วิธีการเดินทาง
     ผมจะเริ่มจาก MITAKA station (เพราะว่าผมพักอยู่บริเวณนี้) ให้นั่งรถไฟสายสีส้ม Chou Line ซึ่งจะวิ่งมาจาก TOKYO Station
โดยเราจะไปลงกันที่ TAKAO station เพื่อต่อรถไฟ  ระหว่างนี้ต้องสังเกตุว่ารถไฟขบวนที่เรานั่งไปนั้น สามารถไปถึง TAKAO Station ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนเลยรึเปล่า  ถ้าไปไม่ถึงก้อต้องมีการเปลี่ยนรถ โดยปกติวันเสาร์จะมีรถไฟสายพิเศษวิ่งตรงไปยัง TAKAO station ได้เลยครับ
มันจะเร็วๆหน่อยนะครับ สายพิเศษสายนี้ เพราะจะจอดไม่บ่อย (แนะนำว่าควรจะถึง MITAKA Station ก่อน 7 โมงเช้า เพราะจะทันรถไฟขบวนพิเศษ)
        หลังจากที่เราถึง TAKAO station ให้เราทำการเปลี่ยนสายรถ ตรงนี้เราสามารถดูป้ายบอกทางได้เลย ซึ่งสถานีที่เราจะไปนั้นคือ TAKAOSANGUCHI Station  เมื่อเราถึงที่นี่ก็เตรียมตัวเดินกันได้เลยครับ  
        เรื่องการเดินทางผมไม่เป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่มา น่าจะสามารถใช้ google map กันได้แน่นอน ถ้าหากใครไม่เคยใช้ แนะนำว่าให้ลองใช้ google map มากันก่อนนะครับ หรือจะเป็น App อื่นก็ได้ครับ หากใช้ Google Map ก็อย่าลืมเลือกวิธีการเดินทางเป็นรถสาธารณะด้วยนะครับ มันจะบอกหมดเลยว่าต้องขึ้นรถอะไร สายไหน ต่อรถตรงไหน ราคาเท่าไหร่ ส่วนเวลาที่ใช้ในการเดินทางตรงนี้เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นิดๆก็ถึงแล้วครับ  
      เมื่อมาถึงที่ TAKAO SAN แล้วจะมีการเดินทางขึ้นเขา ให้เลือก 3 แบบด้วยกัน คือ 1. เดิน 2.รถราง และ 3.กระเช้า ถ้าเป็นกระเช้าก็จะต้องชึ้น 2 ต่อ หรือเราจะขึ้นกระเช้าแค่ต่อเดียว แล้วไปเดินขึ้นในช่วงที่ 2 ต่อก็ได้เหมือนกัน (จริงๆจะเรียกว่ากระเช้าก็อาจจะไม่ใช่ อารมณ์คล้ายๆเรานั่งชิงช้าห้อยขา เหมือนกับชิงช้าที่นั่งขึ้นไปเล่นสกี)
      ระหว่างทางที่เดินขึ้นมาก็จะมีวัด มีสวนลิง มีBeer garden บนยอดเขาที่เราสามารถนั่งจิบเบียร์พร้อมดูวิวสวยๆไปด้วย จะเจอร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ เป็นช่วงๆตลอดทั้งทาง
    รูปนี้จะเป็นป้ายบอกว่าบริเวณนี้มีสัตว์อะไรบ้างตั้งแต่ทางขึ้นจนถึงบน TAKAO SAN จะมีทั้งหมด 13 ป้าย ถ้าจำไม่ผิด
แต่ผมยังไม่เคยเจอตามป้ายสักกะที สงสัยต้องมาใหม่ตอนชช่วงใบไม่เปลี่ยนสี
หมาน้อยตัวนี้เราจะเห็นได้ทุกครั้งก่อนจะถึงวัดบน TAKAO SAN
ระหว่างทางก็จะมี Point view ให้ดูเมืองโตเกียว ค่าใช้บริการ 100 เยน
เมื่อขึ้นมาถึงระหว่างทางของ TAKAO SAN ก็จะมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนที่ผมถืออยู่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ดังโง๊ะ
มันคือแป้งก้อนกลมย่างไฟ แล้วทาซอสที่มีรสชาติหวานๆ ราคา 350 เยน
หน้าประตูวัดก่อนจะถึงยอด TAKAO SAN
ถ้าได้เห็นแท่งสี่เหลี่ยมนี้ มันบ่งบอกว่า ขณะนี้ท่านได้มาอยู่บนยอด TAKAO SAN เรียบร้อยแล้ว สำเร็จแล้ว เย้!!

        หลังจากที่เราถึงยอดเขา TAKAO SAN ก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และบรรยากาศบนยอดเขาสักหน่อย แต่ไม่ต้องนานนักนะครับ เพราะเดี๋ยวเราจะต้องไปเดินป่ากันต่ออีกประมาณ 5 ชม. ซึ่งจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นอีกเพียบ ฮูเล่..ฮูเล่ !!!
        ทางที่เราจะเดินคือ TAKAO SAN – JINBA SAN เป็นเส้นทางที่ไกลที่สุดของที่นี่ เราจะต้องเดินข้ามเขาไปประมาณ 2-3 ลูกด้วยกัน
เส้นทางการเดินถือว่าไม่ยากมาก แต่ก็ควรจะฝึกซ้อมร่างกายมาซักหน่อยน่าจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าหากว่าไม่ได้เตรียมตัวมาก็เรียกได้ว่าเอามาทรมารกันดีๆนี่เอง
อันล่างสุดที่เราจะเดินไป 5 ชม. ด้วยสองขาที่หนาแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อและไขมัน อันแข็งแรงของเรา

อุปกรณ์และของที่จะใช้ในการเดินที่นี่ (บางอย่างอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้) ☆☆☆☆☆ 5 ดาวคือ ควรจะมีมากที่สุดนะครับ
1.รองเท้า (ไม่แนะนำรองเท้าแตะ) ☆☆☆☆
      ว่าด้วยเรื่องรองเท้า ครั้งแรกที่มาเดินที่นี่ใช้รองเท้ารัดส้นของ KEEN ถามว่าเดินได้ไหม? ตอบเลยว่า เดินได้เดินไว้กว่าวันที่อุปกรณ์พร้อมเสียอีก
แต่ก่อนจะเดินจบ TRIP มีความปวดเท้าหนักมาก แล้วรองเท้าแบบไหนที่เหมาะกับการเดินที่นี่หละ ขอแนะนำว่าเป็นรองเท้าที่พื้นแข็งหน่อยครับ
เพราะว่าสถานที่ที่เราไปเดินมันจะมีก้อนหิน รากไม้ระหว่างทาง ซื่งถ้าร้องเท้าพื้นไม่แข็งมากก็จะปวดฝ่าเท้ามาก ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้ถอยรองเท้าเดินป่ามาประจำการไว้ทั้ง 2 ข้างเรียบร้อย
2.ผ้าเช็ดหน้าผืนกลาง☆☆☆
      ผ้าเช็ดหน้าผืนกลางที่ว่าขนาดคือ ผ้าเช็ดผมที่เราใช้กันที่โรงแรม ผ้านี่จำเป็นประมาณหนึ่งเลย เพราะว่าขณะที่เราเดินมา มันจะมีเหงื่อหยด เหงื่อย้อยตลอดทาง ซึ่งมันจะแสบมาถ้าไหลเข้าตา แต่ถ้าใครจะมาหน้าหนาวอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมื่อนกันว่าจำเป็นไหม เพราะตอนที่ผมไปยังไม่เข้าหน้าหนาว แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายครับ
3.อาหารและเครื่องดื่ม☆☆☆☆☆
      ควรจะนำอาหารเที่ยงไป 1  มื้อ แล้วขนมที่ให้พลังงานหรือกล้วยหอมและน้ำขวดสัก 3 ขวด.(500 ml)
แต่ผมเห็นคนญี่ปุ่นเอาขวด 2 L ไป ขวดเดียวจบเลย แต่อย่าลืมเรื่องน้ำหนักของกระเป๋าที่เราต้องแบกไปกันด้วยนะ จริงๆก็มีร้านอาหารอยู่ระหว่างทางเราสามารถซื้อหากันได้แหละ แต่ผมไม่เคยซื้อ เพราะอะไรหน่ะเหรอ ความงกเข้าครอบงำไงคร้าบ เอาตังไปจ่ายค่ารถดีกว่า ^^
อาหารง่ายๆของผม ที่เตรียมไปเป็นมื้อเที่ยง

4.ไม้เท้าเดินป่า ☆☆☆
Item นี้แล้วแต่นะครับ แต่ผมแนะนำให้มีเพราะว่าครั้งที่มารอบแรกก่อนจะจบ TRIP รู้สึกได้ว่าเจ็บเข่าจนไม่อยากจะเดิน แต่อาจจะเพราะว่าเดินเร็วด้วยหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ก็ต้องเดินจนจบไม่งั้นได้นอนป่าแน่นอน หลังจากที่ได้ไปลองหามาใช้แล้วกลับมาซ้ำที่เขานี้อีกรอบปรากฎว่าไม่เจ็บเข่าเลย
แต่จะปวดบริเวณไหล่นิดหน่อย เพราะว่าเราจะใช้แขนและไหล่ในการใช้ไม้เท้าเดินป่า และตอนลงเขามาสามารถลงได้เร็วกว่าเดิมมาก
วิธีการเดินป่าที่นี่ก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ไม่ยากมาก อาจจะมีงงๆบ้างนิดหน่อย ถ้าไม่ชัวร์ก็ถามคนญี่ปุ่นได้เลย ซึ่งแน่นนอนเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าคุณสามารถเข้าใจได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
บรรยากาศระหว่างทางไป JINBA SAN
เราจะเดินกันจาก TAKAO SAN ไป JINBA SAN ให้เราสังเกตุป้ายบอกทางและจำตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นไว้หรือจะถ่ายรูปไว้ก็ได้
เพราะระหว่างทางเราจะจับป้ายที่ชี้ไปทาง JINBA SAN
หลังจากที่เราเดินกันมาจนถึง  JINBA SAN เราจะเจอตัวอะไรไม่รู้สีขาว 4 ขา ก็ทำการถ่ายรูป ลงโซเชี่ยลกันให้หนำใจ
รูปนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ไป เหมือนกับว่า พี่ๆ ลุงๆ กำลังวางแผนซ่อมทางที่ใช้เดินระหว่างภูเขา

         หลังจากนั้นเราก็หาทางไป BUS STOP กันต่อ จากตรงนี้ให้เดินลงไปทางห้องน้ำจะมีทางซ้ายมือให้เราเดินต่อไปเรื่อย เดินไปหน่อยนึงจะเราป้ายบอกทางเล็กๆ ทางไป BUS STOP  ให้เลี้ยวขวา เราก็เดินตามทางไปเรื่อยระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกเป็นระยะ ตรงนี้จะเป็นทางลงเขาอย่างต่อเนื่องต้องระมัดระวังกันเป็นอย่างมากด้วยนะครับ จะเป็นทางที่มีรากไม้เยอะ
เมื่อลงมาถึงข้างล่างก็จะเจอลำธารเล็กๆ น่ารักๆ
เดินออกมาตามทางจะเจอถนนลาดยาง ตรงนี้เดินไปอีก 1.5 กม. ระหว่างจะเจอทางสามแยกให้เลี้ยวซ้ายจะเจอร้านอาหารอยู่ เดินเลยมาหน่อยเราก็จะเจอกับ Jinba Plateau Shita BUS STOP และห้องน้ำ
รถ BUS  ที่นี่ตรงต่อเวลามาก ซึ่งจะมีรอบละชั่วโมง จะออกทุกๆ X ชม 25 นาที
รถ BUS จะไปส่งที่ TAKAO Station แนะนำให้คำนวณเวลาดีๆ นะครับจะได้ไม่ต้องรอรถนาน.
จาก TAKAO Station เราก็นั่งรถไฟสายเดิมกลับเข้า TOKYO
ก็หวังว่ารีวิวนี้จะพอเป็น Guide Line ให้ได้ไม่มากก็น้อย......ในกรณีที่ใครมาญี่ปุ่นแล้วอยากจะไปหลังไมค์ได้ครับ
ถ้าไม่ติดอะไรจะไปด้วยครับ (ก่อนสิ้นปี 2560)