การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
ที่จะมีขึ้นแน่นอนในเดือนธันวาคม
มีผลให้ มูลค่าของหุ้นทั้งหมดในตลาด ลดลง [ค่า K เพิ่ม]
เมื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
การขาย เพื่อลดความเสี่ยง
ประกอบกับ ความต้องการใช้เงิน ในช่วงปลายปี
นำไปสู่ โอกาสในการลดลงของตลาด
บริษัทที่ราคาหุ้น สะท้อนการเพิ่มขึ้นของกำไรไปบ้างแล้ว
ราคาหุ้น... จึงไม่ขึ้น
ในขณะที่ บริษัทที่กำไรลดลง ราคาหุ้นจะลง
จากปัจจัยลบที่เพิ่มเข้ามา
คำแนะนำสำหรับการเทรด
ในช่วงประกาศผลประกอบการ
1. คิดถึงความเสี่ยง มีจุดตัดขาดทุน และรู้ว่าจะตัดขาดทุนตรงไหน ก่อนการเทรดเสมอ [-3%, -5%, -7%, หรือ -10%]
2. เมื่อเริ่มมีกำไร ปกป้องกำไร ด้วยการขยับจุดตัดขาดทุนมาไว้ที่ต้นทุนเฉลี่ย
3. อย่าซื้อเฉลี่ยตอนหุ้นลง
4. มีวินัยอย่างถึงที่สุด
5. ถือหุ้นที่ชนะให้นาน และขายตัวที่แพ้ออกไป
ถ้าหุ้นเปิด โดดลงทำอย่างไร?
ง่ายที่สุด คือ ขายทันที
หรือ ถ้ารู้สึกได้ว่าเป็นช่วงตกใจ (panic)
การรอ 30-45 นาที ให้ตลาดมีสติ จึงขายก็เป็นอีกทางหนึ่ง
การยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
เป็นสิ่งที่ทำยาก
แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ในการอยู่รอดในตลาดเช่นกัน
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน
สวัสดีครับทุกท่าน "Cut" อย่างไร ไม่ให้ "Lost"
การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
ที่จะมีขึ้นแน่นอนในเดือนธันวาคม
มีผลให้ มูลค่าของหุ้นทั้งหมดในตลาด ลดลง [ค่า K เพิ่ม]
เมื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
การขาย เพื่อลดความเสี่ยง
ประกอบกับ ความต้องการใช้เงิน ในช่วงปลายปี
นำไปสู่ โอกาสในการลดลงของตลาด
บริษัทที่ราคาหุ้น สะท้อนการเพิ่มขึ้นของกำไรไปบ้างแล้ว
ราคาหุ้น... จึงไม่ขึ้น
ในขณะที่ บริษัทที่กำไรลดลง ราคาหุ้นจะลง
จากปัจจัยลบที่เพิ่มเข้ามา
คำแนะนำสำหรับการเทรด
ในช่วงประกาศผลประกอบการ
1. คิดถึงความเสี่ยง มีจุดตัดขาดทุน และรู้ว่าจะตัดขาดทุนตรงไหน ก่อนการเทรดเสมอ [-3%, -5%, -7%, หรือ -10%]
2. เมื่อเริ่มมีกำไร ปกป้องกำไร ด้วยการขยับจุดตัดขาดทุนมาไว้ที่ต้นทุนเฉลี่ย
3. อย่าซื้อเฉลี่ยตอนหุ้นลง
4. มีวินัยอย่างถึงที่สุด
5. ถือหุ้นที่ชนะให้นาน และขายตัวที่แพ้ออกไป
ถ้าหุ้นเปิด โดดลงทำอย่างไร?
ง่ายที่สุด คือ ขายทันที
หรือ ถ้ารู้สึกได้ว่าเป็นช่วงตกใจ (panic)
การรอ 30-45 นาที ให้ตลาดมีสติ จึงขายก็เป็นอีกทางหนึ่ง
การยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
เป็นสิ่งที่ทำยาก
แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ในการอยู่รอดในตลาดเช่นกัน
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน