ทริปชุมพร……ลองล่องเล
ทริปท่องเที่ยว ชุมพร ลองล่องเล แบบ2วัน1คืน ที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม กลิ่นอายของน้ำทะเลที่มองออกไปไกลสุดสายตาและยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่พื้นที่ จากการเที่ยวชมเมืองชุมพรอีกด้วย ทั้งการอยู่อาศัย การประกอบอาชีพ อาหารการกิน ที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากจริงๆ

การเดินทางของเราเริ่มต้นที่ สายใต้ ซึ่งแน่นอนค่ะ จะเดินทางโดยอะไรไปไม่ได้ นอกจากรถทัวร์ ค่าโดยสารกรุงเทพฯ – ชุมพร ขาไป อยู่ที่ราคา 328 บาทเป็นรถทัวร์ ป1 ซึ่งสามารถเลือกราคาได้ตามความต้องการถูกแพงกว่ากันไม่มากนัก

ระหว่างการรอเวลาเดินทางอยู่นั้น มีเวลาพอสมควร เราจะมาแนะนำสถานที่ที่ช่วยแก้เซ็งหากท่านใดที่ต้องรอเวลาเดินทางนานๆ กับ ตลาดนัดข้างสายใต้ ที่เต็มไปด้วย ของกิน ของช้อป ให้ได้จับจ่ายใช้สอยกันได้อย่างเพลิดเพลิน จนเกือบลืมที่จะเดินทางเลยทีเดียว ใครจะคิดละว่าเวลาว่าง 2-3 ชั่วโมงก็เกือบจะไม่พอสำหรับขาช้อปอย่างเรา

และก็ถึงเวลาเดินทาง ไปชุมพรซึ่งเป็นการนั่งรถที่ยาวนานพอสมควรถึง 10 ชั่วโมง กว่าจะไปถึงก็ใกล้ๆสว่าง

สิ้นสุดการเดินทาง เรามาถึงกันแล้วที่เมืองชุมพร เป็นบริษัทรถโชคอนันต์ทัวร์

เมื่อมาถึงเมืองชุมพร จุดหมายต่อไปเราจะไปพักคือ เกาะพิทักษ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่าวท้องครก ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร อยู่ในชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่ง 1 กิโลเมตร
สำหรับการติดต่อพัก ทางเกาะพิทักษ์จะมีโฮมสเตย์ของชาวบ้าน ที่ใช้รองรับนักท่องเที่ยว โดยโฮมสเตย์ที่เราไปพัก  ชื่อว่า บ้านไออุ่นทะเล ค่าที่พักราคาคนละ 800 บาท ซึ่งจะรวมค่าที่พัก+เรือรับส่งไปกลับ+อาหาร3มื้อ บอกได้เราว่าคุ้มค่ากับราคามากๆ และยังมีบริการรับส่งซึ่งเราสามารถติดต่อกับบ้านที่เราไปพักได้โดยตรง โดยค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับระยะทาง ซึ่งจากบริษัทรถโชคอนันต์ทัวร์ มายังเกาะ ราคาเหมาอยู่ประมาณ 1000 บาท จะเป็นรถยนต์ของเขาเอง

เมื่อเรามาถึงท่าเรือข้ามฝาก เราจะสามารถมองเห็นเกาะพิทักษ์ได้เลย เพราะระยะห่างจากฝั่งถึงเกาะ เพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น และจะมีเรือจากบ้านที่เราติดต่อพัก มารับไปส่งเราถึงที่พักกันเลย

และก็ถึงเวลาที่นักเดินทางอย่างเรา รอคอยก็คือ อาหารค่ะ เวลาประมาณเที่ยงกว่าๆก็มีเจ้าของที่พักจัดโต๊ะให้อย่างเรียบร้อย พร้อมสำหรับรับประทานได้เลย ซึ่งมื้อแรกของวันบอกได้เลยว่าเป็นอาหารทะเลที่ ดี ดี ดีเวอร์ค่ะ มากมายเหลือเกิน แต่ถึงจะมากมายแค่ไหนเราก็รับมือกับพวกมันได้อย่างเต็มที่ หมดไม่เหลืออะไรเลย คนทำเขาจะได้ไม่เสียใจ

เมื่ออิ่มท้อง กองทัพก็เริ่มเดินตระเวน เที่ยวชมบรรยายบนเกาะ ซึ่งบอกก่อนว่ามันเป็นเกาะที่ยังคงเน้นวิถีชุมชน ก็จะมีชาวบ้านที่ทำมาหากินให้เราได้เห็น อาทิ ออกเรือหา ปลา หมึก กุ้ง ปู เพื่อขายให้กับชาวบ้านกันเองบนเกาะ หรือสำหรับเป็นอาหารให้กับนักท่องเที่ยวของแต่ละบ้าน โดยหลักๆชาวบ้านก็จะยึดอาชีพประมงและการเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์เกือบทุกหลัง และบนเกาะก็จะมีร้านขายของชำ ร้านน้ำชากาแฟร้านขายของฝากเกาะพิทักษ์ ให้เราสามารถเลือกซื้อกลับไปฝากกันได้

สำหรับกิจกรรมบนเกาะที่เราสามารถทำได้ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าที่พักทั้งหมด ก็จะมี
*ดำน้ำดูปะการัง ราคาอยู่ที่ 1000 บาท + ชูชีพ สน๊อคเกิล 50 บาท
*ตกหมึก  ราคาอยู่ที่ 1000 บาท มีอุปกรณ์โยทกาให้
*คาราโอเกะ 1200 บาท จำกัดเวลาถึง 21.00 น.
*สามารถติดต่อกับเจ้าของบ้านที่เราไปพักได้โดยตรง
มาทะเลก็ขาดไม่ได้ที่จะต้องเล่นน้ำ ซึ่งไม่ต้องไปไหนไกลเลย แค่เพียงเดินมาหน้าบ้านก็โดดลงไปเล่นได้เรา ซึ่งเพื่อความปลอดภัยก็จะต้องใส่เสื้อชูชีพ เขามีเตรียมไว้ให้เราสามารถขอได้เลย

เหนื่อยจากการเล่นน้ำเราก็มาเติมพลังอาหารที่จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว สำหรับอาหารเย็นของเราก็ ไม่แพ้กับมื้อเที่ยงเลยทีเดียว ยังคงมากมายไปด้วยกุ้ง ปู ปลา ที่ทั้งสดและอร่อยมากๆ

หลังจากที่เรากินกันอิ่มหนัมสำราญ เราก็มานั่งชิลๆรับลม พร้อมกับชมวิวทะเลที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สัมผัสได้ถึงทะเลที่โอบล้อมตัวเรา ทำให้รู้สึกเหมือนเราตัวเล็กๆท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าที่มองได้ไกลสุดสายตา ท้องฟ้าที่สดใส แสงแดดอ่อนๆ มาพร้อมกับลมทะเลที่พัดตลอดทั้งวัน ความรู้สึกมันไม่ได้ร้อน มันไม่ได้หนาว มันอบอุ่นและพอดีอย่างบอกไม่ถูก เวลาบนเกาะมันชั่งผ่านไปเร็วซะเหลือเกิน ยังไม่อย่างกลับเลยจริงๆ

เช้าวันเดินทางกลับ ก็ยังมีอาหารมื้อเช้าให้ก่อนจะออกเดินทางกลับ และก็ยังคงคอนเซ็ปต์อาหารทะเลเช่นเคย นั่นก็คือข้าวต้มปลานั่นเอง

เมื่อถึงเวลากลับก็จะมีเรือมารับ เพื่อส่งเรากลับไปฝั่ง

และที่ต่อมาที่เราจะไปดู คือการสาธิตการกรีดยาง ซึ่งการกรีดยางถือเป็นอาชีพหลักๆของชาวบ้านในพื้นที่นี้ เราได้มีการติดต่อกับคนในพื้นที่ว่าเราต้องการคนที่จะมาให้ความรู้และสาธิตให้เราดู ซึ่งในตอนแรกจะเป็นเวลาในช่วงการกรีดยางจริง ซึ่งอยู่ในช่วงดึกๆ แต่เนื่องจากฝนฟ้าไม่เป็นใจ ถึงต้องเปลี่ยนเวลาในการไปดูสวนยางเป็นช่วงบ่าย ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงเวลาจริงๆในการกรีด แต่ข้อดีก็ทำให้เราสามารถมองเห็นการทำงานของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกัน ถ้ามาถึงชุมพรแล้วไม่ได้มาที่นี้ ถือว่ายังมาไม่ถึง ก็คือ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาทางทิศเหนือของหาดทรายรี จึงเป็นจุดที่มองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้ชัดเจนตลอดเวิ้งอ่าว นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมานิยมเข้ามากราบไหว้ขอพร และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย

เสร็จสิ้นกิจกรรมในวันนี้ของเรา ก็ถึงเวลากลับโดย เราจะไปขึ้นรถกลับจุดเดียวกับจุดลงรถที่ชุมพร เป็นบริษัทโชคอนันทัวร์
โดยค่ารถขากลับราคา 382 บาทแพงกว่าขามาเล็กน้อย เพราะว่าเป็นรถ VIP ใช้เวลาเดินทางเท่ากันคือ ประมาณ 10 ชั่วโมง เราก็จะถึงกรุงเทพฯเกือบๆสว่าง