เผอิญได้อ่านเรื่องราวที่แม่ๆสมัยนี้ พาลูกเที่ยว แล้วก็มาเขียนรีวิวเล่าสู่กันฟังในพันทิป
อ่านแล้วก็นึกสนุก อยากจะมาเล่าเรื่องทริปพาลูกเที่ยวของตัวเองดูบ้าง
เลยไปรื้ออัลบั้มภาพเก่าๆมาประกอบคำบรรยาย ลองอ่านกันเล่นๆ
เผื่อคนสมัยนี้อาจจะไม่เคยไป เพราะหลายๆที่ ตอนนี้มันไม่มีแล้ว
ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านรีวิวท่องเที่ยวจากคนแก่อายุ 70 ปีดูบ้าง
สถานที่ที่จะมารีวิววันนี้ คือ แฮปปี้แลนด์
สมัยที่แม่พาลูกไปเที่ยว ตอนนั้นปี 2521 เศรษฐกิจสมัยนั้นยังไม่ค่อยดี คนส่วนใหญ่ยังมีรายได้ไม่มากนัก
จำได้ว่าทองยังบาทละไม่เกิน 3,800 บาท แต่ค่าเข้าสวนสนุกราคา 50 บาท (เด็กเข้าฟรี) ถือว่าแพงเลยทีเดียว
การไปเที่ยวทีนึง จึงถือเป็นเรื่องใหญ่
แฮปปี้แลนด์ที่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดสดแฮปปี้แลนด์ หรือหลายคนอาจจะรู้จักในฐานะปลายทางรถเมล์สาย 8 ไปแล้วนั้น
ในสมัยเมื่อสัก 40 ปีก่อนนั้นเป็นสถานที่ที่น่าเที่ยว ตื่นเต้นมากๆ สำหรับคนกรุงเทพ มองจากภายนอกเวลานั่งรถผ่าน
จะเห็นเป็นปราสาทแบบฝรั่งดูใหญ่โต ใครๆก็มองจนต้องเหลียวหลัง แม่ก็ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องพาลูกมาเที่ยวสักครั้ง
แล้วแม่กับสามีก็ตัดสินใจจะพาลูกไปเที่ยวกับเค้าบ้าง พวกเราเตรียมตัวกันเป็นอาทิตย์
สมัยนั้นเราเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่แถวราชวัตร วันนั้น เราตัดใจปิดร้านวันนึง ทั้งๆที่ปกติเปิดทุกวันทั้งปีไม่เคยปิด
ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรก็ตาม พวกเราสามพ่อแม่ลูก ลูกชายแม่ตอนนั้นอายุยังไม่สองขวบดี
เราต้องอาศัยนั่งรถเพื่อนไปด้วยกันจากราชวัตรไปถึงลาดพร้าว แถวๆคลองจั่น
ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทุ่งนาเต็มไปหมด แต่ถึงแม้รถจะไม่ติด ก็ยังกินเวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่า
และก็คงเพราะเราไม่ได้ออกมาเที่ยวกันบ่อยๆ ได้เที่ยวกันที พวกเราก็เลยแต่งตัวกันเต็มที่
แฟชั่นผู้หญิงสมัยนั้นนิยมใส่ชุดเป็นเสื้อและกระโปรงลายดอกไม้สีสวยๆเข้าชุดกัน ผ้าโปร่งๆใส่สบาย
ส่วนผู้ชายนิยมใส่กางเกงทรงมอส หัวเข่าฟิต ปลายขาบานนิดนึง เก๋ทีเดียว
เสียดายไม่มีภาพของสามีให้อวดเสื้อผ้าผู้ชายเลย เพราะแกต้องรับหน้าที่เป็นตากล้องให้พวกเราตลอด
ยุคนั้นมันไม่มีกล้องเซลฟี่ แถมกล้องสมัยก่อนถ่ายง่ายเสียที่ไหน ต้องปรับอะไรเยอะไปหมด แม่ถ่ายไม่เป็นหรอก
ขออนุญาตเล่าบรรยากาศข้างในไปพร้อมๆกับรูป
จากภาพที่เห็นข้างหลัง จะเป็นคลองที่เขาขุดขึ้นมาให้นั่งเรือไปรอบๆแฮปปี้แลนด์
จำได้ว่าเรือไม่ได้มีเครื่อง เข้าใจว่าเค้าทำให้น้ำมันไหลไปเรื่อยๆ เพื่อพาเรือให้ไหลไปตามสายน้ำ
ลูกยังเล็กอยู่ กลัวตกน้ำไปจะอันตรายเลยไม่ได้ขึ้น ถ่ายรูปก็พอแล้ว
หลังจากนั้นเราก็เดินไปถ่ายรูปเล่นกันกับมิกกี้ มินนี่ และก็ตัวการ์ตูนอีกสารพัด
แม่ก็จำไม่ได้ บางตัวก็ไม่รู้จัก แต่สมัยนั้นเราสนุกกันง่าย แค่มีตัวแมว ตัวหมา แต่งหน้าแต่งตาสีสวยๆมาตั้งไว้
เราก็ชอบแล้ว เด็กๆเค้าก็ตื่นเต้น เลยถ่ายรูปมาเยอะเชียว
แล้วก็พาลูกไปเล่นเครื่องเล่นหลายอย่าง นั่งเรือห่าน รถบังคับ รถไฟ ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือบ้านผีสิงจำได้ว่าน่ากลัวมาก อุ้มลูกชายเข้าไป ร้องไห้เลย
แปลกดี เด็กแค่นี้ก็รู้จักกลัวผีกับเค้าด้วย แต่คนก็เข้าบ้านผีสิงกันเยอะนะคะ สงสัยจะชอบเรื่องน่ากลัวกัน
นี่คือบรรดาหุ่นของการ์ตูนฝรั่ง ไม่แน่ใจว่าเค้ามีลิขสิทธิ์หรือไม่ คิดว่าไม่น่าจะมี เพราะมีหลายตัวเหลือเกิน
อีกสิ่งที่เด็กๆนิยมกันมากคือ ม้าหมุน ต่อแถวกันยาวเลย ตัวม้าจะไม่ใหญ่มากเหมาะกับเด็กๆดี
แกะสลักจากไม้ทั้งชิ้น แข็งแรงดี แม่ชอบม้าหมุนช้าๆ มีเสียงเพลงเพราะๆแบบฝรั่ง พอหมดรอบก็ต้องไปต่อแถว เสียเงินใหม่
ค่าตั๋วเครื่องเล่นนับว่าไม่ถูก ค่าอาหารเครื่องดื่มในแฮปปี้แลนด์ก็แพงกว่าข้างนอกพอสมควรทีเดียว
แม่ก็เลือกให้ลูกเล่นเฉพาะอันที่ชอบจริงๆ อย่างนั่งรถไฟอันนี้เด็กๆก็ชอบ เรือห่านก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน
แฮปปี้แลนด์นี่ใหญ่มาก พวกเราเดินเที่ยวไม่ทั่วหรอก เราหยุดแวะหาอะไรกินตอนบ่ายแก่ๆ
จำได้ว่ามีไก่ทอดเคนตั๊กกี้มีสัญลักษณ์เป็นหุ่นลุงแก่ผมขาวยืนอยู่หน้าร้าน
กินเสร็จเดินเที่ยวอีกนิดหน่อยสัก 5 โมงเย็นก็ต้องกลับบ้านแล้ว มันมืดเร็ว ถนนลาดพร้าวก็ยังไม่ค่อยดี
ขออภัยนะคะ ที่เขียนซะยืดยาว ขอจบการรีวิวท่องเที่ยวไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าลูกๆหลานๆจะเพลิดเพลินบ้าง
แต่สำหรับใคร ที่โตทันแล้วเคยไปเที่ยวแฮปปี้แลนด์ ก็หวังว่าจะช่วยให้หายคิดถึงได้บ้าง
จริงๆก็อยากชวนเพื่อนๆ ผู้สูงอายุท่านอื่น ใครมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้ว ลองมาเขียนแลกเปลี่ยนกัน
เผื่อจะได้ย้อนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ กัน สำหรับดิฉัน ยิ่งเขียน ก็ยิ่งคิดถึงลูกสมัยเล็กๆ
ตอนนั้น ไปไหนก็ต้องเอาติดเอวไปด้วยตลอด
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ดิฉันก็อยากกลับไปเที่ยวในบรรยากาศแบบนั้น อีกสักครั้ง
ทริปพาลูกเที่ยวแฮปปี้แลนด์เมื่อ 40 ปีก่อน
อ่านแล้วก็นึกสนุก อยากจะมาเล่าเรื่องทริปพาลูกเที่ยวของตัวเองดูบ้าง
เลยไปรื้ออัลบั้มภาพเก่าๆมาประกอบคำบรรยาย ลองอ่านกันเล่นๆ
เผื่อคนสมัยนี้อาจจะไม่เคยไป เพราะหลายๆที่ ตอนนี้มันไม่มีแล้ว
ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านรีวิวท่องเที่ยวจากคนแก่อายุ 70 ปีดูบ้าง
สถานที่ที่จะมารีวิววันนี้ คือ แฮปปี้แลนด์
สมัยที่แม่พาลูกไปเที่ยว ตอนนั้นปี 2521 เศรษฐกิจสมัยนั้นยังไม่ค่อยดี คนส่วนใหญ่ยังมีรายได้ไม่มากนัก
จำได้ว่าทองยังบาทละไม่เกิน 3,800 บาท แต่ค่าเข้าสวนสนุกราคา 50 บาท (เด็กเข้าฟรี) ถือว่าแพงเลยทีเดียว
การไปเที่ยวทีนึง จึงถือเป็นเรื่องใหญ่
แฮปปี้แลนด์ที่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดสดแฮปปี้แลนด์ หรือหลายคนอาจจะรู้จักในฐานะปลายทางรถเมล์สาย 8 ไปแล้วนั้น
ในสมัยเมื่อสัก 40 ปีก่อนนั้นเป็นสถานที่ที่น่าเที่ยว ตื่นเต้นมากๆ สำหรับคนกรุงเทพ มองจากภายนอกเวลานั่งรถผ่าน
จะเห็นเป็นปราสาทแบบฝรั่งดูใหญ่โต ใครๆก็มองจนต้องเหลียวหลัง แม่ก็ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องพาลูกมาเที่ยวสักครั้ง
แล้วแม่กับสามีก็ตัดสินใจจะพาลูกไปเที่ยวกับเค้าบ้าง พวกเราเตรียมตัวกันเป็นอาทิตย์
สมัยนั้นเราเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่แถวราชวัตร วันนั้น เราตัดใจปิดร้านวันนึง ทั้งๆที่ปกติเปิดทุกวันทั้งปีไม่เคยปิด
ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรก็ตาม พวกเราสามพ่อแม่ลูก ลูกชายแม่ตอนนั้นอายุยังไม่สองขวบดี
เราต้องอาศัยนั่งรถเพื่อนไปด้วยกันจากราชวัตรไปถึงลาดพร้าว แถวๆคลองจั่น
ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทุ่งนาเต็มไปหมด แต่ถึงแม้รถจะไม่ติด ก็ยังกินเวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่า
และก็คงเพราะเราไม่ได้ออกมาเที่ยวกันบ่อยๆ ได้เที่ยวกันที พวกเราก็เลยแต่งตัวกันเต็มที่
แฟชั่นผู้หญิงสมัยนั้นนิยมใส่ชุดเป็นเสื้อและกระโปรงลายดอกไม้สีสวยๆเข้าชุดกัน ผ้าโปร่งๆใส่สบาย
ส่วนผู้ชายนิยมใส่กางเกงทรงมอส หัวเข่าฟิต ปลายขาบานนิดนึง เก๋ทีเดียว
เสียดายไม่มีภาพของสามีให้อวดเสื้อผ้าผู้ชายเลย เพราะแกต้องรับหน้าที่เป็นตากล้องให้พวกเราตลอด
ยุคนั้นมันไม่มีกล้องเซลฟี่ แถมกล้องสมัยก่อนถ่ายง่ายเสียที่ไหน ต้องปรับอะไรเยอะไปหมด แม่ถ่ายไม่เป็นหรอก
ขออนุญาตเล่าบรรยากาศข้างในไปพร้อมๆกับรูป
จากภาพที่เห็นข้างหลัง จะเป็นคลองที่เขาขุดขึ้นมาให้นั่งเรือไปรอบๆแฮปปี้แลนด์
จำได้ว่าเรือไม่ได้มีเครื่อง เข้าใจว่าเค้าทำให้น้ำมันไหลไปเรื่อยๆ เพื่อพาเรือให้ไหลไปตามสายน้ำ
ลูกยังเล็กอยู่ กลัวตกน้ำไปจะอันตรายเลยไม่ได้ขึ้น ถ่ายรูปก็พอแล้ว
หลังจากนั้นเราก็เดินไปถ่ายรูปเล่นกันกับมิกกี้ มินนี่ และก็ตัวการ์ตูนอีกสารพัด
แม่ก็จำไม่ได้ บางตัวก็ไม่รู้จัก แต่สมัยนั้นเราสนุกกันง่าย แค่มีตัวแมว ตัวหมา แต่งหน้าแต่งตาสีสวยๆมาตั้งไว้
เราก็ชอบแล้ว เด็กๆเค้าก็ตื่นเต้น เลยถ่ายรูปมาเยอะเชียว
แล้วก็พาลูกไปเล่นเครื่องเล่นหลายอย่าง นั่งเรือห่าน รถบังคับ รถไฟ ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือบ้านผีสิงจำได้ว่าน่ากลัวมาก อุ้มลูกชายเข้าไป ร้องไห้เลย
แปลกดี เด็กแค่นี้ก็รู้จักกลัวผีกับเค้าด้วย แต่คนก็เข้าบ้านผีสิงกันเยอะนะคะ สงสัยจะชอบเรื่องน่ากลัวกัน
นี่คือบรรดาหุ่นของการ์ตูนฝรั่ง ไม่แน่ใจว่าเค้ามีลิขสิทธิ์หรือไม่ คิดว่าไม่น่าจะมี เพราะมีหลายตัวเหลือเกิน
อีกสิ่งที่เด็กๆนิยมกันมากคือ ม้าหมุน ต่อแถวกันยาวเลย ตัวม้าจะไม่ใหญ่มากเหมาะกับเด็กๆดี
แกะสลักจากไม้ทั้งชิ้น แข็งแรงดี แม่ชอบม้าหมุนช้าๆ มีเสียงเพลงเพราะๆแบบฝรั่ง พอหมดรอบก็ต้องไปต่อแถว เสียเงินใหม่
ค่าตั๋วเครื่องเล่นนับว่าไม่ถูก ค่าอาหารเครื่องดื่มในแฮปปี้แลนด์ก็แพงกว่าข้างนอกพอสมควรทีเดียว
แม่ก็เลือกให้ลูกเล่นเฉพาะอันที่ชอบจริงๆ อย่างนั่งรถไฟอันนี้เด็กๆก็ชอบ เรือห่านก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน
แฮปปี้แลนด์นี่ใหญ่มาก พวกเราเดินเที่ยวไม่ทั่วหรอก เราหยุดแวะหาอะไรกินตอนบ่ายแก่ๆ
จำได้ว่ามีไก่ทอดเคนตั๊กกี้มีสัญลักษณ์เป็นหุ่นลุงแก่ผมขาวยืนอยู่หน้าร้าน
กินเสร็จเดินเที่ยวอีกนิดหน่อยสัก 5 โมงเย็นก็ต้องกลับบ้านแล้ว มันมืดเร็ว ถนนลาดพร้าวก็ยังไม่ค่อยดี
ขออภัยนะคะ ที่เขียนซะยืดยาว ขอจบการรีวิวท่องเที่ยวไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าลูกๆหลานๆจะเพลิดเพลินบ้าง
แต่สำหรับใคร ที่โตทันแล้วเคยไปเที่ยวแฮปปี้แลนด์ ก็หวังว่าจะช่วยให้หายคิดถึงได้บ้าง
จริงๆก็อยากชวนเพื่อนๆ ผู้สูงอายุท่านอื่น ใครมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้ว ลองมาเขียนแลกเปลี่ยนกัน
เผื่อจะได้ย้อนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ กัน สำหรับดิฉัน ยิ่งเขียน ก็ยิ่งคิดถึงลูกสมัยเล็กๆ
ตอนนั้น ไปไหนก็ต้องเอาติดเอวไปด้วยตลอด
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ดิฉันก็อยากกลับไปเที่ยวในบรรยากาศแบบนั้น อีกสักครั้ง