สวัสดีค่ะ กระทู้นี้สืบเนื่องมาจากกระทู้ก่อนที่เรามาเที่ยว''สังขละบุรี'' แล้วเราก็เลยมาเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์เพื่อข้ามไปเที่ยวฝั่งประเทศเพื่อนบ้านกันค่ะนั่นคือประเทศพม่า เมืองพญาตองซู นั่นเอง
ก่อนที่จะข้ามฝั่งไปพม่า เราก็ต้องแวะที่ "ด่านเจดีย์สามองค์" กันก่อนนะค่ะ เรานั่งรถสองแถวมาจากเมืองสังขละบุรีมาถึงที่นี่ในราคา 60 บาทค่ะ
ด่านพระเจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนตะวันตกของประเทศไทย กั้นพรมแดนระหว่างไทยและพม่าค่ะ ในสมัยก่อนที่แห่งนี้ เคยเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญในการทำสงครามไทย–พม่า เดิมเรียกกันว่า “หินสามกอง” เนื่องจากชาวบ้านที่ผ่านมาบริเวณนี้ ก็จะนำหินมากองไว้เพื่อสักการะเป็นสิริมงคลในการเดินทาง นานวันกองหินก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น และต่อมาใน พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็น ซึ่งเป็นเจดีย์สามองค์ในปัจจุบันค่ะ
หลังจากนั้น เราก็จะข้ามแดนไปฝั่งพม่ากันค่ะ โดยเราจะต้องทำการติดต่อที่ด่านชายแดนเจดีย์สามองค์เพื่อทำบัตรผ่านแดนเข้าพม่าภายใน 1 วันเสียก่อน ถ้าเราเหมารถเที่ยวจะมีคนนำเที่ยวดำเนินการให้เราแต่ถ้าเราเที่ยวเองก็ติดต่อเองค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ข้ามแดนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรประชาชนตัวจริงไว้ 1 ใบ และให้บัตรผ่านแดนมา เมื่อกลับเข้ามาอย่าลืมแวะด่านเพื่อแลกบัตรประชาชนตัวจริงคืนนะคะ ถึงเวลา 18.00 น. ค่ะ
2. กรณีนำรถยนต์เข้าไปในพม่า จะต้องใช้ สำเนาทะเบียนรถ/พรบ./ประกันภัย/ป้ายวงกลม(ป้ายการเสียภาษี) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเสียค่าธรรมเนียมคันละ 50 บาท (มอเตอร์ไซค์เอาเข้าไปไม่ได้)
ค่าธรรมเนียมผ่านด่านชายแดนเจดีย์สามองค์
จากฝั่งไทยไม่เสียค่าธรรมเนียม 20 บาท ส่วนฝั่งพม่าเสียค่าธรรมเนียมคือ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 10 ดอลล่าร์ (ชาวต่างชาติไม่สามารถประทับตราวีซ่าใหม่ ณ จุดผ่านแดนนี้ได้) เวลาทำการด่านเข้า-ออก 6.00 น. - 18.00 น.
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่านได้ที่ ตม.สังขละบุรี โทร 034-595-335
ข้อมูลพร้อมแล้ว ลุยกันเลยค่ะ เราเหมารถเที่ยวค่ะ ติดต่อฝั่งไทยมาจ่ายฝั่งพม่าเขาคิดรา คนละ 300 บาทมา 2 คน 600 บาทค่ะ ราคาคุยกันได้ค่ะแนะนำให้คุยหลายๆเจ้านะค่ะ
สถานที่แรก วัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างและเคยจำพรรษาที่นี่ สร้างโดยใช้เสาทั้งต้นจากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง วัดมี 2 ชั้นนะค่ะ เข้าไปไหว้พระขอพรกันได้ค่ะ
สถานที่ที่ 2 บริเวณด้านหลังวัด เราจะเจอกับกำแพงพระยืน เป็นพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ยืนเป็นแนวทอดยาวไปยังภูเขาค่ะ มีความตั้งใจจากท่านเจ้าอาวาสว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปทีเดียว
สถานที่ที่ 3 เราก็นั่งรถเลยจากวัดไปประมาณ 2 กม. ก็จะเจอ "วัดเจดีย์ทอง" หรือ "วัดทองคำ" ค่ะวัดเจดีย์ทองตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ห่างจากวัดเสาร้อยต้นมาก สามารถขับรถขึ้นไปถึงบริเวณเจดีย์ได้ องค์เจดีย์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอร่าม ฐานทรงเหลี่ยม ด้านบนทรงระฆัง รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้ง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า
ทางลงจะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปนะค่ะเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทยได้ด้วยค่ะ
สถานที่ที่ 3 วัดพระนอนค่ะ จะมีองค์พระพุทธรูปปางนอนขนาดใหญ์ปากสีแดงค่ะ ในระหว่างทางขึ้นมาไหว้พระเจ้าหน้าที่จะให้ต้นสำเร็จกับเราเพื่อนำขึ้นมาไหว้พระด้วยค่ะ
หลังจากไหว้พระนอนเสร็จแล้วก็นั่งรถไปต่อไม่ไกลมากก็ถึง
สถานที่ที่ 4 วัดตองใวค่ะ ในวัดนี้จะมีสิ่งศักดิ์ให้เราได้สักการักถึง 3 สิ่งค่ะ
สิ่งที่ 1 คือ พระพุทธรูปขนาดใหญ์ให้เรากราบไหว้และถวามยสังฑทานแด่พระสงฆ์ในนั้นด้วยค่ะ
สิ่งที่ 2 ด้านหลังพระพุทธรูปก็จะประดิษฐานของหลวงพ่อทันใจให้เราได้ขอพร
ขอพรหลวงพ่อทันใจเสร็จแล้ว เราก็นั่งรถไปด้านหลังวัดเพื่อขึ้นบันได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งที่ 3 ค่ะ
คนขับรถเที่ยวถามเราว่าไหวไหม บันไดหลายขั้นนะ เราตอบทันทีเลยว่าไหวคะ
เรามาไกลนะ
ต้องไหวซิ
ไปกันเลยค่ะ ขึ้นบันได คนขับรถเที่ยวไม่ขึ้นด้วยค่ะ เขาบอกเดี่ยวนั่งรอในรถเปิดแอร์รอเย็นๆ
ฮือ เหงื่อนี่ไหลเป็นทางเลยค่ะ เหนื่อยแหะ
กัดฟันเดินค่ะ สู้สู้ แสงแรกที่เจอ
คุ้มนะ สวยเลยค่ะ
ขึ้นมาบนนี้ก็จะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันค่ะ
มีจุดชมวิวด้วยค่ะ
ชื่นชมบรรยากาศเต็มอิ่มแล้วก็ถึงเวลาลงค่ะ
บันได หลอนแปรบ555
แต่ขาหลังไม่เหมือนขาขึ้นค่ะ สบายๆ
เรากลับออกจากฝั่งพม่ามาก็ไปรับบัตรประชาชนที่ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตรงจุดทำเอกสารผ่านด่านค่ะแล้วก็ออกมาหารถกลับกาญจนบุรีเพื่อกลับกรุงเทพฯ
แต่เราออกมาเวลา 15.30 น. ไม่มีรถแล้วค่ะ ฮือ น้ำตาจะไหล ร้องไห้ซิ
กลับไงละทีนี้ เราเดินไปที่ท่ารถสองแถวที่เรามาลงขามาค่ะ โอ้
สวรรค์มีรถรอบสุดท้าย 1 คัน เราเดินไปด้วยความหวังค่ะ เพื่อไปสอบถามพี่เขาเลยค่ะว่ามีรถต่อไปเมืองกาญไหม พี่เขาตอบว่าไม่มีแล้ว แต่เขาจะเอาเราไปส่งป้อมตำรวจด่านตรวจสามแยกไปสังขละ กาญจนบุรี ด่านเจดีย์สามองค์ เราคิดว่าตรงนั้นนะ พอถึงที่ป้อมตำรวจพี่เขาก็คุยกับตำรวจแล้วก็ให้แล้วเราลงจากรถสองแถว เราลงมาและกล่าวคำขอบคุณพี่เขา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เพราะตำรวจที่ป้อมช่วยโบกรถให้เรา โบกได้ด้วยค่ะ โอ้ แม่เจ้า สวรรค์ และสวรรค์ยิ่งกว่าคือ รถที่ตำรวจโบกให้เรานั่งมาด้วยนั้น พี่เขาเดินทางมากรุงเทพฯค่ะ โอ้ สวรรค์ นี่คงเป็นผลจากการที่เราทำบุญมา สาธุ เรานั่งรถพี่เขามาจนถึงกรุงเทพฯ พี่เขาใจดีมากๆๆๆค่ะ เราไม่ได้ขอเบอร์หรือถามชื่อของพี่เขาเลย มัวแต่ดีใจและเกรงใจพี่เขามากๆด้วย ได้แต่แอบถ่ายรูปด้านในรถตอนนั่งมา รถของพี่เขากระจกหน้าร้าวค่ะ ขอขอบคุณตัวเองที่นำพาตัวเองมาเจอประสบการณ์ที่ดีๆนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
แล้วเราจะกลับมาที่นี่อีกค่ะ พม่า-พญาตองซู
[CR] ข้ามแดนด่านเจดีย์สามองค์ เที่ยว พม่า-พญาตองซู
ก่อนที่จะข้ามฝั่งไปพม่า เราก็ต้องแวะที่ "ด่านเจดีย์สามองค์" กันก่อนนะค่ะ เรานั่งรถสองแถวมาจากเมืองสังขละบุรีมาถึงที่นี่ในราคา 60 บาทค่ะ
ด่านพระเจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนตะวันตกของประเทศไทย กั้นพรมแดนระหว่างไทยและพม่าค่ะ ในสมัยก่อนที่แห่งนี้ เคยเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญในการทำสงครามไทย–พม่า เดิมเรียกกันว่า “หินสามกอง” เนื่องจากชาวบ้านที่ผ่านมาบริเวณนี้ ก็จะนำหินมากองไว้เพื่อสักการะเป็นสิริมงคลในการเดินทาง นานวันกองหินก็ได้มีขนาดใหญ่ขึ้น และต่อมาใน พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็น ซึ่งเป็นเจดีย์สามองค์ในปัจจุบันค่ะ
หลังจากนั้น เราก็จะข้ามแดนไปฝั่งพม่ากันค่ะ โดยเราจะต้องทำการติดต่อที่ด่านชายแดนเจดีย์สามองค์เพื่อทำบัตรผ่านแดนเข้าพม่าภายใน 1 วันเสียก่อน ถ้าเราเหมารถเที่ยวจะมีคนนำเที่ยวดำเนินการให้เราแต่ถ้าเราเที่ยวเองก็ติดต่อเองค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ข้ามแดนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรประชาชนตัวจริงไว้ 1 ใบ และให้บัตรผ่านแดนมา เมื่อกลับเข้ามาอย่าลืมแวะด่านเพื่อแลกบัตรประชาชนตัวจริงคืนนะคะ ถึงเวลา 18.00 น. ค่ะ
2. กรณีนำรถยนต์เข้าไปในพม่า จะต้องใช้ สำเนาทะเบียนรถ/พรบ./ประกันภัย/ป้ายวงกลม(ป้ายการเสียภาษี) อย่างใดอย่างหนึ่ง และเสียค่าธรรมเนียมคันละ 50 บาท (มอเตอร์ไซค์เอาเข้าไปไม่ได้)
ค่าธรรมเนียมผ่านด่านชายแดนเจดีย์สามองค์
จากฝั่งไทยไม่เสียค่าธรรมเนียม 20 บาท ส่วนฝั่งพม่าเสียค่าธรรมเนียมคือ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 10 ดอลล่าร์ (ชาวต่างชาติไม่สามารถประทับตราวีซ่าใหม่ ณ จุดผ่านแดนนี้ได้) เวลาทำการด่านเข้า-ออก 6.00 น. - 18.00 น.
ติดต่อสอบถามการเปิด-ปิดด่านได้ที่ ตม.สังขละบุรี โทร 034-595-335
ข้อมูลพร้อมแล้ว ลุยกันเลยค่ะ เราเหมารถเที่ยวค่ะ ติดต่อฝั่งไทยมาจ่ายฝั่งพม่าเขาคิดรา คนละ 300 บาทมา 2 คน 600 บาทค่ะ ราคาคุยกันได้ค่ะแนะนำให้คุยหลายๆเจ้านะค่ะ
สถานที่แรก วัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างและเคยจำพรรษาที่นี่ สร้างโดยใช้เสาทั้งต้นจากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง วัดมี 2 ชั้นนะค่ะ เข้าไปไหว้พระขอพรกันได้ค่ะ
สถานที่ที่ 2 บริเวณด้านหลังวัด เราจะเจอกับกำแพงพระยืน เป็นพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ยืนเป็นแนวทอดยาวไปยังภูเขาค่ะ มีความตั้งใจจากท่านเจ้าอาวาสว่าจะสร้างให้ถึง 500 รูปทีเดียว
สถานที่ที่ 3 เราก็นั่งรถเลยจากวัดไปประมาณ 2 กม. ก็จะเจอ "วัดเจดีย์ทอง" หรือ "วัดทองคำ" ค่ะวัดเจดีย์ทองตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ห่างจากวัดเสาร้อยต้นมาก สามารถขับรถขึ้นไปถึงบริเวณเจดีย์ได้ องค์เจดีย์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอร่าม ฐานทรงเหลี่ยม ด้านบนทรงระฆัง รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้ง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า
ทางลงจะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปนะค่ะเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทยได้ด้วยค่ะ
สถานที่ที่ 3 วัดพระนอนค่ะ จะมีองค์พระพุทธรูปปางนอนขนาดใหญ์ปากสีแดงค่ะ ในระหว่างทางขึ้นมาไหว้พระเจ้าหน้าที่จะให้ต้นสำเร็จกับเราเพื่อนำขึ้นมาไหว้พระด้วยค่ะ
หลังจากไหว้พระนอนเสร็จแล้วก็นั่งรถไปต่อไม่ไกลมากก็ถึง
สถานที่ที่ 4 วัดตองใวค่ะ ในวัดนี้จะมีสิ่งศักดิ์ให้เราได้สักการักถึง 3 สิ่งค่ะ
สิ่งที่ 1 คือ พระพุทธรูปขนาดใหญ์ให้เรากราบไหว้และถวามยสังฑทานแด่พระสงฆ์ในนั้นด้วยค่ะ
สิ่งที่ 2 ด้านหลังพระพุทธรูปก็จะประดิษฐานของหลวงพ่อทันใจให้เราได้ขอพร
ขอพรหลวงพ่อทันใจเสร็จแล้ว เราก็นั่งรถไปด้านหลังวัดเพื่อขึ้นบันได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งที่ 3 ค่ะ
คนขับรถเที่ยวถามเราว่าไหวไหม บันไดหลายขั้นนะ เราตอบทันทีเลยว่าไหวคะ เรามาไกลนะ ต้องไหวซิ
ไปกันเลยค่ะ ขึ้นบันได คนขับรถเที่ยวไม่ขึ้นด้วยค่ะ เขาบอกเดี่ยวนั่งรอในรถเปิดแอร์รอเย็นๆ
ฮือ เหงื่อนี่ไหลเป็นทางเลยค่ะ เหนื่อยแหะ
กัดฟันเดินค่ะ สู้สู้ แสงแรกที่เจอ คุ้มนะ สวยเลยค่ะ
ขึ้นมาบนนี้ก็จะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันค่ะ
มีจุดชมวิวด้วยค่ะ
ชื่นชมบรรยากาศเต็มอิ่มแล้วก็ถึงเวลาลงค่ะ บันได หลอนแปรบ555
แต่ขาหลังไม่เหมือนขาขึ้นค่ะ สบายๆ
เรากลับออกจากฝั่งพม่ามาก็ไปรับบัตรประชาชนที่ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตรงจุดทำเอกสารผ่านด่านค่ะแล้วก็ออกมาหารถกลับกาญจนบุรีเพื่อกลับกรุงเทพฯ
แต่เราออกมาเวลา 15.30 น. ไม่มีรถแล้วค่ะ ฮือ น้ำตาจะไหล ร้องไห้ซิ กลับไงละทีนี้ เราเดินไปที่ท่ารถสองแถวที่เรามาลงขามาค่ะ โอ้ สวรรค์มีรถรอบสุดท้าย 1 คัน เราเดินไปด้วยความหวังค่ะ เพื่อไปสอบถามพี่เขาเลยค่ะว่ามีรถต่อไปเมืองกาญไหม พี่เขาตอบว่าไม่มีแล้ว แต่เขาจะเอาเราไปส่งป้อมตำรวจด่านตรวจสามแยกไปสังขละ กาญจนบุรี ด่านเจดีย์สามองค์ เราคิดว่าตรงนั้นนะ พอถึงที่ป้อมตำรวจพี่เขาก็คุยกับตำรวจแล้วก็ให้แล้วเราลงจากรถสองแถว เราลงมาและกล่าวคำขอบคุณพี่เขา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เพราะตำรวจที่ป้อมช่วยโบกรถให้เรา โบกได้ด้วยค่ะ โอ้ แม่เจ้า สวรรค์ และสวรรค์ยิ่งกว่าคือ รถที่ตำรวจโบกให้เรานั่งมาด้วยนั้น พี่เขาเดินทางมากรุงเทพฯค่ะ โอ้ สวรรค์ นี่คงเป็นผลจากการที่เราทำบุญมา สาธุ เรานั่งรถพี่เขามาจนถึงกรุงเทพฯ พี่เขาใจดีมากๆๆๆค่ะ เราไม่ได้ขอเบอร์หรือถามชื่อของพี่เขาเลย มัวแต่ดีใจและเกรงใจพี่เขามากๆด้วย ได้แต่แอบถ่ายรูปด้านในรถตอนนั่งมา รถของพี่เขากระจกหน้าร้าวค่ะ ขอขอบคุณตัวเองที่นำพาตัวเองมาเจอประสบการณ์ที่ดีๆนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
แล้วเราจะกลับมาที่นี่อีกค่ะ พม่า-พญาตองซู
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น