หลังจากที่ไม่ได้ตั้งมาก็นาน แต่ความรู้สึกตอนนี้มันปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ
(ใครเบื่อเกริ่น ข้ามสอง สาม ย่อหน้านี้ไปเลยนะคะ คนเขียนชอบพร่ำก่อนเริ่ม)
ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนในเฟสคนหนึ่ง(เพื่อนกวาง) โพสถึงความรู้สึกของการได้ดูหนังเรื่องนึงออกมา
คำบรรยายในนั้น แค่ไม่กี่บันทัด กลับทำให้เราอยากรู้ว่าคือเรื่องอะไร จนต้องเข้าไปเม้นถาม
สิ่งที่ได้กลับมาคือ ชื่อเรื่อง Only The Brave ซึ่งไม่ได้รุ้จักเลย เข้าไปดูผ่านๆยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนังสงคราม
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วจะเป็นชะนี เพ้อฝัน ชอบดูหนังรัก แฟนตาซี และหนังผี มากกว่า แนวสงคราม ท้าตาย
หรือหนังสงครามประสาท นี่ก็ไม่เอาเลย (คือชีวิตปัจบันก็เครียดอยู่แล้วไง เลยอยากจะรับเอาแต่อะไรที่มันบันเทิงมากกว่า)
เมื่อออกอ่าวเหม่อลอย เวลาผ่านไป จนมาถึงวันนี้ช่วงที่คร่ำเคร่งกับงาน ก็มีสายโทรศัพท์จากเพื่อนอีกคนนึง
(เมมชื่อนางว่า เพื่อนโบว์ เพื่อนร่วมโสด
ไม่โสดเป็นเพื่อนกรุละ โท่ดๆ นอกเรื่องไปอีก)
คือนางบอกว่านางได้บัตรมาจากแฟนของเพื่อน ซึ่งก็แฟนของเพื่อนกวางนั่นแหละ
ก็เลยได้มาดู รอบสองทุ่ม ณ ประการเช่นนี้
อันนี้ขอเล่าด้วยความรู้สึกล้วนๆเนื่องจากไม่ได้ รู้เรื่องข่าวหรือ หาข้อมูลมาก่อน นักแสดงก็ไม่รู้จักอีกเช่นกัน
สิ่งที่รู้ตอนต้น คือ เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง
เอาจริงๆ พอรู้ว่าจะได้ดูหนัง เกี่ยวกับคนดับไฟป่า ก็ใจไม่ดีแล้วละ
การเริ่มเรื่องของที่นี้ก็จะไม่มีอะไรมาก ให้เห็นเรื่องราวคร่าวๆ ของแต่ละคนแต่ละครอบครัว และก็จะมีคนดูเหมือนจะเป็นปัญหาอยู่คนนึง
ช่วงแรกของเรื่องดำเนินผ่านไปไว แต่ก็ทำให้เห็นอะไรหลายๆ มิตรภาพ ความรัก การให้โอกาส การขอโอกาส การหาโอกาส การพยายาม การฝึกฝน
การคาดหวัง มุมมอง แนวคิด หรือแม้แต่การยอมรับความเห็น ซึ่งทุกอย่างเหล่านี้ เราล้วนแต่ได้เจอในสังคมจริงๆทั้งนั้น
ซึ่งในแต่ละคนก็จะรับมือ หรือแสดงออกมาไม่เหนือนกัน (ก็หาทางรอดกันต่อไปนะ ...นี่ก็ร่อแร่เนี่ย)
พอดูไปได้กลางเรื่องหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยง ความเสียสละ ความกล้าที่คนอาชีพนี้ต้องเผชิญ รวมไปถึงลักษณะการทำงาน
ที่พวกเค้าต้องเจอ และพยายามที่จะเอาชนะกับสิ่งที่เผชิญ ซึ่งเราจะรู้สึกถึงความผูกพันของตัวแสดงที่เค้ามีต่อกัน จนมาถึงทางเลือกที่ใครหลายคนต้องนึกถึง หน้าที่ พวกพ้อง และครอบครัว ช่วงนี้ก็จะเปิดถึงปัญหาของเรื่อง
จนมาถึงช่วงพีคในตอนท้ายของเรื่อง กับสิ่งหนึ่งที่ดูเล็กน้อยแต่อย่างนึงที่อีฟไม่เคยไว้ใจ คือเรื่องของความไม่แน่นอนของธรรมชาติ
ซึ่งตรงนี้นำมาซึ่งจุดที่สะเทือนใจของเรื่อง ตอนดูก็รู้สึกว่าตัวเองผูกพันและนับถือในความเสียสละของพวกเค้าไปแล้ว
พอถึงฉากตรงนี้จึงเป็นจุดที่บีบคั้น เสียใจ และสร้างความเศร้าออกมา และดำเนินเข้าสู่ความจริงที่ต้องยอมรับ จนหนังจบ
ทุกคนในโรงต่างก็ตบมือให้กับหนังเรื่องนี้ นี่ยังคงนั่งอินน้ำตาไหลอยุ่เลย
ถ้าในเรื่องของความรู้สึกการได้ดูเรื่องนี้ ถึงตอนนี้ความรู้สึกก็ยังอัดแน่นอยู่
ขอบคุณผู้สร้างและทีมนักแสดงที่ทำหนังเรื่องนี้ออกมา
ขอบคุณในความกล้าหาญและเสียสละของคนเหล่านั้น ผู้จากไป
>> ONLY THE BRAVE <<
(บอกเล่า) Only The Brave หนังที่ไม่คิดจะดู แต่ดันมีโอกาสได้ดู
(ใครเบื่อเกริ่น ข้ามสอง สาม ย่อหน้านี้ไปเลยนะคะ คนเขียนชอบพร่ำก่อนเริ่ม)
ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนในเฟสคนหนึ่ง(เพื่อนกวาง) โพสถึงความรู้สึกของการได้ดูหนังเรื่องนึงออกมา
คำบรรยายในนั้น แค่ไม่กี่บันทัด กลับทำให้เราอยากรู้ว่าคือเรื่องอะไร จนต้องเข้าไปเม้นถาม
สิ่งที่ได้กลับมาคือ ชื่อเรื่อง Only The Brave ซึ่งไม่ได้รุ้จักเลย เข้าไปดูผ่านๆยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนังสงคราม
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วจะเป็นชะนี เพ้อฝัน ชอบดูหนังรัก แฟนตาซี และหนังผี มากกว่า แนวสงคราม ท้าตาย
หรือหนังสงครามประสาท นี่ก็ไม่เอาเลย (คือชีวิตปัจบันก็เครียดอยู่แล้วไง เลยอยากจะรับเอาแต่อะไรที่มันบันเทิงมากกว่า)
เมื่อออกอ่าวเหม่อลอย เวลาผ่านไป จนมาถึงวันนี้ช่วงที่คร่ำเคร่งกับงาน ก็มีสายโทรศัพท์จากเพื่อนอีกคนนึง
(เมมชื่อนางว่า เพื่อนโบว์ เพื่อนร่วมโสด
คือนางบอกว่านางได้บัตรมาจากแฟนของเพื่อน ซึ่งก็แฟนของเพื่อนกวางนั่นแหละ
ก็เลยได้มาดู รอบสองทุ่ม ณ ประการเช่นนี้
อันนี้ขอเล่าด้วยความรู้สึกล้วนๆเนื่องจากไม่ได้ รู้เรื่องข่าวหรือ หาข้อมูลมาก่อน นักแสดงก็ไม่รู้จักอีกเช่นกัน
สิ่งที่รู้ตอนต้น คือ เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง
เอาจริงๆ พอรู้ว่าจะได้ดูหนัง เกี่ยวกับคนดับไฟป่า ก็ใจไม่ดีแล้วละ
การเริ่มเรื่องของที่นี้ก็จะไม่มีอะไรมาก ให้เห็นเรื่องราวคร่าวๆ ของแต่ละคนแต่ละครอบครัว และก็จะมีคนดูเหมือนจะเป็นปัญหาอยู่คนนึง
ช่วงแรกของเรื่องดำเนินผ่านไปไว แต่ก็ทำให้เห็นอะไรหลายๆ มิตรภาพ ความรัก การให้โอกาส การขอโอกาส การหาโอกาส การพยายาม การฝึกฝน
การคาดหวัง มุมมอง แนวคิด หรือแม้แต่การยอมรับความเห็น ซึ่งทุกอย่างเหล่านี้ เราล้วนแต่ได้เจอในสังคมจริงๆทั้งนั้น
ซึ่งในแต่ละคนก็จะรับมือ หรือแสดงออกมาไม่เหนือนกัน (ก็หาทางรอดกันต่อไปนะ ...นี่ก็ร่อแร่เนี่ย)
พอดูไปได้กลางเรื่องหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยง ความเสียสละ ความกล้าที่คนอาชีพนี้ต้องเผชิญ รวมไปถึงลักษณะการทำงาน
ที่พวกเค้าต้องเจอ และพยายามที่จะเอาชนะกับสิ่งที่เผชิญ ซึ่งเราจะรู้สึกถึงความผูกพันของตัวแสดงที่เค้ามีต่อกัน จนมาถึงทางเลือกที่ใครหลายคนต้องนึกถึง หน้าที่ พวกพ้อง และครอบครัว ช่วงนี้ก็จะเปิดถึงปัญหาของเรื่อง
จนมาถึงช่วงพีคในตอนท้ายของเรื่อง กับสิ่งหนึ่งที่ดูเล็กน้อยแต่อย่างนึงที่อีฟไม่เคยไว้ใจ คือเรื่องของความไม่แน่นอนของธรรมชาติ
ซึ่งตรงนี้นำมาซึ่งจุดที่สะเทือนใจของเรื่อง ตอนดูก็รู้สึกว่าตัวเองผูกพันและนับถือในความเสียสละของพวกเค้าไปแล้ว
พอถึงฉากตรงนี้จึงเป็นจุดที่บีบคั้น เสียใจ และสร้างความเศร้าออกมา และดำเนินเข้าสู่ความจริงที่ต้องยอมรับ จนหนังจบ
ทุกคนในโรงต่างก็ตบมือให้กับหนังเรื่องนี้ นี่ยังคงนั่งอินน้ำตาไหลอยุ่เลย
ถ้าในเรื่องของความรู้สึกการได้ดูเรื่องนี้ ถึงตอนนี้ความรู้สึกก็ยังอัดแน่นอยู่
ขอบคุณผู้สร้างและทีมนักแสดงที่ทำหนังเรื่องนี้ออกมา
ขอบคุณในความกล้าหาญและเสียสละของคนเหล่านั้น ผู้จากไป
>> ONLY THE BRAVE <<