Marina Amaral ศิลปินชาวบราซิล ได้ร่วมมือกับ #1917LIVE – RT
ในโครงการรำลึกเหตุการครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติรัสเซีย
ด้วยการเติมสีสันในภาพถ่ายขาวดำเก่าราว 100 กว่าปีก่อน
1. จักรพรรดิ์ Tsar Nicholas II กับพระราชโอรส
ในปี 1916 ก่อนการโค่นล้มราชวงศ์ Romanov
Tsar Nicholas II กำลังเล่นกับเจ้าชาย Alexei
ใกล้กับแม่น้ำ Dnieper ใน Mogilev
เจ้าชาย Alexei มีอาการเจ็บป่วยจากโรค
Hemophilia
อาการโรคดังกล่าวเป็นความลับในราชสกุล
และไม่เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบ
2. Tsar Nicholas II หลังจากสละราชบัลลังค์
ที่ Tsarskoye Selo ราชวงศ์ได้พำนักใกล้กับ Saint Petersburg
ในเดือนมีนาคม 1917 หลังจากการสละราชบัลลังค์และยกการครองราชย์ให้พระอนุชา
Grand Duke Michael Alexandrovich ที่ต่อมาก็ปฎิเสธการขึ้นดำรงตำแหน่ง
ทำให้ระบบกษัตริย์ล่มสลายลงไป (ทรงถูกยิงทิ้งพร้อมกับราชเลขานุการ Nikolay Nikolaevich Johnson)
3. Lenin ใน Stockholm
Lenin ใน Stockholm ถ่ายภาพโดย Viktor Malmström ช่างภาพสวีเดน
ในวันที่ 13 เมษายน 1917 เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Social Democrat ของสวีเดน
Lenin กับภริยา Nadezhda Krupskaya, Grigory Zinoviev
และนักสังคมนิยมชาวสวีเดน Ture Nerman, Carl Lindhagen และ Kata Dalström
ระหว่างที่จะเดินทางไปรัสเซียหลังจากเดินทางออกมาจากสวิสเซอร์แลนด์
Lenin หลบหนีมาจากราชอาณาจักรรัสเซียในปี 1908
แล้วมาปลุกระดมกับทำหนังสือโฆษณาชวนเชื่อในยุโรป
ไป ๆ มา ๆ ในกลุ่มประเทศยุโรปเพื่อหนีราชภัย
4. Alexander Kerensky
ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชจบสิ้นลงจากการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ 1917
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน รัฐบาลชั่วคราวของ Alexander Kerensky ก็ขึ้นบริหารงาน
หัวหน้ารัฐบาลมีอาชีพเป็นทนายความ นักการเมืองที่และนักพูดที่ยอดเยี่ยม
แต่ต้องสูญเสียอำนาจให้กับพรรคบอลเชวิคในการปฏิวัติตุลาคม 1917
5. Alexander Kerensky กับทหาร
ในฤดูใบไม้ผลิ 1917 Alexander Kerensky ในตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราว
กำลังปลอบขวัญทหารกองทัพรัสเซียหลังจากพ่ายแพ้การรบกับเยอรมันนีในสงครามโลกครั้งที่ 1
ก่อนที่สงครามจะยุติลงในปี 1918 ด้วยชัยชนะของรัสเซีย/พันธมิตร
6. Aurora Fleet
ทหารเรือเรือลาดตระเวน Aurora จอดเทียบท่าเรือ Petrograd (Saint Petersburg)
เพื่อขึ้นคานเรือก่อนร่วมในการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ 1917 โดยฆ่าผู้บัญชาการ
และในระหว่างการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917 ก็ได้ยิงกระสุนปืนสลุต
เพื่อส่งสัญญาณเริ่มต้นการโจมตีพระราชวังฤดูหนาว
เป็นจุดเริ่มต้นการจลาจลของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. เจ้าชาย Alexei กับเจ้าหญิง Tatiana กับสุนัข Ortipo
Tatiana พระธิดาองค์ที่ 2 ของจักรพรรดิ์ Tsar Nicholas II กับพระราชินี Alexandra
เจ้าชาย Alexei ทรงมีพระเชษฐภคินี 4 พระองค์
เจ้าหญิงทรงเป็นพระสหายที่ใกล้ชิดที่สุดกับเจ้าชาย
และตอนที่ทุกพระองค์ถูกเนรเทศก็ทรงพาสุนัขทรงเลี้ยงไปด้วย
8. ราชวงศ์ Romanov ใน Tobolsk
วันที่ 18 สิงหาคม 1917
หลังจากใช้เวลาเดินทาง 1 สัปดาห์
โดยถูกสั่งให้ย้ายมาจาก Tsarskoye Selo
ราชวงศ์รัสเซียก็มาถึงสถานที่คุมขังที่ 2
มาที่เมือง Tobolsk เขตทุรกันดารในไซบีเรีย
สถานที่แห่งนี้รัฐบาลชั่วคราวของ Alexander Kerensky
ต้องการให้ราชวงศ์อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าที่จะทำได้
เพราะเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยกับราชวงศ์
9. Nicholas II กับพระธิดา
เจ้าหญิง Olga พระธิดาองค์แรกกำลังตัดไม้ฟืนใน Tobolsk
นี่คือ กิจกรรมพักผ่อนข้างนอกสถานที่คุมขังในบันทึกประจำวันของราชวงศ์
จักรพรรดิ์ Nicholas II ทรงพอพระทัยกับการอยู่ข้างนอกพร้อมกับราชสกุล
เพราะไม่มีพระราชกรณียกิจที่ทรงต้องห่วงใยแต่ประการใดแล้ว
10. Sailors-Anarchists
ทหารเรือเรือรบ Petropavlovsk คาดว่าถ่ายภาพช่วงเดือนกรกฏาคม 1917
หรือช่วงการก่อกำเริบการปฏิวัติ Kornilov Revolt ในเดือนสิงหาคม 1917
11. Nikolskaya Tower
1 ใน 20 หอคอยของพระราชวัง Kremlin
Nikolskaya Tower มีการบูรณะขึ้นใหม่หลังจากถูกทำลายโดยกองทัพ Napoleon
และเสียหายอีกครั้งช่วงการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917
ชิ้นส่วนตกแต่งข้างประตูขนาดใหญ่เสียหายจากการถูกยิงด้วยปืนใหญ่
ต่อมาพวกบอลเชวิคก็ทำลายชิ้นส่วนทั้งสองข้างลงเสีย
จนกระทั่งในปี 1880 สีเดิมที่เป็นสีขาว
แต่หลังจากที่ผ่านกาลเวลาละเลยมาหลายปี
สีขาวค่อย ๆ หลุดร่อนออกมาเผยให้เห็นสีอิฐแดงอมน้ำตาล
12. Small Nikolaevsky Palace
หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคมในมอสโคว
Small Nikolaevsky Palace ใกล้กับพระราชวัง Kremlin
ก็ถูกทำลายลงในปี 1929
13. ภาพสุดท้ายเจ้าชาย Alexei
รัชทายาทที่ราชวงศ์รอคอยมานานเพื่อให้ขึ้นครองบัลลังก์
Alexei ทรงประสูติมาพร้อมกับโรค Hemophilia
ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวได้โดยง่าย
นั่นหมายความว่า ร่องรอยการกระแทกเพียงเล็กน้อย
อาจจะส่งผลให้มีเลือดตกในและมีอาการเจ็บปวดอย่างแรง
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายาเสพติดมอร์ฟีนใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดได้
แต่ทุกพระองค์ก็ปฏิเสธที่จะใช้กับเจ้าชายที่ทรงพระเยาว์
ทำให้บางครั้งการที่ทรงไม่ได้สติสมประดี
คือทางออกจากความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน
14. Lenin อุ้มลูกแมว
ผู้นำการปฏิวัติรัสเซียคือ ผู้รักแมวอย่างมาก
ตำนานเรื่องราวของ Lenin กับบรรดาแมวมีหลายเรื่องมาก
15. การรื้อถอนพระราชอนุสาวรีย์ Alexander III ในกรุงมอสโก
รูปหล่อขนาดใหญ่ของจักรพรรดิ์ Alexander III
พระบิดาของ Tsar Nicholas II ยืนตระหง่านอยู่เพียง 6 ปี
หลังจากที่สร้างเสร็จและเฉลิมฉลองในปี 1912
พวกคอมมิวนิสต์ทำลายลงในปี 1918
พร้อม ๆ กับอนุสาวรีย์อื่น ๆ ที่เป็นของระบอบกษัตริย์
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/8pCQPR
Brazilian artist Marina Amaral interview with RT
Nicholas II กับ Alexei ระหว่างถูกคุมขังที่ Tobolsk ไม่ถึง 1 ปีก่อนถูกปลงพระชนม์
Ipatiev House พร้อมกับรั้วไม้สองที่ทำขึ้นใหม่ก่อนราชวงศ์จะเสด็จมาถึง
ในวันที่ 30 เมษายน 1918 © Alexei Nametkin / Wikipedia
Ipatiev House สภาพห้องที่ทุกพระองค์ถูกปลงพระชนม์ © Wikipedia
เรื่องเดิม
หมายเหตุ
ในวันที่ 17 กรกฏาคม 1988
หลังจากตรวจ DNA ยืนยันเศษพระอัฐิทุกพระองค์แล้ว
ส่วนของข้าราชบริพาร 4 คนที่แยกออกไปต่างหาก
มีการทำรัฐพิธีฝังพระศพใหม่ในวิหาร St. Peter and Paul Cathedral ในนคร Saint Petersburg
ที่เป็นสุสานหลวงของราชวงศ์ Romanov ตั้งแต่สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
และเป็นวันครบรอบ 80 ปีของการปลงพระชนม์ทั้งราชสกุล
โดยประธานาธิบดี Boris Yeltsin กล่าวว่า
"
วันนี้ คือวันประศาสตร์อีกวันหนึ่งของรัสเซีย
หลายปีที่ผ่านมา เราต่างปิดปากเงียบกับอาชญากรรมที่เลวร้าย
แต่ความจริงที่ปรากฎคือ เรื่องที่จะต้องพูดกัน "
โดยมีตัวแทนราชวงศ์อังกฤษ Prince Michael of Kent
และทูตมากกว่า 20 ประเทศในรัสเซียต่างเข้าร่วมรัฐพิธีครั้งนี้
รวมทั้ง Sir Andrew Wood Archbishop John Bukovsky และ Ernst-Jörg von Studnitz
ส่วนเศษพระอัฐิของพระโอรสกับพระธิดาทั้ง 2 พระองค์
หลังจากตรวจสอบ DNA ได้แล้วมีรัฐพิธีใหม่ในปี 2008
ในปี 1981 ราชวงศ์ Nicholas ทุกพระองค์ได้รับยกย่องว่าเป็นบุญราศี
จากนักบวช Russian Orthodox Church นอกประเทศรัสเซีย
ในวันที่ 14 สิงหาคม 2000 ก็ได้รับการรับรองจากพระสังฆราช Russian Orthodox Church
ให้เป็นนักบุญทุกพระองค์เพราะเหตุผลว่า
1. Tsar Nicholas II ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นิกาย Orthodox Russian พระองค์สุดท้าย
2. ราชวงศ์ทุกพระองค์ต่างยืนหยัดอ่อนน้อมถ่อมตนและทนทุกข์ทรมานในเรือนจำ
ทั้งน้อมพระทัยต่อพระผู้เป็นเจ้าตามพระวรสาร
3. การถูกปลงพระชนม์ในคืนวันที่ 17 กรกฏาคม 1918
คือ ศรัทธาของชาวคริสต์ที่มีชัยชนะเหนือความชั่วร้ายและบาปทั้งปวง
ในวันที่ 26 สิงหาคม 2010 มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่โดยศาลสูงสุดรัสเซีย
แม้ว่าอัยการสูงสุดจะคัดค้านว่าคดีหมดอายุความไปเกือบ 100 ปีแล้ว
แต่ศาลสูงสุดมีคำสั่งว่า ต้องการพิสูจน์ความจริงว่า ใครคือฆาตกรกันแน่
ใครมีส่วนร่วมหรือออกคำสั่งให้มีการปลงพระชมน์ทั้งราชวงศ์
เพื่อประณามคนผิดที่สร้างความเลวร้ายกับราชวงศ์อย่างไม่เป็นธรรม
ในหลายประเทศคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรงต่อรัฐ/ประชาชนจะไม่มีอายุความ
เช่น อาชญากรสงคราม นาซีเยอรมัน ญี่ปุ่น เขมร เซอร์เบีย บอสเนีย หลายชาติในอัฟริกา
หรือ พวกนักรัฐประหารในละตินอเมริกาหลายชาติ
แม้ว่าจะมีการนิรโทษกรรม/อภัยโทษไปแล้ว
แต่รัฐบาลฝ่ายซ้ายต่างออกกฎหมายใหม่ยกเลิกทั้งหมด
รวมทั้งศาลสูงสุดในละตินอเมริกาหลายชาติ
มักจะมีคำสั่งไม่ยอมรับกฎหมายที่ออกโดยรัฐเผด็จการถือว่าเป็นโมฆะ
จนตัองมีการนำตัวอดีตแกนนำนักรัฐประหารมาลงโทษติดคุกไปหลายคนแล้ว
ภาพสีรำลึก 1917 ครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติรัสเซีย
ในโครงการรำลึกเหตุการครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติรัสเซีย
ด้วยการเติมสีสันในภาพถ่ายขาวดำเก่าราว 100 กว่าปีก่อน
Tsar Nicholas II กำลังเล่นกับเจ้าชาย Alexei
ใกล้กับแม่น้ำ Dnieper ใน Mogilev
เจ้าชาย Alexei มีอาการเจ็บป่วยจากโรค Hemophilia
อาการโรคดังกล่าวเป็นความลับในราชสกุล
และไม่เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบ
ในเดือนมีนาคม 1917 หลังจากการสละราชบัลลังค์และยกการครองราชย์ให้พระอนุชา
Grand Duke Michael Alexandrovich ที่ต่อมาก็ปฎิเสธการขึ้นดำรงตำแหน่ง
ทำให้ระบบกษัตริย์ล่มสลายลงไป (ทรงถูกยิงทิ้งพร้อมกับราชเลขานุการ Nikolay Nikolaevich Johnson)
ในวันที่ 13 เมษายน 1917 เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Social Democrat ของสวีเดน
Lenin กับภริยา Nadezhda Krupskaya, Grigory Zinoviev
และนักสังคมนิยมชาวสวีเดน Ture Nerman, Carl Lindhagen และ Kata Dalström
ระหว่างที่จะเดินทางไปรัสเซียหลังจากเดินทางออกมาจากสวิสเซอร์แลนด์
Lenin หลบหนีมาจากราชอาณาจักรรัสเซียในปี 1908
แล้วมาปลุกระดมกับทำหนังสือโฆษณาชวนเชื่อในยุโรป
ไป ๆ มา ๆ ในกลุ่มประเทศยุโรปเพื่อหนีราชภัย
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน รัฐบาลชั่วคราวของ Alexander Kerensky ก็ขึ้นบริหารงาน
หัวหน้ารัฐบาลมีอาชีพเป็นทนายความ นักการเมืองที่และนักพูดที่ยอดเยี่ยม
แต่ต้องสูญเสียอำนาจให้กับพรรคบอลเชวิคในการปฏิวัติตุลาคม 1917
กำลังปลอบขวัญทหารกองทัพรัสเซียหลังจากพ่ายแพ้การรบกับเยอรมันนีในสงครามโลกครั้งที่ 1
ก่อนที่สงครามจะยุติลงในปี 1918 ด้วยชัยชนะของรัสเซีย/พันธมิตร
เพื่อขึ้นคานเรือก่อนร่วมในการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ 1917 โดยฆ่าผู้บัญชาการ
และในระหว่างการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917 ก็ได้ยิงกระสุนปืนสลุต
เพื่อส่งสัญญาณเริ่มต้นการโจมตีพระราชวังฤดูหนาว
เป็นจุดเริ่มต้นการจลาจลของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เจ้าชาย Alexei ทรงมีพระเชษฐภคินี 4 พระองค์
เจ้าหญิงทรงเป็นพระสหายที่ใกล้ชิดที่สุดกับเจ้าชาย
และตอนที่ทุกพระองค์ถูกเนรเทศก็ทรงพาสุนัขทรงเลี้ยงไปด้วย
หลังจากใช้เวลาเดินทาง 1 สัปดาห์
โดยถูกสั่งให้ย้ายมาจาก Tsarskoye Selo
ราชวงศ์รัสเซียก็มาถึงสถานที่คุมขังที่ 2
มาที่เมือง Tobolsk เขตทุรกันดารในไซบีเรีย
สถานที่แห่งนี้รัฐบาลชั่วคราวของ Alexander Kerensky
ต้องการให้ราชวงศ์อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าที่จะทำได้
เพราะเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยกับราชวงศ์
นี่คือ กิจกรรมพักผ่อนข้างนอกสถานที่คุมขังในบันทึกประจำวันของราชวงศ์
จักรพรรดิ์ Nicholas II ทรงพอพระทัยกับการอยู่ข้างนอกพร้อมกับราชสกุล
เพราะไม่มีพระราชกรณียกิจที่ทรงต้องห่วงใยแต่ประการใดแล้ว
หรือช่วงการก่อกำเริบการปฏิวัติ Kornilov Revolt ในเดือนสิงหาคม 1917
Nikolskaya Tower มีการบูรณะขึ้นใหม่หลังจากถูกทำลายโดยกองทัพ Napoleon
และเสียหายอีกครั้งช่วงการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917
ชิ้นส่วนตกแต่งข้างประตูขนาดใหญ่เสียหายจากการถูกยิงด้วยปืนใหญ่
ต่อมาพวกบอลเชวิคก็ทำลายชิ้นส่วนทั้งสองข้างลงเสีย
จนกระทั่งในปี 1880 สีเดิมที่เป็นสีขาว
แต่หลังจากที่ผ่านกาลเวลาละเลยมาหลายปี
สีขาวค่อย ๆ หลุดร่อนออกมาเผยให้เห็นสีอิฐแดงอมน้ำตาล
Small Nikolaevsky Palace ใกล้กับพระราชวัง Kremlin
ก็ถูกทำลายลงในปี 1929
Alexei ทรงประสูติมาพร้อมกับโรค Hemophilia
ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัวได้โดยง่าย
นั่นหมายความว่า ร่องรอยการกระแทกเพียงเล็กน้อย
อาจจะส่งผลให้มีเลือดตกในและมีอาการเจ็บปวดอย่างแรง
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายาเสพติดมอร์ฟีนใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดได้
แต่ทุกพระองค์ก็ปฏิเสธที่จะใช้กับเจ้าชายที่ทรงพระเยาว์
ทำให้บางครั้งการที่ทรงไม่ได้สติสมประดี
คือทางออกจากความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน
ตำนานเรื่องราวของ Lenin กับบรรดาแมวมีหลายเรื่องมาก
พระบิดาของ Tsar Nicholas II ยืนตระหง่านอยู่เพียง 6 ปี
หลังจากที่สร้างเสร็จและเฉลิมฉลองในปี 1912
พวกคอมมิวนิสต์ทำลายลงในปี 1918
พร้อม ๆ กับอนุสาวรีย์อื่น ๆ ที่เป็นของระบอบกษัตริย์
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/8pCQPR
ในวันที่ 17 กรกฏาคม 1988
หลังจากตรวจ DNA ยืนยันเศษพระอัฐิทุกพระองค์แล้ว
ส่วนของข้าราชบริพาร 4 คนที่แยกออกไปต่างหาก
มีการทำรัฐพิธีฝังพระศพใหม่ในวิหาร St. Peter and Paul Cathedral ในนคร Saint Petersburg
ที่เป็นสุสานหลวงของราชวงศ์ Romanov ตั้งแต่สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
และเป็นวันครบรอบ 80 ปีของการปลงพระชนม์ทั้งราชสกุล
โดยประธานาธิบดี Boris Yeltsin กล่าวว่า
" วันนี้ คือวันประศาสตร์อีกวันหนึ่งของรัสเซีย
หลายปีที่ผ่านมา เราต่างปิดปากเงียบกับอาชญากรรมที่เลวร้าย
แต่ความจริงที่ปรากฎคือ เรื่องที่จะต้องพูดกัน "
โดยมีตัวแทนราชวงศ์อังกฤษ Prince Michael of Kent
และทูตมากกว่า 20 ประเทศในรัสเซียต่างเข้าร่วมรัฐพิธีครั้งนี้
รวมทั้ง Sir Andrew Wood Archbishop John Bukovsky และ Ernst-Jörg von Studnitz
ส่วนเศษพระอัฐิของพระโอรสกับพระธิดาทั้ง 2 พระองค์
หลังจากตรวจสอบ DNA ได้แล้วมีรัฐพิธีใหม่ในปี 2008
ในปี 1981 ราชวงศ์ Nicholas ทุกพระองค์ได้รับยกย่องว่าเป็นบุญราศี
จากนักบวช Russian Orthodox Church นอกประเทศรัสเซีย
ในวันที่ 14 สิงหาคม 2000 ก็ได้รับการรับรองจากพระสังฆราช Russian Orthodox Church
ให้เป็นนักบุญทุกพระองค์เพราะเหตุผลว่า
1. Tsar Nicholas II ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นิกาย Orthodox Russian พระองค์สุดท้าย
2. ราชวงศ์ทุกพระองค์ต่างยืนหยัดอ่อนน้อมถ่อมตนและทนทุกข์ทรมานในเรือนจำ
ทั้งน้อมพระทัยต่อพระผู้เป็นเจ้าตามพระวรสาร
3. การถูกปลงพระชนม์ในคืนวันที่ 17 กรกฏาคม 1918
คือ ศรัทธาของชาวคริสต์ที่มีชัยชนะเหนือความชั่วร้ายและบาปทั้งปวง
ในวันที่ 26 สิงหาคม 2010 มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่โดยศาลสูงสุดรัสเซีย
แม้ว่าอัยการสูงสุดจะคัดค้านว่าคดีหมดอายุความไปเกือบ 100 ปีแล้ว
แต่ศาลสูงสุดมีคำสั่งว่า ต้องการพิสูจน์ความจริงว่า ใครคือฆาตกรกันแน่
ใครมีส่วนร่วมหรือออกคำสั่งให้มีการปลงพระชมน์ทั้งราชวงศ์
เพื่อประณามคนผิดที่สร้างความเลวร้ายกับราชวงศ์อย่างไม่เป็นธรรม
ในหลายประเทศคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรงต่อรัฐ/ประชาชนจะไม่มีอายุความ
เช่น อาชญากรสงคราม นาซีเยอรมัน ญี่ปุ่น เขมร เซอร์เบีย บอสเนีย หลายชาติในอัฟริกา
หรือ พวกนักรัฐประหารในละตินอเมริกาหลายชาติ
แม้ว่าจะมีการนิรโทษกรรม/อภัยโทษไปแล้ว
แต่รัฐบาลฝ่ายซ้ายต่างออกกฎหมายใหม่ยกเลิกทั้งหมด
รวมทั้งศาลสูงสุดในละตินอเมริกาหลายชาติ
มักจะมีคำสั่งไม่ยอมรับกฎหมายที่ออกโดยรัฐเผด็จการถือว่าเป็นโมฆะ
จนตัองมีการนำตัวอดีตแกนนำนักรัฐประหารมาลงโทษติดคุกไปหลายคนแล้ว