กระทู้นี้อยากจะมาแชร์มุมมองอีกมุมหนึ่ง (อาจจะเป็นมุมที่เล็กมากๆ) เพื่อเป็น "กำลังใจ" ให้กับผู้ที่อยากจะทำงานประจำ
หรือที่เรียกว่า "มนุษย์เงินเดือน" นั่นเอง เพราะส่วนใหญ่ (จากที่ได้อ่านกระทู้ในพันทิป และ ที่เพื่อนๆญาติๆได้เล่นสู่กันฟัง)
จะมีแต่คนพูดว่า "เจ้านายไม่ดี/หัวหน้าเอาเปรียบ/เพื่อนร่วมงานแย่..." และอีกหลายอย่าง ซึ่งหลายคนที่เล่าให้เราฟัง
ส่วนใหญ่ก็ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวกัน ขายออนไลน์ ค้าขายตามตลาดนัด แล้วคนพวกนี้ก็จะบอกกับเราว่า ทำงานประจำ
ไม่ดีหรอก เงินเดือนก็น้อย ได้วันละ 300-500 สู้ขายของ ได้วันละพัน (แต่เราก็มองว่ามันก็ไม่ใช่ขายได้ทุกวันเสมอไป)
**แต่ก็ไม่ได้เถียงนะคะ เพราะพี่สาวเราเองเป็นแม่บ้านขายของออนไลน์ ได้เงินเดือนนึงก็ สองหมื่นกว่า
แต่เพื่อนเรามักพูดว่า เจ้านายเขาไม่ได้สนใจเราหรอก ว่าจะอยู่หรือไป เราทำงานหนักแค่ตาย เจ้านายเขาก็แค่หาคนใหม่มาแทน
ซึ่งจริงๆมันก็ใช่ค่ะ คนเราถ้าเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานลาออกหรือตาย เขาก็ต้องหาคนใหม่มาแทนอยู่แล้ว จริงไหม...?
แต่เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่เราได้เจอมากับตัวค่ะ ว่า "เจ้านาย(BOSS,ผู้จัดการ,หัวหน้า,เพื่อนร่วมงาน) ดีๆยังมีอยู่ จริงๆนะ"
จากกระทู้แรกที่เราเคยได้ตั้งไว้ "เรื่องการสัมภาษณ์งานของเรา" หลังจากได้เข้ามาทำงาน(ตอนนั้นอายุ 22)
ผู้จัดการ (อายุ 27) ก็เป็นคนสอนงานให้เราบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กฝึกงานที่สอนเรา ตอนนั้นมีเด็กฝึกงาน3 คน
จริงๆเด็กฝึกงานนั้นรุ่นเดียวกับเราเลยบางคนอายุเยอะกว่าเรา แต่เขายังเรียนไม่จบ แต่เราเรียนจบแล้ว เหลือรับปริญญาอย่างเดียว
(แต่ตอนนี้บริษัทไม่รับเด็กฝึกงานแล้ว) เราเรียนรู้งานอยู่ 1 เดือน น้องๆฝึกงานก็ฝึกเสร็จพอดี
และเราก็ทำงานในหน้าที่ของเราเป็นหมดทุกอย่างแล้ว ผู้จัดการจึงให้ผ่านโปร ผู้จัดการเป็นผู้หญิงใจดี พูดน้อย ยิ้มง่าย เวลาพักเที่ยง
เจ้านายจะชวนเราไปกินข้าวด้วย จะขับรถยนต์แล้วให้เรานั่งข้างๆ (ตอนที่เด็กฝึกงานยังอยู่ ก็ให้เด็กฝึกงานนั่งไปด้วย)
แต่หลังๆเราเกรงใจ ก็เลยเอาข้าวจากที่บ้านมากินเองกับพี่พนักงานคนอื่นๆ
***ที่ทำงานของเราอยู่ไกลจากร้านค้ามากๆ แถวนั้นมีวินมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ต้องเดินออกไปเรียก ระยะทางประมาณ 10 นาที
ผู้จัดการก็มีน้ำใจมากๆค่ะ ชวนให้ไปด้วยกันตลอด (พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะ มีพี่ผู้หญิง2-3คน)
ผู้จัดการเป็นเพื่อนกับเจ้านาย(BOSS)ค่ะ ผ่านไปปีกว่าผู้จัดการก็ย้ายไปดูแลกิจการอีกสาขาอยู่ ต่างจังหวัดค่ะ
หัวหน้า(ชาย) จึงได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการของเราแทน เราจะขอเรียกว่า หัวหน้า เหมือนเดิมนะคะ หัวหน้าดูแลพนักงานทุกคนดีเท่าๆกันค่ะ
ตอนเราเข้ามาเริ่มงานวันแรก เราไม่รู้ว่าเขาคือหัวหน้าค่ะ แต่งตัวธรรมดาเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เขามาช่วยต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เราค่ะ
เพิ่งมารู้ว่าเป็นหัวหน้า เมื่อผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ค่ะ เพราะช่วงแรกที่เรามาหัวหน้าออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าอายุ 30 ค่ะ
จะเป็นคนลงมือทำงานเองทุกอย่าง คอยสอนพนักงาน คอยช่วยเหลือ แนะนำไม่เคยบ่นเลยค่ะ เราจำคำพูดของหัวหน้าได้ดี
คำพูดที่ว่า "ถ้าพี่เป็นลูกน้อง พี่ก็ไม่ชอบหรอกที่หัวหน้าคอยแต่จะชี้นิ้วสั่งให้ทำนั่น ทำนี่ แต่ตัวเอง นั่งอยู่หน้าคอมสบายๆไม่ทำอะไร"
พนักงานทุกคนรักหัวหน้ามากๆค่ะ ไม่ต้องรอให้เรียก แต่เวลาเห็นหัวหน้าเดินไปไหนหรือทำอะไร ลูกน้องจะรีบเข้าไปช่วยทันที
ทำผิดก็ไม่เคยว่า แต่จะสอนและพูดคุยแบบกันเอง ภาษาถิ่นค่ะ หัวหน้าเป็นคนอิสาน ลูกน้องก็คนอิสานเยอะค่ะ ส่วนเราคนกรุงเทพ
ก็จะคุยเล่นภาษาเดียวกัน ไม่เคยมีวันไหนที่หัวหน้าทำหน้าตาเคร่งเครียดเลยค่ะ มีแต่รอยยิ้มให้ลูกน้อง
เจ้านาย(BOSS) ไว้หลังสุดเลย แต่ยาวสุดค่ะ
เจ้านายคือเจ้าของบริษัทนะคะ มี 2 คนค่ะ เป็นแฟนกัน ใจดีทั้งคู่ค่ะ บอสหญิงจะดูแลในส่วนของบัญชีต่างๆของบริษัททั้งหมดค่ะ
ชอบทำขนมมาให้พนักงานชิมกันค่ะ ไปต่างประเทศก็จะซื้อของมาฝากค่ะ เราเคยได้ กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม ครีม ขนม ช็อกโกแลต
อะไรที่ผู้หญิงชอบกัน บอสหญิงจะจัดมาให้ตลอดค่ะ
เราอยากจะมาเล่าถึงบอสชายกันค่ะ
บอสเป็นลูกครึ่ง ไทย-อเมริกา-จีน ค่ะ (แต่หัวใจไทยนะคะ ใครพูดว่าบอสเป็นฝรั่งจะโกรธมากค่ะ) บอสบอกว่าบอสเป็นคนไทย
บอสจะอยู่สำนักงานใหญ่ค่ะ ส่วนเราจะอยู่แผนกคลังสินค้า ซึ่งจะอยู่คนละที่กัน
หลังจากเราทำงานได้ประมาณ 3 เดือน บอสก็เข้ามาเยี่ยมที่คลังค่ะ เราก็เพิ่งทราบว่า บอสของเราคือคนนี้นะ
บอสก็เข้ามาคุยกับผู้จัดการ และหัวหน้าค่ะ หลังจากนั้นผ่านไป 6 เดือน ก็ถึงงานบริษัทค่ะ(สิ้นปี) บริษัทก็จัดงานกันที่คลังค่ะ
บอสแจกสร้อยทองกับพนักงานทุกคน เราซึ่งทำงานยังไม่ครบปี ก็คิดว่าจะไม่ได้ค่ะ ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่บอสก็เรียกชื่อให้ขึ้นไปรับค่ะ
และโบนัส บอสแจกหลังปีใหม่ค่ะ ซึ่งเราได้ โบนัส 3 เดือน (ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า เดือนเดียวก็ดีใจมากๆแล้ว)
พอเข้าปีที่1เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ พนักงานที่เอาเปรียบเช่น ขาดบ่อย อาทิตย์ 3 วัน ไม่แจ้ง ไม่ดูแลลูกค้า มาแต่ไม่ทำงาน ถูกเชิญออก
ไปเกือบครึ่งของพนักงานที่มีอยู่ค่ะ (รวมทุกๆแผนก ทุกสาขา บริษัทจะมีไลน์กรุ๊ป ใครออกเลขาจะแจ้งทั้งหมด) และไม่รับคนเพิ่มค่ะ
บอสบอกว่า สู้มีพนักงานน้อยแต่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ดีกว่า ผมเอาเงินที่จะไปจ้างพนักงานใหม่ๆ มาให้พวกคุณที่เต็มที่กับงานดีกว่า
แล้วพนักงานก็รักกันมากๆค่ะ อยู่กับแบบครอบครัว พี่น้อง ไม่ชิงดีชิงเด่น มีอะไรก็แบ่งปันค่ะ อย่างกิจกรรมบริษัท ทุกแผนกจะมารวมกัน
บางคนไม่ค่อยได้เจอกันไม่ค่อยรู้จักกัน แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน ทุกคนคือพนักงานบริษัทเดียวกันค่ะ ไม่แบ่งแยก อย่างงานบริษัท
บอสให้แบ่งกลุ่มจัดการแสดง เรากับพี่อีกคนหนึ่งที่อยู่คลัง ได้อยู่กับพี่อีก5 คนที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งงานที่คลังจะเยอะมากๆ
ไม่มีเวลาปลีกตัวไปซ้อม (แรกๆเราทำงานตั้งแต่ 9 โมง-4ทุ่ม) แต่หลังจากนั้น ก็ทำปกติ 9โมง- 5 โมงเย็นค่ะ
พี่ๆที่สำนักงานใหญ่ก็เข้าใจ บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกพี่จัดการเอง บอกให้เรานั่งเป็นกำลังใจให้ก็พอ พอถึงวันแสดง
พี่ๆ 5 คนก็ขึ้นไปแสดง และได้รับรางวัลจากบอสเป็นเงิน 50K เรากับพี่อีกคนที่ไม่ได้แสดงด้วยก็บอกว่าไม่รับเงินให้แบ่งกันเลย
แต่พี่ๆเขาไม่ยอม เขาแบ่งเงินให้เรา กับพี่อีกคนคนละ 7พัน5 เขาบอกว่ายังไงก็ทีมเดียวกัน และเวลาซื้อขนมมา ก็จะเอามาฝากเรา
เราก็จะคอยซื้อขนมไปฝากพี่เขาเช่นกันค่ะ
บอสเริ่มหาสวัสดิการใหม่ๆมาให้ (นอกจากประกันสังคม) เช่น
-วันเกิด มอบ เงิน 3,000 บาท เค้ก 1 ก้อน ของขวัญ
-ปีใหม่/วาเลนไทน์/ตรุษจีน/สงการณ์ แจกเงิน 3000 ต่อคน
-มีอาหารเที่ยงให้ทาน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
-มีครัวให้ทำอาหารทานเองได้ มีผัก เนื้อ ไข่ ไก่ ให้ด้วย
-ซื้อปลาแซลม่อน เนื้อวัว อย่างดี ผักปลอดสารพิษ ไข่ไก่ มาแจกพนักงานต่อเดือน
-ให้พนักงานซื้อของพรีเมี่ยมของบริษัท ได้ในราคาไม่เกิน 3,000บาทต่อเดือน
-บัตรประกันสังคม + บัตรประกันสุขภาพวงเงิน 50,000บาทต่อปี (พนักงานไม่ต้องเสียเงินซักบาท ยื่นบัตรไป หมอแทบจะอุ้มเลยคะ)
-พาพนักงานไปเที่ยวทุกปี ไม่ต้องพกเงินไป ขากลับก็แจกเงินกลับมาด้วยทุกคน
-วันหยุดปีใหม่/สงการณ์ ให้หยุด เป็นสิบๆวัน ให้เงินเดือนตามปกติ
-ทุกๆอาทิตย์สุดท้ายก่อนเงินเดือนออก บอสชายจะไปเดินห้างเพื่อซื้อ อาหารดีๆต่างๆมาตุนให้พนักงาน
-ใครมีลูกแล้วบอสจะซื้อนมให้ โดยให้เลขาสอบถามว่าลูกกี่ขวบ ทานนมยี่ห้ออะไร เรามีแต่หลานแต่ก็ได้ด้วย (ตอนแรกพนักงานก็คิดว่า
จะซื้อมาให้ กล่องเดียว แต่บอสซื้อมาให้เป็นแพ็คใหญ่ๆเลยค่ะ) แบบลูกหลานทานได้ทั้งเดือน
-มีฟิตเนสให้เล่นฟรีค่ะ
เข้าสู่ปีที่2 งานบริษัทบอสก็แจกทองพนักงานทุกคนเหมือนเดิมค่ะ(แจกตามอายุงาน) และโบนัส เราได้ 6 เดือน
บอสก็คอยหาสวัสดิการแปลกๆมาให้พนักงานค่ะ เช่น ซ้ื้อรองเท้า nike(แท้) แจกพนักงาน แว่น Ray Ban(แท้)
หูฟัง อันละ 13K มาแจกพนักงานค่ะ
ปีที่3 บอสก็ยังคงหาสวัสดิการแปลกๆมาให้เช่นเดิมค่ะ เช่น หมวกกันน็อค สำหรับพนักงานที่ขับมอเตอร์ไซค์ โละอุปกรณ์สำนักงานเก่าๆ
ซื้อให้ใหม่ ของเก่าพนักงานก็เอากลับไปใช้ที่บ้านค่ะ บางคนก็เอาไปบริจาคให้โรงเรียน แจก iPhone6+ ให้พนักงานคนละเครื่องค่ะ
และให้พนักงานที่อายุงาน เกิน 1 ปี ซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค ให้คนละเครื่องไว้ใช้ที่บ้านค่ะ(บอสจ่าย)
-สำนักงานใหญ่ บอสจ้างครูฝรั่งมาสอน สำหรับพนักงานที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ
-พนักงานคลัง มีงบ 50K ต่อเดือน ให้สั่งข้าว ขนม น้ำเปล่า เครื่องดื่ม จากโลตัส(มาส่งถึงที่) ...ทำได้อยู่ประมาณ 1ปี ก็เปลี่ยนเป็น
นำงบมาแบ่งเป็น 20K สำหรับน้ำดื่ม ส่วนจำนวนเงิน 30K จ่ายให้พนักงานเป็นรายวัน (เพราะบางคนเป็นอิสลาม บางคนกินเจ จึงเปลี่ยน
จากอาหารโลตัส มาเป็นให้เงินพนักงานไปซื้อทานเอง)
งานบริษัทปีที่3 เราได้โบนัส 9 เดือนค่ะ ปีนี้บอสไม่ได้แจกทองพนักงานทุกคน แต่แจกเฉพาะแม่บ้านที่ทำงานเกิน 1 ปีค่ะ
บอสพูดในงานบริษัทว่า อยากให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของแม่บ้าน ที่อื่นอาจจะเห็นว่าแม่บ้านเป็นแค่คนทำความสะอาด
เป็นพนักงานระดับล่าง แต่จริงๆแม่บ้าน คือคนที่เราต้องยกย่อง ถ้าไม่มีพวกเขา เราคงทำความสะอาดเองไม่ไหว และไม่ว่า
จะพนักงานตำแหน่งใด ทุกคนคือคนในครอบครัว (บริษัทเรามีแม่บ้านเกือบ 20 คนค่ะ)
จำได้แม่นเลยค่ะ ปีที่ 2 บอสเข้ามาเยี่ยมพนักงานคลัง บอสเรียกพนักงานมาคุย และถามว่าใครมีหนี้สินบ้าง ทุกคนยกมือ
(ยกเว้นเราคนเดียว...หัวหน้าก็ยกค่ะ555+) บอสพูดกับพนักงานว่า ผมถือว่าเป็นคนนอก แต่เมื่อพวกคุณมีปัญหาด้านการเงิน
ผมก็สามารถช่วยได้แค่เรื่องเงิน ถ้ามีทางไหนที่ผมจะช่วยได้อีกผมก็จะช่วย แล้วบอสก็ให้เลขาเอาเงินใส่ซองแจกพนักงาน
ทุกคคนคนละ 20K(เราไม่มีหนี้ แต่ก็ได้ด้วย...หัวหน้าก็ได้ด้วย^^)
ปีที่แล้วพนักงานขับรถขนหนึ่ง แม่ป่วยหนักนอนโรงพยาบาลหลายคืน (นอนห้องรวม) พอหัวหน้าแจ้งไปยังบอสว่า
พนักงานคนนี้ขอลา1อาทิตย์ เพราะต้องกลับไปเฝ้าแม่ บอสก็ถามเลยว่านอน รพ.ไหม พอรู้ว่านอนห้องรวมก็สั่งให้เปลี่ยน
เป็นห้องเดี่ยวทันที และบอกกับพนักงานคนนั้นว่า รอให้แม่หายดีค่อยกลับมา และค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง หลังจากนั้นไม่นาน
บอสก็แจ้งว่า จะทำบัตรประกันสุขภาพ วงเงิน 50,000 บาทต่อปี ให้คนในครอบครัว ใครก็ได้ 1 คน ฟรี(เฉพาะพนักงานที่
เงินเดือนไม่ถึง 20K เราเลย อด555)
รปภ. ซึ่งเป็นพนักงาน Outsource บอสเรียกมาคุย บอกว่า ของกิน อาหาร ขนม น้ำทุกอย่าง สามารถเดินเข้ามาหยิบไปทานได้เลย
ไม่ต้องเกรงใจ
เราซึ้งใจมากๆค่ะ มันน้อยมากที่จะมีผู้บริหารคิดแบบนี้ เราดีใจและภูมิใจที่ได้ทำงานกับทุกคนในบริษัทนี้ค่ะ
ยังจำคำพูดของบอส ที่พูดกับพนักงานในงานบริษัทปีแรก(ของเรา) ได้ดีค่ะ บอสพูดว่า
"จะดูแล ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่รวมไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย" และบอสก็ดูแลจริงๆค่ะ อย่างแม่บ้านลาคลอด บอสก็ให้หยุดยาว
กว่าที่กฎหมายกำหนด และให้เงินด้วยค่ะ ซื้อของเล่นมาให้ลูกๆของพนักงาน ถามไถ่ตลอดว่าที่บ้านมีใครป่วยหรือเปล่า
เราอาจจะโชคดีกว่าคนอื่นหน่อย ที่เจอบริษัทดีๆเจ้านายดีๆ ได้เร็ว เราอยากจะขอให้ทุกคนเจอชีวิตการทำงานที่ดี มีความสุขกับงานที่ทำ
และมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้านายด้วยนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
บริษัท(BOSS,ผู้จัดการ,หัวหน้า,เพื่อนร่วมงาน) ดีๆยังมีอยู่ จริงๆนะ
หรือที่เรียกว่า "มนุษย์เงินเดือน" นั่นเอง เพราะส่วนใหญ่ (จากที่ได้อ่านกระทู้ในพันทิป และ ที่เพื่อนๆญาติๆได้เล่นสู่กันฟัง)
จะมีแต่คนพูดว่า "เจ้านายไม่ดี/หัวหน้าเอาเปรียบ/เพื่อนร่วมงานแย่..." และอีกหลายอย่าง ซึ่งหลายคนที่เล่าให้เราฟัง
ส่วนใหญ่ก็ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวกัน ขายออนไลน์ ค้าขายตามตลาดนัด แล้วคนพวกนี้ก็จะบอกกับเราว่า ทำงานประจำ
ไม่ดีหรอก เงินเดือนก็น้อย ได้วันละ 300-500 สู้ขายของ ได้วันละพัน (แต่เราก็มองว่ามันก็ไม่ใช่ขายได้ทุกวันเสมอไป)
**แต่ก็ไม่ได้เถียงนะคะ เพราะพี่สาวเราเองเป็นแม่บ้านขายของออนไลน์ ได้เงินเดือนนึงก็ สองหมื่นกว่า
แต่เพื่อนเรามักพูดว่า เจ้านายเขาไม่ได้สนใจเราหรอก ว่าจะอยู่หรือไป เราทำงานหนักแค่ตาย เจ้านายเขาก็แค่หาคนใหม่มาแทน
ซึ่งจริงๆมันก็ใช่ค่ะ คนเราถ้าเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานลาออกหรือตาย เขาก็ต้องหาคนใหม่มาแทนอยู่แล้ว จริงไหม...?
แต่เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่เราได้เจอมากับตัวค่ะ ว่า "เจ้านาย(BOSS,ผู้จัดการ,หัวหน้า,เพื่อนร่วมงาน) ดีๆยังมีอยู่ จริงๆนะ"
จากกระทู้แรกที่เราเคยได้ตั้งไว้ "เรื่องการสัมภาษณ์งานของเรา" หลังจากได้เข้ามาทำงาน(ตอนนั้นอายุ 22)
ผู้จัดการ (อายุ 27) ก็เป็นคนสอนงานให้เราบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กฝึกงานที่สอนเรา ตอนนั้นมีเด็กฝึกงาน3 คน
จริงๆเด็กฝึกงานนั้นรุ่นเดียวกับเราเลยบางคนอายุเยอะกว่าเรา แต่เขายังเรียนไม่จบ แต่เราเรียนจบแล้ว เหลือรับปริญญาอย่างเดียว
(แต่ตอนนี้บริษัทไม่รับเด็กฝึกงานแล้ว) เราเรียนรู้งานอยู่ 1 เดือน น้องๆฝึกงานก็ฝึกเสร็จพอดี
และเราก็ทำงานในหน้าที่ของเราเป็นหมดทุกอย่างแล้ว ผู้จัดการจึงให้ผ่านโปร ผู้จัดการเป็นผู้หญิงใจดี พูดน้อย ยิ้มง่าย เวลาพักเที่ยง
เจ้านายจะชวนเราไปกินข้าวด้วย จะขับรถยนต์แล้วให้เรานั่งข้างๆ (ตอนที่เด็กฝึกงานยังอยู่ ก็ให้เด็กฝึกงานนั่งไปด้วย)
แต่หลังๆเราเกรงใจ ก็เลยเอาข้าวจากที่บ้านมากินเองกับพี่พนักงานคนอื่นๆ
***ที่ทำงานของเราอยู่ไกลจากร้านค้ามากๆ แถวนั้นมีวินมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ต้องเดินออกไปเรียก ระยะทางประมาณ 10 นาที
ผู้จัดการก็มีน้ำใจมากๆค่ะ ชวนให้ไปด้วยกันตลอด (พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะ มีพี่ผู้หญิง2-3คน)
ผู้จัดการเป็นเพื่อนกับเจ้านาย(BOSS)ค่ะ ผ่านไปปีกว่าผู้จัดการก็ย้ายไปดูแลกิจการอีกสาขาอยู่ ต่างจังหวัดค่ะ
หัวหน้า(ชาย) จึงได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการของเราแทน เราจะขอเรียกว่า หัวหน้า เหมือนเดิมนะคะ หัวหน้าดูแลพนักงานทุกคนดีเท่าๆกันค่ะ
ตอนเราเข้ามาเริ่มงานวันแรก เราไม่รู้ว่าเขาคือหัวหน้าค่ะ แต่งตัวธรรมดาเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เขามาช่วยต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เราค่ะ
เพิ่งมารู้ว่าเป็นหัวหน้า เมื่อผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ค่ะ เพราะช่วงแรกที่เรามาหัวหน้าออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าอายุ 30 ค่ะ
จะเป็นคนลงมือทำงานเองทุกอย่าง คอยสอนพนักงาน คอยช่วยเหลือ แนะนำไม่เคยบ่นเลยค่ะ เราจำคำพูดของหัวหน้าได้ดี
คำพูดที่ว่า "ถ้าพี่เป็นลูกน้อง พี่ก็ไม่ชอบหรอกที่หัวหน้าคอยแต่จะชี้นิ้วสั่งให้ทำนั่น ทำนี่ แต่ตัวเอง นั่งอยู่หน้าคอมสบายๆไม่ทำอะไร"
พนักงานทุกคนรักหัวหน้ามากๆค่ะ ไม่ต้องรอให้เรียก แต่เวลาเห็นหัวหน้าเดินไปไหนหรือทำอะไร ลูกน้องจะรีบเข้าไปช่วยทันที
ทำผิดก็ไม่เคยว่า แต่จะสอนและพูดคุยแบบกันเอง ภาษาถิ่นค่ะ หัวหน้าเป็นคนอิสาน ลูกน้องก็คนอิสานเยอะค่ะ ส่วนเราคนกรุงเทพ
ก็จะคุยเล่นภาษาเดียวกัน ไม่เคยมีวันไหนที่หัวหน้าทำหน้าตาเคร่งเครียดเลยค่ะ มีแต่รอยยิ้มให้ลูกน้อง
เจ้านาย(BOSS) ไว้หลังสุดเลย แต่ยาวสุดค่ะ
เจ้านายคือเจ้าของบริษัทนะคะ มี 2 คนค่ะ เป็นแฟนกัน ใจดีทั้งคู่ค่ะ บอสหญิงจะดูแลในส่วนของบัญชีต่างๆของบริษัททั้งหมดค่ะ
ชอบทำขนมมาให้พนักงานชิมกันค่ะ ไปต่างประเทศก็จะซื้อของมาฝากค่ะ เราเคยได้ กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม ครีม ขนม ช็อกโกแลต
อะไรที่ผู้หญิงชอบกัน บอสหญิงจะจัดมาให้ตลอดค่ะ
เราอยากจะมาเล่าถึงบอสชายกันค่ะ
บอสเป็นลูกครึ่ง ไทย-อเมริกา-จีน ค่ะ (แต่หัวใจไทยนะคะ ใครพูดว่าบอสเป็นฝรั่งจะโกรธมากค่ะ) บอสบอกว่าบอสเป็นคนไทย
บอสจะอยู่สำนักงานใหญ่ค่ะ ส่วนเราจะอยู่แผนกคลังสินค้า ซึ่งจะอยู่คนละที่กัน
หลังจากเราทำงานได้ประมาณ 3 เดือน บอสก็เข้ามาเยี่ยมที่คลังค่ะ เราก็เพิ่งทราบว่า บอสของเราคือคนนี้นะ
บอสก็เข้ามาคุยกับผู้จัดการ และหัวหน้าค่ะ หลังจากนั้นผ่านไป 6 เดือน ก็ถึงงานบริษัทค่ะ(สิ้นปี) บริษัทก็จัดงานกันที่คลังค่ะ
บอสแจกสร้อยทองกับพนักงานทุกคน เราซึ่งทำงานยังไม่ครบปี ก็คิดว่าจะไม่ได้ค่ะ ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่บอสก็เรียกชื่อให้ขึ้นไปรับค่ะ
และโบนัส บอสแจกหลังปีใหม่ค่ะ ซึ่งเราได้ โบนัส 3 เดือน (ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า เดือนเดียวก็ดีใจมากๆแล้ว)
พอเข้าปีที่1เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ พนักงานที่เอาเปรียบเช่น ขาดบ่อย อาทิตย์ 3 วัน ไม่แจ้ง ไม่ดูแลลูกค้า มาแต่ไม่ทำงาน ถูกเชิญออก
ไปเกือบครึ่งของพนักงานที่มีอยู่ค่ะ (รวมทุกๆแผนก ทุกสาขา บริษัทจะมีไลน์กรุ๊ป ใครออกเลขาจะแจ้งทั้งหมด) และไม่รับคนเพิ่มค่ะ
บอสบอกว่า สู้มีพนักงานน้อยแต่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ดีกว่า ผมเอาเงินที่จะไปจ้างพนักงานใหม่ๆ มาให้พวกคุณที่เต็มที่กับงานดีกว่า
แล้วพนักงานก็รักกันมากๆค่ะ อยู่กับแบบครอบครัว พี่น้อง ไม่ชิงดีชิงเด่น มีอะไรก็แบ่งปันค่ะ อย่างกิจกรรมบริษัท ทุกแผนกจะมารวมกัน
บางคนไม่ค่อยได้เจอกันไม่ค่อยรู้จักกัน แต่พอได้มาอยู่ด้วยกัน ทุกคนคือพนักงานบริษัทเดียวกันค่ะ ไม่แบ่งแยก อย่างงานบริษัท
บอสให้แบ่งกลุ่มจัดการแสดง เรากับพี่อีกคนหนึ่งที่อยู่คลัง ได้อยู่กับพี่อีก5 คนที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งงานที่คลังจะเยอะมากๆ
ไม่มีเวลาปลีกตัวไปซ้อม (แรกๆเราทำงานตั้งแต่ 9 โมง-4ทุ่ม) แต่หลังจากนั้น ก็ทำปกติ 9โมง- 5 โมงเย็นค่ะ
พี่ๆที่สำนักงานใหญ่ก็เข้าใจ บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกพี่จัดการเอง บอกให้เรานั่งเป็นกำลังใจให้ก็พอ พอถึงวันแสดง
พี่ๆ 5 คนก็ขึ้นไปแสดง และได้รับรางวัลจากบอสเป็นเงิน 50K เรากับพี่อีกคนที่ไม่ได้แสดงด้วยก็บอกว่าไม่รับเงินให้แบ่งกันเลย
แต่พี่ๆเขาไม่ยอม เขาแบ่งเงินให้เรา กับพี่อีกคนคนละ 7พัน5 เขาบอกว่ายังไงก็ทีมเดียวกัน และเวลาซื้อขนมมา ก็จะเอามาฝากเรา
เราก็จะคอยซื้อขนมไปฝากพี่เขาเช่นกันค่ะ
บอสเริ่มหาสวัสดิการใหม่ๆมาให้ (นอกจากประกันสังคม) เช่น
-วันเกิด มอบ เงิน 3,000 บาท เค้ก 1 ก้อน ของขวัญ
-ปีใหม่/วาเลนไทน์/ตรุษจีน/สงการณ์ แจกเงิน 3000 ต่อคน
-มีอาหารเที่ยงให้ทาน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
-มีครัวให้ทำอาหารทานเองได้ มีผัก เนื้อ ไข่ ไก่ ให้ด้วย
-ซื้อปลาแซลม่อน เนื้อวัว อย่างดี ผักปลอดสารพิษ ไข่ไก่ มาแจกพนักงานต่อเดือน
-ให้พนักงานซื้อของพรีเมี่ยมของบริษัท ได้ในราคาไม่เกิน 3,000บาทต่อเดือน
-บัตรประกันสังคม + บัตรประกันสุขภาพวงเงิน 50,000บาทต่อปี (พนักงานไม่ต้องเสียเงินซักบาท ยื่นบัตรไป หมอแทบจะอุ้มเลยคะ)
-พาพนักงานไปเที่ยวทุกปี ไม่ต้องพกเงินไป ขากลับก็แจกเงินกลับมาด้วยทุกคน
-วันหยุดปีใหม่/สงการณ์ ให้หยุด เป็นสิบๆวัน ให้เงินเดือนตามปกติ
-ทุกๆอาทิตย์สุดท้ายก่อนเงินเดือนออก บอสชายจะไปเดินห้างเพื่อซื้อ อาหารดีๆต่างๆมาตุนให้พนักงาน
-ใครมีลูกแล้วบอสจะซื้อนมให้ โดยให้เลขาสอบถามว่าลูกกี่ขวบ ทานนมยี่ห้ออะไร เรามีแต่หลานแต่ก็ได้ด้วย (ตอนแรกพนักงานก็คิดว่า
จะซื้อมาให้ กล่องเดียว แต่บอสซื้อมาให้เป็นแพ็คใหญ่ๆเลยค่ะ) แบบลูกหลานทานได้ทั้งเดือน
-มีฟิตเนสให้เล่นฟรีค่ะ
เข้าสู่ปีที่2 งานบริษัทบอสก็แจกทองพนักงานทุกคนเหมือนเดิมค่ะ(แจกตามอายุงาน) และโบนัส เราได้ 6 เดือน
บอสก็คอยหาสวัสดิการแปลกๆมาให้พนักงานค่ะ เช่น ซ้ื้อรองเท้า nike(แท้) แจกพนักงาน แว่น Ray Ban(แท้)
หูฟัง อันละ 13K มาแจกพนักงานค่ะ
ปีที่3 บอสก็ยังคงหาสวัสดิการแปลกๆมาให้เช่นเดิมค่ะ เช่น หมวกกันน็อค สำหรับพนักงานที่ขับมอเตอร์ไซค์ โละอุปกรณ์สำนักงานเก่าๆ
ซื้อให้ใหม่ ของเก่าพนักงานก็เอากลับไปใช้ที่บ้านค่ะ บางคนก็เอาไปบริจาคให้โรงเรียน แจก iPhone6+ ให้พนักงานคนละเครื่องค่ะ
และให้พนักงานที่อายุงาน เกิน 1 ปี ซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค ให้คนละเครื่องไว้ใช้ที่บ้านค่ะ(บอสจ่าย)
-สำนักงานใหญ่ บอสจ้างครูฝรั่งมาสอน สำหรับพนักงานที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ
-พนักงานคลัง มีงบ 50K ต่อเดือน ให้สั่งข้าว ขนม น้ำเปล่า เครื่องดื่ม จากโลตัส(มาส่งถึงที่) ...ทำได้อยู่ประมาณ 1ปี ก็เปลี่ยนเป็น
นำงบมาแบ่งเป็น 20K สำหรับน้ำดื่ม ส่วนจำนวนเงิน 30K จ่ายให้พนักงานเป็นรายวัน (เพราะบางคนเป็นอิสลาม บางคนกินเจ จึงเปลี่ยน
จากอาหารโลตัส มาเป็นให้เงินพนักงานไปซื้อทานเอง)
งานบริษัทปีที่3 เราได้โบนัส 9 เดือนค่ะ ปีนี้บอสไม่ได้แจกทองพนักงานทุกคน แต่แจกเฉพาะแม่บ้านที่ทำงานเกิน 1 ปีค่ะ
บอสพูดในงานบริษัทว่า อยากให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญของแม่บ้าน ที่อื่นอาจจะเห็นว่าแม่บ้านเป็นแค่คนทำความสะอาด
เป็นพนักงานระดับล่าง แต่จริงๆแม่บ้าน คือคนที่เราต้องยกย่อง ถ้าไม่มีพวกเขา เราคงทำความสะอาดเองไม่ไหว และไม่ว่า
จะพนักงานตำแหน่งใด ทุกคนคือคนในครอบครัว (บริษัทเรามีแม่บ้านเกือบ 20 คนค่ะ)
จำได้แม่นเลยค่ะ ปีที่ 2 บอสเข้ามาเยี่ยมพนักงานคลัง บอสเรียกพนักงานมาคุย และถามว่าใครมีหนี้สินบ้าง ทุกคนยกมือ
(ยกเว้นเราคนเดียว...หัวหน้าก็ยกค่ะ555+) บอสพูดกับพนักงานว่า ผมถือว่าเป็นคนนอก แต่เมื่อพวกคุณมีปัญหาด้านการเงิน
ผมก็สามารถช่วยได้แค่เรื่องเงิน ถ้ามีทางไหนที่ผมจะช่วยได้อีกผมก็จะช่วย แล้วบอสก็ให้เลขาเอาเงินใส่ซองแจกพนักงาน
ทุกคคนคนละ 20K(เราไม่มีหนี้ แต่ก็ได้ด้วย...หัวหน้าก็ได้ด้วย^^)
ปีที่แล้วพนักงานขับรถขนหนึ่ง แม่ป่วยหนักนอนโรงพยาบาลหลายคืน (นอนห้องรวม) พอหัวหน้าแจ้งไปยังบอสว่า
พนักงานคนนี้ขอลา1อาทิตย์ เพราะต้องกลับไปเฝ้าแม่ บอสก็ถามเลยว่านอน รพ.ไหม พอรู้ว่านอนห้องรวมก็สั่งให้เปลี่ยน
เป็นห้องเดี่ยวทันที และบอกกับพนักงานคนนั้นว่า รอให้แม่หายดีค่อยกลับมา และค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง หลังจากนั้นไม่นาน
บอสก็แจ้งว่า จะทำบัตรประกันสุขภาพ วงเงิน 50,000 บาทต่อปี ให้คนในครอบครัว ใครก็ได้ 1 คน ฟรี(เฉพาะพนักงานที่
เงินเดือนไม่ถึง 20K เราเลย อด555)
รปภ. ซึ่งเป็นพนักงาน Outsource บอสเรียกมาคุย บอกว่า ของกิน อาหาร ขนม น้ำทุกอย่าง สามารถเดินเข้ามาหยิบไปทานได้เลย
ไม่ต้องเกรงใจ
เราซึ้งใจมากๆค่ะ มันน้อยมากที่จะมีผู้บริหารคิดแบบนี้ เราดีใจและภูมิใจที่ได้ทำงานกับทุกคนในบริษัทนี้ค่ะ
ยังจำคำพูดของบอส ที่พูดกับพนักงานในงานบริษัทปีแรก(ของเรา) ได้ดีค่ะ บอสพูดว่า
"จะดูแล ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่รวมไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย" และบอสก็ดูแลจริงๆค่ะ อย่างแม่บ้านลาคลอด บอสก็ให้หยุดยาว
กว่าที่กฎหมายกำหนด และให้เงินด้วยค่ะ ซื้อของเล่นมาให้ลูกๆของพนักงาน ถามไถ่ตลอดว่าที่บ้านมีใครป่วยหรือเปล่า
เราอาจจะโชคดีกว่าคนอื่นหน่อย ที่เจอบริษัทดีๆเจ้านายดีๆ ได้เร็ว เราอยากจะขอให้ทุกคนเจอชีวิตการทำงานที่ดี มีความสุขกับงานที่ทำ
และมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานรวมถึงเจ้านายด้วยนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ