สวัสดีค่ะ มีเรื่องไม่สบายใจต้องการปรึกษาค่ะ
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ ดิชั้นต้องการคำแนะนำ และอยากให้อ่านไว้เป็นวิทยาทานในการเลี้ยงดูบุตรนะคะ
ถึงแม้ครอบครัวจะดีเพียงไหน แต่หากมีช่องโหว่เพียงนิดเดียว ปัญหาพวกนี้มันก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
น้องชายดิฉันที่กล่าวนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องค่ะ เป็นลูกของน้าชาย ซึ่งน้าชายได้หย่ากับคุณแม่ของน้อง และย้ายออกไปอยู่กับภรรยาใหม่
ส่วนแม่ของน้อง ก็กลับไปอยู่บ้านเกิด นานๆจะติดต่อมา ซึ่งปัจจุบันคุณแม่น้องไปมีครอบครัวใหม่แล้ว ทางคุณพ่อเป็นฝ่ายส่งเสียส่งเรียน
น้องดิฉันโตมากับป้า 2 คนและยาย
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่พูดเพราะ เรียบร้อย คุณป้าคุณยายมักจะสอนเรื่องมารยาท เป็นครอบครัวที่อบอุ่น พี่น้องช่วยเหลือกัน วันหยุดจะเป็นวันที่หลานๆ และญาติพี่น้องที่แต่งงานออกไป มาทานข้าวมาค้างกัน
คุณแม่ดิฉันก็แต่งงานออกมา ดิฉันจึงมีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงปิดเทอม เราเจอกันเรื่อยๆ ช่วงตอนเด็กๆ แต่เมื่อดิฉันเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยมีเวลาไป เนื่องจากไปอยู่หอ แล้วก็รู้เรื่องน้องบ้าง ไม่รู้บ้าง
ในวัยเด็ก
ช่วงที่น้องประถม น้องเป็นเด็กสดใส ว่านอนสอนง่าย ขี้อาย และมีเพื่อนเป็นลูกอาจารย์ ซึ่งทางญาติก็เบาใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนดี
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง น้าชายก็มารับน้องไปอยู่บ้านที่น้าซื้อไว้ กับภรรยาใหม่ ซึ่งมาทราบภายหลังว่า น้าก็กินเหล้าในบ้าน ให้น้องที่เป็นเด็กชงเหล้า
ภายหลังคุณป้าทราบเรื่อง จึงให้น้องกลับมา น้องเคยบอกกับป้าเหมือนอยู่ในนรก
จนเริ่มมัธยมต้น น้องก็ยังดูโอเครทักทายอยู่ เวลาญาติๆไปบ้าน แต่น้องเริ่มมีเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ดูเป็นเด็กเกเร แต่ทางบ้านก็มองโลกในแง่ดี ว่าน้องน่าจะเลือกทำเรื่องดี
พอมัธยมปลาย น้องเริ่มกินเหล้าสูบบุหรี่ตามเพื่อน ให้เพื่อนมากินที่บ้านบ้าง ซึ่งแรกๆคุณป้าก็อนุญาติ แต่ดิชั้นไม่ค่อยทราบรายละเอียดว่ามาบ่อยแค่ไหน จนตอนหลังๆคุณป้าจึงขอ ว่าถ้ามาก็หน้าบ้าน อย่าพาขึ้นบ้านเลย เพราะที่บ้านมีป้าสองคน และยาย พอช่วงนั้นคุณยายเสีย น้องก็รู้สึกไม่เหลือใคร เพราะยายจะตามใจ เราก็ดูน้องกันอยู่ห่างๆ เพราะพื้นฐานน้องเป็นเด็กดี งานศพยาย เพื่อนๆน้องก็มาช่วยงาน
ในช่วงม.ปลาย ความสัมพันของน้องกับพ่อ ค่อนข้างแย่หนักมาก พ่อน้องนอกจากไม่ค่อยมา เวลาน้องมีปัญหา หรือกลับดึก พ่อก็จะโทรไปด่า เพราะน้าชายเป็นคนใจร้อนมาก น้องก็ติดเพื่อนหนักมาก ป้าก็ทำอะไรไม่ได้ คุณป้าใจเย็นในการสอนน้อง ดูแลน้อง ไม่รังเกียจเพื่อนน้องเลย น้องก็เลยคุยกับป้าคนนี้มากเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นไม่รู้เรื่องเลย เพราะป้าจะไม่เล่าเรื่องไม่ดีของน้องใหญ่ญาติๆฟัง
ช่วงเข้ามหาลัย น้องไปเรียนเทคนิค และย้ายที่เรียนไป 1 ครั้ง ไม่ทราบเหตุผล ช่วงนี้น้องเริ่มเก็บตัว ไม่เจอหน้าญาติพี่น้อง ออกไปกับเพื่อนแทน
กลุ่มเพื่อนน้องเริ่มหลากหลายขึ้น แข่งรถ กินเหล้า เล่นพนันบอล ติดเงินเค้า มีคนมาตามเอาเงินหน้าบ้าน พอไม่มีเงิน ก็ไปรับอาสาส่งยา (ภายหลังเพิ่งรู้ว่าเสพยา) ตอนหลังน้องไม่ไหว จึงบอกป้า เพราะน้องรู้ว่าป้ามีเก็บเงินที่เหลือจากน้าชายส่งๆมาให้อยู่ น้องก็ขอเงินก้อนนั้น บอกว่าต้องการออกจากกลุ่ม ต้องใช้เงิน ใช้หนี้ ทุกครั้งที่ขอเป็นครั้งสุดท้าย ขอครั้งละ 2 3 4หมื่น ซึ่งสำหรับป้าๆที่ไม่ค่อยมีเงิน มันเป็นเงินก้อนใหญ่มากที่เด็กจะมาขอ ขนาดดิฉันทำงานแล้ว ยังไม่กล้าใช้เงินที่ละมากๆแบบนั้นเลย สุดท้ายก็ขอจนหมดบัญชีเงินเก็บที่ป้าสะสมไว้ให้ภายในสองเดือน แต่งตัวมีใส่แหวนใส่ทอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มาจากกลุ่ม และถึงขั้นพกปืน ดิชั้นตกใจมาก เมื่อรู้จากป้า ไม่มีใครรู้ น้องไปไกลและถลำลึกกว่าที่คิดเอาไว้มาก ตอนนี้น้องพยายามพาตัวเองมาจากจุดนั้น จะหางานทำ เพราะไม่ต้องการง้อเงินพ่อ จะส่งตัวเองเรียน แต่งานที่น้องไปสมัครทำ ก็เป็นธุรกิจขายตรง ขายฝัน ที่ต้องจ่ายเงินให้เค้าเป็นหมื่น ซึ่งน้องไปกู้มา เพราะเงินเก็บหมดแล้ว ตอนนี้น้องก็เริ่มงานขายตรง และตั้งใจมาก ซึ่งอย่างน้อยก็ดี ที่น้องพาตัวเองออกมาจากจุดนั้น (ซึ่งน้องบอกว่าออกมาแล้ว)
เรื่องนี้มีเพียงป้ากับดิฉันที่รู้ ป้าไม่ต้องการให้บอกใคร ให้ปฏิบัติกับน้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนพ่อของน้อง ก็ไม่คาดหวัง เพราะล่าสุดน้องรถคว่ำ สุดท้ายก็ไม่ทะเลาะกันที่โรงพยาบาล ด้วยโทสะทั้งคู่ น้องเลือดออกในสมอง แต่ก็ยังออกจากบ้านดึกๆ ไปทำงานอยู่ ไม่มีใครห้ามได้ ใช้เงินเก่ง ชอบบอกคนอื่นว่าที่บ้านมีเงิน ซื้อของเก่ง จนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
ตอนแรกดิฉันคิดว่าจะแนะนำน้อง เรื่องงานขายตรง ให้หยุดแล้วกลับไปเรียน ตอนนี้เลิกคิดแล้วค่ะ ให้น้องทำอะไรก็ได้ที่น้องโฟกัส และไม่หวนกลับไปสู่ทางดำมืดอีก แม้ว่าน้องก็ยังคบเพื่อนกลุ่มเดิม แต่ดิฉันก็พูดอะไรไม่ได้ เค้าก็รักเพื่อนๆเค้า ก็เลยยังเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
ปล คุณป้าดิฉันเลี้ยงดูน้องอย่างมีสติ และให้คำปรึกษาในทางธรรมตลอด ให้ใฝ่ดี เชื่อมั่นในความดี แม้วันที่น้องหลงทางคุณป้าก็แก้ปัญหาอย่างใจเย็น
คอยเตือนน้าชายให้พูดดีๆ คอยดูแลข้าวปลาอาหารเสื้อผ้า คุณป้ารับได้และปลงไม่เครียด คุณป้าได้ทำส่วนที่คุณป้าทำได้ดีที่สุดแล้ว ทำแทนในส่วนพ่อแม่น้อง
- ดิฉันไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยของบ้านเลย กลัวเกิดเหตุไม่ดี ปัจจุบันติดกล้องวงจรปิดบ้างเพื่อความสบายใจ
- ดิฉันจะคอยซื้อขนมไปฝาก เป็นห่วงเค้า คุยกับเค้าบ้าง (ปกติไปไม่ค่อยเจอ น้องหลับตอนกลางวัน และดิฉันไม่ค่อยมีเวลาไปบ่อย) อย่างน้อยก็อยากให้เค้ารู้ว่ายังมีพี่ๆเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
- ดิฉันรู้ทุกอย่างในวันเดียว และเป็นกังวลมาก ห่วงน้อง ห่วงป้า ห่วงความปลอดภัย สงสารน้องมากค่ะ มีหนทางไหนที่จะพอทำได้มั้ยคะ
เรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างค่ะ การปฏิบัติของพ่อแม่ ครอบครัว การให้ความรักความอบอุ่น การเลือกคบเพื่อน สังคม การเลือกที่จะเป็น
หากความรักเพียงพอ ความเข้าใจเพียงพอ สนับสนุนให้อยู่สังคมดีๆ ทันโลก ครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากค่ะ จากปัญหาเล็กๆ เป็นจุดเปลี่ยนนำพาไปสู่ปัญหาใหญ่ๆ
ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า จากนี้ไปขอให้มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งใดๆที่ไม่ได้ให้ผ่านพ้นไปแล้วไม่ย้อนกลับมา ขอให้เวรกรรมทั้งหลายมันหยุดเพียงเท่านี้
น้องเข้าสู่วงการยาเสพติด ต้องการคำปรึกษาค่ะ เป็นห่วงที่ญาติผู้ใหญ่ในบ้านมาก
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ ดิชั้นต้องการคำแนะนำ และอยากให้อ่านไว้เป็นวิทยาทานในการเลี้ยงดูบุตรนะคะ
ถึงแม้ครอบครัวจะดีเพียงไหน แต่หากมีช่องโหว่เพียงนิดเดียว ปัญหาพวกนี้มันก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
น้องชายดิฉันที่กล่าวนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องค่ะ เป็นลูกของน้าชาย ซึ่งน้าชายได้หย่ากับคุณแม่ของน้อง และย้ายออกไปอยู่กับภรรยาใหม่
ส่วนแม่ของน้อง ก็กลับไปอยู่บ้านเกิด นานๆจะติดต่อมา ซึ่งปัจจุบันคุณแม่น้องไปมีครอบครัวใหม่แล้ว ทางคุณพ่อเป็นฝ่ายส่งเสียส่งเรียน
น้องดิฉันโตมากับป้า 2 คนและยาย
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่พูดเพราะ เรียบร้อย คุณป้าคุณยายมักจะสอนเรื่องมารยาท เป็นครอบครัวที่อบอุ่น พี่น้องช่วยเหลือกัน วันหยุดจะเป็นวันที่หลานๆ และญาติพี่น้องที่แต่งงานออกไป มาทานข้าวมาค้างกัน
คุณแม่ดิฉันก็แต่งงานออกมา ดิฉันจึงมีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงปิดเทอม เราเจอกันเรื่อยๆ ช่วงตอนเด็กๆ แต่เมื่อดิฉันเรียนมหาลัยก็ไม่ค่อยมีเวลาไป เนื่องจากไปอยู่หอ แล้วก็รู้เรื่องน้องบ้าง ไม่รู้บ้าง
ในวัยเด็ก
ช่วงที่น้องประถม น้องเป็นเด็กสดใส ว่านอนสอนง่าย ขี้อาย และมีเพื่อนเป็นลูกอาจารย์ ซึ่งทางญาติก็เบาใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนดี
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง น้าชายก็มารับน้องไปอยู่บ้านที่น้าซื้อไว้ กับภรรยาใหม่ ซึ่งมาทราบภายหลังว่า น้าก็กินเหล้าในบ้าน ให้น้องที่เป็นเด็กชงเหล้า
ภายหลังคุณป้าทราบเรื่อง จึงให้น้องกลับมา น้องเคยบอกกับป้าเหมือนอยู่ในนรก
จนเริ่มมัธยมต้น น้องก็ยังดูโอเครทักทายอยู่ เวลาญาติๆไปบ้าน แต่น้องเริ่มมีเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ดูเป็นเด็กเกเร แต่ทางบ้านก็มองโลกในแง่ดี ว่าน้องน่าจะเลือกทำเรื่องดี
พอมัธยมปลาย น้องเริ่มกินเหล้าสูบบุหรี่ตามเพื่อน ให้เพื่อนมากินที่บ้านบ้าง ซึ่งแรกๆคุณป้าก็อนุญาติ แต่ดิชั้นไม่ค่อยทราบรายละเอียดว่ามาบ่อยแค่ไหน จนตอนหลังๆคุณป้าจึงขอ ว่าถ้ามาก็หน้าบ้าน อย่าพาขึ้นบ้านเลย เพราะที่บ้านมีป้าสองคน และยาย พอช่วงนั้นคุณยายเสีย น้องก็รู้สึกไม่เหลือใคร เพราะยายจะตามใจ เราก็ดูน้องกันอยู่ห่างๆ เพราะพื้นฐานน้องเป็นเด็กดี งานศพยาย เพื่อนๆน้องก็มาช่วยงาน
ในช่วงม.ปลาย ความสัมพันของน้องกับพ่อ ค่อนข้างแย่หนักมาก พ่อน้องนอกจากไม่ค่อยมา เวลาน้องมีปัญหา หรือกลับดึก พ่อก็จะโทรไปด่า เพราะน้าชายเป็นคนใจร้อนมาก น้องก็ติดเพื่อนหนักมาก ป้าก็ทำอะไรไม่ได้ คุณป้าใจเย็นในการสอนน้อง ดูแลน้อง ไม่รังเกียจเพื่อนน้องเลย น้องก็เลยคุยกับป้าคนนี้มากเป็นพิเศษ ส่วนคนอื่นไม่รู้เรื่องเลย เพราะป้าจะไม่เล่าเรื่องไม่ดีของน้องใหญ่ญาติๆฟัง
ช่วงเข้ามหาลัย น้องไปเรียนเทคนิค และย้ายที่เรียนไป 1 ครั้ง ไม่ทราบเหตุผล ช่วงนี้น้องเริ่มเก็บตัว ไม่เจอหน้าญาติพี่น้อง ออกไปกับเพื่อนแทน
กลุ่มเพื่อนน้องเริ่มหลากหลายขึ้น แข่งรถ กินเหล้า เล่นพนันบอล ติดเงินเค้า มีคนมาตามเอาเงินหน้าบ้าน พอไม่มีเงิน ก็ไปรับอาสาส่งยา (ภายหลังเพิ่งรู้ว่าเสพยา) ตอนหลังน้องไม่ไหว จึงบอกป้า เพราะน้องรู้ว่าป้ามีเก็บเงินที่เหลือจากน้าชายส่งๆมาให้อยู่ น้องก็ขอเงินก้อนนั้น บอกว่าต้องการออกจากกลุ่ม ต้องใช้เงิน ใช้หนี้ ทุกครั้งที่ขอเป็นครั้งสุดท้าย ขอครั้งละ 2 3 4หมื่น ซึ่งสำหรับป้าๆที่ไม่ค่อยมีเงิน มันเป็นเงินก้อนใหญ่มากที่เด็กจะมาขอ ขนาดดิฉันทำงานแล้ว ยังไม่กล้าใช้เงินที่ละมากๆแบบนั้นเลย สุดท้ายก็ขอจนหมดบัญชีเงินเก็บที่ป้าสะสมไว้ให้ภายในสองเดือน แต่งตัวมีใส่แหวนใส่ทอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มาจากกลุ่ม และถึงขั้นพกปืน ดิชั้นตกใจมาก เมื่อรู้จากป้า ไม่มีใครรู้ น้องไปไกลและถลำลึกกว่าที่คิดเอาไว้มาก ตอนนี้น้องพยายามพาตัวเองมาจากจุดนั้น จะหางานทำ เพราะไม่ต้องการง้อเงินพ่อ จะส่งตัวเองเรียน แต่งานที่น้องไปสมัครทำ ก็เป็นธุรกิจขายตรง ขายฝัน ที่ต้องจ่ายเงินให้เค้าเป็นหมื่น ซึ่งน้องไปกู้มา เพราะเงินเก็บหมดแล้ว ตอนนี้น้องก็เริ่มงานขายตรง และตั้งใจมาก ซึ่งอย่างน้อยก็ดี ที่น้องพาตัวเองออกมาจากจุดนั้น (ซึ่งน้องบอกว่าออกมาแล้ว)
เรื่องนี้มีเพียงป้ากับดิฉันที่รู้ ป้าไม่ต้องการให้บอกใคร ให้ปฏิบัติกับน้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนพ่อของน้อง ก็ไม่คาดหวัง เพราะล่าสุดน้องรถคว่ำ สุดท้ายก็ไม่ทะเลาะกันที่โรงพยาบาล ด้วยโทสะทั้งคู่ น้องเลือดออกในสมอง แต่ก็ยังออกจากบ้านดึกๆ ไปทำงานอยู่ ไม่มีใครห้ามได้ ใช้เงินเก่ง ชอบบอกคนอื่นว่าที่บ้านมีเงิน ซื้อของเก่ง จนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
ตอนแรกดิฉันคิดว่าจะแนะนำน้อง เรื่องงานขายตรง ให้หยุดแล้วกลับไปเรียน ตอนนี้เลิกคิดแล้วค่ะ ให้น้องทำอะไรก็ได้ที่น้องโฟกัส และไม่หวนกลับไปสู่ทางดำมืดอีก แม้ว่าน้องก็ยังคบเพื่อนกลุ่มเดิม แต่ดิฉันก็พูดอะไรไม่ได้ เค้าก็รักเพื่อนๆเค้า ก็เลยยังเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
ปล คุณป้าดิฉันเลี้ยงดูน้องอย่างมีสติ และให้คำปรึกษาในทางธรรมตลอด ให้ใฝ่ดี เชื่อมั่นในความดี แม้วันที่น้องหลงทางคุณป้าก็แก้ปัญหาอย่างใจเย็น
คอยเตือนน้าชายให้พูดดีๆ คอยดูแลข้าวปลาอาหารเสื้อผ้า คุณป้ารับได้และปลงไม่เครียด คุณป้าได้ทำส่วนที่คุณป้าทำได้ดีที่สุดแล้ว ทำแทนในส่วนพ่อแม่น้อง
- ดิฉันไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยของบ้านเลย กลัวเกิดเหตุไม่ดี ปัจจุบันติดกล้องวงจรปิดบ้างเพื่อความสบายใจ
- ดิฉันจะคอยซื้อขนมไปฝาก เป็นห่วงเค้า คุยกับเค้าบ้าง (ปกติไปไม่ค่อยเจอ น้องหลับตอนกลางวัน และดิฉันไม่ค่อยมีเวลาไปบ่อย) อย่างน้อยก็อยากให้เค้ารู้ว่ายังมีพี่ๆเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
- ดิฉันรู้ทุกอย่างในวันเดียว และเป็นกังวลมาก ห่วงน้อง ห่วงป้า ห่วงความปลอดภัย สงสารน้องมากค่ะ มีหนทางไหนที่จะพอทำได้มั้ยคะ
เรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างค่ะ การปฏิบัติของพ่อแม่ ครอบครัว การให้ความรักความอบอุ่น การเลือกคบเพื่อน สังคม การเลือกที่จะเป็น
หากความรักเพียงพอ ความเข้าใจเพียงพอ สนับสนุนให้อยู่สังคมดีๆ ทันโลก ครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากค่ะ จากปัญหาเล็กๆ เป็นจุดเปลี่ยนนำพาไปสู่ปัญหาใหญ่ๆ
ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า จากนี้ไปขอให้มีแต่เรื่องดีๆ สิ่งใดๆที่ไม่ได้ให้ผ่านพ้นไปแล้วไม่ย้อนกลับมา ขอให้เวรกรรมทั้งหลายมันหยุดเพียงเท่านี้