เนื้อหาต่อไปนี้ ถ้ามีความรู้พื้นฐานด้าน System Trade มาก่อน จะทำให้สามารถเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
(อ่านได้จากกระทู้เก่าของผม
http://ppantip.com/topic/35756638)
(เพิ่มเติม : เทรดกับ SET ทั้งตลาด 800 ตัว รวมถึงหุ้น Delist บางตัวด้วยครับ)
สำหรับกฎที่ใช้ในการเทรดนั้น มีรายละเอียดดังนี้
- จะเข้าซื้อเมื่อ
ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 173 วัน
และจะคัดกรองสภาวะตลาดด้วยเงื่อนไขว่า ราคา Set Index จะต้องอยู่สูงกว่า ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา SET ที่ 140
- จะขายเมื่อ
ดัชนี Indicator ROC(Price Rate Of Change) 37 วัน ตัดลงที่ -5.7
และจะยืนยันสัญญานด้วย ดัชนี MFI ที่ 140 วันจะต้องมีค่าน้อยกว่า 19
- การตัดขาดทุน
ซึ่งจะใช้การตัดขาดทุนด้วย Stop loss ที่ 16%
ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ สำหรับการทำ Backtest จะเป็นดังนี้
- เริ่มทดสอบตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2015 รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี
- ใช้เงินตั้งต้นที่ 1,000,000 บาท
- ค่า Commission อยู่ที่ 0.15% ต่อครั้ง
- ตั้งค่าความคลาดเคลื่อน(SLIPPAGE) ที่ 1%
- เข้าซื้อหุ้นที่ มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้าน จากค่าเฉลี่ยมูลค่าย้อนหลัง 10 วัน เพื่อให้เกิดความสมจริงจาก Slippage
- การจำกัดขนาดการเข้าซื้อ ไว้ที่ 2% จากมูลค่าโดยเฉลี่ย 10 วันย้อนหลัง เพื่อให้เกิดความสมจริงเช่นกัน
- เพิ่มเติมคือ เราจะเข้าซื้อขายที่ราคาเปิด ณ วัดถัดไปเมื่อเกิดสัญญาน
โดยจะใช้วิธีการลงเงิน 2 วิธีพร้อมๆกัน
- โดยแบ่งเงินออกเป็น FLMM(10)ไม้ และ FLMM(20)ไม้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ
- ในแง่ของผลกำไร
เราแนะนำ FLMM(20) ที่เรียบง่ายและนิยมมากที่สุด มีความเสี่ยงน้อยในการเทรดจาก 1,000,000 ซึ่งเมื่อจบ 10 ปี จะมีเงิน 7,000,000 บาท โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 21.60% และมีค่า E ที่มากกว่า 0 คือ 0.63
- ในแง่ของความเสี่ยงที่ FLMM(20)
Maximun Drawdown จะอยู่ที่ -15.15% แต่การลงเงินแบบ 10 ไม้ ( FLMM(10) )นั้นเคยติดลบมากถึง 25.19% เลยทีเดียว ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมาก
(แต่จำนวนเงินที่ติดลบทำไมน้อยกว่า เพราะเคยติดลบ -25%เมื่อตอนมูลค่า port ยังน้อยอยู่ (ช่วงต้นปี 2008)นั่นเอง สามารถดูรายละเอียดได้จาก Drawdown Chart ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคงเลิกเล่นระบบนี้ไปแล้วถ้าใช้การลงเงินแบบ 10 กอง)
ส่วน Risk of ruin นั้นจะอยู่ที่ 0.37% ซึ่งมีโอกาศน้อยมากๆ ที่เราจะหมดตัวในวิธีการ FLMM(20)
- สถิติด้านอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ
จำนวนครั้งในการเทรดของ FLMM 20 จะอยู่ที่ 748 ครั้งในช่วง 10 ปี โอกาสชนะอยู่ที่ 43.28% จาก 748 ครั้ง ถึงแม้โอกาศชนะจะน้อยกว่าครึ่ง แต่ค่า Payoff ratio อยู่ที่ 3.21เท่า (ตอนได้กำไร จะได้เงินหนักกว่าตอนที่เสียมากถึง 3.21 เท่า)
เช่น ถ้าการขายหุ้นตอนที่ได้กำไรนั้น มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.83% แต่ช่วงที่แพ้เสียเงินที่ -13.96% โดยเฉลี่ย ก็จะได้
Payoff Ratio = 44.83/13.96 = 3.21 เป็นต้น (พูดง่ายๆคือ ถึงจะเสียบ่อยกว่าได้ แต่เสียทีละนิดๆ ได้ทีละมากๆ )
และที่สำคัญ ที่ทำให้ทุนคนยิ้มได้ตอนปีใหม่กับระบบนี้คือ ปีที่ดีที่สุด(Best Year)ของระบบนี้คือ 66.68% และแย่สุด(Worst Year)คือ -3.33% เท่านั้น ใน 10 ปีหลังสุด
- การอดทนรอ
ทำไมต้องยกหัวข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะระบบนี้ เมื่อเข้าซื้อแล้วจะต้องอดทนรอโดยเฉลี่ย 100 วัน ถึงจะมีสัญญานให้ขาย และอีกอย่างคือ การได้กำไรต่อเนื่องสูงสุด 9 ครั้ง แต่ก็ขาดทุนต่อเนื่องสูงสุดถึง 18 ครั้งมาแล้ว ถ้าเอาไปใช้งานจริงแล้วเจอขาดทุน 10 ครั้งต่อเนื่องก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เคยเกิดขึ้น แต่อย่างที่บอกครับว่า ค่า Payoff เราค่อนข้างสูง ดังนั้นอย่าไปกลัว
- รูปแบบการเติบโต
จากกราฟ แสดงถึงการเติบโตที่ค่อนข้างสวยงาม แต่กว่าจะโตนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ซึ่งถ้าดูจากสภาพตลาดในปี 2008 นั้นก็นับว่าโหด แต่ก็ยังอยู่รอดมาได้ และที่ไม่โตในช่วงปีดังกล่าว เนื่องจากระบบที่ออกแบบมานั้นใช้ จุดสูงสุดใหม่ แถมยังคัดกรองโดยใช้สภาพตลาดภาพรวมด้วย ยิ่งทำให้โอกาสที่จะเกิดสัญญานเข้าซื้อนั้นยากขึ้นนั่นเอง
- Drawdown ในปีสุดโหด แต่ติด Drawdown ไม่โหด
จากกราฟ ถ้าใช้วิธีการลงเงินที่ดีอย่าง FLMM 20 ก็จะถูก Drawdown น้อยมาก และอยู่รอดได้ และการติด Drawdown นั้น การจะกลับมาคืนทุนไม่ใช่แค่ ถ้าลดไป 20% แล้วจะต้องได้กำไรกลับมา 20% เพราะมันคิดเป็น % หลังจากเกิด Drawdown ไปแล้วไงครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ยังอยู่รอดมาได้ และการทำกำไรก็เป็นไปได้ด้วยดี
- กราฟแสดงการเทรดในแต่ละวัน
จะเห็นช่วงที่ระบบไม่มีการเคลื่อนไหว อยู่ในช่วงเวลาที่ท่านได้เห็น แต่โดยรวมถือว่าคึกคักดีครับ กราฟก็จะเบ้บน(สีเขียว)และมีความสม่ำเสมอพอสมควร ซึ่งสอดคล้องกับค่า Payoff ของระบบ และกราฟมีการกระโดดขึ้นสูงไม่มากนัก ที่อาจทำให้มันฉุดค่าเฉลี่ย Payoff ให้หลอกเราว่ามันเยอะครับ
- ตารางผลตอบแทนในแต่ละเดือน
จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ช่องจะมีสีเขียวอ่อนและเข้มสลับกันไปเรื่อยๆ
(สีเขียวคือได้กำไร สียิ่งเข้มยิ่งได้กำไรมาก , สีแดงคือขาดทุน สียิ่งเข้มยิ่งขาดทุนมาก)
ซึ่งระบบมีการตัดขาดทุนที่ดี ทำให้มีช่องสีแดงในตารางนั้นน้อยมากๆ และมีค่าติดลบไม่เยอะ
ภาพนี้ให้เห็นตารางผลตอบแทนของวิธีลงเงิน FLMM 10 ครับ
- ความเสถียร และการลู่เข้าสู่สิ่งที่ระบบควรจะเป็นตามธรรมชาติ
กราฟนี้ใช้ดูความเสถียรของระบบนั้นๆ ที่เมื่อการเทรดจำนวนครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ % การชนะและ Payoff ก็จะนิ่งขึ้น
ลองสังเกตว่า กว่ามันจะนิ่งนั้นช้าหรือเร็ว เพราะมันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เทรดเช่นกัน ซึ่งในช่วงเริ่มต้นอาจจะแกว่งได้นะครับ เพราะจำนวนครั้งยังน้อยอยู่
ค่าของระบบนี้ที่ใช้ FLMM 20 ซึ่งมีการเทรดมากกว่า 10 ปีนี้ ก็จะมีความนิ่งแล้ว เพราะว่ามีจำนวนครั้งการเทรดที่มาก โดย %win จะนิ่งที่ประมาน 48-50% ส่วนค่า payoff จะนิ่งอยู่ที่ประมาณ 2.7 - 2.9 เท่า
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ผมใช้ในการพิจารณาระบบต่างๆ ก่อนตัดสินใจจะใช้มัน ยังไงทุกคนสามารถลองไปปรับใช้กันดูได้นะครับ หรือจะเอาระบบนี้ไปต่อยอดเลยก็ได้ ให้คงความเรียบง่าย และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่านี้ขึ้นไปอีก
และครั้งหน้าถ้ามีระบบไหนที่น่าสนใจ เดี๋ยวผมจะเอามาแชร์ให้ดูกันอีกนะครับ
สำหรับกระทู้นี้ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ อยากให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ^_^
จะมาแบ่งปันระบบเทรด(Trading System) ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี CAGR มากกว่า 20%
(อ่านได้จากกระทู้เก่าของผม http://ppantip.com/topic/35756638)
(เพิ่มเติม : เทรดกับ SET ทั้งตลาด 800 ตัว รวมถึงหุ้น Delist บางตัวด้วยครับ)
สำหรับกฎที่ใช้ในการเทรดนั้น มีรายละเอียดดังนี้
- จะเข้าซื้อเมื่อ
ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 173 วัน
และจะคัดกรองสภาวะตลาดด้วยเงื่อนไขว่า ราคา Set Index จะต้องอยู่สูงกว่า ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา SET ที่ 140
- จะขายเมื่อ
ดัชนี Indicator ROC(Price Rate Of Change) 37 วัน ตัดลงที่ -5.7
และจะยืนยันสัญญานด้วย ดัชนี MFI ที่ 140 วันจะต้องมีค่าน้อยกว่า 19
- การตัดขาดทุน
ซึ่งจะใช้การตัดขาดทุนด้วย Stop loss ที่ 16%
ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ สำหรับการทำ Backtest จะเป็นดังนี้
- เริ่มทดสอบตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2015 รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี
- ใช้เงินตั้งต้นที่ 1,000,000 บาท
- ค่า Commission อยู่ที่ 0.15% ต่อครั้ง
- ตั้งค่าความคลาดเคลื่อน(SLIPPAGE) ที่ 1%
- เข้าซื้อหุ้นที่ มีมูลค่ามากกว่า 5 ล้าน จากค่าเฉลี่ยมูลค่าย้อนหลัง 10 วัน เพื่อให้เกิดความสมจริงจาก Slippage
- การจำกัดขนาดการเข้าซื้อ ไว้ที่ 2% จากมูลค่าโดยเฉลี่ย 10 วันย้อนหลัง เพื่อให้เกิดความสมจริงเช่นกัน
- เพิ่มเติมคือ เราจะเข้าซื้อขายที่ราคาเปิด ณ วัดถัดไปเมื่อเกิดสัญญาน
โดยจะใช้วิธีการลงเงิน 2 วิธีพร้อมๆกัน
- โดยแบ่งเงินออกเป็น FLMM(10)ไม้ และ FLMM(20)ไม้
ผลลัพธ์ที่ได้คือ
- ในแง่ของผลกำไร
เราแนะนำ FLMM(20) ที่เรียบง่ายและนิยมมากที่สุด มีความเสี่ยงน้อยในการเทรดจาก 1,000,000 ซึ่งเมื่อจบ 10 ปี จะมีเงิน 7,000,000 บาท โดยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 21.60% และมีค่า E ที่มากกว่า 0 คือ 0.63
- ในแง่ของความเสี่ยงที่ FLMM(20)
Maximun Drawdown จะอยู่ที่ -15.15% แต่การลงเงินแบบ 10 ไม้ ( FLMM(10) )นั้นเคยติดลบมากถึง 25.19% เลยทีเดียว ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมาก
(แต่จำนวนเงินที่ติดลบทำไมน้อยกว่า เพราะเคยติดลบ -25%เมื่อตอนมูลค่า port ยังน้อยอยู่ (ช่วงต้นปี 2008)นั่นเอง สามารถดูรายละเอียดได้จาก Drawdown Chart ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปคงเลิกเล่นระบบนี้ไปแล้วถ้าใช้การลงเงินแบบ 10 กอง)
ส่วน Risk of ruin นั้นจะอยู่ที่ 0.37% ซึ่งมีโอกาศน้อยมากๆ ที่เราจะหมดตัวในวิธีการ FLMM(20)
- สถิติด้านอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ
จำนวนครั้งในการเทรดของ FLMM 20 จะอยู่ที่ 748 ครั้งในช่วง 10 ปี โอกาสชนะอยู่ที่ 43.28% จาก 748 ครั้ง ถึงแม้โอกาศชนะจะน้อยกว่าครึ่ง แต่ค่า Payoff ratio อยู่ที่ 3.21เท่า (ตอนได้กำไร จะได้เงินหนักกว่าตอนที่เสียมากถึง 3.21 เท่า)
เช่น ถ้าการขายหุ้นตอนที่ได้กำไรนั้น มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.83% แต่ช่วงที่แพ้เสียเงินที่ -13.96% โดยเฉลี่ย ก็จะได้
Payoff Ratio = 44.83/13.96 = 3.21 เป็นต้น (พูดง่ายๆคือ ถึงจะเสียบ่อยกว่าได้ แต่เสียทีละนิดๆ ได้ทีละมากๆ )
และที่สำคัญ ที่ทำให้ทุนคนยิ้มได้ตอนปีใหม่กับระบบนี้คือ ปีที่ดีที่สุด(Best Year)ของระบบนี้คือ 66.68% และแย่สุด(Worst Year)คือ -3.33% เท่านั้น ใน 10 ปีหลังสุด
- การอดทนรอ
ทำไมต้องยกหัวข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะระบบนี้ เมื่อเข้าซื้อแล้วจะต้องอดทนรอโดยเฉลี่ย 100 วัน ถึงจะมีสัญญานให้ขาย และอีกอย่างคือ การได้กำไรต่อเนื่องสูงสุด 9 ครั้ง แต่ก็ขาดทุนต่อเนื่องสูงสุดถึง 18 ครั้งมาแล้ว ถ้าเอาไปใช้งานจริงแล้วเจอขาดทุน 10 ครั้งต่อเนื่องก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เคยเกิดขึ้น แต่อย่างที่บอกครับว่า ค่า Payoff เราค่อนข้างสูง ดังนั้นอย่าไปกลัว
- รูปแบบการเติบโต
จากกราฟ แสดงถึงการเติบโตที่ค่อนข้างสวยงาม แต่กว่าจะโตนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ซึ่งถ้าดูจากสภาพตลาดในปี 2008 นั้นก็นับว่าโหด แต่ก็ยังอยู่รอดมาได้ และที่ไม่โตในช่วงปีดังกล่าว เนื่องจากระบบที่ออกแบบมานั้นใช้ จุดสูงสุดใหม่ แถมยังคัดกรองโดยใช้สภาพตลาดภาพรวมด้วย ยิ่งทำให้โอกาสที่จะเกิดสัญญานเข้าซื้อนั้นยากขึ้นนั่นเอง
- Drawdown ในปีสุดโหด แต่ติด Drawdown ไม่โหด
จากกราฟ ถ้าใช้วิธีการลงเงินที่ดีอย่าง FLMM 20 ก็จะถูก Drawdown น้อยมาก และอยู่รอดได้ และการติด Drawdown นั้น การจะกลับมาคืนทุนไม่ใช่แค่ ถ้าลดไป 20% แล้วจะต้องได้กำไรกลับมา 20% เพราะมันคิดเป็น % หลังจากเกิด Drawdown ไปแล้วไงครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ยังอยู่รอดมาได้ และการทำกำไรก็เป็นไปได้ด้วยดี
- กราฟแสดงการเทรดในแต่ละวัน
จะเห็นช่วงที่ระบบไม่มีการเคลื่อนไหว อยู่ในช่วงเวลาที่ท่านได้เห็น แต่โดยรวมถือว่าคึกคักดีครับ กราฟก็จะเบ้บน(สีเขียว)และมีความสม่ำเสมอพอสมควร ซึ่งสอดคล้องกับค่า Payoff ของระบบ และกราฟมีการกระโดดขึ้นสูงไม่มากนัก ที่อาจทำให้มันฉุดค่าเฉลี่ย Payoff ให้หลอกเราว่ามันเยอะครับ
- ตารางผลตอบแทนในแต่ละเดือน
จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ช่องจะมีสีเขียวอ่อนและเข้มสลับกันไปเรื่อยๆ
(สีเขียวคือได้กำไร สียิ่งเข้มยิ่งได้กำไรมาก , สีแดงคือขาดทุน สียิ่งเข้มยิ่งขาดทุนมาก)
ซึ่งระบบมีการตัดขาดทุนที่ดี ทำให้มีช่องสีแดงในตารางนั้นน้อยมากๆ และมีค่าติดลบไม่เยอะ
ภาพนี้ให้เห็นตารางผลตอบแทนของวิธีลงเงิน FLMM 10 ครับ
- ความเสถียร และการลู่เข้าสู่สิ่งที่ระบบควรจะเป็นตามธรรมชาติ
กราฟนี้ใช้ดูความเสถียรของระบบนั้นๆ ที่เมื่อการเทรดจำนวนครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ % การชนะและ Payoff ก็จะนิ่งขึ้น
ลองสังเกตว่า กว่ามันจะนิ่งนั้นช้าหรือเร็ว เพราะมันจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เทรดเช่นกัน ซึ่งในช่วงเริ่มต้นอาจจะแกว่งได้นะครับ เพราะจำนวนครั้งยังน้อยอยู่
ค่าของระบบนี้ที่ใช้ FLMM 20 ซึ่งมีการเทรดมากกว่า 10 ปีนี้ ก็จะมีความนิ่งแล้ว เพราะว่ามีจำนวนครั้งการเทรดที่มาก โดย %win จะนิ่งที่ประมาน 48-50% ส่วนค่า payoff จะนิ่งอยู่ที่ประมาณ 2.7 - 2.9 เท่า
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ผมใช้ในการพิจารณาระบบต่างๆ ก่อนตัดสินใจจะใช้มัน ยังไงทุกคนสามารถลองไปปรับใช้กันดูได้นะครับ หรือจะเอาระบบนี้ไปต่อยอดเลยก็ได้ ให้คงความเรียบง่าย และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่านี้ขึ้นไปอีก
และครั้งหน้าถ้ามีระบบไหนที่น่าสนใจ เดี๋ยวผมจะเอามาแชร์ให้ดูกันอีกนะครับ
สำหรับกระทู้นี้ ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ อยากให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ^_^