่า…
7 August 2017
7.45 – 10.20 น. Bus From Shinjuku to Mt. 5th Station*
10.30 – 11.30 น. รับชุดเช่าที่ FUJISAN MIHARASHI
13.00 น. พายุใต้ฝุ่นเข้า
13.50 – 15.00 น. นั่งรถบัสกลับ Kawaguchiko
Stay at CABIN & LOUNGE HIGHLAND STATION INN
8-9 August 2017 : เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
10 August 2017 :
9.28 – 9.33 น. local train FUJIKYUKO Line to Kawaguchiko Station
9.50 – 10.45 น. local bus to Mt.Fuji 5th Station
10.45 – 12.00 น. รับชุดเช่า + รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 -18.00 น. Climb Mt.Fuji (Yoshida Trail)
Stay at Mt.Fuji 8th Station : Hon-Hachigome-TOMOEKAN (本八合目トモエ館)*
11 August 2017
2.00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
4.00 น. Top of Mt.Fuji
5.00 น. Sunrise and Sigthseeing Around area
7:00 น. Back to Hon-Hachigome-TOMOEKAN (Hotel Include Breakfast)
8:00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
11.00 น. Fuji 5th station
13.00-15.00 น. Bus to Shinjuku
“All journeys have secret destinations of which the traveler is unaware.”
– Martin Buber –
“ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทางซ่อนอยู่ จุดหมายที่นักเดินทางไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
– มาร์ติน บูเบอร์ –
10 August 2017
6.00 น. ตื่นแต่เช้า แวะมาเติมพลังกับข้าวกล่องของร้านอาหารตามสั่งเฟรนไชน์ใกล้ๆโรงแรมชื่อ “Hotto Motto”
ร้านข้าวกล่อง Hotto Motto
เมนูข้าวของร้านราคาไม่แพงเลยครับ
ข้าวกระเพราหมูสับไข่ดาว (Kraphao Ricesu) เมนูฮอตฮิตติดลมบนช่วยฤดูร้อนของร้าน ราคา 480 เยน
หลังจากที่เตรียมตัวเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมก็รีบขึ้นรถไฟมายังสถานีรถไฟ Kawaguchiko เพื่อเตรียมต่อรถทันที ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากสถานีแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ทำให้ได้รู้ว่าวันนี้หมอกหนามากกก!!!
บรรยากาศฟ้าอึมครึมหน้าสถานี Kawaguchiko
ยังไงก็ตามแต่ The Show Must go on ผมไม่สามารถเลื่อนวันเดินทางออกไปได้อีกแล้วครับ เลยตรงดิ่งไปยังจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถบัสขึ้นภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 บริเวณป้ายรถเมลล์หมายเลข 7 ที่ด้านหน้าของสถานี
จุดจำหน่ายตั๋วขึ้นฟูจิอยู่ที่ป้ายหมายเลข 7
ตารางเวลารอบรถ
ราคาตั๋วเที่ยวละ 1,540 เยน
ตอนนี้คนมาต่อคิวกันเยอะพอสมควร เขาใช้วิธีเดิม คนเต็มเมื่อไหร่ก็รถออกครับ ผมกับเพื่อนได้ขึ้นเป็นคนสุดท้าย เลยต้องยืนบนรถตลอดทางเหมือนเดิม
มีคนปั่นจักรยานขึ้นเขาด้วย
ทุกๆครั้งที่รถขับมาถึงระดับความสูงต่างๆ จะมีประกาศในรถบอก
รถค่อยๆทะยานขึ้นขอบฟ้า ยิ่งขึ้นสูงฟ้ายิ่งค่อยๆสว่างครับ :]
ดีใจได้พักเดียว พอขึ้นใกล้ถึงชั้น 5 เมฆหมอกหนาก็กลับมาอีกครั้ง :[
ตอนนี้ถึงชั้น 5 แล้ว หมอกหนาทึบเลยครับ T-T
ก่อนจะออกเดินทางแวะมาเปลี่ยนชุดที่ได้จองไว้ตามรายละเอียดใน Part 1 พร้อมตุนเสบียงสำหรับเติมพลังงานเสียก่อน
ราคาขนมที่นี่จะสูงกว่าข้างล่างเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับข้างบนแล้วตรงนี้ยังถือว่าถูกกว่ามากๆ
และซื้อไอเทมปีนฟูจิยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น คือ “ไม้พลองหกเหลี่ยม” สำหรับคนที่ไม่มี Tracking Pole เจ้าไม้พลองเหล่านี้มีประโยชน์และสามารถช่วยชีวิตระหว่างที่เรากำลังเดินได้ดีมากๆเลยครับ เจ้าไม้นี้ช่วยได้ทั้งค้ำยันตัวเราไม่ให้เดินสะดุดล้มหน้าคะม่ำและช่วยผ่อนแรงตอนเดินบนพื้นหินกรวดขาลง ระหว่างทางเดินขึ้นยอดเขาจะมีร้านค้าให้พักเป็นช่วงๆ ที่ร้านค้าเหล่านี้นี่แหละครับ จะมีจุด”แสตมป์ตราที่ระลึก” ให้เราเก็บสะสมบนไม้พลองได้ ไม้พลองมีอยู่หลากหลายพร็อบและหลายขนาด ใครชอบธงหรือปลอกสวมไม้แบบไหน สามารถเลือกกันได้ตามใจชอบครับ
ไม้พลองขนาดกลางและใหญ่
ไม้พลองขนาดเล็ก
TIPS : ไม้พลองหกเหลี่ยมมีทั้งหมดสามขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันนะ ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ไม้ละ 500-1,400 เยน (หน้าตาของสแตมป์บนไม้ของแต่ละร้านค้าก็หน้าตาไม่เหมือนกันด้วย) ใครที่กลัวว่าหากซื้อไม้ขนาดกลางและใหญ่อาจลำบาก เพราะใส่กระเป๋าเดินทางกลับไม่ได้ ไม่ต้องกังวลไป หากใครเดินทางโดยสายการบินแบบ Full Service สามารถขอให้เขาโหลดลงใต้เครื่องพร้อมกระเป๋าได้ครับ (ในครั้งนั้นผมเดินทางการบินไทย ก่อนจะโหลด คุณแอร์สาวชาวญี่ปุ่นที่เคาน์เตอร์เขาห่อไม้ด้วยพลาสติกให้อย่างดีด้วยครับ)
12.30 น. เริ่มต้นออกเดินทาง
เดินมาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางจะพบกับป้ายอธิบายรายละเอียดเส้นทางทั้งหมดอยู่ครับ (แนะนำว่าให้ถ่ายรูปเส้นทางรวมตรงบิลบอร์ดนี้เก็บไว้ หรือไม่ก็ไปขอแผ่นพับรายละเอียดเส้นทางเดินที่ Tourist Information ที่อยู่ใกล้ๆกับป้ายนี้ไว้ก่อนก็ดีครับ เวลาเดินจริงจะได้รู้ว่าตอนนี้เดินถึงตรงไหนแล้ว)
ป้าย Billboard จุดเริ่มต้นเส้นทาง
สำหรับชุดปีนเขา ด้านในผมจะใส่เสื้อแบบระบายลมง่ายๆ 1 ชั้น ก่อนจะสวมชุดและกางเกงกันลมด้านนอก มีถุงกันกรวดคลุมทับรองเท้าปีนเขาแบบหุ้มข้อ สวมหมวกกันแดด (ช่วงแรกๆอาจไม่จำเป็น แต่เมื่อเจอฟ้าใสพร้อมแสงอาทิตย์ส่องแล้วจะจำเป็นมาก) พร้อมของชิ้นสุดท้ายคือ “ไม้ค้ำยัน” ครับ อาจใช้เป็น Tracking Pole หรือไม้พลองแบบในรูปก็ได้ แรกๆอาจจะคิดว่ามันเกะกะ แต่หลังๆต้องขอบคุณตัวเองเลยครับที่พกมันมาด้วย
พร้อมออกเดินทางครับ
ตอนนี้เราอยู่กับที่ตำแหน่งนี้จุดสีแดงในรูปครับ
ระหว่างทางเดินจะมีป้ายบอกระยะทางและเวลาที่ใช้เดินจากตรงป้ายจนถึงยอด
เส้นทางเดินช่วงแรกทางเดินจะเป็นถนนดินเรียบๆรายล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีทางเดินหินชันบ้างเป็นบางช่วง ในตอนนี้ผู้คนยังคึกคักครับ มีคณะทัวร์เดินกันเป็นกลุ่มเยอะแยะเลย
13.30 น. ใช้เวลาเดินมาประมาณ 50 นาทีก็มาถึงชั้นที่ 6 ความสูง 2,390 เมตร ทางเดินช่วงนี้ไม่ลำบากมาก แต่เรียกเหงื่อออกได้ดีพอสมควร
เห็นเป็นหมอก แต่อากาศแอบอบอ้าว เหงื่อออกเลยครับ
ชั้น 6 มีเมฆหมอกหนา มองไม่เห็นวิวอะไร
เหลืออีก 5.3 กิโลเมตรจะถึงยอด
ห้องน้ำบนนี้เป็นกิจจะลักษณะดีครับ แต่ต้องเสียเงินค่าเข้า 200 เยนนะ ด้านในไม่มีน้ำล้างมือครับ
หลังจากที่นั่งพักได้สักครู่ก็เริ่มออกเตินทางต่อ เส้นทางเดินหลังจากชั้น 6 จะเป็นทางเดินคดโค้งเป็นฟันปลามีกำแพงหนึ่งด้านป้องกันดินไหล ใครที่รู้สึกเหนื่อยสามารถเอาหลังพิงได้
เส้นทางเดินจะเป็นทางชันเป็นสลับกันคล้ายฟ้นปลา
กรุ๊ปทัวร์ปีนเขาเดินยาวกันเป็นขบวน
หันหลังมองกลับไปเห็นคนเดินขึ้นเป็นขบวนยาว
ถ้าลองสังเกตดูดีๆ ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเหนื่อย มีหยุดพักระหว่างเดินขึ้นเขากันบ้างแล้ว
เหนื่อยก็นั่งพัก ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน (แคปชั่นไม่เกี่ยวกับภาพ…)
ลุกขึ้นเดินต่อ แม้ว่าจะมีหมอกหนาบดบังทุกสิ่ง สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าจะถึงปลายทางเมื่อไหร่
14.00 น. เดินขึ้นมาถึงความสูงระดับหนึ่ง จู่ๆก็เริ่มมีลมเริ่มพัด เมฆหมอกเคยที่มีอยู่ได้จางหายไป แหงนหน้ามองขึ้นไปพบท้องฟ้าสดใส
ท้องฟ้าสดใสมาพร้อมกับแสงแดดที่ร้อนระอุ
แหนงหน้ามองขึ้นไป เห็นเส้นทางที่ต้องเผขิญอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าเราจะไปถึงที่ไหนต่อไป
ระเบียงที่ยื่นออกมาคือจุดพักครับ อันที่เห็นมุมขวาใกล้สุด คือ ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 7
14.40 น. ในที่สุดก็มาถึงชั้น 7 แล้วครับ
คนเริ่มแน่น ตอนนี้ต้องเบียดๆกันรอต่อคิวขึ้นไปบนจุดพัก
จุดพักแรกของภูเขาไฟฟูจิชั้น 7 คือ Hana-goya
เมื่อมาถึงแล้ว สิ่งที่ไม่พลาดเลยก็คือการเอาไม้พลองมาสแตมป์ครับ ราคาสแตมป์แต่ละจุดจะแตกต่างกัน โดยอยู่ที่จุดละ 200-500 เยน (เป็นกิจกรรมละลายทรัพย์ได้หนักมากครับ)
คุณลุงกำลังแสตมป์บนไม้พลอง
ได้มาแล้วครับ จุดสแตมป์แรกของภูเขาไฟฟูจิชั้น 7 :]
เสร็จแล้วก็มาเตรียมตัวเดินต่อกันเลยดีกว่า… เนื่องจากวันนี้มีคณะทัวร์มาเยอะครับ คนรอต่อคิวขึ้นชั้นต่อไปก็เลยเยอะด้วย แนะนำว่าไม่ควรพักแต่ละชั้นนานครับ เพราะไม่งั้นจะเสียเวลาเวลารอเดินขึ้นต่อนานมากๆ
คนต่อคิวรอยาวมาก
[CR] [รีวิว] ประสบการณ์ “ปีนภูเขาไฟฟูจิ” ครั้งนั้น… ฉันไม่ลืม [Part 2]
Continued from Part 1 : https://ppantip.com/topic/37009074/
หลังจากที่แผนการพิชิตภูเขาไฟฟูจิเมื่อครั้งที่แล้วของผมพังล่มเละเทะไม่เป็นท่า ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เวลาไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิจริงๆกันซักทีครับ…
ภาพเหตุการณ์จากบทความก่อน
เรามาดูแพลนการพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิในโลกแห่งความเป็นจริงกันเลยดีกว่า…
7 August 2017
7.45 – 10.20 น. Bus From Shinjuku to Mt. 5th Station*
10.30 – 11.30 น. รับชุดเช่าที่ FUJISAN MIHARASHI
13.00 น. พายุใต้ฝุ่นเข้า
13.50 – 15.00 น. นั่งรถบัสกลับ Kawaguchiko
Stay at CABIN & LOUNGE HIGHLAND STATION INN
8-9 August 2017 : เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
10 August 2017 :
9.28 – 9.33 น. local train FUJIKYUKO Line to Kawaguchiko Station
9.50 – 10.45 น. local bus to Mt.Fuji 5th Station
10.45 – 12.00 น. รับชุดเช่า + รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 -18.00 น. Climb Mt.Fuji (Yoshida Trail)
Stay at Mt.Fuji 8th Station : Hon-Hachigome-TOMOEKAN (本八合目トモエ館)*
11 August 2017
2.00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
4.00 น. Top of Mt.Fuji
5.00 น. Sunrise and Sigthseeing Around area
7:00 น. Back to Hon-Hachigome-TOMOEKAN (Hotel Include Breakfast)
8:00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
11.00 น. Fuji 5th station
13.00-15.00 น. Bus to Shinjuku
– Martin Buber –
“ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทางซ่อนอยู่ จุดหมายที่นักเดินทางไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
– มาร์ติน บูเบอร์ –
10 August 2017
6.00 น. ตื่นแต่เช้า แวะมาเติมพลังกับข้าวกล่องของร้านอาหารตามสั่งเฟรนไชน์ใกล้ๆโรงแรมชื่อ “Hotto Motto”
ร้านข้าวกล่อง Hotto Motto
เมนูข้าวของร้านราคาไม่แพงเลยครับ
ข้าวกระเพราหมูสับไข่ดาว (Kraphao Ricesu) เมนูฮอตฮิตติดลมบนช่วยฤดูร้อนของร้าน ราคา 480 เยน
หลังจากที่เตรียมตัวเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมก็รีบขึ้นรถไฟมายังสถานีรถไฟ Kawaguchiko เพื่อเตรียมต่อรถทันที ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากสถานีแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ทำให้ได้รู้ว่าวันนี้หมอกหนามากกก!!!
บรรยากาศฟ้าอึมครึมหน้าสถานี Kawaguchiko
ยังไงก็ตามแต่ The Show Must go on ผมไม่สามารถเลื่อนวันเดินทางออกไปได้อีกแล้วครับ เลยตรงดิ่งไปยังจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถบัสขึ้นภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 บริเวณป้ายรถเมลล์หมายเลข 7 ที่ด้านหน้าของสถานี
จุดจำหน่ายตั๋วขึ้นฟูจิอยู่ที่ป้ายหมายเลข 7
ตารางเวลารอบรถ
ราคาตั๋วเที่ยวละ 1,540 เยน
ตอนนี้คนมาต่อคิวกันเยอะพอสมควร เขาใช้วิธีเดิม คนเต็มเมื่อไหร่ก็รถออกครับ ผมกับเพื่อนได้ขึ้นเป็นคนสุดท้าย เลยต้องยืนบนรถตลอดทางเหมือนเดิม
มีคนปั่นจักรยานขึ้นเขาด้วย
ทุกๆครั้งที่รถขับมาถึงระดับความสูงต่างๆ จะมีประกาศในรถบอก
รถค่อยๆทะยานขึ้นขอบฟ้า ยิ่งขึ้นสูงฟ้ายิ่งค่อยๆสว่างครับ :]
ดีใจได้พักเดียว พอขึ้นใกล้ถึงชั้น 5 เมฆหมอกหนาก็กลับมาอีกครั้ง :[
ตอนนี้ถึงชั้น 5 แล้ว หมอกหนาทึบเลยครับ T-T
ก่อนจะออกเดินทางแวะมาเปลี่ยนชุดที่ได้จองไว้ตามรายละเอียดใน Part 1 พร้อมตุนเสบียงสำหรับเติมพลังงานเสียก่อน
ราคาขนมที่นี่จะสูงกว่าข้างล่างเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับข้างบนแล้วตรงนี้ยังถือว่าถูกกว่ามากๆ
และซื้อไอเทมปีนฟูจิยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น คือ “ไม้พลองหกเหลี่ยม” สำหรับคนที่ไม่มี Tracking Pole เจ้าไม้พลองเหล่านี้มีประโยชน์และสามารถช่วยชีวิตระหว่างที่เรากำลังเดินได้ดีมากๆเลยครับ เจ้าไม้นี้ช่วยได้ทั้งค้ำยันตัวเราไม่ให้เดินสะดุดล้มหน้าคะม่ำและช่วยผ่อนแรงตอนเดินบนพื้นหินกรวดขาลง ระหว่างทางเดินขึ้นยอดเขาจะมีร้านค้าให้พักเป็นช่วงๆ ที่ร้านค้าเหล่านี้นี่แหละครับ จะมีจุด”แสตมป์ตราที่ระลึก” ให้เราเก็บสะสมบนไม้พลองได้ ไม้พลองมีอยู่หลากหลายพร็อบและหลายขนาด ใครชอบธงหรือปลอกสวมไม้แบบไหน สามารถเลือกกันได้ตามใจชอบครับ
ไม้พลองขนาดเล็ก
TIPS : ไม้พลองหกเหลี่ยมมีทั้งหมดสามขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันนะ ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ไม้ละ 500-1,400 เยน (หน้าตาของสแตมป์บนไม้ของแต่ละร้านค้าก็หน้าตาไม่เหมือนกันด้วย) ใครที่กลัวว่าหากซื้อไม้ขนาดกลางและใหญ่อาจลำบาก เพราะใส่กระเป๋าเดินทางกลับไม่ได้ ไม่ต้องกังวลไป หากใครเดินทางโดยสายการบินแบบ Full Service สามารถขอให้เขาโหลดลงใต้เครื่องพร้อมกระเป๋าได้ครับ (ในครั้งนั้นผมเดินทางการบินไทย ก่อนจะโหลด คุณแอร์สาวชาวญี่ปุ่นที่เคาน์เตอร์เขาห่อไม้ด้วยพลาสติกให้อย่างดีด้วยครับ)
12.30 น. เริ่มต้นออกเดินทาง
เดินมาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางจะพบกับป้ายอธิบายรายละเอียดเส้นทางทั้งหมดอยู่ครับ (แนะนำว่าให้ถ่ายรูปเส้นทางรวมตรงบิลบอร์ดนี้เก็บไว้ หรือไม่ก็ไปขอแผ่นพับรายละเอียดเส้นทางเดินที่ Tourist Information ที่อยู่ใกล้ๆกับป้ายนี้ไว้ก่อนก็ดีครับ เวลาเดินจริงจะได้รู้ว่าตอนนี้เดินถึงตรงไหนแล้ว)
สำหรับชุดปีนเขา ด้านในผมจะใส่เสื้อแบบระบายลมง่ายๆ 1 ชั้น ก่อนจะสวมชุดและกางเกงกันลมด้านนอก มีถุงกันกรวดคลุมทับรองเท้าปีนเขาแบบหุ้มข้อ สวมหมวกกันแดด (ช่วงแรกๆอาจไม่จำเป็น แต่เมื่อเจอฟ้าใสพร้อมแสงอาทิตย์ส่องแล้วจะจำเป็นมาก) พร้อมของชิ้นสุดท้ายคือ “ไม้ค้ำยัน” ครับ อาจใช้เป็น Tracking Pole หรือไม้พลองแบบในรูปก็ได้ แรกๆอาจจะคิดว่ามันเกะกะ แต่หลังๆต้องขอบคุณตัวเองเลยครับที่พกมันมาด้วย
พร้อมออกเดินทางครับ
ตอนนี้เราอยู่กับที่ตำแหน่งนี้จุดสีแดงในรูปครับ
ระหว่างทางเดินจะมีป้ายบอกระยะทางและเวลาที่ใช้เดินจากตรงป้ายจนถึงยอด
เส้นทางเดินช่วงแรกทางเดินจะเป็นถนนดินเรียบๆรายล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีทางเดินหินชันบ้างเป็นบางช่วง ในตอนนี้ผู้คนยังคึกคักครับ มีคณะทัวร์เดินกันเป็นกลุ่มเยอะแยะเลย
13.30 น. ใช้เวลาเดินมาประมาณ 50 นาทีก็มาถึงชั้นที่ 6 ความสูง 2,390 เมตร ทางเดินช่วงนี้ไม่ลำบากมาก แต่เรียกเหงื่อออกได้ดีพอสมควร
เห็นเป็นหมอก แต่อากาศแอบอบอ้าว เหงื่อออกเลยครับ
ชั้น 6 มีเมฆหมอกหนา มองไม่เห็นวิวอะไร
เหลืออีก 5.3 กิโลเมตรจะถึงยอด
ห้องน้ำบนนี้เป็นกิจจะลักษณะดีครับ แต่ต้องเสียเงินค่าเข้า 200 เยนนะ ด้านในไม่มีน้ำล้างมือครับ
หลังจากที่นั่งพักได้สักครู่ก็เริ่มออกเตินทางต่อ เส้นทางเดินหลังจากชั้น 6 จะเป็นทางเดินคดโค้งเป็นฟันปลามีกำแพงหนึ่งด้านป้องกันดินไหล ใครที่รู้สึกเหนื่อยสามารถเอาหลังพิงได้
เส้นทางเดินจะเป็นทางชันเป็นสลับกันคล้ายฟ้นปลา
กรุ๊ปทัวร์ปีนเขาเดินยาวกันเป็นขบวน
หันหลังมองกลับไปเห็นคนเดินขึ้นเป็นขบวนยาว
ถ้าลองสังเกตดูดีๆ ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเหนื่อย มีหยุดพักระหว่างเดินขึ้นเขากันบ้างแล้ว
เหนื่อยก็นั่งพัก ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน (แคปชั่นไม่เกี่ยวกับภาพ…)
ลุกขึ้นเดินต่อ แม้ว่าจะมีหมอกหนาบดบังทุกสิ่ง สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าจะถึงปลายทางเมื่อไหร่
14.00 น. เดินขึ้นมาถึงความสูงระดับหนึ่ง จู่ๆก็เริ่มมีลมเริ่มพัด เมฆหมอกเคยที่มีอยู่ได้จางหายไป แหงนหน้ามองขึ้นไปพบท้องฟ้าสดใส
ท้องฟ้าสดใสมาพร้อมกับแสงแดดที่ร้อนระอุ
แหนงหน้ามองขึ้นไป เห็นเส้นทางที่ต้องเผขิญอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าเราจะไปถึงที่ไหนต่อไป
ระเบียงที่ยื่นออกมาคือจุดพักครับ อันที่เห็นมุมขวาใกล้สุด คือ ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 7
14.40 น. ในที่สุดก็มาถึงชั้น 7 แล้วครับ
คนเริ่มแน่น ตอนนี้ต้องเบียดๆกันรอต่อคิวขึ้นไปบนจุดพัก
จุดพักแรกของภูเขาไฟฟูจิชั้น 7 คือ Hana-goya
เมื่อมาถึงแล้ว สิ่งที่ไม่พลาดเลยก็คือการเอาไม้พลองมาสแตมป์ครับ ราคาสแตมป์แต่ละจุดจะแตกต่างกัน โดยอยู่ที่จุดละ 200-500 เยน (เป็นกิจกรรมละลายทรัพย์ได้หนักมากครับ)
คุณลุงกำลังแสตมป์บนไม้พลอง
ได้มาแล้วครับ จุดสแตมป์แรกของภูเขาไฟฟูจิชั้น 7 :]
เสร็จแล้วก็มาเตรียมตัวเดินต่อกันเลยดีกว่า… เนื่องจากวันนี้มีคณะทัวร์มาเยอะครับ คนรอต่อคิวขึ้นชั้นต่อไปก็เลยเยอะด้วย แนะนำว่าไม่ควรพักแต่ละชั้นนานครับ เพราะไม่งั้นจะเสียเวลาเวลารอเดินขึ้นต่อนานมากๆ
คนต่อคิวรอยาวมาก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น