รีวิว Kamikochi " The Hidden gem in the winter " ฉบับไปเองฤดูหนาว ละเอียดยิบ

รีวิว Kamikochi in winter season (ฉบับไปเอง)

สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับประเทศที่หลายๆคนน่าจะคุ้นเคย สถานที่ก็คุ้นเคย แต่ในฤดูที่ไม่คุ้นเคยมากนัก
นั่นคือ Kamikochi in winter season ครับ
หลายๆที่ในละแวกนี้ matsumoto , takayama , nagano เรามักจะเห็นว่า ช่วง winter season หิมะมักจะเยอะ ทำให้หลายๆที่มักจะปิด เช่น เส้นทางการเดิน trekking ขึ้นภูเขา , กิจกกรมปั่นจักรยานในหลาๆยที่ที่มีหิมะมากๆแล้วอันตรายมากขึ้น หรือแม้แต่ที่ที่หิมะตกมากจนปิดเส้นทางการเข้าถึง และ kamikochi ก็เป็นหนึ่งในที่ที่ปิดเช่นกันครับ
ทั้งเส้นทางเดินรถ/โรงแรม/ทุกอย่างในนี้ปิดทั้งหมด เป็นเหมือนเมืองร้าง แต่จากที่หาข้อมูลเพิ่มเติมมาจากเว็บ alpico และ รีวิว blog และ comment ของชาวต่างชาติ เห็นว่าเราสามารถเข้าไปได้ ไม่ค่อยได้เห็นคนไทยไปมากนัก เลยทำให้ตัดสินใจอยากไปที่นี่ครับ
จุดประสงค์ของการเขียนครั้งนี้ อยากให้ทุกคนได้ลองมาที่นี่ดูครับ แต่ด้วยข้อมูลหลายๆอย่างที่น้อยมาก ทำให้เตรียมตัวไม่ถูก อาจจะทำให้หลายๆคนไม่กล้ามา เลยอยากแบ่งปันไว้เป็นแนวทางครับ
ขอแบ่งข้อมูลเป็นด้านต่างๆนะครับ

เพี้ยนออกทริป
ข้อมูลการเดินทาง
Plan :
Matsumoto -> Alpico bus to Nakanoyu station -> hiking to kamikochi -> Arrived Kamikochi ( Kappa bridge ) -> hiking back to starting point -> Alpico bus to Matsumoto

Timetable : 
Start -> 7.40 Matsumoto -> 9.13 Nakanoyu station 
-> 9.30 Trekking to kamikochi total 12 km 
-> 15.05 bus from Nakanoyu -> 16.23 arrived Matsumoto -> Finished

Transportation :
1. By bus สาย Matsumoto - Takayama : จะลงที่สถานี Nakanoyu แล้วเดินไปต่อถึง kamikochi (ข้อดีคือ ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถ  ข้อเสีย คือ อาจจะต้องคุมเวลา กะเวลาให้กลับมาขึ้นรถบัสให้ทันตามรอบที่วางแผนไว้ครับ)
-> ซื้อบัตรที่ alpico bus station ตรงข้ามสถานีรถไฟ JR matsumoto (เขาให้ซื้อตั๋วในวันเดียวกันกับที่จะเดินทาง เปิดขายบัตร 6.30) รถไม่ค่อยแน่นอาจจะไม่ต้องรีบมาจองก่อนมาก ราคาตั๋ว 2250 yen , ขากลับให้โบกรถกลับที่หน้าอุโมงค์ที่เราลงตอนแรก รอรถมาตามรอบ จ่ายเงินบนรถครับ ไม่มีให้จอง/ซื้อตั๋วขากลับก่อน

2. By Private car ถ้าใครอยากเอารถมา ไม่มีที่ให้จอดหน้าสถานีครับ อาจจะต้องหาข้อมูลอีกทีว่าถ้าเอารถมาต้องไปจอดที่ไหนมั้ย

Weather :
อากาศช่วงที่ผมไป ประมาณ -2 ถึง 2 องศา
มีหิมะตก และมีฝนหิมะ ช่วงที่ลมเยอะ ฝนเยอะ จะหนาวมากกว่าปกติ โดยรวมก็คือเหมือนอยู่อากาศติดลบตลอดทั้งวันครับ

Clothing : (ถ้าใครจะซื้อ uniqlo แนะนำ ให้มาซื้อที่ญี่ปุ่นให้หมดเลย ราคาถูกกว่าเยอะมากๆๆ 30-50%)
1. หมวก beanie หรือ ที่ครอบหู เป็นสิ่งที่มีก็ดีครับมีแล้วสบายขึ้นเยอะ เพราะอากาศเย็นมาก แล้วเดิน ในป่า 6 ชม ไม่มีช่วงอุ่นเลย เลยค่อนข้างจำเป็นครับ
2. เสื้อกันหนาว/เสื้อกันลม เอาแบบหนาๆ/ขนเป็ด ตัวนึงก็ดีครับ , เสื้อคอเต่า/ผ้าพันคอเอามาปิดคอ
3. Heat tech -> ถ้าอย่างสภาพอากาศที่ผมเจอ ประมาณ -2 ถึง 2 องศา ใช้ heat tech uniqlo ultrawarm กับเสื้อคอเต่า เสื้อกันหนาว +- เสื้อกันลม ก็เอาอยู่ครับ , แต่จากที่ดูวันอื่น อุณหภูมิถึง -7 ก็มีครับ อาจจะเผื่อ heattech ธรรมดาติดไปอีกทีก็ได้ครับ
4. รองเท้ากันน้ำ/หิมะ + ถุงเท้า heattech ตอนเดินมีหลายๆจุดที่ต้องย่ำไปในหิมะ ถือว่าบ่อยถ้าเอารองเท้าธรรมดาไปน่าจะเละและชื้นมาก แนะนำเป็นรองเท้ากันน้ำกันหิมะ ของพวกผมซื้อรองเท้าตามช้อปปี้ 300-600 บาท ใช้แล้วทิ้งก็เอาอยู่ครับ
5. Trekking pole อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้ การเดินทางเท้ามีสองช่วง ช่วงแรกเป็นเดินในอุโมงค์ถนนคอนกรีต 2 กม. ช่วงขึ้นและลงอาจจะมีประโยชน์ครับ , ช่วงทางเดินธรรมชาติ เป็นทางเดินปกติ ไม่ค่อยมีช่วงที่ขึ้นลงเยอะชันๆ อาจจะไม่ค่อยช่วยครับ

Meal :
ตอนเช้า : กินจาก Matsumoto ไปก่อน
ตอนกลางวัน : การกินระหว่าง trekking แนะนำให้ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ แล้วแต่ว่าเราจะกลับกี่โมง
อย่างผมกะว่าจะกลับรถรอบ 15.00 แต่ก็กลัวเผื่อว่าแผนการเดินทางเดินป่า ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุอะไรที่ทำให้ต้องดีเลย์จนตกรถต้องขึ้นรถอีกทีรอบ 18.00 เลยมั้ย
เลยซื้อไปให้พอสองมื้อ แซนวิช ขนมปัง น้ำอุ่นๆ/กระติกน้ำอุ่น แค่นี้คิดว่าน่าจะพอครับ หรืออยากลองเอามาม่าหม้อร้อนก็น่าสนใจครับ

Document/Instrument preparing :
- ไปซื้อบัตรที่ alpico bus to Nakanoyu station
- Guide ถ้ากลัวในการเดินอาจจะลองดูตามเว็บของ alpico ก็ได้ แต่การเดินทางค่อนข้างยาก ต้องไปพักที่ Norikura kogen ก่อน  เดินทางไปก็ยาก  ถ้ากลับมาแล้วจะกลับไป matsumoto อีกก็ดึกมาก ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างเสียเวลามาก อาจจะต้องนอนอีกคืน และอีกวันก็ต้องย้ายที่เที่ยว มันจะเสียเวลาเที่ยวเพิ่มอีกวันด้วย กว่าจะออกจากหมู่บ้าน ไป matsumoto แล้วไปที่อื่นต่อ . ในฐานะที่ไปลองเดินมาเองแล้ว มองว่าถ้า ต้องเสียค่า guide อีกราวๆ 3000-6000 บาท ต่อคน ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เพราะ จากทางที่เดินก็เป็นทางถนนปกติ แค่มีหิมะมาตกแค่นั้นเอง มีแผนที่ เดินอย่าออกนอกสถานที่ก็พอครับ ประหยัดขึ้นอีกเยอะ
- Registration form ตามที่เว็บ alpico บอก หาในอินเทอร์เน็ตไม่เจอเลย ลองไปอ่านตาม blog ชาวต่างชาติบอกว่าไม่ได้มีการตรวจที่ชัดเจน และที่ไปเจอมาเอง ก็คือ มีแผ่นให้เขียนอยู่หน้าทางเข้า และ ทางเข้าก็ไม่ได้เจ้าหน้าที่เฝ้าด้วย เหมือนเดินเข้าไปได้เลย เน้นการดูแลตัวเองเป็นหลัก สรุปก็คือไม่ต้องเตรียมไปในส่วนของ form นี้ ไปเขียนที่หน้าทางเข้าได้เลย ไม่ได้ required ด้วยซ้ำ
- แผนที่และแผนการเดิน + กฏการเดินในหน้าหนาว อย่างที่บอกว่าเราควรจะรู้เวลาคร่าวๆว่าต้องเดินถึงจุดไหนตอนกี่โมง ถ่ายรูปได้นานแค่ไหน อะไรประมาณนี้ เพราะจะต้องกลับมาทันรถรอบที่ต้องการ อันนี้เป็นแผนที่เจอในเน็ต
- ร่างกาย ผมไม่เคยออกกำลังกายเลย ปกติวิ่งแค่ 400 เมตรก็เหนื่อยแล้ว คิดว่าไม่ได้ฟิตเลย ถ้าผมเดินไหว ทุกคนก็เดินไหวครับ ไม่น่าเป็นห่วง 
- ไฟฉาย เผื่อเดินผิดแผนกลับรอบ 15.00 ไม่ทัน แล้วต้องไปรอบ 18.00 น. (พระอาทิตย์ตก 16.50 จะอันตราย พกไว้สักคนก็ดีครับ)
- ห้องน้ำ มีให้เข้าที่จุดเริ่มต้น(ส้วมหลุม) , กับอีกทีคือใกล้ๆ kappa bridge (Nakanose toilet) เลย(เดินไปประมาณ 5-6 กม)

เพี้ยนลุย
ข้อมูลพร้อมแล้ว มาลุยกันเลยครับ
เริ่มจากเราต้องไปเริ่มจากเมือง Matsumoto ครับ
ผมนอนพักที่ Premier hotel cabin ราคาดีมาก วิวจากโรงแรมสวยมาก ประมาณคนละ 1100 บาท(รวมบุฟเฟต์อาหารเช้า) อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR และ ติดกับสถานีรถบัส Alpico เลย ตื่นเช้ากันตอน 6 โมง อาบน้ำแต่งตัวพร้อม เตรียมซื้ออาหารที่จะเอาไปเดินในป่าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน กินอาหารเช้าที่โรงแรม กินเสร็จก็ไปซื้อบัตรที่ alpico bus station (เขาให้ซื้อตั๋วในวันเดียวกันกับที่จะเดินทาง เปิดขายบัตร 6.30) รถไม่ค่อยแน่นอาจจะไม่ต้องรีบมาจองก่อนมาก ราคาตั๋ว 2250 yen ระหว่างทางก็จะผ่านหมู่บ้าน ผ่านที่เก็บน้ำ เลาะตามเขา ไปจนถึง Nakanoyu station 
Nakanoyu station จะเป็นเหมือนทางเข้า มีอุโมงค์อยู่ด้านหน้า เงียบสงัด เสียงลมดังเข้ามาพร้อมกับอากาศ -1 องศา โดนปล่อยกลางถนน ความรู้สึกที่เตรียมพร้อมตลอดเพื่อมาทริปนี้ กลับรู้สึกโหวงเหวงมากๆ เคว้งพอสมควร รู้สึกคิดอีกทีจะไหวมั้ยที่ไม่ได้จ้างไกด์ เหมือนวัยรุ่นบ้าพลังอีกครั้ง ไม่รีรอไปเขียน registration form ที่ข้างประตูทางเข้าเล็กทางด้านซ้ายมือ กล่องตามรูปด้านล่างเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจอะไรทั้งนั้น เหมือนรับผิดชอบตนเอง 

เข้าห้องน้ำเป็นส้วมหลุม เหม็นพอตัว มองลงไปมีซากอารยธรรมเต็มไปหมด5555
แปะแผนการเดินทางที่สรุปมาเองแล้วลุยเลย

หลังจากนั้นเราก็เริ่มเดินเข้าไปในอุโมงค์ เริ่ม 9.35 ส่วนตัวที่หามานึกว่าจะเป็นอุโมงค์ทางเรียบ 2 กม
พอมาเจอเข้าจริงๆเป็นอุโมงค์ ชัน 11 องศา เกือบตลอด 2 กม ตอนแรกก็คิดว่าชันแค่ 11 องศาเอง แต่พอมันขึ้นตลอดทาง เหนื่อยมาก อากาศที่หนาวมาก ข้างในด้วยความที่เป็นอุโมงค์ ลมก็จะเข้ามาแรงพอสมควร เจอเดินแบบนี้ก็เหงื่อออกมากๆ ร้อนมาก ถอด beanie คลายผ้าพันคอ เดินพักอยู่สองหนหายใจเข้าออกลึกๆ พอหลุดออกมาจากอุโมงค์แรก 1.3 กม. สิ่งแรกที่ทำคือ ถอดเสื้อ heattech ที่ใส่มาสองชั้น กลัวว่า ultrawarm จะไม่พอ กลายเป็นร้อนเฉย5555 พอถอดออกแล้วฟินมาก เย็นแบบคือดี วิวข้างล่างเป็นแม่น้ำและภูเขา แชะกันสักสองสามแชะ และเดินเข้าอุโมงค์ต่อไปอีก 600 ม. เป็นทางเดินขึ้นเหมือนเดิม ชั้นน้อยลงเหลือ 7 องศา ไปจนสุดหลุดอุโมงค์
พอหลุดอุโมงค์ที่สองมา จากนี้เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ จริงๆคิดว่าทางเดินที่เราเดินกันก็คือทางเดินรถในฤดูอื่นๆแหละ แต่ฤดูนี้รถห้ามผ่าน(จริงๆก็มีรถเจ้าหน้าที่ข้างในเหมือนมีการซ่อมอะไรบางอย่างๆ ยังเห็นรถผ่านเป็นระยะๆ รถล่ามโซ่ที่ยาง) หลังจากจุดนี้ก็เดินตามทางธรรมชาติ หลังจากนี้เป็นช่วงที่ใช้คำว่าสวยได้เปลืองที่สุดถึงที่สุด จะลงรูปให้ดูเรื่อยๆครับ
ต่อในเมนต์ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่