ฟ้าทะลายโจร : Tears of the Black Tiger
"รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ"
หากจะนึกถึงหนังไทยดีๆที่ถูกลืม มีอยู่หลายเรื่อง วันนี้ผมอยากจะนำเรื่องหนึ่งมาย้อนรำลึกให้กับทุกคน หลายคนอาจจะเคยได้ยินมากันบ้าง เรื่องที่ว่านี้ก็คือ
"ฟ้าทะลายโจร" หนังไทยนอกกระแสที่ประสบความสำเร็จในการเข้าฉายตามเทศกาลหนังต่างๆ แต่ในประเทศไทยกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก อย่างไรก็ตามนี่คือหนึ่งในหนังไทยชั้นเยี่ยมที่น่าสนใจ
มารู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง " ฟ้าทะลายโจร "
Tears of the Black Tiger หรือ
ฟ้าทะลายโจร กำกับโดย
คุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ฟ้าทะลายโจรจัดเป็นหนังเรื่องแรกของคุณวิศิษฏ์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างชื่อเสียงในนานาชาติได้มากมาย หนังได้เข้าฉายในเทศกาลหนังต่างๆ เช่น
Sundance , Vancouver , Seatlle , International Film Festival Rotterdam และที่อื่นๆนับไม่ถ้วน
ที่สำคัญยังเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ถูกนำไปฉายใน
Cannes Film Festival ปี 2001 (Un Certain Regard) เทศกาลที่เป็นเสมือนออสการ์ของกลุ่มหนังนอกกระแสและหนังอาร์ต นอกจากนี้ในประเทศไทยก็ได้รางวัลจากสถาบันหลักๆไปเป็นจำนวนมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ (อีกหนังไทยเรื่องเยี่ยมที่คุณวิศิษฏ์กำกับมา ก็เรื่อง
" หมานคร " สร้างชื่อในวงการภาพยนตร์นานาชาติเช่นกัน)
ฟ้าทะลายโจร ทำออกมาในแนวหนังคาวบอยย้อนยุค มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักของ ดำ ลูกชายกำนันที่ดันไปหลงรักกับ
รำเพย ลูกสาวของพระยาคนใหญ่คนโต ความรักนี้เกิดขึ้นในวัยเด็กและไม่สมหวังนัก จนกระทั่งโตมาได้พบกันอีกครั้ง ทั้งคู่สัญญาจะหนีไปอยู่ด้วยกัน ดำประสบเคราะห์กรรมจับผลัดจับผลูไปทำงานกับ
"เสือฝ้าย" ขุนโจรชื่อดัง ดำรับตำแหน่งเป็น
"เสือดำ" มือขวาเสือฝ้าย มีคู่หูคือ
"เสือมเหศวร" มือซ้ายของเสือฝ้าย ส่วนรำเพยก็ถูกครอบครัวบังคับแต่งงานกับ
ร.ต.อ.กำจร ตำรวจมือปราบหนุ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจที่ได้รับภารกิจปราบเสือทั้งหลาย
(ข้อมูลหนังและเนื้อเรื่องเต็มสามารถอ่านได้ใน Wikipedia ตามลิงค์นี้นะครับ)
"รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ"
ใครที่ไปเห็นปกแล้วคิดว่า
'ฟ้าทะลายโจร' เป็นหนังเก่า อย่าเข้าใจผิดนะครับ หนังสร้างในปี 2000 (พ.ศ.2543) เอง ไม่เก่าขนาดโบราณย้อนยุคไปแบบ 30 - 40 ปี เพียงแต่ผู้กำกับแกสร้างออกมาเลียนแบบหนังคาวบอยย้อนยุค โดยสไตล์การดำเนินเรื่องจะแฝงกลิ่นอายแบบหนังสมัยก่อน ไม่ฉับไว แอ็คชันแข็งๆ แต่ในแง่บทหนังและเนื้อเรื่องถูกออกแบบมาในลักษณะหนังปัจจุบันที่มีความสมเหตุสมผล จึงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด และเหมือนเรากำลังดูหนังปัจจุบันที่ทำออกมาแบบย้อนยุคนั่นเอง (แถมสนุกอีกด้วย)
สไตล์ปมเนื้อเรื่องก็จะออกโทนหนังไทยสมัยก่อน ตามสโลแกน
"รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ" ในหนังมีปมหลายเรื่องที่เราคุ้นเคยจากหนังไทย เช่น ความรักที่ไม่สมหวังระหว่างพระเอกกับนางเอก (ฟีลดอกฟ้ากับหมาวัด) เพื่อนรักหักเหลี่ยม การทรยศกันไปมา ปมเหล่านี้ถูกนำมาผสมกับการเขียนบทแบบปัจจุบันทำให้บทหนังมีชั้นเชิง ดูลึก มีมิติมากขึ้น หักมุมไปมา (แทนที่จะทื่อๆแบบหนังสมัยก่อน) มี Flashback ย้อนตัดไปตัดมา ทำให้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกไปกับการค่อยๆคลี่ปมต่างๆ
ในแง่คุณค่าทางประวัติศาสตร์ รายละเอียดชื่อตัวละครต่างๆที่เป็นเสือได้ถูกหยิบยืมมาจากขุนโจรในสมัยก่อนที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย และเหตุการณ์ในเรื่องก็ดัดแปลงมาจากประวัติศาสตร์ยุคที่เมืองไทยเต็มไปด้วยก๊กเสือต่างๆที่คอยดักปล้นเงินคน นอกจากนี้ยังสะท้อนภาพสังคมไทย ค่านิยมไทยๆ ยุคราวปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เราเห็นภาพยุคนั้นได้ชัดเจน (แต่ก็คงไม่คาวบอยขนาดจ๋าแบบในหนัง) รวมทั้งลักษณะร่วมของหนังยุคเก่าที่โดดเด่นก็ถูกนำมาเล่าผ่านฟ้าทะลายโจรได้ครอบคลุม ก็คือ
'เราจะได้ดูเอกลักษณ์สำคัญของหนังสมัยก่อนบนการทำหนังแบบสมัยใหม่นั่นเอง'
เทคนิคสีอันฉูดฉาดเกินจริง
นี่เป็นหนึ่งในไม้เด็ดชิ้นสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่สร้างความฮือฮาและรางวัลจากเทศกาลหนังต่างๆ โดยการย้อมสีหนังทั้งเรื่องให้ฉูดฉาดเกินจริง เลียนแบบสีโปสเตอร์หนังสมัยก่อนที่จะฉูดฉาดๆ จุดนี้ผมถือว่าเป็นกึ๋นของจริงของผู้กำกับ แกทำได้ล้ำมาก กล้ามาก เทคนิคนี้ก็แทบไม่มีคนใช้ในยุคปัจจุบัน เพราะมันควบคุมและทำได้ยาก รวมถึงคนดูไม่คุ้นตา เสี่ยงที่จะทำให้หนังเจ๊งได้ง่าย ซึ่งสำหรับฟ้าทะลายโจร ผมต้องขอชื่นชมในความกล้าจริงๆ กล้าที่จะนำเทคนิคยากๆแบบนี้มาใช้ ทั้งยังเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้กับวงการหนังไทยและวงการภาพยนตร์โลก
[ เห็นล่าสุดที่มีใช้การปรับโทนสีย้อนยุคก็เรื่อง La
La Land (2016) แต่ก็ไม่ได้ย้อมซะขนาดเหมือนฟ้าทะลายโจร ]
ฉากแอ็คชันต่อสู้สุดคลาสสิค
ฉากแอ็คชันหลายฉากมีความคลาสสิคแบบหนังย้อนยุค แม้มันไม่ฉับไวแบบหนังปัจจุบัน แต่ท่าทางการแอ็คชัน มุมกล้อง ฉากต่างๆ ยาวไปจนถึงโปรดักชันสถานที่ต่างๆกลับสวยงาม ตรึงอารมณ์คนดู ราวกับเรากำลังดูงานศิลปะ ยิ่งเฉพาะฉากดวลปืนทั้งตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องเท่มาก
อีกฉากที่ผมว่าอลังการชอบเป็นพิเศษก็คือ ฉากกลุ่มเสือฝ้ายกำลังควบม้าตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้า 20-30 กว่าตัว สวยงามและอลังการมาก (เพิ่งจะเคยเห็นหนังคาวบอยไทยที่ขี่ม้ากันเหมือนเป็นคาวบอยจริงๆ)
มุมนักแสดง
ในมุมนักแสดง ก็แสดงได้ดีทุกคน ซึ่งแอ็คติ้งต่างๆก็จะเป็นการแสดงแบบหนังสมัยก่อน ดูแข็งๆ คำพูดเชยๆ โดยรวมนักแสดงก็แสดงได้ดีมาก :
เสือดำ - ชาติชาย งามสรรพ์ (เคยเจอหน้าพี่แกในเรื่อง 2499) ,
รำเพย - สเตลล่า มาลูกี้ (สวยมาก) ,
เสือมเหศวร - พี่ต็อก ศุภกรณ์ (แสดงดีมากๆ) ,
ร.ต.อ.กำจร - เอ พศิน เรืองวุฒิ ,
เสือฝ้าย - สมบัติ เมทะนี (พระเอกสมัยก่อนตัวจริง 555)
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ - ตามรอยเพลงเก่าบรรยากาศย้อนยุค
Tears of Black Tiger - ใครจะเมตตา[ Official Trailer ]
หนังได้นำเพลงสมัยก่อนหลายเพลงมาใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ แต่ละเพลงเลือกมาได้มีคลาส ให้บรรยากาศย้อนยุคได้ดีมาก โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์หลัก เพลง
"ใครจะเมตตา" ของ
สุนทราภรณ์ เลือกได้โคตรสุดยอด เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง เสียงไวโอลินสีและเสียงเปียโนอินโทรฟีลมายังกับคาวบอยควบขับม้าวิ่งย่องเลย เนื้อหาเพลงก็ดี รำพึงรำพันถึงความรักที่ไม่สมหวัง ไม่มีใครเมตตาความรักเลยสักคน เข้ากับหนังมาก
ฝนสั่งฟ้า
มีเพลงคลาสสิคที่เราติดหูอย่าง
ฝนสั่งฟ้า , พรหมลิขิต มีเพลง
กำสรวลจันทร์ ที่เอาทำนองมาจาก
The Last Rose of Summer และเพลง
โคบาลย่องม้า ที่เอาทำนองมาจากเพลงดนตรีไทย
อัศวลีลา สไตล์ขับม้าย่อง
(ใครสนใจ List เพลงทั้งหมดก็ดูได้จากลิงค์ Wiki ที่วางไว้ข้างบนนะครับ)
พรหมลิขิต - ฟ้าทะลายโจร
กำสรวลจันทร์
อัศวลีลา (ม้าย่อง)
บทส่งท้าย
สำหรับผม
'ฟ้าทะลายโจร' ถือเป็นหนังไทยในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งที่คลาสสิค และอยากให้ทุกคนได้ลองดูกันนะครับ หนังงดงามทั้งจากบทเรื่อง ฉากแอ็คชันและเทคนิคต่างๆ ยิ่งโดยเฉพาะคนชอบดูหนังนอกกระแสและหนังอาร์ตหน่อยรับรองว่าถูกใจแน่นอน ตัวหนังอาจดูคัลท์ ดูเฉพาะกลุ่มไปหน่อย แต่ก็ถือว่าชมได้ไม่ยากนะครับ (เพราะยังไงก็ยังมีฐานความเป็นหนังปัจจุบันแฝงอยู่) แค่ลองเปิดใจดู ก็ดูได้สนุก อิน รู้เรื่องแล้ว ถือเป็นหนังไทยที่น่าสนใจทั้งในแง่ความสนุกและความเป็นศิลปะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณนะครับที่อ่านมาได้ถึงตรงนี้... ใครที่สนใจในผลงานของคุณวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ผมแนะนำอีกเรื่องก็ 'หมานคร' โทนหนังนอกกระแส ชนิดที่พอดูจบนึกว่าผู้กำกับฝรั่งมากำกับเอง เป็นหนังที่มีแนวคิดลึกล้ำมาก สามารถจิกกัดสังคมเมืองของคนกรุงเทพอย่างเจ็บแสบ ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ขอบคุณครับ
----------------------------------------------------------------------
Fah talai jone (2000) (Imdb)
With its loud acting style, exuberant sets and stunning shots in pastel colours, this Thai cult film is as much a parody as an homage to the Western and the romantic tearjerker.
Director: Wisit Sasanatieng
Writer: Wisit Sasanatieng
Stars: Chartchai Ngamsan, Stella Malucchi, Supakorn Kitsuwon | See full cast & crew »
----------------------------------------------------------------------
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ ชอบฉากไหน ประทับใจเรื่องใด ก็มาคุยแลกเปลี่ยนกัน
(กระทู้รำลึก) ฟ้าทะลายโจร (2000) - หนังไทยสุดแหวกแนวเรื่องแรกที่ได้เข้าฉายใน Cannes Film Festival
หากจะนึกถึงหนังไทยดีๆที่ถูกลืม มีอยู่หลายเรื่อง วันนี้ผมอยากจะนำเรื่องหนึ่งมาย้อนรำลึกให้กับทุกคน หลายคนอาจจะเคยได้ยินมากันบ้าง เรื่องที่ว่านี้ก็คือ "ฟ้าทะลายโจร" หนังไทยนอกกระแสที่ประสบความสำเร็จในการเข้าฉายตามเทศกาลหนังต่างๆ แต่ในประเทศไทยกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก อย่างไรก็ตามนี่คือหนึ่งในหนังไทยชั้นเยี่ยมที่น่าสนใจ
มารู้จักกับภาพยนตร์เรื่อง " ฟ้าทะลายโจร "
Tears of the Black Tiger หรือ ฟ้าทะลายโจร กำกับโดย คุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ฟ้าทะลายโจรจัดเป็นหนังเรื่องแรกของคุณวิศิษฏ์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างชื่อเสียงในนานาชาติได้มากมาย หนังได้เข้าฉายในเทศกาลหนังต่างๆ เช่น Sundance , Vancouver , Seatlle , International Film Festival Rotterdam และที่อื่นๆนับไม่ถ้วน
ที่สำคัญยังเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ถูกนำไปฉายใน Cannes Film Festival ปี 2001 (Un Certain Regard) เทศกาลที่เป็นเสมือนออสการ์ของกลุ่มหนังนอกกระแสและหนังอาร์ต นอกจากนี้ในประเทศไทยก็ได้รางวัลจากสถาบันหลักๆไปเป็นจำนวนมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ (อีกหนังไทยเรื่องเยี่ยมที่คุณวิศิษฏ์กำกับมา ก็เรื่อง " หมานคร " สร้างชื่อในวงการภาพยนตร์นานาชาติเช่นกัน)
ฟ้าทะลายโจร ทำออกมาในแนวหนังคาวบอยย้อนยุค มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักของ ดำ ลูกชายกำนันที่ดันไปหลงรักกับ รำเพย ลูกสาวของพระยาคนใหญ่คนโต ความรักนี้เกิดขึ้นในวัยเด็กและไม่สมหวังนัก จนกระทั่งโตมาได้พบกันอีกครั้ง ทั้งคู่สัญญาจะหนีไปอยู่ด้วยกัน ดำประสบเคราะห์กรรมจับผลัดจับผลูไปทำงานกับ "เสือฝ้าย" ขุนโจรชื่อดัง ดำรับตำแหน่งเป็น "เสือดำ" มือขวาเสือฝ้าย มีคู่หูคือ "เสือมเหศวร" มือซ้ายของเสือฝ้าย ส่วนรำเพยก็ถูกครอบครัวบังคับแต่งงานกับ ร.ต.อ.กำจร ตำรวจมือปราบหนุ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจที่ได้รับภารกิจปราบเสือทั้งหลาย
(ข้อมูลหนังและเนื้อเรื่องเต็มสามารถอ่านได้ใน Wikipedia ตามลิงค์นี้นะครับ)
"รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ"
ใครที่ไปเห็นปกแล้วคิดว่า 'ฟ้าทะลายโจร' เป็นหนังเก่า อย่าเข้าใจผิดนะครับ หนังสร้างในปี 2000 (พ.ศ.2543) เอง ไม่เก่าขนาดโบราณย้อนยุคไปแบบ 30 - 40 ปี เพียงแต่ผู้กำกับแกสร้างออกมาเลียนแบบหนังคาวบอยย้อนยุค โดยสไตล์การดำเนินเรื่องจะแฝงกลิ่นอายแบบหนังสมัยก่อน ไม่ฉับไว แอ็คชันแข็งๆ แต่ในแง่บทหนังและเนื้อเรื่องถูกออกแบบมาในลักษณะหนังปัจจุบันที่มีความสมเหตุสมผล จึงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด และเหมือนเรากำลังดูหนังปัจจุบันที่ทำออกมาแบบย้อนยุคนั่นเอง (แถมสนุกอีกด้วย)
สไตล์ปมเนื้อเรื่องก็จะออกโทนหนังไทยสมัยก่อน ตามสโลแกน "รักซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ" ในหนังมีปมหลายเรื่องที่เราคุ้นเคยจากหนังไทย เช่น ความรักที่ไม่สมหวังระหว่างพระเอกกับนางเอก (ฟีลดอกฟ้ากับหมาวัด) เพื่อนรักหักเหลี่ยม การทรยศกันไปมา ปมเหล่านี้ถูกนำมาผสมกับการเขียนบทแบบปัจจุบันทำให้บทหนังมีชั้นเชิง ดูลึก มีมิติมากขึ้น หักมุมไปมา (แทนที่จะทื่อๆแบบหนังสมัยก่อน) มี Flashback ย้อนตัดไปตัดมา ทำให้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกไปกับการค่อยๆคลี่ปมต่างๆ
ในแง่คุณค่าทางประวัติศาสตร์ รายละเอียดชื่อตัวละครต่างๆที่เป็นเสือได้ถูกหยิบยืมมาจากขุนโจรในสมัยก่อนที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย และเหตุการณ์ในเรื่องก็ดัดแปลงมาจากประวัติศาสตร์ยุคที่เมืองไทยเต็มไปด้วยก๊กเสือต่างๆที่คอยดักปล้นเงินคน นอกจากนี้ยังสะท้อนภาพสังคมไทย ค่านิยมไทยๆ ยุคราวปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เราเห็นภาพยุคนั้นได้ชัดเจน (แต่ก็คงไม่คาวบอยขนาดจ๋าแบบในหนัง) รวมทั้งลักษณะร่วมของหนังยุคเก่าที่โดดเด่นก็ถูกนำมาเล่าผ่านฟ้าทะลายโจรได้ครอบคลุม ก็คือ
เทคนิคสีอันฉูดฉาดเกินจริง
นี่เป็นหนึ่งในไม้เด็ดชิ้นสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่สร้างความฮือฮาและรางวัลจากเทศกาลหนังต่างๆ โดยการย้อมสีหนังทั้งเรื่องให้ฉูดฉาดเกินจริง เลียนแบบสีโปสเตอร์หนังสมัยก่อนที่จะฉูดฉาดๆ จุดนี้ผมถือว่าเป็นกึ๋นของจริงของผู้กำกับ แกทำได้ล้ำมาก กล้ามาก เทคนิคนี้ก็แทบไม่มีคนใช้ในยุคปัจจุบัน เพราะมันควบคุมและทำได้ยาก รวมถึงคนดูไม่คุ้นตา เสี่ยงที่จะทำให้หนังเจ๊งได้ง่าย ซึ่งสำหรับฟ้าทะลายโจร ผมต้องขอชื่นชมในความกล้าจริงๆ กล้าที่จะนำเทคนิคยากๆแบบนี้มาใช้ ทั้งยังเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้กับวงการหนังไทยและวงการภาพยนตร์โลก
[ เห็นล่าสุดที่มีใช้การปรับโทนสีย้อนยุคก็เรื่อง La La Land (2016) แต่ก็ไม่ได้ย้อมซะขนาดเหมือนฟ้าทะลายโจร ]
ฉากแอ็คชันต่อสู้สุดคลาสสิค
ฉากแอ็คชันหลายฉากมีความคลาสสิคแบบหนังย้อนยุค แม้มันไม่ฉับไวแบบหนังปัจจุบัน แต่ท่าทางการแอ็คชัน มุมกล้อง ฉากต่างๆ ยาวไปจนถึงโปรดักชันสถานที่ต่างๆกลับสวยงาม ตรึงอารมณ์คนดู ราวกับเรากำลังดูงานศิลปะ ยิ่งเฉพาะฉากดวลปืนทั้งตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องเท่มาก
อีกฉากที่ผมว่าอลังการชอบเป็นพิเศษก็คือ ฉากกลุ่มเสือฝ้ายกำลังควบม้าตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้า 20-30 กว่าตัว สวยงามและอลังการมาก (เพิ่งจะเคยเห็นหนังคาวบอยไทยที่ขี่ม้ากันเหมือนเป็นคาวบอยจริงๆ)
มุมนักแสดง
ในมุมนักแสดง ก็แสดงได้ดีทุกคน ซึ่งแอ็คติ้งต่างๆก็จะเป็นการแสดงแบบหนังสมัยก่อน ดูแข็งๆ คำพูดเชยๆ โดยรวมนักแสดงก็แสดงได้ดีมาก : เสือดำ - ชาติชาย งามสรรพ์ (เคยเจอหน้าพี่แกในเรื่อง 2499) , รำเพย - สเตลล่า มาลูกี้ (สวยมาก) , เสือมเหศวร - พี่ต็อก ศุภกรณ์ (แสดงดีมากๆ) , ร.ต.อ.กำจร - เอ พศิน เรืองวุฒิ , เสือฝ้าย - สมบัติ เมทะนี (พระเอกสมัยก่อนตัวจริง 555)
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ - ตามรอยเพลงเก่าบรรยากาศย้อนยุค
หนังได้นำเพลงสมัยก่อนหลายเพลงมาใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ แต่ละเพลงเลือกมาได้มีคลาส ให้บรรยากาศย้อนยุคได้ดีมาก โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์หลัก เพลง "ใครจะเมตตา" ของ สุนทราภรณ์ เลือกได้โคตรสุดยอด เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง เสียงไวโอลินสีและเสียงเปียโนอินโทรฟีลมายังกับคาวบอยควบขับม้าวิ่งย่องเลย เนื้อหาเพลงก็ดี รำพึงรำพันถึงความรักที่ไม่สมหวัง ไม่มีใครเมตตาความรักเลยสักคน เข้ากับหนังมาก
มีเพลงคลาสสิคที่เราติดหูอย่าง ฝนสั่งฟ้า , พรหมลิขิต มีเพลง กำสรวลจันทร์ ที่เอาทำนองมาจาก The Last Rose of Summer และเพลง โคบาลย่องม้า ที่เอาทำนองมาจากเพลงดนตรีไทย อัศวลีลา สไตล์ขับม้าย่อง
(ใครสนใจ List เพลงทั้งหมดก็ดูได้จากลิงค์ Wiki ที่วางไว้ข้างบนนะครับ)
บทส่งท้าย
สำหรับผม 'ฟ้าทะลายโจร' ถือเป็นหนังไทยในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งที่คลาสสิค และอยากให้ทุกคนได้ลองดูกันนะครับ หนังงดงามทั้งจากบทเรื่อง ฉากแอ็คชันและเทคนิคต่างๆ ยิ่งโดยเฉพาะคนชอบดูหนังนอกกระแสและหนังอาร์ตหน่อยรับรองว่าถูกใจแน่นอน ตัวหนังอาจดูคัลท์ ดูเฉพาะกลุ่มไปหน่อย แต่ก็ถือว่าชมได้ไม่ยากนะครับ (เพราะยังไงก็ยังมีฐานความเป็นหนังปัจจุบันแฝงอยู่) แค่ลองเปิดใจดู ก็ดูได้สนุก อิน รู้เรื่องแล้ว ถือเป็นหนังไทยที่น่าสนใจทั้งในแง่ความสนุกและความเป็นศิลปะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณนะครับที่อ่านมาได้ถึงตรงนี้... ใครที่สนใจในผลงานของคุณวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ผมแนะนำอีกเรื่องก็ 'หมานคร' โทนหนังนอกกระแส ชนิดที่พอดูจบนึกว่าผู้กำกับฝรั่งมากำกับเอง เป็นหนังที่มีแนวคิดลึกล้ำมาก สามารถจิกกัดสังคมเมืองของคนกรุงเทพอย่างเจ็บแสบ ไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ขอบคุณครับ
Fah talai jone (2000) (Imdb)
With its loud acting style, exuberant sets and stunning shots in pastel colours, this Thai cult film is as much a parody as an homage to the Western and the romantic tearjerker.
Director: Wisit Sasanatieng
Writer: Wisit Sasanatieng
Stars: Chartchai Ngamsan, Stella Malucchi, Supakorn Kitsuwon | See full cast & crew »
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ ชอบฉากไหน ประทับใจเรื่องใด ก็มาคุยแลกเปลี่ยนกัน