เมื่อไรก็ตามที่มีวันหยุดหรือมีเวลาว่าง สิ่งแรกๆที่เรานึกถึงคือ "เดินทาง" ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย
ก่อนอ่านกระทู้ เรามีวิดีโออินโทรให้ดูกันสักนิดนึง
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการเดินทาง และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เราเดินทางกันไปที่จังหวัดกาญจนบุรี
จุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวพากันให้ฉายาว่า "เมืองในหมอก"
เราจะเดินทางไปกันที่ "ตำบลปิล๊อก" และ "หมู่บ้านอีต่อง" ซึ่งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ระหว่างการเดินทางร่วม 5 ชั่วโมงที่เราเองแสนจะใจเย็น เมื่อเข้าสู่อำเภอทองผาภูมิอากาศก็ดูท่าจะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะแดดรึจะฝนดี
แปลปรวนจนเราเองก็ทำตัวไม่ถูกไปด้วย
จากเส้นทางที่เราขับห่างจากตัวอำเภอมาเรื่อยๆ เข้าสู่เส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวแล้วเลี้ยวอีก จุดแรกที่เราแวะกันคือที่ จุดชมวิว กม.15
ที่นี่ทิวทัศน์ก็สวยงามไม่น้อย
ลืมบอกไปว่า เมื่อเข้าสู่โซนป่าอุทยาน สัญญาณโทรศัพท์ก็จะเริ่มโบกมือลาและเดินหายจากสมาทโฟนของเราไป
แต่ที่จุดชมวิว กม.15 นี้ มีจุดรับสัญญาณบอกไว้อย่างชัดเจน ใครจะเช็คอินรึติดต่อใครก็ตรงนี้แหละ
เดินทางต่ออีกนิด จะผ่านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ใครจะแวะเที่ยวตรงนี้ก็ได้นะ
แต่เราขอรีบบึ่งอีก 8 กม. ไปให้ถึงบ้านอีต่องก่อนแล้วกัน
วาร์ปมาถึงทางเข้าหมู้บ้านอีต่อง แต่เอ๊ะ!! ภาพหมู่บ้านที่มีสระน้ำแบบที่เราเห็นในรีวิวล่ะ...งงๆกันอยู่แป๊บนึง ปรากฎว่ายังไม่ถึงจร้า ขับต่อไปอีก...
ระหว่างทางพอดีเจอกับป้านทางขึ้นเนินช้างศึก เราเลยถือโอกาสแวะกันก่อนเลย ขับขึ้นเนินไปไม่ไกลเท่าไหร่
จะเจอกับป้ายทางเดินเท้าเพื่อขึ้นเนินช้างศึก ตรงนี้ใครใคร่แวะก็แวะ ใครใคร่ไปต่อก็ขับต่อไปเลยนะ
แต่ถ้าคุณแวะล่ะก็ บอกเลยว่าวิวตรงนี้ก็ไม่ธรรมดา แม้ว่าหมอกจะหนาไปสักหน่อย แต่ก็ได้บรรยากาศดีดีอีกแบบของการเดินทาง
ยืนฟินกับไอหมอกสักพัก เราก็เดินกลับและขับรถขึ้นไปต่อที่เนินช้างศึก (แต่ใครจะเดินขึ้นไปจากตรงนี้ก็ได้นะ)...
เมื่อกี้คิดว่าหมอกหนาแล้ว พอขึ้นมาถึงเนินช้างศึก แหม่...ไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูตามภาพก็แล้วกัน
ฐานปฏิบัติการเนินช้างศึก เป็นฐาน ตชด. และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญจุดหนึ่งของชายแดนไทย-พม่า ในจังหวัดกาญจนบุรี
เป็นฐานที่มั่นของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆอีกด้วย
แต่!!นั่นหมายถึงคุณต้องมาให้ถูกฤดูนะ ฮ่าๆ
เล่นมาไม่เลือกฤดู ก็จะเป็นแบบนี้แหละ มองข้ามวิวภูเขาและแสงแดดเหมือนในภาพที่เราเห็นในรีวิวต่างๆไปได้เลย
แค่เดินเข้าไปในกลุ่มหมอกแล้วหาทางกลับได้ก็ถือว่าโอเค ฮ่าๆๆๆ
ในเมื่อข้างบนหมอกหนาขนาดนั้น เราขอลงมาข้าล่าละกัน...
อีกจุดหนึ่งเราไปไปกัน จุดนี้ชื่อยาวๆคือ จุดประสานสัมพันธไมตรีนิจนิรันดร์ ไทย-พม่า แต่เราขอเรียกสั้นๆง่ายๆว่า "ทางขึ้นเนินเสาธง"
และจุดที่เราจะไปต่อกันคือ "เนินเสาธง" และการที่จะขึ้นไปเนินเสาธง ก็ต้องเริ่มเดินกันตรงนี้แหละครับ
เดินขึ้นมายังไม่ทันจะเหนื่อยก็ถึงแล้ว เนินเสาธง ที่เรียกว่าเนินเสาธงก็เพราะตรงนี้มีเสาธงของไทยและพม่าตั้งอยู่คู่กัน
ณ จุดชายแดนระหว่างไทยและพม่า ที่นี่เราจะมองเห็นทิวทัศน์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ของประเทศเพื่อนบ้านได้
แต่ถ้าอยากเข้าใกล้ประเทศเพื่อนบ้าเรามากว่านี้ละก็ ต้องไปที่ "ช่องมิตรภาพ"
ที่ช่องมิตรภาพนี้ เราสามารถเดินเข้าไปประเทศพม่าได้เลย (แต่ก็เข้าไปได้ไม่ไกลนะ) จะเดินเข้าไปถ่ายรูป เช็คอิน
หรือชมความสวยงามของป่าเขาลำเนาไพรของของประเทศเพื่อบ้านเรา อันนี้ก็แล้วแต่เลย
วิวสวยๆจากประเทศเพื่อนบ้านเรา ว่ากันว่า ถ้าอากาศสดใสรึวันไหนฟ้าเปิด เราจะมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งพม่าได้ด้วย แต่วันนี้ก็อย่างที่เห็นครับ เฮ้อ...
เห็นฟ้าฝนมาแต่ไกล ได้เวลาไปเตรียมที่ซุกหัวนอนกันละ
และนี่แหละ ที่นอนของเราในทริปนี้
เราจะกางเต๊นท์นอนกันที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตรงโรงเรียนเพียงหลวง ที่อยู่ถัดขึ้นมาจากหมู่บ้นอีต่อง
ที่นี่เสียค่ากางเต๊นท์และค่าห้องน้ำ 50 บาท เพื่อเปนค่าบำรุงโรงเรียนของน้องๆที่นี่
จัดการกางเต๊นท์เรียบร้อย ก็ได้เวลาหุงหาอาหาร คนรักการเดินทางแต่ทรัพย์จางอย่างเราก็กินอะไรง่ายๆไปละกันเนอะ
จัดแจงที่นอนพร้อมกินข้าวจนอิ่มท้องกันแล้ว ก่อนนอนเราลงมาเดินย่อยกันในหมู่บ้านสักนิด นิดเดียวจริงๆก่อนที่พายุจะเข้าแล้วไล่เราให้ไปนอน
เอาเป็นว่าจบวันแรกไว้เท่านี้ เดี๋ยวตอนเช้าค่อยมาสำรวจหมู่บ้านกันแบบเต็มที่แล้วกัน
[CR] เมืองในหมอก บ้านอีต่อง ปิล๊อก กาญจนบุรี
เมื่อไรก็ตามที่มีวันหยุดหรือมีเวลาว่าง สิ่งแรกๆที่เรานึกถึงคือ "เดินทาง" ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย
ก่อนอ่านกระทู้ เรามีวิดีโออินโทรให้ดูกันสักนิดนึง
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการเดินทาง และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เราเดินทางกันไปที่จังหวัดกาญจนบุรี
จุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวพากันให้ฉายาว่า "เมืองในหมอก"
เราจะเดินทางไปกันที่ "ตำบลปิล๊อก" และ "หมู่บ้านอีต่อง" ซึ่งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ระหว่างการเดินทางร่วม 5 ชั่วโมงที่เราเองแสนจะใจเย็น เมื่อเข้าสู่อำเภอทองผาภูมิอากาศก็ดูท่าจะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะแดดรึจะฝนดี
แปลปรวนจนเราเองก็ทำตัวไม่ถูกไปด้วย
จากเส้นทางที่เราขับห่างจากตัวอำเภอมาเรื่อยๆ เข้าสู่เส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวแล้วเลี้ยวอีก จุดแรกที่เราแวะกันคือที่ จุดชมวิว กม.15
ที่นี่ทิวทัศน์ก็สวยงามไม่น้อย
ลืมบอกไปว่า เมื่อเข้าสู่โซนป่าอุทยาน สัญญาณโทรศัพท์ก็จะเริ่มโบกมือลาและเดินหายจากสมาทโฟนของเราไป
แต่ที่จุดชมวิว กม.15 นี้ มีจุดรับสัญญาณบอกไว้อย่างชัดเจน ใครจะเช็คอินรึติดต่อใครก็ตรงนี้แหละ
เดินทางต่ออีกนิด จะผ่านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ใครจะแวะเที่ยวตรงนี้ก็ได้นะ
แต่เราขอรีบบึ่งอีก 8 กม. ไปให้ถึงบ้านอีต่องก่อนแล้วกัน
วาร์ปมาถึงทางเข้าหมู้บ้านอีต่อง แต่เอ๊ะ!! ภาพหมู่บ้านที่มีสระน้ำแบบที่เราเห็นในรีวิวล่ะ...งงๆกันอยู่แป๊บนึง ปรากฎว่ายังไม่ถึงจร้า ขับต่อไปอีก...
ระหว่างทางพอดีเจอกับป้านทางขึ้นเนินช้างศึก เราเลยถือโอกาสแวะกันก่อนเลย ขับขึ้นเนินไปไม่ไกลเท่าไหร่
จะเจอกับป้ายทางเดินเท้าเพื่อขึ้นเนินช้างศึก ตรงนี้ใครใคร่แวะก็แวะ ใครใคร่ไปต่อก็ขับต่อไปเลยนะ
แต่ถ้าคุณแวะล่ะก็ บอกเลยว่าวิวตรงนี้ก็ไม่ธรรมดา แม้ว่าหมอกจะหนาไปสักหน่อย แต่ก็ได้บรรยากาศดีดีอีกแบบของการเดินทาง
ยืนฟินกับไอหมอกสักพัก เราก็เดินกลับและขับรถขึ้นไปต่อที่เนินช้างศึก (แต่ใครจะเดินขึ้นไปจากตรงนี้ก็ได้นะ)...
เมื่อกี้คิดว่าหมอกหนาแล้ว พอขึ้นมาถึงเนินช้างศึก แหม่...ไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูตามภาพก็แล้วกัน
ฐานปฏิบัติการเนินช้างศึก เป็นฐาน ตชด. และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญจุดหนึ่งของชายแดนไทย-พม่า ในจังหวัดกาญจนบุรี
เป็นฐานที่มั่นของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆอีกด้วย
แต่!!นั่นหมายถึงคุณต้องมาให้ถูกฤดูนะ ฮ่าๆ
เล่นมาไม่เลือกฤดู ก็จะเป็นแบบนี้แหละ มองข้ามวิวภูเขาและแสงแดดเหมือนในภาพที่เราเห็นในรีวิวต่างๆไปได้เลย
แค่เดินเข้าไปในกลุ่มหมอกแล้วหาทางกลับได้ก็ถือว่าโอเค ฮ่าๆๆๆ
ในเมื่อข้างบนหมอกหนาขนาดนั้น เราขอลงมาข้าล่าละกัน...
อีกจุดหนึ่งเราไปไปกัน จุดนี้ชื่อยาวๆคือ จุดประสานสัมพันธไมตรีนิจนิรันดร์ ไทย-พม่า แต่เราขอเรียกสั้นๆง่ายๆว่า "ทางขึ้นเนินเสาธง"
และจุดที่เราจะไปต่อกันคือ "เนินเสาธง" และการที่จะขึ้นไปเนินเสาธง ก็ต้องเริ่มเดินกันตรงนี้แหละครับ
เดินขึ้นมายังไม่ทันจะเหนื่อยก็ถึงแล้ว เนินเสาธง ที่เรียกว่าเนินเสาธงก็เพราะตรงนี้มีเสาธงของไทยและพม่าตั้งอยู่คู่กัน
ณ จุดชายแดนระหว่างไทยและพม่า ที่นี่เราจะมองเห็นทิวทัศน์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ของประเทศเพื่อนบ้านได้
แต่ถ้าอยากเข้าใกล้ประเทศเพื่อนบ้าเรามากว่านี้ละก็ ต้องไปที่ "ช่องมิตรภาพ"
ที่ช่องมิตรภาพนี้ เราสามารถเดินเข้าไปประเทศพม่าได้เลย (แต่ก็เข้าไปได้ไม่ไกลนะ) จะเดินเข้าไปถ่ายรูป เช็คอิน
หรือชมความสวยงามของป่าเขาลำเนาไพรของของประเทศเพื่อบ้านเรา อันนี้ก็แล้วแต่เลย
วิวสวยๆจากประเทศเพื่อนบ้านเรา ว่ากันว่า ถ้าอากาศสดใสรึวันไหนฟ้าเปิด เราจะมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งพม่าได้ด้วย แต่วันนี้ก็อย่างที่เห็นครับ เฮ้อ...
เห็นฟ้าฝนมาแต่ไกล ได้เวลาไปเตรียมที่ซุกหัวนอนกันละ
และนี่แหละ ที่นอนของเราในทริปนี้
เราจะกางเต๊นท์นอนกันที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตรงโรงเรียนเพียงหลวง ที่อยู่ถัดขึ้นมาจากหมู่บ้นอีต่อง
ที่นี่เสียค่ากางเต๊นท์และค่าห้องน้ำ 50 บาท เพื่อเปนค่าบำรุงโรงเรียนของน้องๆที่นี่
จัดการกางเต๊นท์เรียบร้อย ก็ได้เวลาหุงหาอาหาร คนรักการเดินทางแต่ทรัพย์จางอย่างเราก็กินอะไรง่ายๆไปละกันเนอะ
จัดแจงที่นอนพร้อมกินข้าวจนอิ่มท้องกันแล้ว ก่อนนอนเราลงมาเดินย่อยกันในหมู่บ้านสักนิด นิดเดียวจริงๆก่อนที่พายุจะเข้าแล้วไล่เราให้ไปนอน
เอาเป็นว่าจบวันแรกไว้เท่านี้ เดี๋ยวตอนเช้าค่อยมาสำรวจหมู่บ้านกันแบบเต็มที่แล้วกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น