เราอาศัยและเติบโตมากับครอบครัวบุญธรรม (มี 3 คน คือ ลุง,น้าชาย,น้าสาว) (น้าชายกับน้าสาวคือลูกของลุง)
ซึ่งเมื่อตอนเราเด็กๆอายุยังไม่ถึงขวบ ครอบครัวจริงกับครอบบุญธรรมขายของอยู่ใกล้กัน
พ่อกับแม่เราขายของยุ่งๆ ครอบครัวบุญธรรมเห็นเราน่ารักตามประสาเด็กๆ บวกกับครอบครัวของเขาไม่มีลูก จึงรับเรามาเลี้ยง
พ่อกับแม่เห็นว่าเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร (พ่อแม่เรามีลูกหลายคน)
ครอบครัวบุญธรรมเลี้ยงเรามาตั้งแต่เราอายุยังไม่ถึงขวบ กินนอนบ้านเขา ให้เงินไปโรงเรียน ส่งเสียจนจบปริญญาตรี (ครอบครัวจริงช่วยออกด้วย)
ครอบครัวบุญธรรมยังเลี้ยงหลานชายแท้ๆของเขาอีก 1 คน (ลุง -> มีน้องสาว -> มีลูกสาว -> มีลูกชาย)
เลี้ยงมาตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบเหมือนกับเรา ซึ่งหลานชายแท้ๆกับเรา อายุห่างกันประมาณ 2 ปี
ตอนเด็กๆเรากับหลานชายสนิทกัน แต่โตมากลับไม่ถูกกันเนื่องจากว่า แฟนเก่าของหลานชายหึงที่เราสนิทกับหลานชาย
หลานชายก็กลัวแฟน ไม่ค่อยกล้าคุยหรือใกล้ชิดกับเรามาก หลังจากนั้นเรากับหลานชายก็เลยคุยกันน้อยลง
และถึงแม้ว่าหลานชายจะเลิกกับแฟนคนนี้ไปแล้ว แต่เราหลานชายก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย (ไม่คุยกันมาเกิน 5 ปีแล้ว)
และด้วยนิสัยหลายๆอย่างของหลานชายคนนี้ ทำให้เรายิ่งไม่ชอบ เช่น
เห็นคนนอกบ้านดีกว่าคนในบ้าน หวงของกับคนในบ้าน ยืมเงินน้าสาวไปซื้อของ เช่น โน๊ตบุ๊ค กล้อง เกมส์ แล้วก็ให้เงินไม่ครบ
พอน้าสาวน้าชายขอเล่นขอดู หลานชายก็จะไม่ให้ และเอาโน๊ตบุ๊คไปให้น้องแฟนใช้
จะแต่งงานก็โกหกว่าผู้ผญิงท้องและขอเงินที่บ้านไปแต่งงาน ไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในบ้าน
จะซื้อทองให้เมียก็มายืมเงินน้าสาว และบอกว่าจะผ่อนให้ สรุปให้มาแค่ 2,000 แล้วก็ไม่ให้อีกเลย
พอน้าสาวทวงที่เมีย เมียก็ให้ไปทวงที่หลานชาย และหลานชายได้บอกน้าสาวว่าอย่าไปทวงกับเมียเขาอีก เพราะเขาเป็นคนยืม แล้วก็ไม่คืนอยู่ดี
หลานชายติดเงินน้าสาวอยู่หลายหมื่น พอโบนัสออก น้าสาวก็เลยทวง หลานชายบอกว่า ขอเอาเงินไปเที่ยวก่อน แล้วก็ไม่คืนอีกตามเคย เป็นต้น
ครอบครัวบุญธรรมมีฐานะปานกลาง บ้านที่อาศัยและขายของอยู่เป็นบ้านเช่า
แต่ระหว่างนี้ลุงได้ไปซื้อบ้านอาคารพาณิชย์ไว้อีกที่หนึ่งและผ่อนหมดแล้ว
ต่อมาบ้านที่เช่าอยู่นี้เขาจะขายที่ จึงทำให้ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่
ซึ่งหลานชายกับเมีย และน้าสาวได้ไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ก่อนแล้ว ถึงแม้จะขายไม่ดี แต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า
เราเรียนจบและทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่ได้มากมาย แต่ก็ช่วยออกค่าใช้จ่ายในบ้าน (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ของใช้ในบ้าน ฯลฯ)
เรามีแฟนที่คบกันมาเป็น 10 ปีแล้ว (ตั้งแต่มัธยมปลาย) ที่บ้านรับรู้และแฟนเราสนิทกับที่บ้านมาก มีแพลนว่าจะแต่งงานในเร็วๆนี้
แฟนอยากซื้อบ้านหลังเล็กๆเพื่อแยกครอบครัว แต่เราเป็นห่วงครอบครัวบุญธรรม เนื่องจากทั้งลุงอายุ 80+ น้าสาวน้าชาย 50+
เป็นห่วงทั้งเรื่องกลัวไม่มีคนดูแลและกลัวว่าจะไม่มีใครออกค่าใช้จ่ายในบ้าน พอที่บ้านรู้ว่าจะไปซื้อบ้านเขาก็ไม่อยากให้แยกครอบครัว
เราเป็นห่วงที่บ้านนะ แต่ก็ต้องห่วงตัวเองด้วย เพราะเงินเดือนให้ที่บ้านหมด
ถ้าวันนึงทุกคนไม่อยู่กันแล้ว เหลือแค่เรากับหลานชายแท้ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันตายหรอ (เราไม่ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรม)
ครอบครัวบุญธรรมจึงเพิ่มชื่อเราเข้าไปในโฉนดที่ดินเพื่อให้มั่นใจว่าถ้าเขาไม่อยู่กันแล้ว บ้านนี้เขาจะให้เรา (ราคาบ้านตอนนี้ประมาณ 5 ล้าน)
โดยมีข้อตกลงกันว่าเราต้องซ่อมแซมบ้านและออกค่าใช้จ่ายในบ้าน เราก็ตกลงตามนั้น
แต่มาคิดๆดูแล้ว เหมือนกับว่าเราต้องมาทำบ้านให้หลานชายเขาอยู่ ค่าใช้จ่ายก็ต้องออก
แล้วอยู่บ้านเดียวกันเดี๋ยวมันก็ต้องมีเรื่องอะไรให้อึดอัดให้รำคาญใจกันอีก
เราควรจะทำยังไงดีคะ
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็คงไม่ได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่บ้านเพราะต้องผ่อนบ้าน
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็เป็นห่วงกลัวว่าที่บ้านจะเหงา เพราะเราอยู่บ้านตลอด ไม่เคยไปอยู่หอ หรือไปไหนนานๆ
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว เราก็รู้สึกเหงาด้วย ถ้าไม่ได้เจอทุกๆคนเหมือนเดิม
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็กลัวจะกลายเป็นคนอกตัญญู ที่ไม่ดูแลคนที่เลี้ยงเรามา
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม เราอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม แฟนเราก็คงอึดอัดด้วย (แฟนตามใจเรา ถ้าจะให้ผู้ชายแต่งเข้า บ้านแฟนอยู่ ตจว. เช่าหอพักอยู่ กทม.)
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม คิดว่าต้องมีปัญหากับหลานชายแท้ๆแน่ๆ ยิ่งถ้าต่างคนต่างมีลูก หรือวันที่ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ไม่อยู่กันแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งเครียด ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ
ถ้าเราอยู่กับครอบครัวบุญธรรม และไม่ถูกกับหลานชายแท้ๆของเขา แต่งงานแล้วควรแยกบ้านดีไหม
ซึ่งเมื่อตอนเราเด็กๆอายุยังไม่ถึงขวบ ครอบครัวจริงกับครอบบุญธรรมขายของอยู่ใกล้กัน
พ่อกับแม่เราขายของยุ่งๆ ครอบครัวบุญธรรมเห็นเราน่ารักตามประสาเด็กๆ บวกกับครอบครัวของเขาไม่มีลูก จึงรับเรามาเลี้ยง
พ่อกับแม่เห็นว่าเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร (พ่อแม่เรามีลูกหลายคน)
ครอบครัวบุญธรรมเลี้ยงเรามาตั้งแต่เราอายุยังไม่ถึงขวบ กินนอนบ้านเขา ให้เงินไปโรงเรียน ส่งเสียจนจบปริญญาตรี (ครอบครัวจริงช่วยออกด้วย)
ครอบครัวบุญธรรมยังเลี้ยงหลานชายแท้ๆของเขาอีก 1 คน (ลุง -> มีน้องสาว -> มีลูกสาว -> มีลูกชาย)
เลี้ยงมาตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบเหมือนกับเรา ซึ่งหลานชายแท้ๆกับเรา อายุห่างกันประมาณ 2 ปี
ตอนเด็กๆเรากับหลานชายสนิทกัน แต่โตมากลับไม่ถูกกันเนื่องจากว่า แฟนเก่าของหลานชายหึงที่เราสนิทกับหลานชาย
หลานชายก็กลัวแฟน ไม่ค่อยกล้าคุยหรือใกล้ชิดกับเรามาก หลังจากนั้นเรากับหลานชายก็เลยคุยกันน้อยลง
และถึงแม้ว่าหลานชายจะเลิกกับแฟนคนนี้ไปแล้ว แต่เราหลานชายก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย (ไม่คุยกันมาเกิน 5 ปีแล้ว)
และด้วยนิสัยหลายๆอย่างของหลานชายคนนี้ ทำให้เรายิ่งไม่ชอบ เช่น
เห็นคนนอกบ้านดีกว่าคนในบ้าน หวงของกับคนในบ้าน ยืมเงินน้าสาวไปซื้อของ เช่น โน๊ตบุ๊ค กล้อง เกมส์ แล้วก็ให้เงินไม่ครบ
พอน้าสาวน้าชายขอเล่นขอดู หลานชายก็จะไม่ให้ และเอาโน๊ตบุ๊คไปให้น้องแฟนใช้
จะแต่งงานก็โกหกว่าผู้ผญิงท้องและขอเงินที่บ้านไปแต่งงาน ไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในบ้าน
จะซื้อทองให้เมียก็มายืมเงินน้าสาว และบอกว่าจะผ่อนให้ สรุปให้มาแค่ 2,000 แล้วก็ไม่ให้อีกเลย
พอน้าสาวทวงที่เมีย เมียก็ให้ไปทวงที่หลานชาย และหลานชายได้บอกน้าสาวว่าอย่าไปทวงกับเมียเขาอีก เพราะเขาเป็นคนยืม แล้วก็ไม่คืนอยู่ดี
หลานชายติดเงินน้าสาวอยู่หลายหมื่น พอโบนัสออก น้าสาวก็เลยทวง หลานชายบอกว่า ขอเอาเงินไปเที่ยวก่อน แล้วก็ไม่คืนอีกตามเคย เป็นต้น
ครอบครัวบุญธรรมมีฐานะปานกลาง บ้านที่อาศัยและขายของอยู่เป็นบ้านเช่า
แต่ระหว่างนี้ลุงได้ไปซื้อบ้านอาคารพาณิชย์ไว้อีกที่หนึ่งและผ่อนหมดแล้ว
ต่อมาบ้านที่เช่าอยู่นี้เขาจะขายที่ จึงทำให้ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่
ซึ่งหลานชายกับเมีย และน้าสาวได้ไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ก่อนแล้ว ถึงแม้จะขายไม่ดี แต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า
เราเรียนจบและทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่ได้มากมาย แต่ก็ช่วยออกค่าใช้จ่ายในบ้าน (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ของใช้ในบ้าน ฯลฯ)
เรามีแฟนที่คบกันมาเป็น 10 ปีแล้ว (ตั้งแต่มัธยมปลาย) ที่บ้านรับรู้และแฟนเราสนิทกับที่บ้านมาก มีแพลนว่าจะแต่งงานในเร็วๆนี้
แฟนอยากซื้อบ้านหลังเล็กๆเพื่อแยกครอบครัว แต่เราเป็นห่วงครอบครัวบุญธรรม เนื่องจากทั้งลุงอายุ 80+ น้าสาวน้าชาย 50+
เป็นห่วงทั้งเรื่องกลัวไม่มีคนดูแลและกลัวว่าจะไม่มีใครออกค่าใช้จ่ายในบ้าน พอที่บ้านรู้ว่าจะไปซื้อบ้านเขาก็ไม่อยากให้แยกครอบครัว
เราเป็นห่วงที่บ้านนะ แต่ก็ต้องห่วงตัวเองด้วย เพราะเงินเดือนให้ที่บ้านหมด
ถ้าวันนึงทุกคนไม่อยู่กันแล้ว เหลือแค่เรากับหลานชายแท้ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันตายหรอ (เราไม่ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรม)
ครอบครัวบุญธรรมจึงเพิ่มชื่อเราเข้าไปในโฉนดที่ดินเพื่อให้มั่นใจว่าถ้าเขาไม่อยู่กันแล้ว บ้านนี้เขาจะให้เรา (ราคาบ้านตอนนี้ประมาณ 5 ล้าน)
โดยมีข้อตกลงกันว่าเราต้องซ่อมแซมบ้านและออกค่าใช้จ่ายในบ้าน เราก็ตกลงตามนั้น
แต่มาคิดๆดูแล้ว เหมือนกับว่าเราต้องมาทำบ้านให้หลานชายเขาอยู่ ค่าใช้จ่ายก็ต้องออก
แล้วอยู่บ้านเดียวกันเดี๋ยวมันก็ต้องมีเรื่องอะไรให้อึดอัดให้รำคาญใจกันอีก
เราควรจะทำยังไงดีคะ
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็คงไม่ได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่บ้านเพราะต้องผ่อนบ้าน
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็เป็นห่วงกลัวว่าที่บ้านจะเหงา เพราะเราอยู่บ้านตลอด ไม่เคยไปอยู่หอ หรือไปไหนนานๆ
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว เราก็รู้สึกเหงาด้วย ถ้าไม่ได้เจอทุกๆคนเหมือนเดิม
ถ้าซื้อบ้านแยกครอบครัว ก็กลัวจะกลายเป็นคนอกตัญญู ที่ไม่ดูแลคนที่เลี้ยงเรามา
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม เราอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม แฟนเราก็คงอึดอัดด้วย (แฟนตามใจเรา ถ้าจะให้ผู้ชายแต่งเข้า บ้านแฟนอยู่ ตจว. เช่าหอพักอยู่ กทม.)
ถ้าอยู่กับครอบครัวบุญธรรม คิดว่าต้องมีปัญหากับหลานชายแท้ๆแน่ๆ ยิ่งถ้าต่างคนต่างมีลูก หรือวันที่ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ไม่อยู่กันแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งเครียด ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ