ทุกคนเคยมีความรักที่ฝังใจไหม ?
เราเป็นเด็กเหนือคนหนึ่งที่ออกแนวสายวิชาการ ก็พอมีความแรดบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าความรักวัยรุ่น (ภาษาเหนือเรียกว่า วัยละอ่อนต่อนแต่น ) จะเป็นรักที่ยืนยาว ความรักของจขกท. ก็คงเหมือนคนทั่วไปๆ เริ่มรัก มีความสุข เริ่มมีความทุกข์ ทะเลาะ สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกลา จนเรา เริ่มคิดว่านี่แหละความรักวัยรุ่น จนมาถึงรักครั้งนั้น รักที่ตอนนี้ยังไม่ลืม ตอนนั้นเรายังอยู่แค่ม. 4 การคุยผ่านเฟสบุ๊คกำลังบูม ด้วยความที่ตอนนั้นอยากลองคุย ก็ไปค้นๆในกล่องที่เป็นการเพิ่มเพื่อน หรือคนที่คุณอาจรู้จัก ค้นไปค้นมาก็เจอรุ่นพี่คนนึง ( ARY ) พี่เขาอยู่ ม.6 เป็นรุ่นพี่ต่างโรงเรียน เออ แหะ น่ารักว่ะ ( เขาเป็นทอม ) ออกตัวก่อนนะว่าเราไม่ใช่ดี้ เราแค่ชอบในสิ่งที่เขาเป็น นางน่ารักดีนะ ตานี่กลมสวย แต่ถ้าใครมองผิวเผินจะคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชายนะ ปัจจุบันอาจารย์ที่โรงเรียนเรายังคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชายอยู่เลย 5555 หลังจากนั้นนี่ก็เข้าไปส่องเฟส ส่องๆๆ อ่า โสดจ้า ผ่าน !!! แล้วด้วยปกติเวลาคนอื่นจีบกันนี่ ถามชื่อก่อน แต่เราไม่นะ ด้วยความที่ไม่รู้จะทักยังไง ก็ทักแบบป่วงๆไปว่า
เรา : สวัสดีค่ะ
ARY : สติ๊กเกอร์รูปยิ้ม
( เอาละสิ ไปต่อไม่ถูกเลย นี่นึกในใจ ทำไมไม่ตอบแบบจ้า ครับ จะได้ไปต่อถูก 55 และด้วยควายที่อีนี่ไม่รู้จะถามยังไง คืออยากอ่อย แต่ไม่อยากออกตัวแรง )
เรา : พี่อยากเป็นอาชีพอะไรในอนาคตคะ ? >>>>> คำถามห่วยแตกมาก พี่เขาก็อ่านแบบน่าจะประมาณอึ้งๆแหละ ไม่ใช่แค่พี่หรอกคะ หนูก็อึ้งค่ะพี่ 55
ARY : อยากเป็นตำรวจ แล้วน้องหล่ะ ? >>> เห้ย แกร เริ่มมีคำเปิดประโยคแล้ว 555 คือดีย์
เรา : หนูอยากเป็นหมอค่ะ ( ปัจจุบันเรียน BBA คนละสายเลย )
หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ แบบพี่น้องกันแหละ สกิลของชะนีทั่วไป แรกๆก็คุยผ่านเฟสบุ๊ค เริ่มขอเบอร์ ตอนนั้นจำได้ว่าพี่เขาพึ่งผ่าฝันคุดมา คุยกันชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เราคุยกันมาประมาณเกือบหกเดือน ตอนนั้นเน็ตที่ใช้ยังเป็นแบบที่เสียบคล้าย USB อยู่เลย รายเดือนนะแต่ชนิดเติมปุ๊ปเน็ตแรงได้ห้านาที ก็อืดเช่นเดิม ก็ไปร้านเน็ตบ้าง รอกันทุกๆเย็น ก็มีวันนึงที่เราก็เออ ฮึดละ ลองถามเรื่องความสัมพันธ์ไปดีกว่า เราก็ถามนะว่าพี่คิดถึงไหม พี่เขาก็ไม่เคยตอบนะ ผ่านไปสามนาทีพี่เขาก็ขึ้นรูปปกเฟสว่า คิดถึง เราก็เขินตัวบิด แต่สักพัก ก็มีรุ่นน้อง ม. 1 มาแชร์รูปพี่เขา อ่าว หยุดมโนเลยกู ก็เลยเก็บคำถามในหัวไว้ลึกๆ
แฟนเก่าเราตอนนั้นก็มาขอคืนดี แต่เราไม่กลับไปนะ ถือคติว่าแฟนเก่าจะไม่มีวันรีเทิร์นกลับมาเป็นแฟนใหม่อีก ตอนนั้นแฟนเก่านัดเจอเรา เราก็ไปนะ เพราะอยากให้จบลงด้วยดี แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะ เราทะเลาะกัน แฟนเก่าแย่งมือถือเราไป แล้วก็ค้นโทรศัพท์ แล้วเจอเบอร์พี่เขา โทรเลยจ้า โทรต่อหน้าเราด้วย
แฟนเก่า : เป็นอะไรกับ ( เรา )
ARY : ลองถาม (เรา )
สักพักแฟนเก่าก็เริ่มด่าพี่เขา เราก็เลยแย่งโทรศัพท์มา แล้วก็รีบกลับบ้าน ตอนนั้นนี่กลัวมาก กลัวเสียพี่เขาไป หลังจากนั้นเราก็พยายามโทรหาพี่เขา แล้วถามพี่เขาไปตรงๆว่าคิดอะไรกับเรารึเปล่า พี่เขาก็เงียบ แล้วพี่เขาก็พูดว่า ถ้าไม่คิดก็คงไม่คุยมาขนาดนี้หรอก ตอนนั้นยอมรับนะว่าฟิน แต่ก็ต้องควบคุมอารมณ์ก่อน แล้วก็บอกพี่เขาว่า อยากฟังแค่นี้แหละ หลังจากนั้นก็อธิบายเรื่องแฟนเก่า ความรักของพี่เขากับเราก็เพิ่มขึ้น เราเริ่มตั้งวันที่คบกันคือ 1 สิงหา ปี 56 จริงๆก็คบนานแล้ว แต่จำไม่ได้ 555 เราคุยกันมากขึ้นสมัยนั้นยังใช้โปรโทรฟรีวันทูคอล 9 บาท โทรฟรีถึงห้าโมงเย็น ละก็รอโทรหากันอีกทีห้าทุ่ม ตอนนั้นมีความสุขมาก ระยะทางระหว่างบ้านพี่เขากับบ้านเราประมาณ 30 กิโลเมตร อยู่คนละอำเภอ เชียงใหม่พื้นที่มันกว้าง 555 พี่เขาก็จะมาหาเราเป็นส่วนมาก ตอนนั้นนับถือความพยายามขับมอไซค์มาหา เราเจอกันครั้งแรกที่ห้างหน้าโรงเรียนเรา ตื่นเต้นมาก รออยู่ตรงสนามหญ้า และด้วยความสายตาสั้น อีนี่ก็หยี่ตามอง ( ตอนนั้นยังไม่ได้ใส่แว่น ) หลบในพุ่มไม้ด้วยนะ ก็ไม่รู้ว่าหลบทำไม พี่เขาก็เดินเข้ามาหาเรา เราก็ทำเป็นแก้เขินโดย โน้มตัวพี่เขา ให้นอนตัก แล้วปิดตาพี่เขา แก้เขินงี้ สักพัก อ่าวว พี่เขาหลับเฉย คงเพราะขับรถมาเหนื่อยแหละ เราก็แอบวาดรูปพี่เขานะ แต่เหมือนพี่เขารู้อ่ะ เขาก็รีบตื่นขึ้น แล้วมาช่วยเราวาดรูปตัวเองเฉย 555 แกล้งกันไปกันมา เราก็ไปเดินเล่นในห้าง มันไม่มีที่ไหนจะไปแล้วอ่ะ โรงเรียนเราอยู่ออกจากตัวเมือง หลังเขา สมัยนั้นมีแค่ห้างโลตัสแหละที่เปิด เราเดินไปที่ตุ๊กตา เฮ้ย ชอบตัวนี้ มันเป็นตุ๊กตาหมี ตัวเล็กๆ แต่ราคาไม่เล็กตามตัวเลย เดินไปเดินมา พี่เขาก็ส่งเราหน้าปากซอย
แล้วพี่เขาก็กลับ หลังจากนั้นเราก็ไปหากันบ่อยๆ
ณ วันลอยกระทง
เป็นครั้งแรกที่เราพาพี่เขาเข้าบ้าน ตอนนั้นเราทำกระทงขายก็เลยขอพี่เขามาช่วย คนในบ้านเลยรู้จัก ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัว ตอนแรกลุงเราตาขวางเลย เพราะคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชาย ( คนเหนือถือมากเรื่องผู้ชาย และด้วยครอบครัวเราค่อนข้างถือมากๆๆๆ ) เราก็ขำ ก็บอกว่าพี่เขาเป็นผู้หญิง ก็บอกว่านี่ แฟนนะ พี่เขาก็ยิ้มเขิน ลอยกระทงปีนั้นเรากับพี่เขาลอยด้วยกะลา ใส่ดอกไม้ แล้วก็ใส่เทียน ( ฐานประทีบ ) ก็ดูสวยอีกแบบนึง เราทำขายหมดแล้ว ลืมแบ่ง 55 ลอยเสร็จ เราก็พากันเล่นประทัด ลุงเราด้วยความที่น่าจะหวงด้วยแหละ จุดประทัดแกล้งพี่เขาเฉยเลย เราก็ขำนะ แล้วเราก็ส่งพี่เขากลับบ้าน เรามีคำพูดติดปากก่อนกลับว่า
เรา : ถึงบ้านละต้องย้ะได (ถึงบ้านแล้วต้องทำยังไง) ?
ARY : ต้องฟั้งโทรหาครับ ( ต้องรีบโทรหาคับ )
เป็นคำถามที่เราพูดทุกครั้ง เพราะหลังเลิกเรียนพี่เขาจะมารับเราที่โรงเรียนเรา มาส่งบ้านบ่อยๆ เราเป็นคนชอบทำอาหารมาก ก็มีช่วยกันทำอาหารบ้าง อร่อยไม่อร่อย ก็ต้องบอกเราว่าอร่อย พี่เขาเป็นคนกินเก่ง อาหารบางอย่างเราทำไม่ค่อยอร่อย พี่เขาก็กินจนหมดนะ 555 เหมือนกินปลอบเรา ถ้าวันไหนดึกๆมีถนนคนเดิน เราก็จะไปเดินเที่ยวด้วยกัน วันเสาร์อาทิตย์ เราก็ไปบ้านพี่เขาบ้าง บ้านพี่เขาเป็นเกษตรกร เราก็ไปเก็บพริก เก็บผักชี สนุกดีนะ เติมเต็มวัยเด็กเราได้ดีเลย บ้างก็เล่นกับน้องสาว สอนการบ้านน้องสาวเขา พ่อแม่เขาเอ็นดูเรานะ คอยเอากระเทียมฝากยายเราตลอดเลย
จนถึงตอนที่พี่เขาใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว ตอนแรกพี่เขาติดคณะที่พี่เขาชอบที่เชียงราย แต่เราก็แบบ เราจะเรียนที่มหาลัยในเชียงใหม่นะ พี่เขาก็เลยอยากเรียนใกล้กับเรา ก็เลยสละสิทธิ์ไป แล้วพี่เขาก็สอบในเชียงใหม่ เขาให้เลือกสามอันดับ พี่เขาเลือกไปแล้วสอง แล้วพี่เขาก็ไม่รูจะเลือกอะไร เลยขอเราเลือกให้ เราก็เลือกเศรษฐศาสตร์ให้ พี่เขาส่ายหัวแล้วบอกว่า พี่ไม่ชอบคณิต เราก็บอกว่า ไม่ติดหรอก ติดที่อันดับหนึ่งแน่นอน ผลออกมา พี่เขาติดเศรษฐศาสตร์ที่เราเลือก เราก็รู้สึกผิด พี่เขาบอกว่าไม่เป็นไร พี่เขาจะเรียนนะ เราก็คบกับมาเรื่อยๆ ตอนนั้นเราทำงานพาร์ทไทม์ เป็นร้านชาบู พี่เขาก็มาช่วยเหลือเรานะ เรากับเจ้าของร้านก็เหมือนพี่น้องกัน บรรยากาศในร้านเลยดูอบอุ่น เรามักแอบบเซอร์ไพส์พี่เขาหลังเลิกงานที่ร้านนี้แหละ เรามีเงินก็เที่ยวบ้าง เราชอบไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนสนิทที่อยู่ถัดไปอีกอำเภอ ก็จากที่เราอยู่ขับไปก็ครึ่งชม. ไปกินเห็ดย่าง 555 เราเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ที่บ้านเลยไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ มีกลับดึกบ้าง พี่เขาแทบเป็นเหมือนครอบครัวเราเลยนะ เราเคยบอกว่า แฟนใครก็เป็นได้ แต่คนในครอบครัว มันเข้ามาเป็นแล้วมันตัดไม่ขาดนะ พี่เขาก็ยิ้ม เรานิสัยคล้ายกัน โดยเฉพาะเรื่องกิน เราชอบกินหมูจุ่มมาก ( จิ้มจุ่ม ) อาทิตย์นึงต้องสามครั้งอ่ะ เสื้อผ้า การแต่งตัวของพี่เขา บางครั้งเราก็ชอบเลือกให้นะ เห็นพี่เขาใส่ก็หลง หลงแฟนตัวเอง >.<
มีสถานการณ์ที่เราจำได้ มันตลกมากเลย คืออำเภอที่เราอยู่มันต้องนั่งรถเข้าตัวเมืองประมาณสามชม. ขับผ่านดอยต่างๆ เราไปมาจนชินแล้ว ไม่อ้วกเลย เรากำลังไปติวสอบ ซึ่งเราก็ไปกับเพื่อน ละก็พี่เขา พี่เขาเข้ากับคนง่าย เพื่อนเรารู้จักหมด ที่สนิทสุดๆก็มีเรา พี่เขา ละก็เพื่อนสนิทเรา ตอนนั้นเรานั้งรถบัส
เบาะนึงนั่งได้สามคน เราก็เลยได้นั่งด้วยกัน ก่อนมาเรารู้สึกแบบท้องโล่งๆ พะอืดพะอม เหมือนมีลมในท้อง เพื่อนเราเลยอาสาจะช่วย
เพื่อนสนิท : กูมีวิธี เอาขวดน้ำไป ค่อยๆจิบ เอาหน้าอังกับลมไว้ ตอนอมน้ำอมอากาศเข้าไปด้วย มันจะได้ดันลมในท้องออกมา
เรา : ได้ๆ
เรานั่งริมหน้าต่าง แฟนเรา ละก็เพื่อนสนิท แฟนเราก็ช่วยพยายามดูเราตลอด ทั้งๆที่รถมันก็โค้งไปโค้งมา เราก็เลยเริ่มทำแบบที่เพื่อนบอก โดยเพื่อนจะพูดกำกับตลอด อมเข้าไป ใจเย็นๆ เราก็ทำตาม สักพัก อ้วกกกกกก อ้วกเราเต็มกางเกงเลยจ้าาาาา เลอะพี่เขาด้วย มีอ้วกก๊อกแรก ก็มักจะมีก๊อกอื่นตามมา ครั้งนี้พี่เขา รีบเอาถุงมาให้เรา แต่สุดท้ายกางเกงวอร์มเราก็เลอะอยู่ดี เราเลยถอด เพราะเรามีกางเกงขาสั้นข้างใน พี่เขาก็เก็บกางเกงเราใส่ในถุงให้ ที่น่ารักกว่านั้น พี่เขาเอากางเกงเราไปซักให้ด้วยอ่ะแกรร คนอะไรจะน่ารักขนาดนี้ เราเป็นชะนีบ้าที่ชอบคิดมากแบบ พี่เขาดี แต่เราไม่ดี เอาแต่ใจ และก็เจ้าชู้ เวลาทะเลาะนี่ พี่เขาจะรีบมาหาเลย ยิ่งตอนที่พี่เขาเรียนมหาลัยแล้ว พี่เขาก็ยังนั่งรถมาหาเราทุกอาทิตย์เลย ไปกลับก็ หกชม. ทุกอย่างก็เป็นไปปกติ จนเราเริ่มจบ ม.6 ก็ต้องเข้ามหาลัย ตอนเราปัจฉิม พี่เขามาดูแลเราตลอด ช่วยเจ้าพี่เจ้าของร้านเอาของขวัญมาให้เรา ถ่ายรูปให้เรา ไม่ว่าเทศกาลไหนๆหรือ วันสำคัญๆ พี่เขาจะอยู่ข้างเราเสมอ จบม.6 ตอนนั้นเราลืมจ่ายค่าโควต้าม.ดัง เราเลยไม่ได้สอบ เสียใจมาก เพราะอยากเข้าที่นั่นจริงๆ พี่เขาก็มาปลอบนะ เราเลยรอรอบแอดมิชชั่น ระหว่างนั้น เราก็นิสัยไม่ดี ช่วงนั้นพี่เขาก็ยุ่งๆ เราก็ทำงาน เราก็เจ้าชู้ ทำพี่เขาเสียใจบ่อยๆ คือโคตรนิสัยไม่ดีเลย แล้วก็มาจิตตกว่าพี่เขาต้องเจอคนที่ดีกว่า ชอบบอกเลิกให้ไปหาคนใหม่ พี่เขาเลยพูดขึ้นมาว่า ไม่ต้องบอกเลิกพี่ ถ้าพี่จะไป พี่ไปเอง เราไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำจริงๆ มันจะมีวันนั้นที่เขาทำจริงๆ ด้วยคบกันมาหลายปี แต่เพราะเราเองแหละ จุดเริ่มต้นมันเริ่มที่ เราแอดมิชชั่นแต่ไม่ติดที่อยากได้ พี่เขารีบขับรถมาปลอบ เราก็เลยวุ่นๆกับการรับตรงหลังแอด เราก็เลือกมาเรียนที่ ม.เกษตร กพส ใช่ มันไกลกับพี่เขามาก ตอนนั้นในหัวเรา คิดแต่ทำไมเรานิสัยไม่ดี หนีเขามาเรียนที่นี่ เราก็เลยเริ่มคุยกับเขาว่า เลิกกับเราได้นะ ตอนนั้นเราคิดว่า เรารักเขามากนะ แต่เราดูแลเขาไม่ได้ แต่จริงๆมันคือข้ออ้าง ที่เราจะตัดพี่เขา ตอนเราย้ายมาอยู่ที่มหาลัย เราก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์พี่เขา จนพี่เขาไม่โทรมาสองวัน ตอนนั้นเป็นช่วงรับน้อง เราก็เลยวุ่นๆ เราโทรหาพี่เขา พี่เขาคุยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วบอกว่าจะให้โอกาสเราทำตัวใหม่นะ เราก็เลยอื้ม แต่ก็ไม่ได้สนใจพี่เขาเหมือนเดิม จนโทรไปหาเขา เขาบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ ตอนนั้นก็ร้องไห้ แต่คิดว่าก็ดีแล้ว พี่เขาจะได้เจอสิ่งใหม่ๆ ก็เลยไม่ได้ง้อ โทรไปอีกทีพี่เขาบล็อกทุกอย่างแล้ว แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเรา พี่เขาก็บล็อก เราก็ทำใจอยู่นาน อยู่แบบคนเศร้าๆในใจ แต่ภายนอกร่าเริงนะ ช่วงเราเศร้าเป็นช่วงเราสอบพอดี เราต้องเก็บความรู้สึกนั้น เราต้องตั้งใจสอบ กะว่า สอบเสร็จ จะไปง้อพี่เขา เราก็เลยโทรไปหาเพื่อนพี่เขา แต่เราเข้าใจเพื่อนพี่เขานะ เราทำเพื่อนเขาเจ็บ เขาเลยไม่อยากช่วย เราก็เลยจะไปง้อด้วยตัวเอง เรานั่งรถไปหาเขาไปรอเขาตั้งแต่แปดโมงเช้า ยันสี่โมงเย็น เราภาวนาให้พี่เขามา สักพักพี่เขามา เรานี่รีบวิ่งเข้าไปกอดเลยนะ แต่แกเชื่อไหม สายตาที่พี่เขาเห็นเรา มันบาดใจเราจี้ดเลยอ่ะ เรากอดพี่เขา น้ำตาก็ไหล อ้อนวอน พูดกับเขาทุกอย่าง ตอนเรากอดพี่เขาเรารู้สึกได้นะว่าพี่เขากำลังจะกอดเราเหมือนกัน แต่เหมือนพี่เขาฝืนตัวเอง อาจเป็นเพราะพี่เขาเจ็บอยู่ พี่เขาใจไม่แข็งพอเลย โทรหาเพื่อน เราก็ร้องไห้ พี่เขาจึงบอกเรากลับไปเถอะ แล้วพี่เขาก็ออกไปหาเพื่อน แต่เราก็ไม่เลิกความพยายามนะ เราไปหาเขา พร้อมช่อดอกไม้ช่อนึง ตลอด ถ้ารอแล้วเขาไม่มา เราก็จะเขียนจดหมายให้เขา น้องสาวเขาบอกว่าเขาอ่านนะ แต่เขาก็แค่อ่าน แม่พี่เขาแอบอ่าน น้องสาวเขาบอกว่าแม่อ่านแล้วนำ้ตาจะไหลเลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เศร้านะ รอคอยเขา อีกแค่ไม่กี่วัน เราก็ต้องกลับไปมหาลัยแล้ว เราไปได้สี่วัน
สักวันนึงถ้าเราใช่สำหรับกันจริงๆ เราจะวนกลับมาหากันเอง .
เราเป็นเด็กเหนือคนหนึ่งที่ออกแนวสายวิชาการ ก็พอมีความแรดบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าความรักวัยรุ่น (ภาษาเหนือเรียกว่า วัยละอ่อนต่อนแต่น ) จะเป็นรักที่ยืนยาว ความรักของจขกท. ก็คงเหมือนคนทั่วไปๆ เริ่มรัก มีความสุข เริ่มมีความทุกข์ ทะเลาะ สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกลา จนเรา เริ่มคิดว่านี่แหละความรักวัยรุ่น จนมาถึงรักครั้งนั้น รักที่ตอนนี้ยังไม่ลืม ตอนนั้นเรายังอยู่แค่ม. 4 การคุยผ่านเฟสบุ๊คกำลังบูม ด้วยความที่ตอนนั้นอยากลองคุย ก็ไปค้นๆในกล่องที่เป็นการเพิ่มเพื่อน หรือคนที่คุณอาจรู้จัก ค้นไปค้นมาก็เจอรุ่นพี่คนนึง ( ARY ) พี่เขาอยู่ ม.6 เป็นรุ่นพี่ต่างโรงเรียน เออ แหะ น่ารักว่ะ ( เขาเป็นทอม ) ออกตัวก่อนนะว่าเราไม่ใช่ดี้ เราแค่ชอบในสิ่งที่เขาเป็น นางน่ารักดีนะ ตานี่กลมสวย แต่ถ้าใครมองผิวเผินจะคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชายนะ ปัจจุบันอาจารย์ที่โรงเรียนเรายังคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชายอยู่เลย 5555 หลังจากนั้นนี่ก็เข้าไปส่องเฟส ส่องๆๆ อ่า โสดจ้า ผ่าน !!! แล้วด้วยปกติเวลาคนอื่นจีบกันนี่ ถามชื่อก่อน แต่เราไม่นะ ด้วยความที่ไม่รู้จะทักยังไง ก็ทักแบบป่วงๆไปว่า
เรา : สวัสดีค่ะ
ARY : สติ๊กเกอร์รูปยิ้ม
( เอาละสิ ไปต่อไม่ถูกเลย นี่นึกในใจ ทำไมไม่ตอบแบบจ้า ครับ จะได้ไปต่อถูก 55 และด้วยควายที่อีนี่ไม่รู้จะถามยังไง คืออยากอ่อย แต่ไม่อยากออกตัวแรง )
เรา : พี่อยากเป็นอาชีพอะไรในอนาคตคะ ? >>>>> คำถามห่วยแตกมาก พี่เขาก็อ่านแบบน่าจะประมาณอึ้งๆแหละ ไม่ใช่แค่พี่หรอกคะ หนูก็อึ้งค่ะพี่ 55
ARY : อยากเป็นตำรวจ แล้วน้องหล่ะ ? >>> เห้ย แกร เริ่มมีคำเปิดประโยคแล้ว 555 คือดีย์
เรา : หนูอยากเป็นหมอค่ะ ( ปัจจุบันเรียน BBA คนละสายเลย )
หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่อยๆ แบบพี่น้องกันแหละ สกิลของชะนีทั่วไป แรกๆก็คุยผ่านเฟสบุ๊ค เริ่มขอเบอร์ ตอนนั้นจำได้ว่าพี่เขาพึ่งผ่าฝันคุดมา คุยกันชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เราคุยกันมาประมาณเกือบหกเดือน ตอนนั้นเน็ตที่ใช้ยังเป็นแบบที่เสียบคล้าย USB อยู่เลย รายเดือนนะแต่ชนิดเติมปุ๊ปเน็ตแรงได้ห้านาที ก็อืดเช่นเดิม ก็ไปร้านเน็ตบ้าง รอกันทุกๆเย็น ก็มีวันนึงที่เราก็เออ ฮึดละ ลองถามเรื่องความสัมพันธ์ไปดีกว่า เราก็ถามนะว่าพี่คิดถึงไหม พี่เขาก็ไม่เคยตอบนะ ผ่านไปสามนาทีพี่เขาก็ขึ้นรูปปกเฟสว่า คิดถึง เราก็เขินตัวบิด แต่สักพัก ก็มีรุ่นน้อง ม. 1 มาแชร์รูปพี่เขา อ่าว หยุดมโนเลยกู ก็เลยเก็บคำถามในหัวไว้ลึกๆ
แฟนเก่าเราตอนนั้นก็มาขอคืนดี แต่เราไม่กลับไปนะ ถือคติว่าแฟนเก่าจะไม่มีวันรีเทิร์นกลับมาเป็นแฟนใหม่อีก ตอนนั้นแฟนเก่านัดเจอเรา เราก็ไปนะ เพราะอยากให้จบลงด้วยดี แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะ เราทะเลาะกัน แฟนเก่าแย่งมือถือเราไป แล้วก็ค้นโทรศัพท์ แล้วเจอเบอร์พี่เขา โทรเลยจ้า โทรต่อหน้าเราด้วย
แฟนเก่า : เป็นอะไรกับ ( เรา )
ARY : ลองถาม (เรา )
สักพักแฟนเก่าก็เริ่มด่าพี่เขา เราก็เลยแย่งโทรศัพท์มา แล้วก็รีบกลับบ้าน ตอนนั้นนี่กลัวมาก กลัวเสียพี่เขาไป หลังจากนั้นเราก็พยายามโทรหาพี่เขา แล้วถามพี่เขาไปตรงๆว่าคิดอะไรกับเรารึเปล่า พี่เขาก็เงียบ แล้วพี่เขาก็พูดว่า ถ้าไม่คิดก็คงไม่คุยมาขนาดนี้หรอก ตอนนั้นยอมรับนะว่าฟิน แต่ก็ต้องควบคุมอารมณ์ก่อน แล้วก็บอกพี่เขาว่า อยากฟังแค่นี้แหละ หลังจากนั้นก็อธิบายเรื่องแฟนเก่า ความรักของพี่เขากับเราก็เพิ่มขึ้น เราเริ่มตั้งวันที่คบกันคือ 1 สิงหา ปี 56 จริงๆก็คบนานแล้ว แต่จำไม่ได้ 555 เราคุยกันมากขึ้นสมัยนั้นยังใช้โปรโทรฟรีวันทูคอล 9 บาท โทรฟรีถึงห้าโมงเย็น ละก็รอโทรหากันอีกทีห้าทุ่ม ตอนนั้นมีความสุขมาก ระยะทางระหว่างบ้านพี่เขากับบ้านเราประมาณ 30 กิโลเมตร อยู่คนละอำเภอ เชียงใหม่พื้นที่มันกว้าง 555 พี่เขาก็จะมาหาเราเป็นส่วนมาก ตอนนั้นนับถือความพยายามขับมอไซค์มาหา เราเจอกันครั้งแรกที่ห้างหน้าโรงเรียนเรา ตื่นเต้นมาก รออยู่ตรงสนามหญ้า และด้วยความสายตาสั้น อีนี่ก็หยี่ตามอง ( ตอนนั้นยังไม่ได้ใส่แว่น ) หลบในพุ่มไม้ด้วยนะ ก็ไม่รู้ว่าหลบทำไม พี่เขาก็เดินเข้ามาหาเรา เราก็ทำเป็นแก้เขินโดย โน้มตัวพี่เขา ให้นอนตัก แล้วปิดตาพี่เขา แก้เขินงี้ สักพัก อ่าวว พี่เขาหลับเฉย คงเพราะขับรถมาเหนื่อยแหละ เราก็แอบวาดรูปพี่เขานะ แต่เหมือนพี่เขารู้อ่ะ เขาก็รีบตื่นขึ้น แล้วมาช่วยเราวาดรูปตัวเองเฉย 555 แกล้งกันไปกันมา เราก็ไปเดินเล่นในห้าง มันไม่มีที่ไหนจะไปแล้วอ่ะ โรงเรียนเราอยู่ออกจากตัวเมือง หลังเขา สมัยนั้นมีแค่ห้างโลตัสแหละที่เปิด เราเดินไปที่ตุ๊กตา เฮ้ย ชอบตัวนี้ มันเป็นตุ๊กตาหมี ตัวเล็กๆ แต่ราคาไม่เล็กตามตัวเลย เดินไปเดินมา พี่เขาก็ส่งเราหน้าปากซอย
แล้วพี่เขาก็กลับ หลังจากนั้นเราก็ไปหากันบ่อยๆ
ณ วันลอยกระทง
เป็นครั้งแรกที่เราพาพี่เขาเข้าบ้าน ตอนนั้นเราทำกระทงขายก็เลยขอพี่เขามาช่วย คนในบ้านเลยรู้จัก ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัว ตอนแรกลุงเราตาขวางเลย เพราะคิดว่าพี่เขาเป็นผู้ชาย ( คนเหนือถือมากเรื่องผู้ชาย และด้วยครอบครัวเราค่อนข้างถือมากๆๆๆ ) เราก็ขำ ก็บอกว่าพี่เขาเป็นผู้หญิง ก็บอกว่านี่ แฟนนะ พี่เขาก็ยิ้มเขิน ลอยกระทงปีนั้นเรากับพี่เขาลอยด้วยกะลา ใส่ดอกไม้ แล้วก็ใส่เทียน ( ฐานประทีบ ) ก็ดูสวยอีกแบบนึง เราทำขายหมดแล้ว ลืมแบ่ง 55 ลอยเสร็จ เราก็พากันเล่นประทัด ลุงเราด้วยความที่น่าจะหวงด้วยแหละ จุดประทัดแกล้งพี่เขาเฉยเลย เราก็ขำนะ แล้วเราก็ส่งพี่เขากลับบ้าน เรามีคำพูดติดปากก่อนกลับว่า
เรา : ถึงบ้านละต้องย้ะได (ถึงบ้านแล้วต้องทำยังไง) ?
ARY : ต้องฟั้งโทรหาครับ ( ต้องรีบโทรหาคับ )
เป็นคำถามที่เราพูดทุกครั้ง เพราะหลังเลิกเรียนพี่เขาจะมารับเราที่โรงเรียนเรา มาส่งบ้านบ่อยๆ เราเป็นคนชอบทำอาหารมาก ก็มีช่วยกันทำอาหารบ้าง อร่อยไม่อร่อย ก็ต้องบอกเราว่าอร่อย พี่เขาเป็นคนกินเก่ง อาหารบางอย่างเราทำไม่ค่อยอร่อย พี่เขาก็กินจนหมดนะ 555 เหมือนกินปลอบเรา ถ้าวันไหนดึกๆมีถนนคนเดิน เราก็จะไปเดินเที่ยวด้วยกัน วันเสาร์อาทิตย์ เราก็ไปบ้านพี่เขาบ้าง บ้านพี่เขาเป็นเกษตรกร เราก็ไปเก็บพริก เก็บผักชี สนุกดีนะ เติมเต็มวัยเด็กเราได้ดีเลย บ้างก็เล่นกับน้องสาว สอนการบ้านน้องสาวเขา พ่อแม่เขาเอ็นดูเรานะ คอยเอากระเทียมฝากยายเราตลอดเลย
จนถึงตอนที่พี่เขาใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว ตอนแรกพี่เขาติดคณะที่พี่เขาชอบที่เชียงราย แต่เราก็แบบ เราจะเรียนที่มหาลัยในเชียงใหม่นะ พี่เขาก็เลยอยากเรียนใกล้กับเรา ก็เลยสละสิทธิ์ไป แล้วพี่เขาก็สอบในเชียงใหม่ เขาให้เลือกสามอันดับ พี่เขาเลือกไปแล้วสอง แล้วพี่เขาก็ไม่รูจะเลือกอะไร เลยขอเราเลือกให้ เราก็เลือกเศรษฐศาสตร์ให้ พี่เขาส่ายหัวแล้วบอกว่า พี่ไม่ชอบคณิต เราก็บอกว่า ไม่ติดหรอก ติดที่อันดับหนึ่งแน่นอน ผลออกมา พี่เขาติดเศรษฐศาสตร์ที่เราเลือก เราก็รู้สึกผิด พี่เขาบอกว่าไม่เป็นไร พี่เขาจะเรียนนะ เราก็คบกับมาเรื่อยๆ ตอนนั้นเราทำงานพาร์ทไทม์ เป็นร้านชาบู พี่เขาก็มาช่วยเหลือเรานะ เรากับเจ้าของร้านก็เหมือนพี่น้องกัน บรรยากาศในร้านเลยดูอบอุ่น เรามักแอบบเซอร์ไพส์พี่เขาหลังเลิกงานที่ร้านนี้แหละ เรามีเงินก็เที่ยวบ้าง เราชอบไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนสนิทที่อยู่ถัดไปอีกอำเภอ ก็จากที่เราอยู่ขับไปก็ครึ่งชม. ไปกินเห็ดย่าง 555 เราเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ที่บ้านเลยไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ มีกลับดึกบ้าง พี่เขาแทบเป็นเหมือนครอบครัวเราเลยนะ เราเคยบอกว่า แฟนใครก็เป็นได้ แต่คนในครอบครัว มันเข้ามาเป็นแล้วมันตัดไม่ขาดนะ พี่เขาก็ยิ้ม เรานิสัยคล้ายกัน โดยเฉพาะเรื่องกิน เราชอบกินหมูจุ่มมาก ( จิ้มจุ่ม ) อาทิตย์นึงต้องสามครั้งอ่ะ เสื้อผ้า การแต่งตัวของพี่เขา บางครั้งเราก็ชอบเลือกให้นะ เห็นพี่เขาใส่ก็หลง หลงแฟนตัวเอง >.<
มีสถานการณ์ที่เราจำได้ มันตลกมากเลย คืออำเภอที่เราอยู่มันต้องนั่งรถเข้าตัวเมืองประมาณสามชม. ขับผ่านดอยต่างๆ เราไปมาจนชินแล้ว ไม่อ้วกเลย เรากำลังไปติวสอบ ซึ่งเราก็ไปกับเพื่อน ละก็พี่เขา พี่เขาเข้ากับคนง่าย เพื่อนเรารู้จักหมด ที่สนิทสุดๆก็มีเรา พี่เขา ละก็เพื่อนสนิทเรา ตอนนั้นเรานั้งรถบัส
เบาะนึงนั่งได้สามคน เราก็เลยได้นั่งด้วยกัน ก่อนมาเรารู้สึกแบบท้องโล่งๆ พะอืดพะอม เหมือนมีลมในท้อง เพื่อนเราเลยอาสาจะช่วย
เพื่อนสนิท : กูมีวิธี เอาขวดน้ำไป ค่อยๆจิบ เอาหน้าอังกับลมไว้ ตอนอมน้ำอมอากาศเข้าไปด้วย มันจะได้ดันลมในท้องออกมา
เรา : ได้ๆ
เรานั่งริมหน้าต่าง แฟนเรา ละก็เพื่อนสนิท แฟนเราก็ช่วยพยายามดูเราตลอด ทั้งๆที่รถมันก็โค้งไปโค้งมา เราก็เลยเริ่มทำแบบที่เพื่อนบอก โดยเพื่อนจะพูดกำกับตลอด อมเข้าไป ใจเย็นๆ เราก็ทำตาม สักพัก อ้วกกกกกก อ้วกเราเต็มกางเกงเลยจ้าาาาา เลอะพี่เขาด้วย มีอ้วกก๊อกแรก ก็มักจะมีก๊อกอื่นตามมา ครั้งนี้พี่เขา รีบเอาถุงมาให้เรา แต่สุดท้ายกางเกงวอร์มเราก็เลอะอยู่ดี เราเลยถอด เพราะเรามีกางเกงขาสั้นข้างใน พี่เขาก็เก็บกางเกงเราใส่ในถุงให้ ที่น่ารักกว่านั้น พี่เขาเอากางเกงเราไปซักให้ด้วยอ่ะแกรร คนอะไรจะน่ารักขนาดนี้ เราเป็นชะนีบ้าที่ชอบคิดมากแบบ พี่เขาดี แต่เราไม่ดี เอาแต่ใจ และก็เจ้าชู้ เวลาทะเลาะนี่ พี่เขาจะรีบมาหาเลย ยิ่งตอนที่พี่เขาเรียนมหาลัยแล้ว พี่เขาก็ยังนั่งรถมาหาเราทุกอาทิตย์เลย ไปกลับก็ หกชม. ทุกอย่างก็เป็นไปปกติ จนเราเริ่มจบ ม.6 ก็ต้องเข้ามหาลัย ตอนเราปัจฉิม พี่เขามาดูแลเราตลอด ช่วยเจ้าพี่เจ้าของร้านเอาของขวัญมาให้เรา ถ่ายรูปให้เรา ไม่ว่าเทศกาลไหนๆหรือ วันสำคัญๆ พี่เขาจะอยู่ข้างเราเสมอ จบม.6 ตอนนั้นเราลืมจ่ายค่าโควต้าม.ดัง เราเลยไม่ได้สอบ เสียใจมาก เพราะอยากเข้าที่นั่นจริงๆ พี่เขาก็มาปลอบนะ เราเลยรอรอบแอดมิชชั่น ระหว่างนั้น เราก็นิสัยไม่ดี ช่วงนั้นพี่เขาก็ยุ่งๆ เราก็ทำงาน เราก็เจ้าชู้ ทำพี่เขาเสียใจบ่อยๆ คือโคตรนิสัยไม่ดีเลย แล้วก็มาจิตตกว่าพี่เขาต้องเจอคนที่ดีกว่า ชอบบอกเลิกให้ไปหาคนใหม่ พี่เขาเลยพูดขึ้นมาว่า ไม่ต้องบอกเลิกพี่ ถ้าพี่จะไป พี่ไปเอง เราไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำจริงๆ มันจะมีวันนั้นที่เขาทำจริงๆ ด้วยคบกันมาหลายปี แต่เพราะเราเองแหละ จุดเริ่มต้นมันเริ่มที่ เราแอดมิชชั่นแต่ไม่ติดที่อยากได้ พี่เขารีบขับรถมาปลอบ เราก็เลยวุ่นๆกับการรับตรงหลังแอด เราก็เลือกมาเรียนที่ ม.เกษตร กพส ใช่ มันไกลกับพี่เขามาก ตอนนั้นในหัวเรา คิดแต่ทำไมเรานิสัยไม่ดี หนีเขามาเรียนที่นี่ เราก็เลยเริ่มคุยกับเขาว่า เลิกกับเราได้นะ ตอนนั้นเราคิดว่า เรารักเขามากนะ แต่เราดูแลเขาไม่ได้ แต่จริงๆมันคือข้ออ้าง ที่เราจะตัดพี่เขา ตอนเราย้ายมาอยู่ที่มหาลัย เราก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์พี่เขา จนพี่เขาไม่โทรมาสองวัน ตอนนั้นเป็นช่วงรับน้อง เราก็เลยวุ่นๆ เราโทรหาพี่เขา พี่เขาคุยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วบอกว่าจะให้โอกาสเราทำตัวใหม่นะ เราก็เลยอื้ม แต่ก็ไม่ได้สนใจพี่เขาเหมือนเดิม จนโทรไปหาเขา เขาบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ ตอนนั้นก็ร้องไห้ แต่คิดว่าก็ดีแล้ว พี่เขาจะได้เจอสิ่งใหม่ๆ ก็เลยไม่ได้ง้อ โทรไปอีกทีพี่เขาบล็อกทุกอย่างแล้ว แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเรา พี่เขาก็บล็อก เราก็ทำใจอยู่นาน อยู่แบบคนเศร้าๆในใจ แต่ภายนอกร่าเริงนะ ช่วงเราเศร้าเป็นช่วงเราสอบพอดี เราต้องเก็บความรู้สึกนั้น เราต้องตั้งใจสอบ กะว่า สอบเสร็จ จะไปง้อพี่เขา เราก็เลยโทรไปหาเพื่อนพี่เขา แต่เราเข้าใจเพื่อนพี่เขานะ เราทำเพื่อนเขาเจ็บ เขาเลยไม่อยากช่วย เราก็เลยจะไปง้อด้วยตัวเอง เรานั่งรถไปหาเขาไปรอเขาตั้งแต่แปดโมงเช้า ยันสี่โมงเย็น เราภาวนาให้พี่เขามา สักพักพี่เขามา เรานี่รีบวิ่งเข้าไปกอดเลยนะ แต่แกเชื่อไหม สายตาที่พี่เขาเห็นเรา มันบาดใจเราจี้ดเลยอ่ะ เรากอดพี่เขา น้ำตาก็ไหล อ้อนวอน พูดกับเขาทุกอย่าง ตอนเรากอดพี่เขาเรารู้สึกได้นะว่าพี่เขากำลังจะกอดเราเหมือนกัน แต่เหมือนพี่เขาฝืนตัวเอง อาจเป็นเพราะพี่เขาเจ็บอยู่ พี่เขาใจไม่แข็งพอเลย โทรหาเพื่อน เราก็ร้องไห้ พี่เขาจึงบอกเรากลับไปเถอะ แล้วพี่เขาก็ออกไปหาเพื่อน แต่เราก็ไม่เลิกความพยายามนะ เราไปหาเขา พร้อมช่อดอกไม้ช่อนึง ตลอด ถ้ารอแล้วเขาไม่มา เราก็จะเขียนจดหมายให้เขา น้องสาวเขาบอกว่าเขาอ่านนะ แต่เขาก็แค่อ่าน แม่พี่เขาแอบอ่าน น้องสาวเขาบอกว่าแม่อ่านแล้วนำ้ตาจะไหลเลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เศร้านะ รอคอยเขา อีกแค่ไม่กี่วัน เราก็ต้องกลับไปมหาลัยแล้ว เราไปได้สี่วัน