ออกตัวก่อนว่าตั้งกระทู้มาเพื่อโปรโมทซีรีส์ค่ะ เห็นในพันทิปไม่ค่อยมีคนพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่
ยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ดูทีเซอร์ของซีรีส์เรื่องนี้แอบคิดเหมือนชื่อหัวกระทู้ว่าน่าจะเน้นแค่เรื่องเที่ยว ความรักของพระนาง และไม่น่ามีอะไรให้ติดตามมากนอกจากฉากสวยๆ ในฝรั่งเศสกับความหล่อสวยของพระเอกนางเอก
แต่ด้วยความที่ยงฮวากลับมาเล่นละครในรอบหลายปี เลยอดไม่ได้ที่จะต้องกดเข้าไปดูก่อนว่าเป็นยังไง จะเทหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วพบว่าซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรให้ตามมากกว่าที่ตัวเองคิดเยอะ
นอกจากฉากสวยๆ ของฝรั่งเศสที่ให้ดูเพลินตาสมความคาดหวังแล้ว
อย่างแรกที่ประทับใจในซีรีส์เรื่องนี้คือทีมงานหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมาดีมาก
และใส่เข้ามาในบทละครได้อย่างแนบเนียน เหมือนเราได้ไปเที่ยวกับตัวละครต่างๆจริง
ชวนให้นึกถึงละครเรื่องรัตนาวดีของบ้านเราเมื่อเร็วๆนี้ แต่ The Package ทำได้ลื่นไหลกว่า
(แต่รัตนาวดีมีข้อจำกัดทั้งด้านการถ่ายทำและสถานที่หลายแห่งไม่สามารถเข้าไปทำได้ ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้รัตนาวดีเพอร์เฟคต์มากในสายตาเราแล้วค่ะ)
ในฐานะคนที่ชอบนิยายและละครแนวนำเที่ยวอยู่แล้ว The Package จึงสอบผ่านความคาดหวังแรกของตัวเองได้
สิ่งที่คาดไม่ถึงต่อมาคือความ 'comedy' ที่แทรกมาในบทละคร(เกือบ)ตลอด
เพราะเป็นซีรีส์ที่เล่นปมอะไรไม่ได้มาก การมีมุกตลกแทรกลงมาจึงทำให้ตัวซีรีส์น่าสนใจมากขึ้น
แม้แต่ตอนที่กำลังจะซึ้ง คนเขียนบทก็ดันใส่ฉากฮามาให้ซะงั้น
และตัวเองก็คาดไม่ถึงว่านักแสดงจะเล่นฉาก comedy ได้ตลกเบอร์นี้
อาจดูเล่นใหญ่ไปนิดในบางฉาก แต่ความใหญ่ก็ทำให้เราหัวเราะก๊ากอยู่หน้าจอ และติด hashtag #ThePackageเป็นละครตลก ให้ได้ไม่ยากเย็น
สิ่งสุดท้ายที่ไม่คาดหวังเท่าไหร่ แต่กลับทำให้ประทับใจมากๆ คือการส่อง 'ชีวิต' ของตัวละครแต่ละตัว (และคู่)
ตอนอ่านเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้บอกแค่ว่าเป็นการรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน 7 คน ซึ่งจะเกิดความผูกพันระหว่างการเดินทาง แต่ในระหว่างการเดินทางในแต่ละตอน เราได้เห็นการปูพื้นหลัง และเหตุผลการกระทำของตัวละครแต่ละคน ซึ่งทำให้เข้าใจที่มาของการกระทำ (ที่อาจดูไม่เข้าท่า) ของแต่ละคนได้
คนเขียนบทค่อยๆเล่าปัญหาต่างๆที่เราอาจพบเจอในชีวิตผ่านตัวละครแต่ละตัวอย่างช้าๆ
เราเห็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างงาน/ความก้าวหน้ากับความรัก
เห็นพื้นหลังของ "การใช้ชิวิตคู่อันยาวนาน" หรือ "การรักษาความสัมพันธ์"
จนกระทั่งแม้เรื่องของโรคซึมเศร้า ซึ่งคนเขียนบทลากไปถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
(และแน่นอนว่าทำให้ตัวเองเสียน้ำตาไปตั้งแต่ตอนที่ 3
ชอบการที่เอาประวัติของ Van Gosh มาโยงเข้าบทสนทนาและความคิดของตัวละครแต่ละตัวมากๆ ทั้งฉากที่พระเอกนางเอกคุยกัน หรือความคิดของคุณป้า)
ซึ่งส่วนตัวแล้วเชื่อว่ายังมีเรื่องที่คนเขียนบทน่าจะใส่มาอีกหลายเรื่อง ซึ่งน่าจะมีเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่ๆละหนึ่ง
ภายใต้เสียงหัวเราะ (และน้ำตาในบางครั้ง) ทำให้เราได้คิดอะไรหลายๆอย่าง และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมถึงชอบซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่ฉายได้ไม่กี่ตอนแล้ว
แต่ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีบทที่ลุ้นหวือหวา แต่เป็นการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครซะส่วนใหญ่ (ขนาดตัวละครลับยังเฉลยตั้งแต่ตอนที่ 4 เลยว่าเป็นใคร)
เลยอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องมันช้า(มาก) และบทอาจไม่มีอะไรมาก
แต่หากใครสนใจอยากลองมาดูซีรีส์สาย slow life กับฉากสวยๆ ที่มีเสียงหัวเราะแทรก(เกือบตลอดเวลา)แล้ว
คิดว่า The Package น่าจะเป็นอีกซีรีส์นึงในช่วงเวลานี้ที่น่าลองนะคะ
"The Package" ซีรีส์ที่เหมือนจะมีอะไรมากกว่าการท่องเที่ยวและความรัก
ยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ดูทีเซอร์ของซีรีส์เรื่องนี้แอบคิดเหมือนชื่อหัวกระทู้ว่าน่าจะเน้นแค่เรื่องเที่ยว ความรักของพระนาง และไม่น่ามีอะไรให้ติดตามมากนอกจากฉากสวยๆ ในฝรั่งเศสกับความหล่อสวยของพระเอกนางเอก
แต่ด้วยความที่ยงฮวากลับมาเล่นละครในรอบหลายปี เลยอดไม่ได้ที่จะต้องกดเข้าไปดูก่อนว่าเป็นยังไง จะเทหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วพบว่าซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรให้ตามมากกว่าที่ตัวเองคิดเยอะ
นอกจากฉากสวยๆ ของฝรั่งเศสที่ให้ดูเพลินตาสมความคาดหวังแล้ว
อย่างแรกที่ประทับใจในซีรีส์เรื่องนี้คือทีมงานหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมาดีมาก
และใส่เข้ามาในบทละครได้อย่างแนบเนียน เหมือนเราได้ไปเที่ยวกับตัวละครต่างๆจริง
ชวนให้นึกถึงละครเรื่องรัตนาวดีของบ้านเราเมื่อเร็วๆนี้ แต่ The Package ทำได้ลื่นไหลกว่า
(แต่รัตนาวดีมีข้อจำกัดทั้งด้านการถ่ายทำและสถานที่หลายแห่งไม่สามารถเข้าไปทำได้ ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้รัตนาวดีเพอร์เฟคต์มากในสายตาเราแล้วค่ะ)
ในฐานะคนที่ชอบนิยายและละครแนวนำเที่ยวอยู่แล้ว The Package จึงสอบผ่านความคาดหวังแรกของตัวเองได้
สิ่งที่คาดไม่ถึงต่อมาคือความ 'comedy' ที่แทรกมาในบทละคร(เกือบ)ตลอด
เพราะเป็นซีรีส์ที่เล่นปมอะไรไม่ได้มาก การมีมุกตลกแทรกลงมาจึงทำให้ตัวซีรีส์น่าสนใจมากขึ้น
แม้แต่ตอนที่กำลังจะซึ้ง คนเขียนบทก็ดันใส่ฉากฮามาให้ซะงั้น
และตัวเองก็คาดไม่ถึงว่านักแสดงจะเล่นฉาก comedy ได้ตลกเบอร์นี้
อาจดูเล่นใหญ่ไปนิดในบางฉาก แต่ความใหญ่ก็ทำให้เราหัวเราะก๊ากอยู่หน้าจอ และติด hashtag #ThePackageเป็นละครตลก ให้ได้ไม่ยากเย็น
สิ่งสุดท้ายที่ไม่คาดหวังเท่าไหร่ แต่กลับทำให้ประทับใจมากๆ คือการส่อง 'ชีวิต' ของตัวละครแต่ละตัว (และคู่)
ตอนอ่านเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้บอกแค่ว่าเป็นการรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน 7 คน ซึ่งจะเกิดความผูกพันระหว่างการเดินทาง แต่ในระหว่างการเดินทางในแต่ละตอน เราได้เห็นการปูพื้นหลัง และเหตุผลการกระทำของตัวละครแต่ละคน ซึ่งทำให้เข้าใจที่มาของการกระทำ (ที่อาจดูไม่เข้าท่า) ของแต่ละคนได้
คนเขียนบทค่อยๆเล่าปัญหาต่างๆที่เราอาจพบเจอในชีวิตผ่านตัวละครแต่ละตัวอย่างช้าๆ
เราเห็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างงาน/ความก้าวหน้ากับความรัก
เห็นพื้นหลังของ "การใช้ชิวิตคู่อันยาวนาน" หรือ "การรักษาความสัมพันธ์"
จนกระทั่งแม้เรื่องของโรคซึมเศร้า ซึ่งคนเขียนบทลากไปถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
(และแน่นอนว่าทำให้ตัวเองเสียน้ำตาไปตั้งแต่ตอนที่ 3 ชอบการที่เอาประวัติของ Van Gosh มาโยงเข้าบทสนทนาและความคิดของตัวละครแต่ละตัวมากๆ ทั้งฉากที่พระเอกนางเอกคุยกัน หรือความคิดของคุณป้า)
ซึ่งส่วนตัวแล้วเชื่อว่ายังมีเรื่องที่คนเขียนบทน่าจะใส่มาอีกหลายเรื่อง ซึ่งน่าจะมีเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่ๆละหนึ่ง
ภายใต้เสียงหัวเราะ (และน้ำตาในบางครั้ง) ทำให้เราได้คิดอะไรหลายๆอย่าง และนี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมถึงชอบซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่ฉายได้ไม่กี่ตอนแล้ว
แต่ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีบทที่ลุ้นหวือหวา แต่เป็นการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครซะส่วนใหญ่ (ขนาดตัวละครลับยังเฉลยตั้งแต่ตอนที่ 4 เลยว่าเป็นใคร)
เลยอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องมันช้า(มาก) และบทอาจไม่มีอะไรมาก
แต่หากใครสนใจอยากลองมาดูซีรีส์สาย slow life กับฉากสวยๆ ที่มีเสียงหัวเราะแทรก(เกือบตลอดเวลา)แล้ว
คิดว่า The Package น่าจะเป็นอีกซีรีส์นึงในช่วงเวลานี้ที่น่าลองนะคะ