Stronger
ก่อนเข้าไปดูก็ได้หวังว่าเออ คงจะน้ำตาท่วมจอแน่ๆ กะเข้าไปดราม่าเต็มเหนี่ยว แต่สุดท้ายหนังไม่ได้ไปถึงจุดที่ทำให้น้ำตาท่วมได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความเรียล ความจริงของหนัง ทำให้เราอดรู้สึกตามไม่ได้
หนังเล่าถึงเรื่องของเจฟฟ์ ซึ่งไปรอเชียร์แฟนสาวในงานมาราธอนแล้วดันโดนระเบิดจนต้องเสียขาทั้งสองข้างไป
เอาจริงๆ ว่ามีบางซีนเราเกือบหลับ55555 หนังเรียบมากกกก ด้วยความที่มันเป็นหนัง base on true story ทำให้มันไม่ได้หวือหวาหรือว่ามีเรื่องราวน่าตื่นเต้นอะไร แต่หนังเน้นตรงไปที่ความรู้สึก ความคิด ของคนที่อยู่ๆ ก็ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป
ชอบตรงที่เจฟฟ์เป็นคนตลก เฮฮา มุกตลกที่แทรกๆ เข้ามาแทบจะทั้งเรื่องทำให้ความเครียด ความกดดันมันดูเบาลง แต่ก็ยังคงมีความเจ็บปวด ความทุกข์หลงเหลืออยู่
ไม่จำเป็นต้องเห็นบาดแผลตรงๆ ซีนเลือดสาดอะไรงี้มีน้อยมาก แต่ตัวพระเอกเองสามารถทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดไปกับเค้าได้ นอกจากอาการเจ็บที่ร่างกายซึ่ง Jake Gyllenhaal ได้แสดงออกมาอย่างโคตรเจ๋งแล้ว ความเจ็บปวดด้านจิตใจก็หนักหนาไม่แพ้กัน
ชอบการแสดงของเจคมากกก คือด้วยความที่บทพระเอกเราเป็นสายฮา แต่เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดลึกๆ ภายใต้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเค้าได้ รวมถึงตัวนางเอกด้วยเช่นกัน สายตา ท่าทาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางโชว์ออกมาคือมันเพอร์เฟคมาก
เอาเป็นว่าเรื่องนี้นักแสดงทุกคนเอาอยู่ได้จริงๆ เราสัมผัสได้ถึงความสูญเสียของทุกคน ความเสียใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มบางๆ ของเราตลอดทั้งเรื่อง
จะบอกว่าวันที่เราได้ไปดู ทางโรงหนังได้เปิดโอกาสให้คนนั่งรถวิลแชร์เข้าไปนั่งดูหนังกับพวกเราด้วย คือเรารู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก โมเม้นที่พนักงานทุกคนช่วยกันอุ้มคนที่นั่งบนวิลแชร์เข้ามานั่งบนเก้าอี้โรงหนัง เค้าได้ดูหนังเรื่องเดียวกับเราในตอนนี้ ซึ่งในแง่ของเค้าเราคิดว่า Stronger เป็นหนังที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจเลยจริงๆ เหมือนกับชื่อเรื่องไม่มีผิดที่อยากบอกให้คนทุกคนเข้มแข็งมากกว่าเดิม
เหมือนเราได้หลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตัวเจฟฟ์เลย เราได้เห็นพัฒนาการว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้าบ้างหลังจากเสียขาทั้งสองข้างไป ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบๆ ผ่านการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของเจฟฟ์ ครอบครัวที่มีสมาชิกมากมายและอยากให้กำลังใจเจฟฟ์ คนรักของเค้าอย่างเอรินที่คอยอยู่ข้างๆ อย่างสุดคงามสามารถแม้ว่าจะไม่ถูกกับแม่เจฟฟ์ กลุ่มเพื่อนสนิทที่พร้อมจะอยู่กับเค้าทุกโอกาส หรือแม้แต่แรงบันดาลใจเล็กๆ อย่างทีมเบสบอลที่เจฟฟ์ชอบ คือทุกอย่างมันดำเนินไปอย่าง normal มาก แต่เป็นความนอร์มอลที่เรียลและสวยงาม
สิ่งที่อยากจะบ่นนิดนึงคืออารมณ์ที่มันยังไม่ถึงจุดไคล์แม็กซ์ อย่างที่บอกว่ามันเป็นหนังชีวประวัติที่จะเน้นความเรียล ทำให้มันไม่ได้พีคสุดเหมือนเรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้นเอง
สรุปว่าก็อยากให้ได้เข้าไปดูกัน คนที่ไม่อินกับหนัง biology เนือยๆ ไม่ได้มีฉากพีคฉากพุ่งอะไรก็อาจจะง่วงๆ ไปบ้าง แต่จะบอกว่าได้แรงบันดาลใจอะไรกลับไปคิดเยอะเลยทีเดียว ซีนจบเราชอบมาก เป็นการตัดจบที่สวยงาม สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนควรจะมีในชีวิตเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างคือความพยายามและการไม่ยอมแพ้จริงๆ
7/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH
[SR] Strong : หนังที่ให้กำลังใจให้กับทุกคนได้ดีมาก
ก่อนเข้าไปดูก็ได้หวังว่าเออ คงจะน้ำตาท่วมจอแน่ๆ กะเข้าไปดราม่าเต็มเหนี่ยว แต่สุดท้ายหนังไม่ได้ไปถึงจุดที่ทำให้น้ำตาท่วมได้ขนาดนั้น แต่ด้วยความเรียล ความจริงของหนัง ทำให้เราอดรู้สึกตามไม่ได้
หนังเล่าถึงเรื่องของเจฟฟ์ ซึ่งไปรอเชียร์แฟนสาวในงานมาราธอนแล้วดันโดนระเบิดจนต้องเสียขาทั้งสองข้างไป
เอาจริงๆ ว่ามีบางซีนเราเกือบหลับ55555 หนังเรียบมากกกก ด้วยความที่มันเป็นหนัง base on true story ทำให้มันไม่ได้หวือหวาหรือว่ามีเรื่องราวน่าตื่นเต้นอะไร แต่หนังเน้นตรงไปที่ความรู้สึก ความคิด ของคนที่อยู่ๆ ก็ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป
ชอบตรงที่เจฟฟ์เป็นคนตลก เฮฮา มุกตลกที่แทรกๆ เข้ามาแทบจะทั้งเรื่องทำให้ความเครียด ความกดดันมันดูเบาลง แต่ก็ยังคงมีความเจ็บปวด ความทุกข์หลงเหลืออยู่
ไม่จำเป็นต้องเห็นบาดแผลตรงๆ ซีนเลือดสาดอะไรงี้มีน้อยมาก แต่ตัวพระเอกเองสามารถทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดไปกับเค้าได้ นอกจากอาการเจ็บที่ร่างกายซึ่ง Jake Gyllenhaal ได้แสดงออกมาอย่างโคตรเจ๋งแล้ว ความเจ็บปวดด้านจิตใจก็หนักหนาไม่แพ้กัน
ชอบการแสดงของเจคมากกก คือด้วยความที่บทพระเอกเราเป็นสายฮา แต่เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดลึกๆ ภายใต้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเค้าได้ รวมถึงตัวนางเอกด้วยเช่นกัน สายตา ท่าทาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางโชว์ออกมาคือมันเพอร์เฟคมาก
เอาเป็นว่าเรื่องนี้นักแสดงทุกคนเอาอยู่ได้จริงๆ เราสัมผัสได้ถึงความสูญเสียของทุกคน ความเสียใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มบางๆ ของเราตลอดทั้งเรื่อง
จะบอกว่าวันที่เราได้ไปดู ทางโรงหนังได้เปิดโอกาสให้คนนั่งรถวิลแชร์เข้าไปนั่งดูหนังกับพวกเราด้วย คือเรารู้สึกว่ามันอบอุ่นมาก โมเม้นที่พนักงานทุกคนช่วยกันอุ้มคนที่นั่งบนวิลแชร์เข้ามานั่งบนเก้าอี้โรงหนัง เค้าได้ดูหนังเรื่องเดียวกับเราในตอนนี้ ซึ่งในแง่ของเค้าเราคิดว่า Stronger เป็นหนังที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจเลยจริงๆ เหมือนกับชื่อเรื่องไม่มีผิดที่อยากบอกให้คนทุกคนเข้มแข็งมากกว่าเดิม
เหมือนเราได้หลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตัวเจฟฟ์เลย เราได้เห็นพัฒนาการว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้าบ้างหลังจากเสียขาทั้งสองข้างไป ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบๆ ผ่านการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของเจฟฟ์ ครอบครัวที่มีสมาชิกมากมายและอยากให้กำลังใจเจฟฟ์ คนรักของเค้าอย่างเอรินที่คอยอยู่ข้างๆ อย่างสุดคงามสามารถแม้ว่าจะไม่ถูกกับแม่เจฟฟ์ กลุ่มเพื่อนสนิทที่พร้อมจะอยู่กับเค้าทุกโอกาส หรือแม้แต่แรงบันดาลใจเล็กๆ อย่างทีมเบสบอลที่เจฟฟ์ชอบ คือทุกอย่างมันดำเนินไปอย่าง normal มาก แต่เป็นความนอร์มอลที่เรียลและสวยงาม
สิ่งที่อยากจะบ่นนิดนึงคืออารมณ์ที่มันยังไม่ถึงจุดไคล์แม็กซ์ อย่างที่บอกว่ามันเป็นหนังชีวประวัติที่จะเน้นความเรียล ทำให้มันไม่ได้พีคสุดเหมือนเรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้นเอง
สรุปว่าก็อยากให้ได้เข้าไปดูกัน คนที่ไม่อินกับหนัง biology เนือยๆ ไม่ได้มีฉากพีคฉากพุ่งอะไรก็อาจจะง่วงๆ ไปบ้าง แต่จะบอกว่าได้แรงบันดาลใจอะไรกลับไปคิดเยอะเลยทีเดียว ซีนจบเราชอบมาก เป็นการตัดจบที่สวยงาม สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนควรจะมีในชีวิตเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างคือความพยายามและการไม่ยอมแพ้จริงๆ
7/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH