[CR] Hokkaido : Walking In Snow | ในตอนที่เดินไปบนหิมะ



หน้าหนาวมาเยือนอีกแล้ววว
ผมไม่ลืมนะ ว่ามีทริปนึงที่ผมเขียนค้างไว้กลางทาง แต่ก็หาโอกาสเขียนต่อไม่ได้สักที
https://ppantip.com/topic/36183850
จนไม่กี่วันมานี้ ผมได้กลับไปเลื่อนดูรูปเก่าๆ เจอรูปของทริปนั้นเข้า มันยังมีอีกหลายรูปเลยที่ผมอยากแบ่งปันให้ดู และก็มีอีกหลายอย่างที่อยากเล่า แต่ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเล่ามันออกมาได้ดีได้ไหม การเดินทางนั้นมันให้อะไรผมมากมาย แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายทอดออกมา(สกิลผมไม่ถึงเองแหละมั้งนะ)
จนกาลเวลามันล่วงเลยมาถึงเหมันต์ฤดูอีกครั้ง เอาล่ะ มาจบบันทึกการเดินทางครั้งนี้กัน
....


รถไฟเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามหน้าที่ที่มันได้รับ มุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่อยู่เหนือขึ้นไป จากเมืองฮาโกดะเตะ ที่อยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโดกำลังพาผมกลับไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องแวะกลางทางเสียก่อน ตามแผนที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ในค่ำคืนก่อนหน้านี้
บนรางเหล็กที่ทอดยาว ผ่านหมู่บ้าน ผ่านลำธารที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แม้จะเห็นชีวิตจากหลากหลายเผ่าพันธ์กำลังดำเนินอยู่ท่ามกลางความขาวละเอียดนั้น แต่กลับเป็นการดำรงอยู่อย่างเงียบสงบ ดูผ่อนคลายอย่างมาก (หรือว่ามันหนาวเย็นจนไม่อยากทำอะไรมากกว่ารึเปล่านะ) ถ้าตัดเสียงเพียงเล็กน้อยที่เล็ดลอดออกมาจากตัวรถไฟแล้ว มันคงสงบจนสงัดน่าดู บรรยากาศชวนให้หลับฝันกลางวันเสียจริง แต่ใครจะยอมทำเพื่อให้พลาดทัศนีย์ภาพสวย ๆ บนเส้นทางสายนี้กันล่ะ?



สองชั่วโมงจากจุดเริ่มต้น ม้าเหล็กได้หยุดควบลงชั่วคราวเพื่อให้ผมลากกระเป๋าใบโตลงจากอานที่แสนนุ่มของมัน กลางทางของจุดหมายในวันนี้ คือเมืองแห่งนรก, หุบเขานรก, เมืองแห่งออนเซ็น หรือชื่ออื่น ที่ใครอยากจะเรียกแบบไหนก็ว่ากันไป แต่จากชื่อข้างต้นที่ผมกล่าวมาก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าคือที่ไหน
หลังจากฝ่าความวุ่นวายในการฝากกระเป๋าภายในสถานีเล็กๆ(ที่ไม่ควรจะเล็ก)แห่งนี้ได้แล้ว ผมยังต้องภจญความวุ่นวายจากผู้คนจำนวนมากเพื่อขึ้นรถบัสบริเวณหน้าสถานีไปยังจุดหมายปลายทางอีกต่อนึง ซึ่งกว่าจะขึ้นรถได้...เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน แม้จะอยู่ท่ามกลางความหนาวและหิมะเต็มพื้นก็ตาม
ไม่ตายก็ไปเที่ยวนรกได้นะครับ เผื่อใครยังไม่รู้ ที่จังหวัดโนโบริเบทสุ (Noboribetsu) มีหุบเขานรกเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรอให้ท่านมาเยี่ยมชมได้ โดยที่ท่านไม่ต้องตายและไม่ต้องทำชั่วช้าสามาญอะไรมาก่อนด้วย การเดินทางอาจจะแพงสักหน่อย เสียเวลาสีกนิด หวาดเสียวอยู่บ้าง แต่ก็คุ้มนะครับ เพราะเป็นนรกที่สวยงามมาก
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมาหลายวัน วันนี้สองข้างทางมีแต่ป่าเขาลำเนาไพรให้ดู รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลับบ้านเลย... เอ้ย ไม่ใช่ดิ บ้านผมไม่ใช่นรกนะ (ผมเป็นคนต่างจังหวัด ชีวิตส่วนใหญ่ในสายตาจะคุ้นชินกับแนวเขาและต้นไม้มากกว่าตึกสูงๆ ในเมืองใหญ่ มันจึงเหมือนว่าตัวเองกำลังกลับบ้านละครับ)

Jigokudani (หุบเขานรก) ห่างจากสถานีรถไฟโนโบริเบทสึ ประมาณ 15 นาที และเดินเท้าผ่านชุมชนร้านค้าของฝากอีกประมาณ 10 นาที ถ้าท่านไม่อ้อยอิ่งในการชอปปิ้งสะก่อน ต้องบอกว่าเป็นนรกที่มีกลิ่นรุนแรงเอาเรื่อง(เดินไปเรื่อยๆ เดียวก็ชิน) ผมชอบที่นี่มากนะ ภูเขาที่มีดินสีส้มๆ สลับกับต้นไม้แห้งราวกับตายไปแล้วถูกแต่งแต้มด้วยหิมะขาวของหน้าหนาวและไอความร้อนที่ผุดขึ้น ลอยฟุ้งไปบนฟ้าสีสดใส จนต้องรัวชัตเตอร์ไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ และผมก็ดันชอบทุกรูปที่ถ่ายมาเสียด้วยสิ เสียดายเล็กๆ ที่เดินไปไม่สุดทางเดิน เพราะทางมันลื่นมาก(คูณมากเข้าไปอีกสิบ) ระหว่างทางเจอคนลื่นล้มต่อหน้าต่อตาไปประมาณ 5-6 คน เล่นเอาผมไม่อยากเดินต่อเลยล่ะ
น่าเสียดายที่ผมอยากใช้เวลาอยู่ที่นี่ นั่งเงียบๆ มองออกไปให้ตาเก็บรายละเอียดของภาพเบื้องหน้ามากกว่าเดิมอีกสักนิด ให้สมองจดจำรายละเอียดสิ่งต่างๆ อีกสักหน่อย แต่เวลาที่ม้าเหล็กตัวที่ผมตีตั๋วเพื่อกลับซัปโปโรใกล้จะมาถึงเต็มที่แล้ว มันก็ช่วยไม่ได้แหละนะ...อย่างน้อยเราก็ได้รูปที่นี่มาแล้ว เอาไปฝันต่อแล้วกัน


ตอนที่ผมไปถึงซัปโปโรก็เป็นช่วงเวลาเย็นพอดี ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทไปแล้ว แม้เข็มสั้นจะยังเดินไปไม่ถึงเลข 7 เลยก็ตาม การได้กลับมาอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ทำให้ผมต้องปลุกความกระฉับกระเฉงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะต้องลากกระเป๋าใบเคื่องน้ำหนัก 21 โลนิดๆ ขึ้นลงบันไดที่โคตรจะสูงและชันเพื่อไปยังโรงแรมที่จองไว้ ความเหนื่อยทำให้ผมลืมอากาศที่แสนจะหนาวเย็นขณะนั้นไปเป็นพักๆ หมวกไม่ใส่ ถุงมือไม่เอา จนบางครั้งที่มองไปทางคนอื่นก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอะ....กูต้องหนาวนี่หว่า?
ต่อรถไฟ 2 ครั้ง และเดินฝ่าหิมะลื่นๆ กับฝนอีกนิดหน่อย ในที่สุดก็เอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมจนได้
เสร็จก็ไปกินข้าวหน้าเนื้อ(อร่อยดี) ในห้างพาร์โก้เติมพลังให้ร่างกายสักนิด ต่อด้วยเดินดูของแถวๆ นั้นสักหน่อย จนเวลาล่วงมาถึงเกือบๆ สามทุ่ม ร้านค้าต่างๆ เริ่มเลื่อนประตูลงหนีลูกค้าไปต่อหน้าต่อตา นึกแปลกใจเล็กน้อย ทั้งที่ซัปโปโรเป็นเมืองใหญ่ เป็นศูนย์กลางของเกาะ แต่ทำไมพากันหลับนอนไวขนาดนี้... ไม่เป็นไรครับ เราก็กลับไปนอนพักเอาแรงบ้างดีกว่า


เช้าวันแรกในเมืองซัปโปโรของผม และเป็นวันแรกของ Snow Festival เทศกาลระดับโลกในปีนี้เช่นกัน ก็ไม่ต้องคิดกันให้เหนื่อยเลยว่าเราจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกันดี ก็'โอโดริ' สิครับ สถานที่จัดงานเป็นประจำของทุกปี
เช้านี้หิมะไม่ตก และเหมือนจะไม่ได้ตกจริงๆ จังๆ มานานแล้วเหมือนกัน หิมะที่พื้นเลยละลายทับถมกันจนเป็นน้ำแข็งแน่นๆ ให้ใครก็ตามที่ไม่ระวังได้ลื่นเล่นๆ โชว์คนที่เดินสวนกันไปได้ดูเป็นขวัญตา
ใครจะไปรู้ เราอาจจะได้เจอเนื้อคู่เป็นคนที่ช่วยพยุงเราขึ้นมาในตอนที่ลื่นหัวทิ่มหิมะ ครั้งใดครั้งนึงก็ได้ เสียดายผมไม่ได้ลื่นสักครั้งเลย เห้อออ...
หลังจากเรียบร้อยกับมื้อเช้าแล้ว เดินออกจากงานมาไม่ไกลนัก ในซอยเล็กๆ ถัดจากถนนเส้นหลักมาหนึ่งช่วงตึกมีร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงเอาการอยู่ร้านนึง ได้หมายมั่นไว้อยู่แล้วว่าจะลองให้ได้
'Baristart Coffee' ร้านค่อนข้างจะเล็ก มีที่นั่งแบบบาร์ และเก้าอี้เพียงไม่กี่ตัว ร้านออกจะดูเป็น take away มากกว่า เมนูในร้านก็เหมือนจะพื้นๆ แต่วัตถุดิบที่มีไม่พื้นเลย ความน่าสนใจจะอยู่ตรงที่ ส่วนผสมที่มีเอกลัษณ์เฉพาะพื้นที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมนู อย่างที่ผมสั่งคือ Biei Latte ก็จะใช้นมที่มาจากจังหวัด Biei เลย ซึ่งมันก็หอมนุ่มละมุนสุดๆ (รู้สึกไปเองรึเปล่าไม่รู้ แต่กลิ่นของนมมันไม่เหมือนนมที่ไหนที่เคยกินมาเลยจริงๆ ) โดนใจผมมาก


ไม่รู้มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ประหยัดเงิน หรือคือเรื่องเพี้ยนๆ ที่ต้องเดินขาลากกับระยะทางเป็นกิโลๆ กันแน่ หลังจากอิ่มท้องจากกาแฟและมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปสถานีใหญ่ตามเส้นทางใต้ดิน โดยไม่รู้ว่ามันไกลขนาดไหน เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มั่นใจว่ามันใช่รึทางนี้หรือเปล่า ทั้งใจที่กังวลอยู่ไม่ลึกว่าจะไปถึงทันเวลาที่ต้องขึ้นรถขบวนที่เราได้จองไว้ตั้งแต่เมื่อวานไหม ซึ่งสุดท้ายก็ทันแบบฉิวเฉียด
ผมกำลังจะไปโอตารุอีกครั้งครับ ไปดูงานนึง ที่ผมอยากเห็นอยากเจอมากกว่าเทศกาลหิมะเสียอีก หนึ่งเหตุผลหลักที่ผมอยากมาฮอกไกโดมากๆ ก็เพราะงานนี้ด้วยแหละ
จากสถานีซัปโปโร ใช้เวลาเกือบๆ 50 นาที ถึงเมืองโอตารุ ตอนที่ถึงท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หิมะยังคงตกตอนรับนักท่องเที่ยวอย่างหนักให้สาแก่ใจอิช้อยนัก(ใครคืออิช้อย?) บวกกับลมที่แรงเอาเรื่อง หนาวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเลย นึกถึงน้ำเสียงและประโยค 'พี๊ชายยย...ฉันหนาวววว' ของคุณเบบี้มายด์ ขึ้นมาทัน
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะงานนี้ต้องมืดครับถึงจะดูสวย
Otaru Snow Light Path Festival
งานแกะสลักหิมะที่ดูเหมือนไม่ต่างอะไรกับที่ซัปโปโรมากนัก แต่มันต่างตรงที่ Light ไง แสงจากโคมไฟที่ประดับประดาอยู่ท่ามกลางหิมะนี่แหละ ที่ผมว่ามันดูอบอุ่น สวยงามและน่าเดินชมมากกว่าที่ซัปโปโรมากนัก
แม้พื้นจะลื่นมาก จนเห็นคนล้มหัวทิ่มหัวตำเสียจนชินตา ก็ไม่ได้ลดทอนความเพลินในการเดินชมงานของผมไปเลยสักนิด งานแกะหิมะที่นี่ มันไม่ได้ดูใหญ่โตอะไร แต่กลับมีความน่ารักอยู่เต็มไปหมด จนอยากจะถ่ายทุกซอกทุกมุม ติดที่คนเยอะจนทำได้ไม่เท่าใจอยากทำ แต่แค่นี้ก็พอใจผมแล้วล่ะ
ชื่อสินค้า:   Hokkaido
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่