ทริปนี้เป็นหนึ่งใน bucket list ที่ตัวเองอยากไปมากๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ และในที่สุดปีนี้ก็ได้ไปตามแผนที่วางไว้จริงๆแล้ว แต่เวลาไปพูดกับคนรอบข้างว่าไป “ย่าติง” มา สีหน้าทุกคนจะเหมือนกันหมดคือ มันอยู่ตรงไหนของโลกนี้? รวมถึงคนในครอบครัว ตอนแรกก็ไม่รู้จักย่าติงเหมือนกัน เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทู้นี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ให้คนไปเที่ยวย่าติงกันนะคะ เพราะ มันสวยมากๆๆ ถึงแม้การไปจะลำบากมากประมาณนึง นั่งรถกันจนเหนื่อยแค่ไหน แต่ไปถึงที่นั่นแล้ว หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ตามมาเที่ยวด้วยกันเล้ยยยย
แผนการเดินทางของเราเป็นดังนี้ค่ะ : คุนหมิง-แชงการีล่า- เต้าเฉิง-ย่าติง-แชงการีล่า-ลี่เจียง-คุนหมิง
ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 10 วัน งบประมาณทั้งหมดประมาณ 25,000 บาท ค่ะ
ย่าติง
อุทยานแห่งชาติย่าติง
การเดินทางมาของเรานั้นช่างยากลำบากตรากตรำ เรียกได้ว่านั่งรถจนก้นบานกันเลยทีเดียว เริ่มจากนั่งบัสจาก แขงการีล่า-เต้าเฉิง ที่ใช้เวลาประมาณ 12 ชม. เรียกได้ว่า อยู่ในรถกันทั้งวันเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ วิวข้างทางคือ สวยงามและอลังการมากจริงๆ ชั่วโมงแรกๆ นั่งฟังเพลง มองวิวภูเขาและสายหมอก ก็รู้สึกว่าคุ้มแล้วที่ลางานกันแบบยาวนาน เพื่อมาปลดปล่อยอารมณ์ที่นี่ การพักผ่อนที่แท้ทรูๆๆ แต่ชั่วโมงที่ 8 เป็นต้นไป ก็เริ่มจะรู้สึกว่า นี่ชั้นลางาน เพื่อมาทรมานกว่าเดิมสินะ เห้ออออ หลังจากถึงเมืองเต้าเฉิง เช้าวันถัดมา ก็เหมารถมาอีก 2 ชั่วโมง เพื่อมายังอุทยานแห่งนี้ค่ะ แต่มันยังไม่ถึงนะคะ!!! มันจะไม่ง่ายขนาดนั้น 55555 เรายังต้องนั่งรถบัสอีก 1 ชั่วโมงจากประตูหน้า เพื่อเข้ามายังจุดที่เริ่ม trekking ค่ะ (ถ้าใครเลือกนอนค้างภายในอุทยานแบบเราก็ต้องเวะเข้ามาหาที่พักก่อนไป trekking นะคะ)
Trekking ที่นี่ มีอยู่ 2 เส้นทางหลักๆนะคะ คือ รูทสั้นกับรูทยาว โดยวันแรกเราเลือกรูทสั้นค่ะ เป็นการปรับสภาพร่างกายอันอ่อนแอของเราเอง วันนี้เราจะไปทะเลสาบไข่มุกกันค่ะ จากจุดที่รถบัสมาปล่อยลงก็ เดินต่อมาได้เลยค่ะ ทางเดินจะเป็นบันไดเหล็ก ดูดีปลอดภัย มีมาตรฐาน เดินสะดวก เหมือนเดิมชมวิวมากกว่าจะมา trekking แต่ว่าเวลาขึ้นเนินก็จะเหนื่อยง่ายมากค่ะ เรียกได้ว่า หอบกันเลยทีเดียว เดินไปก็อัดออกซิเจนกันไปค่ะ
วิวระหว่างทางก็สวยมากๆค่ะ ต้นไม้เขียวๆเหลืองๆ เห็นภูเขาหิมะอีก ภูมิประเทศหลากหลายแบบจนอยากจะปรบมือให้กับความอลังการ วันที่เรามาเรียกได้ว่าโชคดีมากค่ะ อากาศดี ฟ้าสดใส มีกำลังใจในการเดินต่อมากค่ะ
keep walking ค่ะ เห็นแบบนี้ คนเยอะประมาณนึงเลยนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนเนี่ยแหละค่ะ มาเที่ยวกัน ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าคุ้มแล้วแหละ ที่มาไกลขนาดนี้ แล้วเจอวิวสวยๆขนาดนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรป มาแค่เมืองจีน ก็ได้วิวแบบนี้ค่ะ
ถึงแล้ว เย้ ทะเลสาบไข่มุกค่ะ มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันหลายคู่เลยค่ะ นับถือในความพยายามของเจ้าสาวมาก เพราะอากาศค่อนข้างหนาว และเหนื่อยง่ายสุดๆ เนื่องจากอากาศเบาบาง เพราะที่นี่อยู่สูงมาก อ้อ เรากินยา Diamox มาก่อนค่ะ อยากบอกว่าช่วยมากๆเลย ในการปรับระดับความดัน ตอน trekking ระหว่างทางจะเห็นคนนั่งพักตลอดทางแล้วบ่นปวดหัวๆ เยอะมากค่ะ โดยเฉพาะรูทยาว ขอขอบคุณในการเตรียมความพร้อมของเพื่อนๆเราค่ะ
เจอทะเลสาบไข่มุกแล้วอย่าเพิ่งกลับนะคะ เดินต่อไปค่ะ ถึงแม้ทางนี้จะไม่ค่อยมีคนเดินมาเลยก็ตาม เงียบเหงามาก แต่เราว่าบรรยากาศมันได้มากๆ สีต้นไม้คือสวยมากจริงๆ เรากับเพื่อนแวะนั่งกินขนมแล้วก็ชมวิวหมื่นล้านแถวนี้กันนานมากๆ ดื่มด่ำให้กับวันลาที่เสียไปค่ะ เย้
คนน้อยมากจริงๆ กับเส้นทางด้านหลังที่อ้อมมาถึงภูเขาหิมะด้านหลัง ทุกคนที่เดินผ่านมาก็จะคุยกันว่า รู้มั้ยว่าทางนี้มันไปไหน แต่เราก็เดินต่อไปค่ะ เพราะมีคนบอกว่ามันจะเป็นวงกลม สุดท้ายก็ไปบรรจบตรงบริเวณทะเลสาบไข่มุกค่ะ วันที่ 1 กว่าจะเดินเสร็จ กลับที่พักก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ อันนี้เดินชิวๆนะคะ แวะถ่ายรูปกินขนมนู่นนี่ไปเรื่อยๆ
ขอเปิดตัวรูทยาวของวันที่ 2 ด้วยภาพนี้ค่ะ ทุ่งหญ้าลั่วหรง จากจุดที่รถบัสปล่อยเราลง เดินมาอีกนิดนึงก็จะมีจุดนั่งรถกอล์ฟ พาเรามาปล่อยตรงนี้ค่ะ อยากขอเตือนเหล่าผู้ที่อ่อนแอ ร่างกายไม่ฟิตว่า ซื้อรถกอล์ฟ ไป-กลับ 80 หยวน ไปเลยค่ะ อย่าคิดจะซ่าส์แบบเราซื้อรอบเดียวแล้วคิดว่าจะเดินกลับ 5555555 (ซื้อแยก เที่ยวละ 50 หยวน) เพราะ มันไกลลล ถ้าไม่ฟิตคือเดินไม่ไหวแน่นอน แล้วยิ่งถ้าต้องทำเวลาด้วย จงซื้อไปเลยค่ะ!
trekking ที่แท้ทรูจะเริ่มขึ้นวันที่ 2 ค่ะ เราจะไปทะเลสาบน้ำนม และทะเลสาบห้าสีกันค่ะ รูทนี้นี่ คนละเรื่องกับรูทแรกเลยนะคะ ไม่แปลกใจเลยที่มีพี่ๆคนไทยหลายคนที่รู้จักเดินไปไม่ถึง มันเหนื่อยมากจริงๆค่ะ ยิ่งขาขึ้นนี่คือ เดิน 10 ก้าว แวะหอบ 10 ที สูดออกซิเจน 2 อึ้ก แล้วค่อยเดินต่อค่ะ แต่โชคดีที่เราได้ทำการเปลี่ยนแผน เลือกนอนที่นี่อีกหนึ่งคืน ไม่ต้องรีบทำเวลามาก ไกลแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ก็ตั้งมั่นแล้วค่ะ ว่าต้องเดินให้ถึง สู้ค่ะ!!!
เดินมาหลายชั่วโมง นึกว่าจะถึงแล้วววว มันยังไม่ถึงค่ะ ภาพนี้เป็นจุดทางแยกว่าจะไป ทะเลสาบน้ำนมหรือ ทะเลสาบห้าสีก่อน คนส่วนใหญ่ จะเดินขึ้นทะลสาบห้าสีก่อน โชคดีที่เราแวะเจ๊าะแจ๊ะกับคนจีนที่เดินสวนมา นางบอกว่า อย่าขึ้นทางนี้นะ อันนี้เหนื่อยมาก ให้ไปทะเลสาบน้ำนมข้างหน้าก่อน แล้วตรงนั้นจะมีทางขึ้นทะเลสาบห้าสี ที่สบายกว่าอันนี้ ฟังแล้วก็ เย้ มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง แสดงว่าใกล้จะถึงแล้ว
บนทางเดินแห่งความฝันนี้........
อาจไม่มีพรมแดงปูทาง......
เดินไปก็ร้องเพลง ปลอบใจตัวเองไปค่ะ แวะถ่ายรูปนู่นนี่ สวยทุกมุมจริงๆค่ะ อลังการดาวล้านดวง trekking ล่าสุดที่ไปคือ นอร์เวย์ ตอนนั้นเดินไปก็คิดว่า มีใครเคยตายอยู่บนนี้หรือเปล่าน้ออออ แต่ที่นี่ตอนเดินรู้สึกว่าเหนื่อยกว่ารอบนั้นอีกค่ะ อาจจะเป็นเพราะอากาศก็บาง ทางก็ลาดขึ้นอีก เหนื่อยยยยยมากกกกกกกกกก (เราเป็นสายอ่อนแอค่ะ) ยาดมนี่อยู่ในมือตลอดเวลา
มันสวยมากจริงๆค่ะ ธรรมชาติเค้าโหดมากจริงๆ
เหลือบมองไปเห็นคุณพี่ช่างกล้องคนนึง ปีนขึ้นไปบนเนินถ่ายรูป ยอมใจจริงๆค่ะ มันอาจจะดูไม่สูงมากนะคะ แต่เดินจริงๆเราจะหอบตลอดเวลา
เย้ เห็นสีฟ้าๆจากที่ไกลๆ ถึงแล้วจ้าทะเลสาบน้ำนม สวยเว่อวังอลังการ เพื่อนในทริปที่ไปเลห์มา บอกว่าให้ที่นี่ชนะเลห์อีกนะคะ นางประทับใจมากกกกก เห็นวิวนี้หายเหนื่อยเลยค่ะ แต่ว่าลมแรงมาก อากาศก็หนาววว ยิ่งที่โล่งจะยิ่งหนาว
เหล่าผู้พิชิต เย้
ทางที่ชาวจีนบอกว่าเดินขึ้นมาทะเลสาบห้าสีได้ค่ะ มองย้อนกลับไปจะเห็นทะเลสาบน้ำนม และเหล่ามวลมหาประชาชน มันสวยและฟ้ามากจริงๆ แต่ทางนี้ก็ไม่ชิวนะคะ เดินขึ้นเนินคือเหนื่อยมากกกก คิดในใจว่าหลอกชั้นหรือเปล่าให้มาทางนี้ 555555555 ระหว่างทางขึ้นนั่งหมดสภาพ มีคนมาให้กำลังใจมากมายค่ะ ทั้งชาวจีน และชาวไทย เจอพี่คนไทยคนนึงบอกว่า “เกือบแล้วครับน้อง อีกนิดนึง” เราก็แบบสู้เว้ยยยยย แล้วพี่เค้าก็ต่อว่า “เกือบจะไม่ไหวแล้วน่ะครับบบ” ฮือออออ ขอกำลังใจค่ะพี่ ไม่ใช่บั่นทอน
ถึงแล้วค่ะ ทะเลสาบห้าสี หนาวมาก และลมแรงมาก เราว่าทะเลสาบน้ำนมสวยกว่านะ แต่ก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากอันเมื่อกี้ดี ส่วนขาลง เราต้องใช้ทางที่ชาวจีนเตือนว่าอย่าเดินขึ้น ซึ่งโหดมากจริงๆค่ะ ขอบคุณนางมาก เพราะ แค่เดินลงยังเสียวๆจะกลิ้งลงมาหลายรอบเลย
ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ได้เวลาเดินกลับมายังจุดขึ้นรถกอล์ฟค่ะ ซึ่งทางลงจะชิวกว่าทางขึ้นเยอะมาก คิดถูกจริงๆที่เปลี่ยนแผนนอนที่นี่อีกคืน ไม่งั้นตอนนั้นซึ่งเป็นเวลาประมาณ 4 โมงกว่า คงต้องรีบตาลีตาเหลือกเดินลง แต่ทีนี้พอชิวแล้วก็แวะดูนู่นนี่ไปเรื่อยๆค่ะ ประจวบเหมาะกับเป็นเวลาที่สัตว์ต่างๆจะออกมากินอาหารค่ะ เจอทั้งจามรี กวาง ไม่กลัวคนเลยค่ะ ที่นี่ธรรมชาติมากจริงๆ รู้สึกคุ้มค่ามากจริงๆกับการเดินทางครั้งนี้
เหล่าม้าแคระก็มากินหญ้าค่ะ เดินจบวันนี้รูทยาว ถึงที่พักก็เกือบ ทุ่มพอดีค่ะ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ 2 วัน แล้ว ก็ต้องบอกลาย่าติง ว่าจะมาแนะนำให้คนอื่นๆมาเที่ยวต่อสักครั้งในชีวิต แต่ตัวชั้นเองนั้น คงจะต้องขอบาย 55555555 การเดินทางมามันเช่างหนื่อยล้าเหลือเกินนน เจอกันใหม่ในความทรงจำจ้า บรัยยย
[CR] AUTUMN YADING 2017… ไหนใครยังไม่รู้จักย่าติง
ทริปนี้เป็นหนึ่งใน bucket list ที่ตัวเองอยากไปมากๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ และในที่สุดปีนี้ก็ได้ไปตามแผนที่วางไว้จริงๆแล้ว แต่เวลาไปพูดกับคนรอบข้างว่าไป “ย่าติง” มา สีหน้าทุกคนจะเหมือนกันหมดคือ มันอยู่ตรงไหนของโลกนี้? รวมถึงคนในครอบครัว ตอนแรกก็ไม่รู้จักย่าติงเหมือนกัน เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทู้นี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ให้คนไปเที่ยวย่าติงกันนะคะ เพราะ มันสวยมากๆๆ ถึงแม้การไปจะลำบากมากประมาณนึง นั่งรถกันจนเหนื่อยแค่ไหน แต่ไปถึงที่นั่นแล้ว หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ตามมาเที่ยวด้วยกันเล้ยยยย
แผนการเดินทางของเราเป็นดังนี้ค่ะ : คุนหมิง-แชงการีล่า- เต้าเฉิง-ย่าติง-แชงการีล่า-ลี่เจียง-คุนหมิง
ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 10 วัน งบประมาณทั้งหมดประมาณ 25,000 บาท ค่ะ
ย่าติง
อุทยานแห่งชาติย่าติง
การเดินทางมาของเรานั้นช่างยากลำบากตรากตรำ เรียกได้ว่านั่งรถจนก้นบานกันเลยทีเดียว เริ่มจากนั่งบัสจาก แขงการีล่า-เต้าเฉิง ที่ใช้เวลาประมาณ 12 ชม. เรียกได้ว่า อยู่ในรถกันทั้งวันเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ วิวข้างทางคือ สวยงามและอลังการมากจริงๆ ชั่วโมงแรกๆ นั่งฟังเพลง มองวิวภูเขาและสายหมอก ก็รู้สึกว่าคุ้มแล้วที่ลางานกันแบบยาวนาน เพื่อมาปลดปล่อยอารมณ์ที่นี่ การพักผ่อนที่แท้ทรูๆๆ แต่ชั่วโมงที่ 8 เป็นต้นไป ก็เริ่มจะรู้สึกว่า นี่ชั้นลางาน เพื่อมาทรมานกว่าเดิมสินะ เห้ออออ หลังจากถึงเมืองเต้าเฉิง เช้าวันถัดมา ก็เหมารถมาอีก 2 ชั่วโมง เพื่อมายังอุทยานแห่งนี้ค่ะ แต่มันยังไม่ถึงนะคะ!!! มันจะไม่ง่ายขนาดนั้น 55555 เรายังต้องนั่งรถบัสอีก 1 ชั่วโมงจากประตูหน้า เพื่อเข้ามายังจุดที่เริ่ม trekking ค่ะ (ถ้าใครเลือกนอนค้างภายในอุทยานแบบเราก็ต้องเวะเข้ามาหาที่พักก่อนไป trekking นะคะ)
Trekking ที่นี่ มีอยู่ 2 เส้นทางหลักๆนะคะ คือ รูทสั้นกับรูทยาว โดยวันแรกเราเลือกรูทสั้นค่ะ เป็นการปรับสภาพร่างกายอันอ่อนแอของเราเอง วันนี้เราจะไปทะเลสาบไข่มุกกันค่ะ จากจุดที่รถบัสมาปล่อยลงก็ เดินต่อมาได้เลยค่ะ ทางเดินจะเป็นบันไดเหล็ก ดูดีปลอดภัย มีมาตรฐาน เดินสะดวก เหมือนเดิมชมวิวมากกว่าจะมา trekking แต่ว่าเวลาขึ้นเนินก็จะเหนื่อยง่ายมากค่ะ เรียกได้ว่า หอบกันเลยทีเดียว เดินไปก็อัดออกซิเจนกันไปค่ะ
วิวระหว่างทางก็สวยมากๆค่ะ ต้นไม้เขียวๆเหลืองๆ เห็นภูเขาหิมะอีก ภูมิประเทศหลากหลายแบบจนอยากจะปรบมือให้กับความอลังการ วันที่เรามาเรียกได้ว่าโชคดีมากค่ะ อากาศดี ฟ้าสดใส มีกำลังใจในการเดินต่อมากค่ะ
keep walking ค่ะ เห็นแบบนี้ คนเยอะประมาณนึงเลยนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนเนี่ยแหละค่ะ มาเที่ยวกัน ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าคุ้มแล้วแหละ ที่มาไกลขนาดนี้ แล้วเจอวิวสวยๆขนาดนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรป มาแค่เมืองจีน ก็ได้วิวแบบนี้ค่ะ
ถึงแล้ว เย้ ทะเลสาบไข่มุกค่ะ มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันหลายคู่เลยค่ะ นับถือในความพยายามของเจ้าสาวมาก เพราะอากาศค่อนข้างหนาว และเหนื่อยง่ายสุดๆ เนื่องจากอากาศเบาบาง เพราะที่นี่อยู่สูงมาก อ้อ เรากินยา Diamox มาก่อนค่ะ อยากบอกว่าช่วยมากๆเลย ในการปรับระดับความดัน ตอน trekking ระหว่างทางจะเห็นคนนั่งพักตลอดทางแล้วบ่นปวดหัวๆ เยอะมากค่ะ โดยเฉพาะรูทยาว ขอขอบคุณในการเตรียมความพร้อมของเพื่อนๆเราค่ะ
เจอทะเลสาบไข่มุกแล้วอย่าเพิ่งกลับนะคะ เดินต่อไปค่ะ ถึงแม้ทางนี้จะไม่ค่อยมีคนเดินมาเลยก็ตาม เงียบเหงามาก แต่เราว่าบรรยากาศมันได้มากๆ สีต้นไม้คือสวยมากจริงๆ เรากับเพื่อนแวะนั่งกินขนมแล้วก็ชมวิวหมื่นล้านแถวนี้กันนานมากๆ ดื่มด่ำให้กับวันลาที่เสียไปค่ะ เย้
คนน้อยมากจริงๆ กับเส้นทางด้านหลังที่อ้อมมาถึงภูเขาหิมะด้านหลัง ทุกคนที่เดินผ่านมาก็จะคุยกันว่า รู้มั้ยว่าทางนี้มันไปไหน แต่เราก็เดินต่อไปค่ะ เพราะมีคนบอกว่ามันจะเป็นวงกลม สุดท้ายก็ไปบรรจบตรงบริเวณทะเลสาบไข่มุกค่ะ วันที่ 1 กว่าจะเดินเสร็จ กลับที่พักก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ อันนี้เดินชิวๆนะคะ แวะถ่ายรูปกินขนมนู่นนี่ไปเรื่อยๆ
ขอเปิดตัวรูทยาวของวันที่ 2 ด้วยภาพนี้ค่ะ ทุ่งหญ้าลั่วหรง จากจุดที่รถบัสปล่อยเราลง เดินมาอีกนิดนึงก็จะมีจุดนั่งรถกอล์ฟ พาเรามาปล่อยตรงนี้ค่ะ อยากขอเตือนเหล่าผู้ที่อ่อนแอ ร่างกายไม่ฟิตว่า ซื้อรถกอล์ฟ ไป-กลับ 80 หยวน ไปเลยค่ะ อย่าคิดจะซ่าส์แบบเราซื้อรอบเดียวแล้วคิดว่าจะเดินกลับ 5555555 (ซื้อแยก เที่ยวละ 50 หยวน) เพราะ มันไกลลล ถ้าไม่ฟิตคือเดินไม่ไหวแน่นอน แล้วยิ่งถ้าต้องทำเวลาด้วย จงซื้อไปเลยค่ะ!
trekking ที่แท้ทรูจะเริ่มขึ้นวันที่ 2 ค่ะ เราจะไปทะเลสาบน้ำนม และทะเลสาบห้าสีกันค่ะ รูทนี้นี่ คนละเรื่องกับรูทแรกเลยนะคะ ไม่แปลกใจเลยที่มีพี่ๆคนไทยหลายคนที่รู้จักเดินไปไม่ถึง มันเหนื่อยมากจริงๆค่ะ ยิ่งขาขึ้นนี่คือ เดิน 10 ก้าว แวะหอบ 10 ที สูดออกซิเจน 2 อึ้ก แล้วค่อยเดินต่อค่ะ แต่โชคดีที่เราได้ทำการเปลี่ยนแผน เลือกนอนที่นี่อีกหนึ่งคืน ไม่ต้องรีบทำเวลามาก ไกลแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ก็ตั้งมั่นแล้วค่ะ ว่าต้องเดินให้ถึง สู้ค่ะ!!!
เดินมาหลายชั่วโมง นึกว่าจะถึงแล้วววว มันยังไม่ถึงค่ะ ภาพนี้เป็นจุดทางแยกว่าจะไป ทะเลสาบน้ำนมหรือ ทะเลสาบห้าสีก่อน คนส่วนใหญ่ จะเดินขึ้นทะลสาบห้าสีก่อน โชคดีที่เราแวะเจ๊าะแจ๊ะกับคนจีนที่เดินสวนมา นางบอกว่า อย่าขึ้นทางนี้นะ อันนี้เหนื่อยมาก ให้ไปทะเลสาบน้ำนมข้างหน้าก่อน แล้วตรงนั้นจะมีทางขึ้นทะเลสาบห้าสี ที่สบายกว่าอันนี้ ฟังแล้วก็ เย้ มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง แสดงว่าใกล้จะถึงแล้ว
บนทางเดินแห่งความฝันนี้........
อาจไม่มีพรมแดงปูทาง......
เดินไปก็ร้องเพลง ปลอบใจตัวเองไปค่ะ แวะถ่ายรูปนู่นนี่ สวยทุกมุมจริงๆค่ะ อลังการดาวล้านดวง trekking ล่าสุดที่ไปคือ นอร์เวย์ ตอนนั้นเดินไปก็คิดว่า มีใครเคยตายอยู่บนนี้หรือเปล่าน้ออออ แต่ที่นี่ตอนเดินรู้สึกว่าเหนื่อยกว่ารอบนั้นอีกค่ะ อาจจะเป็นเพราะอากาศก็บาง ทางก็ลาดขึ้นอีก เหนื่อยยยยยมากกกกกกกกกก (เราเป็นสายอ่อนแอค่ะ) ยาดมนี่อยู่ในมือตลอดเวลา
มันสวยมากจริงๆค่ะ ธรรมชาติเค้าโหดมากจริงๆ
เหลือบมองไปเห็นคุณพี่ช่างกล้องคนนึง ปีนขึ้นไปบนเนินถ่ายรูป ยอมใจจริงๆค่ะ มันอาจจะดูไม่สูงมากนะคะ แต่เดินจริงๆเราจะหอบตลอดเวลา
เย้ เห็นสีฟ้าๆจากที่ไกลๆ ถึงแล้วจ้าทะเลสาบน้ำนม สวยเว่อวังอลังการ เพื่อนในทริปที่ไปเลห์มา บอกว่าให้ที่นี่ชนะเลห์อีกนะคะ นางประทับใจมากกกกก เห็นวิวนี้หายเหนื่อยเลยค่ะ แต่ว่าลมแรงมาก อากาศก็หนาววว ยิ่งที่โล่งจะยิ่งหนาว
เหล่าผู้พิชิต เย้
ทางที่ชาวจีนบอกว่าเดินขึ้นมาทะเลสาบห้าสีได้ค่ะ มองย้อนกลับไปจะเห็นทะเลสาบน้ำนม และเหล่ามวลมหาประชาชน มันสวยและฟ้ามากจริงๆ แต่ทางนี้ก็ไม่ชิวนะคะ เดินขึ้นเนินคือเหนื่อยมากกกก คิดในใจว่าหลอกชั้นหรือเปล่าให้มาทางนี้ 555555555 ระหว่างทางขึ้นนั่งหมดสภาพ มีคนมาให้กำลังใจมากมายค่ะ ทั้งชาวจีน และชาวไทย เจอพี่คนไทยคนนึงบอกว่า “เกือบแล้วครับน้อง อีกนิดนึง” เราก็แบบสู้เว้ยยยยย แล้วพี่เค้าก็ต่อว่า “เกือบจะไม่ไหวแล้วน่ะครับบบ” ฮือออออ ขอกำลังใจค่ะพี่ ไม่ใช่บั่นทอน
ถึงแล้วค่ะ ทะเลสาบห้าสี หนาวมาก และลมแรงมาก เราว่าทะเลสาบน้ำนมสวยกว่านะ แต่ก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากอันเมื่อกี้ดี ส่วนขาลง เราต้องใช้ทางที่ชาวจีนเตือนว่าอย่าเดินขึ้น ซึ่งโหดมากจริงๆค่ะ ขอบคุณนางมาก เพราะ แค่เดินลงยังเสียวๆจะกลิ้งลงมาหลายรอบเลย
ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ได้เวลาเดินกลับมายังจุดขึ้นรถกอล์ฟค่ะ ซึ่งทางลงจะชิวกว่าทางขึ้นเยอะมาก คิดถูกจริงๆที่เปลี่ยนแผนนอนที่นี่อีกคืน ไม่งั้นตอนนั้นซึ่งเป็นเวลาประมาณ 4 โมงกว่า คงต้องรีบตาลีตาเหลือกเดินลง แต่ทีนี้พอชิวแล้วก็แวะดูนู่นนี่ไปเรื่อยๆค่ะ ประจวบเหมาะกับเป็นเวลาที่สัตว์ต่างๆจะออกมากินอาหารค่ะ เจอทั้งจามรี กวาง ไม่กลัวคนเลยค่ะ ที่นี่ธรรมชาติมากจริงๆ รู้สึกคุ้มค่ามากจริงๆกับการเดินทางครั้งนี้
เหล่าม้าแคระก็มากินหญ้าค่ะ เดินจบวันนี้รูทยาว ถึงที่พักก็เกือบ ทุ่มพอดีค่ะ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ 2 วัน แล้ว ก็ต้องบอกลาย่าติง ว่าจะมาแนะนำให้คนอื่นๆมาเที่ยวต่อสักครั้งในชีวิต แต่ตัวชั้นเองนั้น คงจะต้องขอบาย 55555555 การเดินทางมามันเช่างหนื่อยล้าเหลือเกินนน เจอกันใหม่ในความทรงจำจ้า บรัยยย