คิดถึงเขา... ที่ทองผาภูมิ
พอดีผมไปเที่ยวกาญจนบุรีที่อำเภอทองผาภูมิ แล้วรู้สึกว่าบรรยากาศ และการเดินทางสนุก และน่าสนใจมาก เลยอยากเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาแชร์ให้คนอื่นๆได้ดูกันบ้างครับ
ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน เดินทางโดนรถยนต์ส่วนตัวนะครับ (รถเก๋ง) โดยคืนแรกเราไปกางเต๊นท์นอนที่ทางเข้าหมู่บ้านปิล๊อก ส่วนคืนที่สองไปนอนพักที่แพของ nakakiri resort ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 4500 บาทต่อ 2 คนครับ
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
1. อากาศไม่ได้หนาวมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว คุณสามารถใส่เสื้อตัวเดียว เดินได้เลยที่ปิล๊อก แต่เอาไปเผื่อก็ดีนะครับ
2. รถเก๋งลุยได้นะ แม้ว่าตอนขึ้นเขาจะดูเร่งยากหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้นะครับ แนะนำควรเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนขึ้นเขา
3. อย่าลืมพกไฟฉายไปด้วยนะครับ
4. ห้องน้ำมีที่ให้อาบน้ำแยกชายหญิงครับ
5. จุดกางเต๊นท์มีหลายที่เลยครับเลือกได้ตามใจชอบ ผมเลือกตรงทางเข้าหมู่บ้านเลยครับ เพราะกว้างและสะดวกดี หรือบางคนชอบขึ้นไปอีกหน่อยจะเจอตรงโซนที่พักของหมู่บ้านปิล๊อก โซนตลาด ตรงนั้นนักท่องเที่ยวเยอะ และมีของกินเพียบครับ ตรงเนินช้างศึกเขาไม่ให้ไปกางแล้วนะครับ
6. ใครน้ำมันหมดมีจุดจำหน่ายน้ำมันนะครับ ไม่ต้องห่วง
[ที่พัก]
คืนแรก กางเต๊นท์นอนที่หมู่บ้านปิล๊อก พักฟรีแต่ต้องมีเต๊นท์นะ
คืนที่สอง นอนแพที่นาคาคีรี โดยจองผ่าน booking ในราคา 1509 บาท
[แพลนการเที่ยว]
เริ่มจากกทม เดินทางเข้ากาญจนบุรี แล้วขับตรงยาวไปที่อ. ทองผาภูมิ ขับประมาณ 3-4 ชม จะถึงแนวสันเขื่อนวชิรลงกรณ์ ต่อด้วยอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ไปต่อน้ำตกจ๊อกกระดิ่น แล้วก็เข้าสู่หมู่บ้านปิล็อกครับ ถึงตรงนี้จะสามารถขับรถไปถ่ายรูปที่เนินช้างศึก เนินเสาธงได้ครับ และชายแดนไทย-พม่า แล้วก็กลับลงมาที่พักวันที่สอง แล้วขับรถกลับกทม เป็นการจบทริปครับ
เช้ามืดวันที่ 21/10/2017
เราออกเดินทางจากกรุงเทพตอนประมาณตีสี่ จริงๆคือแพลนไว้ว่าจะออกตีสาม แต่เพราะเมื่อคืนมัวแต่แต่งตัวเล่น หาชุดที่เข้าที่สุดในแต่ละวันไว้เอาไปถ่ายรูป เลยนอนดึกไปหน่อย เราใช้เวลาประมาณครึ่งชม อาบน้ำแต่งตัว เสร็จปุ๊บก็กระโดดขึ้นรถกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรารีบขับไปเพื่อเป้าหมายเดียวคือเขื่อนวชิรลงกรณ์ มีจอดแวะถ่ายรูประหว่างทางมาด้วย
เป็นคนเห็นหมอกไม่ได้จริงๆ ถ่ายซะเลย
เธอไม่ขอหันหน้า
งั้นเราไม่หันบ้าง
ไปกันต่อเลย เรามาถึงเขื่อนช้ากว่าแพลนมาก มาถึงเขื่อนเอาตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว ร้อนมากๆ แต่ก็มาทั้งทีขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยละกัน
ถ้าเทียบกันกับเขื่อนศรีนครินทร์ ผมว่าเขื่อนนั้นมุมชมวิวจะสวยกว่านะครับ แต่อันนี้ถ้ามาตอนเย็นๆ ช่วงมีหมอกก็อาจจะสวยก็ได้
จับมาถ่ายรูปตอนร้อนๆ ถ่ายไปโดนบ่นไป
ขับต่ออีกหน่อยก็จะเจออุทยานแห่งชาติทองผาภูมิแล้วนะครับ พอดีมาถึงตอนใกล้เที่ยงไม่รู้จะดูอะไรเลยตัดสินใจไปเที่ยวน้ำตกจ๊อกกระดิ่นดีกว่า รถเล็กลงไปได้นะครับ เค้าทำทางไว้ให้หมดแล้ว แต่ทางจะชันเอามากๆ ขับขึ้นลงรอบหนึ่งหมดน้ำมันไปขีดนึงเลยครับ จะบอกว่าใครขับรถไม่แข็งมาตรงนี้มีเสียวแน่ๆ เพราะทางจะแคบๆ และหลุมอุกกาบาตเต็มไปหมด
ดูในรูปเห็นหลายคนถ่ายสวยมาก เราก็ว่าต้องดีงามมากแน่ๆ แต่ก็ไม่คาดหวังไว้เยอะ พอมาถึงมันสวยจริงๆนะ น้ำไหลแรง เย็นด้วย คนก็ไม่ได้จะเยอะจนเกินไป ดีต่อใจไปอีก
เท่าที่อ่านมาเห็นว่าสูงประมาณ 30 เมตรเลยนะ
เทียบขนาดกับคนแล้ว...
มีผีเสื้อให้ถ่ายเล่นด้วยนะ
ป้าๆ น้ำตกหมูที่นึง
ตรงนี้ก็ลงมาเล่นน้ำได้นะ
ห้ามใจไว้ก่อนครับ หิวข้าวแล้ว ตรงนี้ไม่มีที่ขายของเลยต้องทนหิวอีกหน่อยเพื่อจะขับไปให้ถึงหมู่บ้านปิล๊อก ผมมาถึงน้ำตกตอนเที่ยง แวะถ่ายรูปเล่นอีกก็ประมาณบ่ายสอง เข้าไปถึงหมู่บ้านล่อไปบ่ายสามกว่า ได้กินข้าวซักที
หลังกินข้าวก็กางเต๊นท์ก่อนเลยครับ เพราะกลัวไม่มีที่ แต่ป้าที่นี่บอกว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก กางตรงไหนก็ได้ คนที่มาเที่ยวส่วนมากจะมาช่วงพย ธค ตอนแรกว่าจะกางที่สนามหญ้าดีนะฝนเทลงมาก่อน เลยไปกางอยู่ตรงที่จอดรถ มีหลังคาให้ พื้นก็ไม่เปียก ช่วยได้เยอะเลยครับ กางเสร็จแล้วไม่รอครับ กลัวพระอาทิตย์ตก เรารีบไปถ่ายรูปที่หมู่บ้านก่อนคือต้องขับขึ้นเขาไปอีก เพราะเป็นคนละจุดกัน
ป้ายทางเข้าตลาดอีต่อง
อันนี้แค่เดินเล่นๆนะครับ เหมืองจริงๆจะอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
มุมบันไดบ้านใครไม่รู้สวยดี
ซุ้มเขียนป้ายบอกรักก็มา จัดไปหนึ่งป้าย
ตรงนี้รูปน้อยนะครับ พอดีรีบไปเนินช้างศึกก่อน แต่แนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนไม่ได้ห่อเนื้อมาปิ้งย่าง ชาบูกันด้านบน ถ้าอยากกินถูกให้มาตรงนี้เพราะราคาจะถูกกว่าด้านล่างที่ผมกางเต๊นท์ แถมมีร้านเยอะกว่าด้วยนะ
อันนี้พีคครับ ถ้าขับรถไปเนินช้างศึกแล้วเห็นป้ายให้แวะ และบอกอีก 250 เมตรถึงเนินช้างศึก คือแวะถ่ายรูปได้แต่ไม่ต้องเดินนะ ให้ขับต่อไปเรื่อยๆจะเจอเนินเลย ไม่งั้นคุณต้องเดินขึ้นเขาเอง อาจจะลัด แต่อย่าเลยเราผ่านมาแล้ว ยิ่งหมอกลงจัดๆอาจหลงได้เลยนะ
จุดแวะถ่ายรูป
จะพาไปไหนอ้ะ
หลังจากที่ผมเดินขึ้นเขา 250 เมตรเสร็จ ฮ่าๆๆ คนที่เจอตรงนั้นคือทำหน้างง "อ้าวว มาทางนี้ได้ด้วยเหรอ?" เราก็งงสิครับก็ "อ้าว ขับมาถึงตรงนี้ได้ด้วยเหรอ!"
ปะๆไปถ่ายรูปกัน ถ่ายอะไรดีมีแต่หมอกบัง มองไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ตกดินเลย เธอกำลังจะหน้ามุ่ยละ ฟ้ามีตาเปิดม่านหมอกฉายแสงสุดท้ายของวันมาให้เห็น ผมพูดดังๆไป โน่นไงๆ แสงมาแล้ว คนบริเวณนั้นก็พากันหันกลับมาถ่ายรูปกันใหญ่เลย โชคดีมากๆครับ เพราะแสงมาแค่แปปเดียวก็ลับหายไปอีกครั้ง
สวยงามม
โชคดีมากๆที่ขึ้นมาแล้วเจออะไรแบบนี้
เมื่อเธอหยุดบ่นแล้ว เราก็ขออาศัยท้ายกระบะพี่ผู้ชายคนนึงนั่งกลับไปที่รถเรา เพราะถ้ายังคงเดินกลับทางเดิมมีสิทธิตายได้นะครับ
กลับมาที่เต๊นท์ก็จัดการอาหารตรงหน้าก่อน ต่อด้วยไปอาบน้ำหนาวๆพร้อมกับไฟหมู่บ้านที่เหมือนจะง่วงนะครับ หลับยาวมากยังดีที่มีไฟฉายไม่งั้นอาบเสร็จออกมาคงมีฟองสบู่ติดหูบ้างล่ะ จบไปอีกวันนะครับ ราตรีสวัสดิ์ แฮร่ !
คิดถึงเขา... ที่ทองผาภูมิ
[ข้อมูลเพิ่มเติม]
1. อากาศไม่ได้หนาวมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว คุณสามารถใส่เสื้อตัวเดียว เดินได้เลยที่ปิล๊อก แต่เอาไปเผื่อก็ดีนะครับ
2. รถเก๋งลุยได้นะ แม้ว่าตอนขึ้นเขาจะดูเร่งยากหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้นะครับ แนะนำควรเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนขึ้นเขา
3. อย่าลืมพกไฟฉายไปด้วยนะครับ
4. ห้องน้ำมีที่ให้อาบน้ำแยกชายหญิงครับ
5. จุดกางเต๊นท์มีหลายที่เลยครับเลือกได้ตามใจชอบ ผมเลือกตรงทางเข้าหมู่บ้านเลยครับ เพราะกว้างและสะดวกดี หรือบางคนชอบขึ้นไปอีกหน่อยจะเจอตรงโซนที่พักของหมู่บ้านปิล๊อก โซนตลาด ตรงนั้นนักท่องเที่ยวเยอะ และมีของกินเพียบครับ ตรงเนินช้างศึกเขาไม่ให้ไปกางแล้วนะครับ
6. ใครน้ำมันหมดมีจุดจำหน่ายน้ำมันนะครับ ไม่ต้องห่วง
[ที่พัก]
คืนแรก กางเต๊นท์นอนที่หมู่บ้านปิล๊อก พักฟรีแต่ต้องมีเต๊นท์นะ
คืนที่สอง นอนแพที่นาคาคีรี โดยจองผ่าน booking ในราคา 1509 บาท
[แพลนการเที่ยว]
เริ่มจากกทม เดินทางเข้ากาญจนบุรี แล้วขับตรงยาวไปที่อ. ทองผาภูมิ ขับประมาณ 3-4 ชม จะถึงแนวสันเขื่อนวชิรลงกรณ์ ต่อด้วยอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ไปต่อน้ำตกจ๊อกกระดิ่น แล้วก็เข้าสู่หมู่บ้านปิล็อกครับ ถึงตรงนี้จะสามารถขับรถไปถ่ายรูปที่เนินช้างศึก เนินเสาธงได้ครับ และชายแดนไทย-พม่า แล้วก็กลับลงมาที่พักวันที่สอง แล้วขับรถกลับกทม เป็นการจบทริปครับ
เช้ามืดวันที่ 21/10/2017
เราออกเดินทางจากกรุงเทพตอนประมาณตีสี่ จริงๆคือแพลนไว้ว่าจะออกตีสาม แต่เพราะเมื่อคืนมัวแต่แต่งตัวเล่น หาชุดที่เข้าที่สุดในแต่ละวันไว้เอาไปถ่ายรูป เลยนอนดึกไปหน่อย เราใช้เวลาประมาณครึ่งชม อาบน้ำแต่งตัว เสร็จปุ๊บก็กระโดดขึ้นรถกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรารีบขับไปเพื่อเป้าหมายเดียวคือเขื่อนวชิรลงกรณ์ มีจอดแวะถ่ายรูประหว่างทางมาด้วย
เป็นคนเห็นหมอกไม่ได้จริงๆ ถ่ายซะเลย
เธอไม่ขอหันหน้า
งั้นเราไม่หันบ้าง
ไปกันต่อเลย เรามาถึงเขื่อนช้ากว่าแพลนมาก มาถึงเขื่อนเอาตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว ร้อนมากๆ แต่ก็มาทั้งทีขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยละกัน
ถ้าเทียบกันกับเขื่อนศรีนครินทร์ ผมว่าเขื่อนนั้นมุมชมวิวจะสวยกว่านะครับ แต่อันนี้ถ้ามาตอนเย็นๆ ช่วงมีหมอกก็อาจจะสวยก็ได้
จับมาถ่ายรูปตอนร้อนๆ ถ่ายไปโดนบ่นไป
ขับต่ออีกหน่อยก็จะเจออุทยานแห่งชาติทองผาภูมิแล้วนะครับ พอดีมาถึงตอนใกล้เที่ยงไม่รู้จะดูอะไรเลยตัดสินใจไปเที่ยวน้ำตกจ๊อกกระดิ่นดีกว่า รถเล็กลงไปได้นะครับ เค้าทำทางไว้ให้หมดแล้ว แต่ทางจะชันเอามากๆ ขับขึ้นลงรอบหนึ่งหมดน้ำมันไปขีดนึงเลยครับ จะบอกว่าใครขับรถไม่แข็งมาตรงนี้มีเสียวแน่ๆ เพราะทางจะแคบๆ และหลุมอุกกาบาตเต็มไปหมด
ดูในรูปเห็นหลายคนถ่ายสวยมาก เราก็ว่าต้องดีงามมากแน่ๆ แต่ก็ไม่คาดหวังไว้เยอะ พอมาถึงมันสวยจริงๆนะ น้ำไหลแรง เย็นด้วย คนก็ไม่ได้จะเยอะจนเกินไป ดีต่อใจไปอีก
เท่าที่อ่านมาเห็นว่าสูงประมาณ 30 เมตรเลยนะ
เทียบขนาดกับคนแล้ว...
มีผีเสื้อให้ถ่ายเล่นด้วยนะ
ป้าๆ น้ำตกหมูที่นึง
ตรงนี้ก็ลงมาเล่นน้ำได้นะ
ห้ามใจไว้ก่อนครับ หิวข้าวแล้ว ตรงนี้ไม่มีที่ขายของเลยต้องทนหิวอีกหน่อยเพื่อจะขับไปให้ถึงหมู่บ้านปิล๊อก ผมมาถึงน้ำตกตอนเที่ยง แวะถ่ายรูปเล่นอีกก็ประมาณบ่ายสอง เข้าไปถึงหมู่บ้านล่อไปบ่ายสามกว่า ได้กินข้าวซักที
หลังกินข้าวก็กางเต๊นท์ก่อนเลยครับ เพราะกลัวไม่มีที่ แต่ป้าที่นี่บอกว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก กางตรงไหนก็ได้ คนที่มาเที่ยวส่วนมากจะมาช่วงพย ธค ตอนแรกว่าจะกางที่สนามหญ้าดีนะฝนเทลงมาก่อน เลยไปกางอยู่ตรงที่จอดรถ มีหลังคาให้ พื้นก็ไม่เปียก ช่วยได้เยอะเลยครับ กางเสร็จแล้วไม่รอครับ กลัวพระอาทิตย์ตก เรารีบไปถ่ายรูปที่หมู่บ้านก่อนคือต้องขับขึ้นเขาไปอีก เพราะเป็นคนละจุดกัน
ป้ายทางเข้าตลาดอีต่อง
อันนี้แค่เดินเล่นๆนะครับ เหมืองจริงๆจะอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
มุมบันไดบ้านใครไม่รู้สวยดี
ซุ้มเขียนป้ายบอกรักก็มา จัดไปหนึ่งป้าย
ตรงนี้รูปน้อยนะครับ พอดีรีบไปเนินช้างศึกก่อน แต่แนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนไม่ได้ห่อเนื้อมาปิ้งย่าง ชาบูกันด้านบน ถ้าอยากกินถูกให้มาตรงนี้เพราะราคาจะถูกกว่าด้านล่างที่ผมกางเต๊นท์ แถมมีร้านเยอะกว่าด้วยนะ
อันนี้พีคครับ ถ้าขับรถไปเนินช้างศึกแล้วเห็นป้ายให้แวะ และบอกอีก 250 เมตรถึงเนินช้างศึก คือแวะถ่ายรูปได้แต่ไม่ต้องเดินนะ ให้ขับต่อไปเรื่อยๆจะเจอเนินเลย ไม่งั้นคุณต้องเดินขึ้นเขาเอง อาจจะลัด แต่อย่าเลยเราผ่านมาแล้ว ยิ่งหมอกลงจัดๆอาจหลงได้เลยนะ
จุดแวะถ่ายรูป
จะพาไปไหนอ้ะ
หลังจากที่ผมเดินขึ้นเขา 250 เมตรเสร็จ ฮ่าๆๆ คนที่เจอตรงนั้นคือทำหน้างง "อ้าวว มาทางนี้ได้ด้วยเหรอ?" เราก็งงสิครับก็ "อ้าว ขับมาถึงตรงนี้ได้ด้วยเหรอ!"
ปะๆไปถ่ายรูปกัน ถ่ายอะไรดีมีแต่หมอกบัง มองไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ตกดินเลย เธอกำลังจะหน้ามุ่ยละ ฟ้ามีตาเปิดม่านหมอกฉายแสงสุดท้ายของวันมาให้เห็น ผมพูดดังๆไป โน่นไงๆ แสงมาแล้ว คนบริเวณนั้นก็พากันหันกลับมาถ่ายรูปกันใหญ่เลย โชคดีมากๆครับ เพราะแสงมาแค่แปปเดียวก็ลับหายไปอีกครั้ง
สวยงามม
โชคดีมากๆที่ขึ้นมาแล้วเจออะไรแบบนี้
เมื่อเธอหยุดบ่นแล้ว เราก็ขออาศัยท้ายกระบะพี่ผู้ชายคนนึงนั่งกลับไปที่รถเรา เพราะถ้ายังคงเดินกลับทางเดิมมีสิทธิตายได้นะครับ
กลับมาที่เต๊นท์ก็จัดการอาหารตรงหน้าก่อน ต่อด้วยไปอาบน้ำหนาวๆพร้อมกับไฟหมู่บ้านที่เหมือนจะง่วงนะครับ หลับยาวมากยังดีที่มีไฟฉายไม่งั้นอาบเสร็จออกมาคงมีฟองสบู่ติดหูบ้างล่ะ จบไปอีกวันนะครับ ราตรีสวัสดิ์ แฮร่ !