[CR][SR] เส้นทางเดินเขาหิมาลัย เนปาล 7-9วัน Mardi himal, Annapurna, Nepal

ไปเดินเส้นทางใหม่มาแชร์ครับ รีวิวทริปนี้เน้น trekking ล้วนๆ ไม่ได้เที่ยวชมเมืองนะ

UPDATED: อีกรอบ*


ระยะเวลาทั้งทริป: 7-9วัน
——
ใครมีเวลาน้อยก็จอง flight บินตรงแบบรีบไปรีบกลับจะใช้เวลา < 7วัน

ใช้เวลา trek เดินบนภูเขา 5วัน 4คืน
เที่ยวเตร่ในเมือง นอนที่ Pokhara 2 คืน
นอนที่กาฐมันฐุ + นอนบนเครื่อง 2 คืน

งบประมาณ: 30-35k
——
จะประหยัดได้อีก ถ้าเลือกนั่งรถไปโพคารา
* วิธีการเดินทางอยู่ข้างล่างนะ

ดูรายละเอียดค่าใช้จ่าย แบบไม่รวมช้อป:
——
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เจ้าหอบเงิน

แผนที่เส้นทาง trekking ขึ้นเขา
——
เส้นทางที่เราไปกันคือ Mardi Himal เป็นภูเขาที่อยู่ติดกับ มัจฉาปูชเร (Machhapuchhre - Fish tail) เป็นยอดเขารูปหางปลา เป็นเส้นทางใหม่พึ่งเปิดได้ 3-4ปี เราเดินไปถึงแค่ช่วง High camp - upper view point ที่ความสูง 3700m. เนื่องจากเวลาจำกัดและถ้าไปสูงกว่านี้ต้องลุยน้ำแข็ง


route ของเรานั่งรถจาก Pokhara ไปเริ่มเดินจาก Kande ใช้เวลาเดินขึ้น 3 วัน เดินลงอีก 2 วัน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การเดินทาง
——

1. กรุงเทพ - กาฐมันฐุ
====
ทริปนี้เราจอง flight สายการบินหนึ่งที่เครื่องตกหายไป 2ครั้ง (ไม่ได้กลัวข่าวเลย :p) ขอไม่กล่าวถึงเพราะ flight เราโดนเลื่อนหลายรอบ ทำให้เสียเวลาผิดแผน บินจาก BKK - KL - KTM ใช้เวลาบิน 2 + 5 hr รวมเวลารอเครื่องก็ข้ามคืนพอดี แนะนำว่าบินตรงจากไทย BKK-KTM คุ้มสุด

2. กาฐมันฐุ - Pokhara (เขียนกันหลายแบบ โพคารา โพครา โปขะรา)
====
ระหว่างเมืองห่างกันแค่ 200km แต่เส้นทางเป็นหุบเขา ถนนยังไม่พัฒนา รถวิ่งลำบากมาก ไปได้ 3วิธี
- บินไป (อยู่บนฟ้าไม่เกิน < 20นาที) รวมรอเครื่องเผื่อ delay 2ชม.
- Tourist Bus 10 usd ถูก ประหยัด ปลอดภัย วันสุดท้ายได้ถามนักเดินทางขึ้นรถมาแต่เช้า 9am. - 6pm. รวม 9ชม
- Taxi ที่นี่มีแต่รถ Eco คันเล็กๆ (< 1200cc) นั่งได้แค่ 4คน พอดีเหมาไป 100-120 usd 5-8 ชม

เราเลือกบินไปครับ เวลามีน้อย เราไป Yeti Airline เป็นเครื่องใบพัดไปขึ้นเครื่องจากสนาม Kathmandu International เดินไปฝั่ง domestic terminal 10นาที ประเทศนี้ delay บ่อยเผื่อเวลาไว้ 1-2 ชม. ถ้าเวลาเหลือๆ ลองนั่งบัสดูฝรั่งบอกว่าโอเค

อีกสายคือ Bhudha airline ลำเล็กราคาพอกัน จองผ่านเว็บได้

3. เตรียมตัวก่อนเดินทางในเมือง Pokhara
====
เราเลือกมาพักที่ new Pokhara Lodge ตามกระทู้พันทิพย์นี่แหละ https://ppantip.com/topic/32511701 หัวเราะ
ห้องไม่หรูอะไร แต่สะอาดใช้ได้มีน้ำอุ่น หลับสบาย ยังไงเราก็มาเดินป่าอยู่แล้ว ลุงคนดูแลดีมาก มารับที่สนามบิน จัดการติดต่อไกด์ให้ข้อมูลครบ แถมรับฝากของไว้ระหว่างเราไปขึ้นเขาอีก เอาไป 10 กะโหลก ค่าห้อง 25.x USD จองผ่าน booking เราให้ไป 30 ไม่ต้องทอน

ไกด์ - local guide ตอนจองที่พักก็ติดต่อผ่านที่พักได้เลย หรือมาหาที่นี่ก็ได้ guide ของเราชื่อว่า Anil อานิล โม้ว่าการจะเป็นไกด์ได้ไม่ง่ายนะ ต้องสอบใบอนุญาติ ทดสอบเส้นทาง พูดสื่อสารอังกฤษได้รู้เรื่อง blabla ค่าใช้จ่ายรวมแล้ว 20usd / day (ไม่ต้องเลี้ยงข้าวออกค่าห้องให้เค้าอีก)

ลูกหาบ - porter มาพร้อมไกด์นั่นแหละ วันละ 15 usd all included จะจ้างหรือไม่ก็ได้ ผมออกกำลังหนักระดับนึงจึงแบกเป้เอง 6-7kg (ไม่ควรเกิน 10%ของนน.ตัว) ส่วนเพื่อนไม่ออกกำลังก็เอาลูกหาบไป คำเตือน - คนเดินตัวเปล่าลงเขายังเจ็บเข่า ถ้าไม่มั่นใจจ้างไปเถอะ ฉุกเฉินยังมีคนช่วย

อุปกรณ์ - ในเมืองโพคารามีร้านขายอุปกรณ์เดินป่าราคาถูก (แพงก็มี ของก๊อปก็เยอะ) ขาดหรือขี้เกียจแบกอะไรมาซื้อเอาที่นี่ ได้กางเกงเดินป่ามาคนละตัว1500 รูปี = 500บาท
เม่ากิจกรรม

แนะนำอุปกรณ์อื่นๆ
----
- ชุดกันหนาว 0 องศา ควรมีถุงมือ, down jacket แบบมี hood กันฝน ถ้าหน้าหนาวก็กันหิมะ
- ถุงนอนผ้าห่ม ถ้าขี้เกียจแบกในที่พักมีผ้าห่มให้กลิ่นอับหน่อย แต่อุ่นมากก
- กระเป๋า backpack ถ้าแบกเอง ควรจะมีสายรัดเอว นน. จะอยู่ที่เอว
- กล้อง DSLR อย่าคิดจะห้อยคอ หรือสะพายข้าง เวลาขึ้นเขามันจะแกว่งกระแทกอกจุกกันไป แนะนำสาย strap ติดตัวหรือใส่เป้เล็กตอนถ่ายค่อยหยิบออกมา
- รองเท้า ถ้ามาฤดูนี้ trail running หรือ hiking boot ก็พอ แต่ถ้าจะมาเดินลุยหิมะ ต้องเอาบูทกันหิมะแบบมีขนข้างใน หรืออย่างน้อยก็กันน้ำ ถ้าผ้าใบคุณเปียกหิมะ ไม่สนุกแน่ โคตรทรมาน
- ไม้ค้ำจะช่วยได้เยอะตอนลงเขา แต่เราขี้เกียจถือไปจึงเลือกใช้นวัตกรรมธรรมชาติเรียกว่า.. “bamboo stick”
เพี้ยนออกทริป

4 ออกเดินทาง
====

เรานั่งรถ taxi คันเล็กไปไปที่ Kande (ใครจะไปทาง Poonhil ก็จะเลยไปลงที่ Nayapul ดูแผนที่ข้างล่าง) รถที่นี่เป็นแบบนี้หมด suziki Alto เล็กมากก4 ที่นั่ง เบียดกันไป 5 (คนขับ + ไกด์ + ลูกหาบ) ใครมาเยอะกว่านี้อาจต้องเป็นรถ jeep หรือบัส เป็นทางวิ่งขึ้นเขาระหว่างทางจะเห็นแม่น้ำมีจุดตกปลา ค่ารถขึ้นมาถือว่าแพงนะวิ่งชั่วโมงเดียว 18USD 600กว่าบาท.. ไหนว่าประเทศนี้ของถูก T_T

day 1. Kande - Pothana - Pitam Deurali
——
เดินวันแรกแค่ 3 ชั่วโมงก่อน ให้ร่างกายปรับสภาพ มีหอบแฮ่กๆ แวะพักกินข้าวระหว่างทาง คืนแรกนอนที่ deurali จากที่นี่มองเห็นยอดเขา annapurna south นี่เป็นจุดสุดท้ายที่เรามีไฟฟ้าช้าจแบต

day 2. Deurali - Forest camp - Rest camp
——
ช่วงขึ้นเขา เป็นป่าดิบชื้น บรรยากาศเหมือนหนัง jurasic park มีมอสเฟิร์นปกคลุม อุณหภูมิ 10-15 แต่เดินแล้วเหงื่อออก

วันนี้เริ่มเดินยาวๆ 4-5 ชั่วโมง ที่พักบนเขาไม่ค่อยมีสัญญานโทรศัพท์ขึ้นกับสภาพอากาศ จึงโทรจองไม่ได้ และที่พักมีไม่มากถ้าเต็มก็นอน tent หรือไปหาเอาข้างหน้า เราไปถึง Forest camp (Kokar) ไม่มีที่นอนจึงเดินต่อไป rest camp อีก 30นาที รวมแล้ววันนี้เดิน 5ชม.

อ่อ ถ้าคุณสั่งเมนูไก่ที่นี่ จะมีไก่ตัวอ้วนๆ แถวนั้นซักตัวชะตาขาด.. เอารูปเล็กพอไม่กล้าลง

ส่วนรายละเอียดสภาพที่พักแต่ละจุดไว้มาอัพเดทข้างล่างนะ

day 3. Rest camp - Low camp - Badal panda - High camp - view point
——
วันที่ 3 เดินไต่ระดับความสูง 3200-3700m เราไปในช่วงปลายฝนต้นหนาว อุณหภูมิ 0-2 องศา กลางคืนอาจติดลบ ถ้าไปหน้าหนาวธันวาจะเป็นหิมะน้ำแข็งปกคลุม การเดินลุยหิมะขึ้นเขาต้องใช้รองเท้ากันน้ำ กันลื่น เดินยากเหนื่อยกว่า 2เท่า


เราเดินเลย High camp ไปหน่อย เดินไปถ่ายรูปไปชิวๆ ไม่เหนื่อยแต่ใช้เวลาไป 6ชั่วโมง.. เวลาเราไม่พอไปถึง base camp
Anil เราแนะนำให้เราย้อนกลับมานอนที่ Middle camp (Badal danda) อยู่ที่ความสูง 3250m ตอนเช้าจะตื่นมาจะได้เห็นวิวในภาพ

day 4
——
ลูกหาบของเราชื่อว่า Kedah กีด้าชอบยืมไอโฟนไป selfie

คนเลี้ยงแกะทำงานตั้งแต่เช้า

อุณหภูมิตอนเช้าน้ำแข็งเริ่มละลาย บ้านเราเรียกแม่คะนิ้งนั่นแหละ

วันนี้เป็นการเดินลงยาวๆ เราเดินจาก middle camp - low camp - forrest camp ถึงจุดนี้ใครมาทางนี้ ถ้าไม่อยากทรมานเข่าเดินกลับไป deurali ทางเดิมง่ายสุด แต่เรามีเวลาเหลือจึงลองแวะไปอีกหมู่บ้านนึงคือ landruk เป็นการเดินลงเขา 5ชม. ลงเนิน ลงบันได ลงๆๆ ปวดเข่าเลยทีเดียว

คืนนี้เราก็พักที่ landruk เริ่มกลับสู่ความเจริญแล้ว มีไฟฟ้า มีน้ำอุ่นและสัญญาน internet หลังจากอยู่บนเขาห่างไกลความเจริญมาหลายวัน จากที่นี่ยังมองเห็น Annapurna South ไกลๆ

ใครขี้เกียจเดินแล้วจากจุดนี้รถ jeep วิ่งได้ โดยสามารถติดต่อผ่านที่พักในหมู่บ้านโซนนี้มี connection หมด โทรเรียกรถมารับเราได้ ค่ารถก็ 50USD (หาคนแชร์ก็ได้นะ) แต่ไม่เป็นไรลุง เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเดินกลับเองได้

day 5
——
วันสุดท้ายเดินกลับ landruk - pothana - kande

ตอนขึ้นเจอแต่คนแบกของขึ้น เพิ่งได้เห็นขบวนลาขนของ

เดินไม่ไกลมาก 3.5 ชั่วโมง บรรยากาศเป็นหมู่บ้านเชิงเขา ที่กลายสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยว เด็กๆ เห็นนักเดินทางจะวิ่งมา hello นมัสเตบ้าง ขอช้อคโกแลต!? บ้าง

อ่อ ลืมเล่าว่า chocolate เป็นที่นิยมมากที่นี่ ในกลุ่ม trekker นักเดินเขาทั้งหลายเพราะ มันให้พลังงานเยอะดีในที่หนาว แต่มันไม่ได้ขายถูกๆ ครับพี่น้อง คิทแคท 4 แถวบ้านเรา 25บาท ที่นี่ 300 รูปี = 100 บาท มาถึงวันแรก ไม่รู้เรื่องหยิบช้อคโกแลตนมมาแท่งนึง 700รูปี

เอาล่ะกลับเข้าเมืองซะที จาก Kande ก็โทรนัดรถ taxi มารับเหมือนเดิมลงเขาชั่วโมงเดียว 18 USD หรือ 1800รูปี

เส้นทางอื่นๆ ที่น่าไป
——
ระหว่างทางเราได้พบปะพูดคุยกับนักเดินทางหลายคน แนะนำ route อื่นๆ จากจุดที่เราเริ่มเดิน สามารถเลือกไปจุดสำคัญได้หลายที่แล้วแต่เวลางบประมาณที่มี

- Poon hill จุดชุมวิวยอดฮิต เดินยากน้อยที่สุด(ไม่ง่ายอยู่ดี) เดินไปกลับได้ในเวลา 4วัน ตอนแรกแพลนจะไปนี่ แต่อย่างที่ว่ามันฮิตมาก จึงมีฝูงคนหนาแน่นในฤดูท่องเที่ยว เราต้องการปลีกวิเวกสงบๆ จึงเลือกเส้นทางใหม่
- Jom som Muktinath เป็นสำหรับสายแสวงบุญ มีวิหารวัดวาทั้งพุทธ ฮินดู น้ำพุศักสิทธิ์ ลุงที่ไปมาใช้คำว่า "it’s the most holy place"
- ABC (Annapurna Base Camp) เส้นทางยาวที่สุดในเทือกเขาอันนาปรุณะ อันนี้ต้องมีเวลาว่างซัก 3สัปดาห์

จบการเดินทางละ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ถ้าใครจะ backpack ไปเองครับ
ชื่อสินค้า:   Mardi-himal trekking, Annapurna, อันนาปรุณะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่