จะผิดมากไหมที่ไม่อยากให้เงินพ่อแม่

กระทู้คำถาม
พ่อแม่แท้ๆ ยกเราให้เป็นลูกบุญธรรมของอา (น้องสาวพ่อ) และสามีของอา โดยอาเขยรับเราเป็นลูกบุญธรรม
ส่วนพ่อแม่ก็มีน้องชายอีกคนนึง อยู่กันไม่นานต่างก็แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนน้องชายปู่กับย่ารับไปเลี้ยงดู
เราก็เป็นลูกคนเดียวของอาซึ่งเราเรียกเค้าว่าแม่และเรียกอาเขยว่าพ่อ เรามารู้ว่าเค้าไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง
ตอนเราสอบเข้าเรียนมัธยม 1 เพราะในทะเบียนบ้านชื่อพ่อกับแม่ที่แท้จริงของเราไม่เหมือนกับพ่อแม่บุญธรรม
แต่เราก็ไม่ได้เสียใจอะไรและก็รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเค้ามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ไม่รู้สึกผูกพันธ์เพราะเค้าไม่ได้เลี้ยงดูเรา
ตั้งแต่จำความได้เรารู้สึกว่าทำไมแม่บุญธรรมชอบทุบตี ด่า บังคับ ขู่ ให้เรากลัว จริงอยู่เค้าให้การศึกษา ให้เสื้อผ้าอาหาร
พาไปหาหมอ คือการดูแลขั้นพิ้นฐานเค้ามีให้จริง แต่เค้ากลับห้ามเราทำในสิ่งที่จะส่งเสริมการพัฒนาการของเด็ก
เช่น เค้าไม่ชอบให้เราร้องรำทำเพลง (แต่เราชอบมากๆ เป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ชอบแสดงออกที่โรงเรียน)
ไม่ให้เราคบเพื่อนข้างบ้านที่มาชวนไปเล่นตามประสาเด็ก ถ้าเค้าเห็นเราไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้านเค้าจะตีอย่างรุนแรง
วิธีการตีของเค้าก็ไม่ใช่ให้ยืนกอดอกแล้วใช้ไม้เรียวตีก้นหรือตีมือหรือทำโทษด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อสั่งสอน แต่เค้าจะใช้
ไม้หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่เลือกเช่น เข็มขัด ไม้แขวนเสื้อ ไม้กวาดด้ามยาว ไม้ขนไก่ สายยาง สันมีด กระทะ ช้อน ไม้พาย ก้านมะยม
หรือแม้กระทั่งตบปากจนเจ่อบวม ผลักเราล้มขึ้นคร่อมตบเราแบบในหนังก็เคย ถ้าเราเถียงเค้า
เมื่อได้อาวุธพร้อมแล้วก็จะตีไม่ยั้ง ไม่เลือกที่ตามร่างกาย แขน ขา หลัง หรือกระทั่งหัว เธอก็ฟาดไม่ยั้งจนกว่าเธอจะสะใจ
ไม่เคยพาเราไปเรียนว่ายน้ำทั้งๆ ที่เด็กและพ่อแม่ของเพื่อนบ้านเคยมาชวนหลายครั้ง สาเหตุที่ไม่อยากให้เรามีเพื่อนข้างบ้าน
เพราะแม่บุญธรรมไม่ถูกกับแม่ของเด็กคนหนึ่งในนั้น วันไหนเราทำดินสอ ยางลบ ถุงเท้านักเรียน หรือเงินหนึ่งบาทหล่นหาย
วันนั้นเราเตรียมเจ็บตัวได้เลย เวลาทำการบ้านอันไหนไม่เข้าใจเราไปถามเค้าก็ไม่เคยสอน เค้าสอนไม่ได้หรอกค่ะเพราะเค้าไม่มีความรู้
จบแค่ประถมสี่จากภาคอีสาน เราก็จะรอพ่อบุญธรรมกลับบ้านตอนสามทุ่มเพื่อที่จะถามการบ้าน พ่อบุญธรรมเราใจดีค่ะไม่เคยตีเลย
แกใจบุญสุนทานแต่เสียอย่างเดียวที่แกติดเล่นหวยการพนันเท่านั้น แล้วแกก็ทำงานเป็นช่างธรรมดาเงินเดือนน้อยซึ่งแม่บุญธรรม
ต้องการเงินเดือนจากแกมาเก็บไว้และบริหารเงินเอง ซึ่งพ่อบุญธรรมไม่ยอมแต่จะรับผิดชอบเรื่องค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ เสื้อผ้าของเรา
ในส่วนของแม่บุญธรรมอาจจะไม่ได้ให้ทุกเดือน ทำให้แม่บุญธรรมหาเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะเธออยากจะซื้อโน่นนี่สร้างความมั่งมี
แต่เธอก็ดีตรงที่มีความขยัน อดทน และมีฝีมือในการทำอาหารและเก่งในเรื่องค้าขาย จนเธอมีเงินซื้อที่ดินและปลูกบ้านหลังเล็กๆ ในกรุงเทพ
ตรงนี้ยิ่งทำให้เธอคิดว่าเธอเป็นใหญ่กว่าสามี สามีและเราเป็นเหมือนผู้อาศัย ทุกคนต้องเชื่อฟังและยอมให้เธอกดขี่ข่มเหง กว่าเราจะโตจน
เรียนจบชั้นปวช.เราจำไม่ได้แล้วว่าทะเลาะกับแม่บุญธรรมและโดนตบตีมากี่ครั้งกี่หน พอเราเรียนจบได้ไม่ถึงเดือนเราอยากเรียนต่อปวส.
เธอบอกว่าพอแล้วเรียนไปก็เปลืองให้ไปทำงานแล้วช่วยผ่อนหนี้ธนาคารที่เธอไปกู้มาเพื่อทำบ้านให้คนเช่า เธอไปถามงานจากครูคนหนึ่ง
ที่เธอนับถือและยืมเงินเสียดอกเบี้ยบ่อยๆ ครูก็หางานให้เป็นงานเสมียนบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง เราก็ทำงานได้เงืนเดือนไม่เยอะ พอเงินเดือนออก
เราก็ให้เงินแม่บุญธรรมทุกเดือนๆ ละ 1,500 บาท แต่ดีตรงที่เจ้านายเป็นคนไทยจีนเค้าจะขึ้นเงินเดือนให้ตามความสามารถทุกๆ และมีแต๊ะเอียโบนัส
ให้ตอนตรุษจีน เราก็เลยทำงานไปเรื่อยๆ หลายปีเงินเดือนก็ค่อยๆ ดีขึ้น เราให้แม่บุญธรรมมากขึ้นเดือนละ 3,000 จนส่งหนี้ธนาคารหมด
จะมีแค่ช่วงที่เราย้ายออกมาอยู่อพาร์ตเม้นท์คนเดียวเราก็จะไม่ให้ เพราะเงินเดือนก็ต้องจ่ายค่าอพาร์ตเม้นท์ ค่ากิน ค่ารถ ก็หมดแล้ว
เงินจากค่าเช่าบ้านเค้าก็ไม่เคยแบ่งให้เราเก็บคนเดียวหมด เหมือนจะเลี้ยงเรามาเพื่อเรียกทุนคืนเลย
เมื่อหายโกรธแล้วก็ย้ายกลับเข้าไปอยู่บ้านแม่บุญธรรมอีก แล้วก็ให้เงินแกทุกเดือนไม่เคยขาด ส่วนพ่อบุญธรรมก็ออกจากงานที่ทำแล้ว
เกษียณตัวเองไปอยู่กับพี่สาว ไม่อยู่กับแม่บุญธรรมเพราะทนทะเลาะกันบ่อยๆ ไม่ไหว สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการไม่ยอมกันและเรื่องเงินค่าหวย
พ่อบุญธรรมก็ป่วยเป็นมะเร็งผ่าตัดมาสองครั้งแล้ว เราก็ส่งเงินให้ทุกเดือนๆ ละ 5,000 ตั้งแต่อายุ 17 จนตอนนี้ 42 แล้ว
ส่วนแม่บุญธรรมเราเพิ่งเลิกส่งให้เพราะทะเลาะกันรุนแรงตั้งแต่ปี 2551 เพราะเค้ากินเหล้ายาดองเมาแล้วหาเรื่องเรา เรื่องค่าผ่าตัดของพ่อบุญธรรม
และพาลเลยเถิดมาด่าเราเรื่องที่เราเลิกกับแฟนฝรั่งคนแรก แกไม่มีเหตุผลอะไรซะเลย ไม่เคยมีความรักหรือความหวังดีให้เราสักนิด
มีแต่จะอยากได้เงินจากเราไปส่งค่าแชร์ ซื้อของเพื่อมาขายทำธุรกิจของเค้าทั้งนั้น จนเรามาแต่งงานกับสามีฝรั่งเมื่อหกปีที่แล้วย้ายมาอยู่ต่างประเทศ
แม่บุญธรรมรู้ก็อยากได้เงินจากเรา แต่ติดต่อเราไม่ได้ก็เลยใช้วิธีด่าฝากมากับน้าและลูกของน้า ว่าเราอกตัญญูงั้นงี้ ไม่นึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน
อีกทั้งพ่อเราแท้ๆ ก็เลิกกับเมียใหม่มาอาศัยอยู่กับแม่บุญธรรม แกก็ขับแท๊กซี่หาเลี้ยงตัวเองไป นี่ก็เปรยๆ น้อยใจว่าเราไม่มาดูดำดูดี เค้าอยากให้เรา
ผ่อนแท็กซี่ให้เค้าเป็นส่วนตัวจะได้ไม่ต้องไปเสียค่าเช่าอีก รถแท๊กซี่โตโยต้า อัลติส ราคาเก้าแสนกว่าบาท เราคงไม่มีปัญญาซื้อให้พ่อหรอกนะ
เพราะเรากับสามีก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร สามีทำงานคนเดียวเรายังเรียนภาษาไม่จบ ถึงได้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ก็แค่พอส่งให้แกนิดหน่อย ปี 2013
เราส่งให้สองหมื่น แต่ปีที่แล้วไม่ได้ส่งเพราะเราก็ต้องเก็บไว้ใช้เหมือนกัน เราส่งให้แต่พ่อบุญธรรมคนเดียวเท่านั้น ทีนี้ปีที่แล้วแม่จริงๆ ของเรา
ก็ขอมาอาศัยอยู่กับแม่บุญธรรมของเรา ทุกคนพากันตกใจเพราะนึกไม่ถึงว่าแม่เราจะมาขออยู่ด้วย เพราะแกไปนานมากเกือบสามสิบปีแล้ว
แม่เราบอกว่าเห็นเราได้สามีฝรั่งคิดว่าจะมาขอให้เราเลี้ยงดูแกบ้าง แกเลิกกับสามีใหม่นานหลายสิบปีแล่ว ลูกชายแกก็ไม่ได้เรื่องตอนนี้กำลังลำบาก
ไม่มีเงินเลย เมื่อก่อนทำงานเป็นพนักงานโรงงานแต่ก็เกษียนมานานแล้ว ไปทำความสะอาดก็ได้แค่เดือนละหกพัน ปวดขาเดินไม่ค่อยจะไหว
น้าเรามาเล่าให้ฟังเรางี้เครียดเลยปรึกษากับสามี สามีบอกว่าเค้าไม่เคยเลี้ยงดูเธอแล้วเธอจะไปเลี้ยงดูพวกเค้าทำไม มันไม่ใช่ความผิดของเธอ
มันเป็นความผิดของพวกเค้าเองที่ไม่รู้จักเก็บเงินทองเอาไว้กินใช้ยามแก่ คือสามีเราเป็นฝรั่งเค้าไม่เข้าใจหรอกว่าคนไทยต้องเลี้ยงดูพ่อแม่
ขนาดพ่อบุญธรรมเรายังต้องอธิบายตั้งนานให้แกเข้าใจว่า ว่าพ่อบุญธรรมเราป่วยนะทำงานไม่ได้ คนแก่ก็ต้องใช้เงินกินข้าว ทำบุญ ไหนจะเลี้ยงแมวอีก
แกถึงได้ยอมให้เราส่งเงินให้พ่อแม่ เราก็เลยส่งให้แม่สองพันบาทแล้วก็ไม่ได้ส่งให้อีก จนแม่เราทะเลาะกับแม่บุญธรรมก็เลยย้ายของออกไปแล้ว
ทีนี้เราอยากจัดงานแต่งงานตามประเพณีที่ไทย แต่ไม่อยากจัดแบบใหญ่โตอะไร ไม่ต้องมีแห่ขบวนขันหมาก
หรือนับสินสอด แค่ทำบุญเลี้ยงพระกินเลี้ยงกันในหมู่ญาติพี่น้องกันแค่ไม่กี่คน เราก็กลุ้มใจอีกละเพราะทั้งพ่อแม่บุญธรรมและพ่อแม่จริงๆ
ต่างก็ต้องการเงินจากเราทั้งนั้นโดยเฉพาะค่าสินสอดที่เป็นไฮไลท์ กลัวเค้าจะมาทำหน้าบึ้งตึงที่ไม่มีสินสอดมาไหว้เค้าในวันมงคลของเรา
หรืออาจจะไม่ทำบึ้งตึงวันงานแต่จะก็จะมาเลียบเคียงถามเรื่องเงินที่เค้าอยากให้เราเลี้ยงดูอีก คิดไม่ตกตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำพิธีหรือไม่ต้องทำ
เพราะจดทะเบียนกับสามีมานานหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน อยากทำอะไรให้มันถูกต้องเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต
และแค่อยากให้พ่อแม่ทุกคนและญาติพี่น้องมีความสุขร่วมกันกับเราเท่านั้นเอง แต่กลัวว่าเมื่อจัดไปแล้วปัญหาทั้งหลายแหล่จะตามมาอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่