ทางหลอน ......... 4

กระทู้สนทนา
.




             “จะถามเส้นทางใช่ไหมหนู”  

             “ค่ะคุณยาย   คือพวกเราไม่แน่ใจว่านี่เป็นทางไปหมู่บ้าน...หรือเปล่าคะ”

             เธอบอกชื่อหมู่บ้าน อันเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางด้วยน้ำเสียงมีสัมมาคารวะ บ่งบอกความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตามที คุณยายยังไม่ตอบคำถามอย่างคนมั่วไปควรจะทำ  เดินไปวางตะเกียงลงบนโต๊ะไม้อย่างไม่รีบร้อน ทำให้ภายในร้านสว่างไสวมากขึ้นกว่าเดิม มือทำท่าค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังโต๊ะก่อนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า

             “พวกเธอไม่ได้หลงทางหรอก แต่หลงเวลาเท่านั้น”

             “หมายความว่ายังไงคะยาย”   ไม่เพียงแต่จันทราจะมึนงงกับคำพูดแปลกๆ แฟนหนุ่มข้างกายก็ยังรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่เขาเลือกจะสงบนิ่งดูสถานการณ์ต่อไปอย่างใคร่ครวญ

             “เอาเป็นว่ายายจะช่วยได้เท่าที่จะช่วยได้ก็แล้วกัน”

             พูดจบคุณยายเดินตรงมาหาสองหนุ่มสาวพลางยื่นมือส่งของบางอย่างมาเบื้องหน้า จันทราขมวดคิ้วจ้องมองอย่างไม่เข้าใจ ในมือของหญิงชราเป็นเพียงเทียนไขขนาดเท่านิ้วมือสองเล่ม

             “พวกเราไม่ได้จะซื้อของครับ  แค่ถามทางเท่านั้น”     ตะวันรีบบอก ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินทองแต่เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวกับการชอบพูดอะไรตรงๆ  ใบหน้าของคุณยายยังคงประดับรอยยิ้มขณะยัดเทียนไขทั้งสองเล่มใส่มือของฝ่ายหญิงพลางบอกด้วยเสียงนุ่มนวล

             “ยายก็ไม่ได้บอกว่าจะขายนี่นา รับเอาไว้เถอะ เทียนสองเล่มจะช่วยพวกเธอได้เมื่อถึงเวลา ยายคงพูดอะไรมากไม่ได้”

             “ขอบคุณมากค่ะคุณยาย ว่าแต่ที่คุณยายพูด หมายถึงเวลาอะไรคะ”    จันทราของกำนัลรับไว้โดยไม่เรื่องยากมากความ พลาง มองหน้าคนให้ก่อนถามด้วยความไม่เข้าใจ  คุณยายได้แต่ยิ้มน้อยๆ และตอบว่า

             “เอาเถอะ ถึงเวลาแล้วจะรู้เอง  อย่าลืมที่บอกนะ เก็บติดตัวเอาไว้  ยายได้เวลากลับล่ะ”

             “กลับบ้านหรือคะ อีกไกลไหมคะจะถึงทางแยก  บ้านคุณยายอยู่ไหนคะ แล้วมาขายสินค้าอะไรคะ”

             คุณยายยังคงมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม โดยไม่ตอบอะไรกับคำถามชุดใหญ่ หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน ปิดตะเกียงโบราณ ก่อนฉวยตะเกียงดวงที่เหลือเดินดุ่มไปด้านหลังร้านอย่างคนรู้ทาง หันมายิ้มให้อีกครั้ง เดินมุ่งหน้าเข้าไปในเงามืดห่างออกไปจากถนนไปตามทางเดินเล็กๆ ลัดเลี้ยวตามแนวสุมทุมพุ่มไม้ซึ่งปรากฏให้เห็นในแสงวูบวาบของตะเกียง ก่อนดับลับหายไปจากสายตา

             “ยังไม่ทันได้ถามอะไรให้รู้เรื่องเลย คุณยายจอมยิ้มแกจะรีบไปไหนกัน ทำตัวแปลกๆพิลึกเหมือนไม่ใช่คน แล้วเอาเทียนไขมาให้ทำไม ถ้าเป็นของกินได้พันธุ์พื้นเมืองแถวนี้อย่างแอปเปิลหรือองุ่นทับทิม ก็ว่าไปอย่าง”

             ตะวันโคลงศีรษะไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่อย่างน้อยก็อุ่นใจได้ระดับหนึ่งว่าไม่มีการหลงทาง แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ กับการเดินทางอันยาวนานผิดปกติ และกับคำพูดปริศนาของคุณยายใจดีก็ตาม แฟนสาวยื่นเทียนในมือให้เล่มหนึ่งแต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธ บอกให้เก็บเทียนไขไว้ทั้งสองเล่ม เนื่องจากไม่เชื่อเรื่องของขลังเครื่องรางใดๆ ซึ่งแฟนสาวเข้าใจดีจึงไม่รบเร้าอะไร  ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อแท่งเทียน เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ พลางกลับมานั่งซ้อนท้ายอีกครั้ง

             “มืดแล้ว ยายแกคงรีบกลับบ้าน  เราไปต่อกันดีกว่าค่ะ”

             หญิงสาวว่าพลางหันไปมองด้านหลังอย่างหวาดๆ เมื่อนึกถึงรถบรรทุกสยองนรกที่ใช้เส้นทางร่วมกัน  และเจ้าของร่างประหลาดท้ายรถกับพฤติกรรมชวนสยองจิต ยังคงตอกตรึงความรู้สึกไม่จางหาย  ด้านหลังมีเพียงความมืดโดยไม่ปรากฏแสงไฟหน้ารถบรรทุกลึกลับโผล่มาเขย่าขวัญ แต่ไม่เจอก็ดีแล้ว เพราะภาพสุดแสนน่ากลัวยังคงประทับชัดเจนในความรู้สึกไม่จางหาย และน่าแปลกใจว่าตัวเองปรับความรู้สึกได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ บางทีอาจเป็นเพราะมากับคนรักก็เป็นได้ ทำให้กำลังใจมั่นคงไม่เสียศูนย์ไปกับเรื่องราวอันชวนขนลุก

             ระยะทางดูเหมือนว่าอีกไม่ไกลจะถึงทางแยกเข้าหมู่บ้าน แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่รู้คือ การเดินทางครั้งนี้ยาวนานกว่าคาดคิด รวมทั้งเรื่องราวแปลกประหลาด รอโอกาสและเวลาของมันอยู่ในความมืดอย่างเยือกเย็น

             “นั่นไง ป้ายบอกทางข้างหน้า”

             หลังจากขับรถไปได้สักพัก ตะวันหันมาบอกกับคนซ้อนท้ายอย่างดีใจเมื่อแสงไฟหน้ารถส่องให้เห็นแผ่นป้ายสีขาวชัดเจนโดดเด่นข้างถนน จึงรีบชะลอรถไปจอดเทียบทันที แต่แล้วทั้งคู่ต้องตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา

             ป้ายบอกทางขนาดใหญ่มีเพียงพื้นสีขาว ไม่มีตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว !

             เป็นไปได้อย่างไรกัน …มีใครอุตริพิเรนทร์ทำป้ายบอกทางประหลาดแบบนี้

             “เดือนว่ามันแปลกนะคะ”    เสียงของคนรักแว่วดังข้างหูพร้อมกับวงแขนกอดเอวกระชับแน่นเข้า   “เป็นไปไม่ได้หรอกว่าป้ายบอกทางจะว่างเปล่าโบ๋เบ๋ไม่บอกอะไร ไม่มีเหตุผลสักนิด”

             “เขาคงลืม หรือทำไม่เสร็จ”  

             ชายหนุ่มคาดเดาแม้ว่าความเป็นไปได้แทบไม่มีเลยก็ตาม  คงไม่มีหน่วยงานใดบรมชุ่ยขนาดนั้น  แต่ยังนึกหาเหตุผลอื่นไม่ออก  ได้แต่พยายามทำตัวเป็นคนมีอารมณ์ขันไม่เดือดร้อนหนักใจ แม้ว่าความรู้สึกเริ่มหายวูบๆ กับเหตุการณ์แปลกประหลาด

             “ยังดีว่ามันไม่เขียน  Highway To Hell น่า  ผมว่าเราไปกันเถอะ  ป้ายข้างหน้าคงบอกอะไรบ้าง”

             “ถ้ามีป้ายข้างหน้านะ”   จันทราพึมพำกับตัวเองอย่างใจคอไม่ดี เจอเหตุการณ์ชวนขนลุกตามรายทางมาตลอด  แต่เธอยังคงปลุกปลอบความเข้มแข็ง แม้จะรู้สึกว่าสถานการณ์เลวร้ายลงทุกที สัญชาตญาณพิเศษบางอย่างบอกกับตัวเองมั่นใจว่าการเดินทางไม่ผิดผลาดแน่นอน แต่คืนนี้ทำไมมีเหตุการณ์พิกลหลุดโลกราวกำลังหลงเข้าไปในดินแดนอาถรรพ์  หญิงสาวลองหยิกเอวของหนุ่มคนขับอย่างแรง จนคนโดนหยิกเล็บมือพิฆาตสะดุ้งร้องโอ้ยก่อนหันมาถามอย่างคนไม่เข้าใจ

             “ไม่มีอะไร เดือนลองหยิกดูว่าคุณเจ็บเป็นไหม”  คำอธิบายเรียบง่ายของแฟนสาวทำให้ตะวันแทบอยากหักรถบิ๊กไบค์เลี้ยวลงข้างทาง

             “โธ่  เจ็บสิครับ คิดอะไรของคุณอยู่เนี่ย”

             “เดือนอยากมั่นใจว่าเรายังมีชีวิตอยู่”

             “คิดบ้าๆ อะไรกัน”   ตะวันโวยวาย ลดความเร็วรถลงเพื่อจะได้คุยกันถนัดมากขึ้น ไม่ต้องตะเบ็งเสียง พลางเริ่มไม่แน่ใจกับน้ำเสียงและความหมายของสาวคนรัก

             “เป็นใครก็เจ็บสิครับ คนนะไม่ใช่แมว”

            “เดือนเคยอ่านนิยายสยองขวัญ”   หญิงสาวเริ่มเล่าเหตุผลของการหยิกปลิดวิญญาณด้วยเสียงกึ่งจริงจังกึ่งเล่น ไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย  “เคยดูเคยอ่านไหมคะ คนขับรถกลางคืนแล้วประสบอุบัติเหตุ ไม่รู้ตัวเองว่าเสียชีวิต  เขายังคงคิดว่ากำลังเดินทางต่อไป และเริ่มพบเหตุการณ์แปลกประหลาดชวนขนลุกมากขึ้นทุกที...ก่อนท้ายสุดต้องเริ่มยอมรับว่าตัวเองตายไปแล้ว “

             “คิดอะไรแปลกๆ สมกับเป็นนางสาวจันทรา”  

            ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับเรื่องเล่าสยองขวัญของคนซ้อนท้ายแบบกึ่งเล่นกึ่งจริง”   นั่นมันนิยายนะที่รัก แต่นี่เรื่องจริงชีวิตจริงๆของเราสอง  จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนตายแล้วไม่รู้ตัว  เดือนจ๋า คุณก็ต้องแน่ใจแล้วนะว่าพวกเรายังไม่ได้ตาย ถ้าจะให้แน่ใจจะลองเอามีดปาดคอผมดูก็ได้นะครับ  เอ้ะ !  นั่นแสงไฟอะไร”

             ข้างทางมีแสงสว่างไสวคล้ายเป็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่กว่าป้ายบอกทางปกติ ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ในเส้นทางสายนี้ เมื่อเข้าไปใกล้จึงพบว่าเป็นป้ายริมทางสว่างจ้า  ตะวันเหยียบเบรกจอดรถกะทันหันด้วยความประหลาดใจ

             บริการห้องเช่า 24 ชั่วโมง

             เลยป้ายไปเล็กน้อยเป็นถนนแยกออกจากสายหลักเป็นระยะทางประมาณสิบเมตร เป็นลานกว้างสามารถจอดรถยนต์ได้นับสิบคัน  อาคารสองชั้นติดหลอดไฟสว่างเด่นเป็นสง่าชัดถนัดตา สภาพเหมือนโรงแรมข้างทางตามที่สามารถพบเห็นโดยทั่วไปในแหล่งชุมชนในเมือง แต่ไม่น่าจะมาพบแถวชนบท สองหนุ่มสาวแน่ใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตลอดเวลาสามปีที่ผ่านไปมานับสิบครั้ง  ราวกับว่าโรงแรมขนาดย่อมแห่งนี้ลอยลงมาจากอากาศมามาตั้งบนพื้นดินอย่างไรอย่างนั้น และที่น่าแปลกใจทำไมเพิ่งสังเกตเห็นโรงแรมหลังจากพบป้ายริมทาง ทั้งที่เป็นอาคารสองชั้นสว่างไสวไปด้วยแสงไฟน่าจะมองเห้นได้ในระยะไกล

             สองเดือนก่อนทั้งคู่เคยผ่านถนนสายนี้เพื่อไปเยี่ยมบ้านของฝ่ายหญิง  ยังไม่เห็นโรงแรมข้างทางแห่งนี้เลย  ถ้ามีก็คงสังเกตเห็นอย่างแน่นอนเพราะทั้งป้ายขนาดใหญ่และสะดุดตาไม่ไกลจากถนนใหญ่ ไม่มีทางหลงหูรอดตาไปได้  จะบอกว่าขับรถเลยทางแยกเข้าหมู่บ้านก็เป็นไปไม่ได้ เพราะทางแยกมีป้ายระบุชื่อหมู่บ้านชัดเจนไม่มีทางหลงทางได้อย่างแน่นอน

             จันทราสะกิดบ่าแฟนหนุ่ม พูดด้วยเสียงแสดงความประหลาดใจว่า

            “เดือนแน่ใจค่ะเราไม่หลงทาง แต่ก็แน่ใจเหมือนกันว่าไม่เคยเห็นโรงแรมข้างทางนี่มาก่อนเลย ไม่น่าเป็นไปได้”

             คราวนี้ตะวันยิ้มไม่ออก มีแต่ความฉงนสนเท่ห์สุดขีด ความจริงปรากฏตรงหน้าและสามัญสำนึกอันขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงกับเหตุการณ์ เรื่องเส้นทางคนอย่างนายตะวันไม่มีทางหลงทิศหลงทางผิดพลาดอย่างแน่นอน ได้ฉายาจากเพื่อนๆว่ามนุษย์แมวซึ่งเป็นสัตว์ความทรงจำเกี่ยวกับเส้นทางดีเยี่ยม

             “เราต้องไปถามดูให้รู้แน่”

             หลังจากมองประเมินสถานการณ์พักหนึ่ง ชายหนุ่มบอกกับแฟนสาวชนิดไม่รอคำวินิจฉัยตีความ บิ๊กไบค์เลี้ยวเข้าถนนข้างทางตรงไปยังโรงแรมปริศนาทันที  อย่างน้อยมองเห็นรถยนต์หลายคันจอดอยู่ลานกว้างหน้าอาคาร หมายถึงว่าคงไม่ใช่โรงแรมนรกสยองขวัญ โฮเทลแคลิฟอร์เนีย หรือ เบตส์ โมเทล ของนอร์แมน เบตส์  แห่งหนังไซโคอันระทึกขวัญเป็นแน่แท้ อาคารสองชั้นสังเกตว่าจำนวนเกินครึ่งหนึ่งมีแสงไฟสว่างลอดออกมาทางหน้าต่าง แสดงว่ามีคนมาพักอยู่มากพอสมควร  แม้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ก็ตาม

             จันทรามีความสงสัยมากมายแต่ยังหาเหตุผลห้ามปรามแฟนหนุ่มไม่ได้ คนอย่างตะวันถ้าอยากจะรู้อะไร เขาจะพยายามทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมาย  เป็นคนใจร้อนแต่มีเหตุผล และสำคัญคือมีความเป็นผู้ปกป้องไว้ใจได้เสมอกับทุกสถานการณ์  ไม่ใช่คนดีเต็มร้อย แต่ส่วนดีที่มีอยู่ ก็จัดว่ามากพอในการเป็นเหตุผลทำให้เธอรับผู้ชายคนนี้มาเต็มหัวใจ  และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะปกป้องอย่างสุดชีวิตจิตใจ  เท่านี้ก็มากเกินพอในการเปิดหัวใจให้กับใครบางคน

               ถ้ามีคนในโรงแรม

              ต้องมีข้อมูล  เป็นเหตุผลง่ายๆ

              ลานจอดรถสังเกตว่ามีรถหลายคันหลายประเภท ทั้งรถเก๋ง รถกระบะที่ชาวบ้านใช้กันทั่วไป รถบรรทุก  คนเก๋งส่วนบุคคล กระทั่งรถเกี่ยวข้าว  ความจริงเวลานี้ยังไม่ดึกมาก แค่ทุ่มกว่าๆ แต่บรรยากาศเงียบสงบอย่างน่าประหลาด สายลมโชยพัดมาไม่ได้หนาวเหน็บอะไรมากมาย  แต่ทำให้ใจสั่นสะท้านอย่างไม่มีเหตุผล

             ตะวันจอดรถไว้ในลานกว้างหน้าอาคาร สายตาเก็บรายละเอียดต่างๆ ตามความเคยชินของหนุ่มไฟแรงตื่นตัวอยู่เสมอ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อมองเห็นรถคันใหญ่สีดำรูปร่างคล้ายรถบรรทุกศพ จอดใกล้บริเวณทางออกห่างออกไปไม่มากนัก แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน  เพราะเขาเพิ่งแซงรถนรกคันนั้นมา  ฝาปิดท้ายรถเปิดทิ้งเอาไว้และไม่มีโลงศพอยู่บนรถปรากฏให้เห็น

             จันทราเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร พื้นที่แถวนี้เป็นชนบท คงไม่แปลกอะไรว่าจะมีรถบรรทุกสำหรับขนผลิตผลทางเกษตรตามเส้นทาง

             ห้องโถงกว้างชั้นล่างหน้าอาคารมีเคาน์เตอร์สำหรับรับแขกมาติดต่อ ชายชราชุดดำท่าทางดูดีมีสง่าวัยห่างจากสุสานไม่มากนักนั่งตัวตรงนิ่งอยู่ ท่าทางไม่สนใจแขกหน้าใหม่ จนตะวันส่งเสียงทักขึ้นจึงหันมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนบอกด้วยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ว่า

             “มีห้องพักว่างเสมอครับ”

             “เราไม่ได้มาพักนะครับ”  ตะวันรีบบอกเมื่อเห็นชายชราทำท่าจะเอื้อมมือไปหาชั้นเก็บลูกกุญแจจากผนังด้านหลัง    “คือว่าเราแวะมาถามเส้นทางเท่านั้น”

             “คนมาที่นี่ต้องการห้องพักกันทั้งนั้น”



< มีต่อครับ>

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่