สวัสดีทุกคนที่หลงกดเข้ามาอ่านนะคะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การนอนโรงบาลครั้งแรกในชีวิต5555 ก่อนอื่นต้องขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า"เรา" ทุกคนคงพอทราบมาแล้วว่าโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียหรือโรคซีดเป็นยังไง คือตอนนี้เราอายุ 18 ปี เป็นธาลัสซีเมีย ได้รับการรักษาตอนปี 2553 (ป.5) ตอนนั้นตัวซีดมาก ครูเลยแนะนำไปเจาะเลือดดู เพราะซีดมากจริงๆ เราไปโรงบาลเพื่อตรวจผลเลือด คือลุ้นมาก ภาวนาอย่าให้ตัวเองเป็น แต่ผลเลือดที่ตรวจปรากฏว่าเป็นธาลัสซีเมีย
หมอบอกว่าไม่ถึงขั้นรุนแรงขนาดเข้าเลือดหรอก (เฮ้อ ! โล่งใจขึ้น) โดยหมอให้ยามา 2 อย่างคือ FOLIC ACID และ MULTI VITAMINS กินช่วงเช้า-เย็น ตลอด3เดือน ซึ่งทุกๆ 3 เดือนต้องไปตามที่หมอนัดเพื่อเจาะเลือดดูผลเลือด ช่วงนั้นคือเรายังเด็กๆ ไม่ค่อยสนใจอะไรมาก (ป.6-ม.1-ม.2) ก็คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก ยาที่หมอให้มาก็กินบ้าง ไม่กินบ้าง จนขาดยาเป็นเดือนๆ ปีๆ ไปหาหมอบ้าง ไม่ไปบ้าง หมอนัดก็เบี้ยวบ้าง เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่เป็นไรหรอก รู้สึกว่าไม่เหนื่อยด้วยซ้ำ รู้สึกดีที่เลิกกินยา (หลอกตัวเอง) ตอนนั้นรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นโรค เกิดคำถามในใจมาตลอดทำไมต้องมาเป็นโรคบ้านี้ด้วย โทษนู่นนี่นั่นตลอด ทั้งที่มันก็เป็นโรคไม่รุนแรงมาก ถ้าเราได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หมอจะแนะนำให้งดกินธาตุเหล็ก งดกินพวกตับ แต่พอไปหาหมออีกคนก็บอกกินได้ทุกอย่างเพราะร่างกายคนเราต้องการสารอาหารเพื่อไปบำรุงส่วนต่างๆของร่างกาย เอิ่ม..เราก็งง ทำไมพูดไม่เหมือนกัน จะเชื่อใคร? (ไปพบหมอแต่ละครั้งครั้งไม่เคยเจอหมอคนเดิมเลย) เวลาผ่านไปเป็นปีๆ เราก็ยังทำพฤติกรรมเดิมๆ อยากกินยาตอนไหนก็กิน อยากไปหาหมอตอนไหนก็ไป แต่ทุกๆวันช่วงนั้นคือจะเหนื่อย ง่วงเพลียตาจะปิดทำการบ้านอ่านหนังสือไม่ได้เลย มันง่วงตลอด เรียนก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ก็ไม่นอนดึก ก็นอนมาตลอดทั้งคืนแล้ว พูดง่ายๆมันไม่ค่อยสดชื่น ออกกำลังกายยังเหนื่อย เดินเฉยๆยังเหนื่อย
จนกระทั่งเราอยู่ ม.6 เมื่อวันที่ 6 ก.ย 2560 เราไปเจาะเลือด รับยาเหมือนเดิม กลับมาบ้านก็กินยาตลอด ผ่านไป2วัน เราเป็นไข้ กินข้าวกินน้ำไม่ได้ อ้วกตลอด แค่จิบน้ำยังอ้วก ปวดเมื่อยไปทั้งตัวลุกไม่ได้ เจ็บกระดูก เจ็บตรงข้อ(น่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่) เป็นมาตลอด3วัน เลยไปฉีดยาแก้ปวด ที่คลินิก 2 เข็มก็ดีขึ้น แต่ยังกินไรไม่ได้เหมือนเดิม (ยาที่หมอให้มาก็ไม่ได้กิน) ไข้ขึ้นสูง ข้าว น้ำ ยาไม่ได้กิน บวกกับไอต่อเนื่องไม่หยุด ไปฉีดยาอีกเข็มนึง ค่อยยังชั่ว กินไรได้แต่ไม่มากแค่พอได้กินยาตามเข้าไป เรารู้สึกเหนื่อยมาก มันหายใจยาก หายใจหอบ มือสั่น สั่นไปทั้งตัว ตัวกับตาเหลืองซีดมาก ยิ่งเวลาไอมันยิ่งเหนื่อย คิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ พอเข้าวันที่ 10 ( 18 ก.ย. 60 ) เราก็แบกสังขารไป ร.ร.ตามปกติ วันนั้นเหนื่อยมาก แถวไม่เข้า ไม่ขึ้นเรียนเลย คือแค่เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว เลยหยุดตัวเองนั่งพัก รู้สึกเหมือนใจจะขาดแล้ว ตอนเที่ยงเพื่อนเลยพาไปโรงบาล ตรวจเลือด X-ray ปอด ผล X-ray คือปอดติดเชื้อเพราะไอต่อเนื่อง 10 วัน หมอให้นอนโรงบาล(ดีใจนิดๆเพราะหมอหล่อมาก555) แต่ผลเลือดที่เราเห็น เรารับไม่ได้มาก มันแย่กว่าที่ผ่านมา (ที่ผ่านมาคือ26, 28 , 29 ,30 โดยผู้หญิงทั่วไปค่าความเข้มข้นของเลือดจะอยู่ที่ 36-54% )
หมอบอกว่าต้องเข้าเลือด ความรู้สึกตอนนั้นตกใจมาก คิดว่าถ้าเข้าเลือดแล้ว ต้องเข้าตลอดแน่ๆ กลัวไปหมด นอนร้องไห้ ได้แต่บ่นในใจ เกิดมาไม่มีใครเอาเข็มมาแช่ตรงข้อมือ เข้าน้ำเกลือก็ไม่เคยเข้า นี่ทั้งเลือด ทั้งน้ำเกลือ หื้ออ..นอนร้องไห้ทั้งคืน
พอเลือดใกล้หมดถุง เรารู้สึกปวดแขน ปวดมากแบบขยับไม่ได้ ยกไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปวดตัวซีกซ้ายแบบขยับไม่ได้
วันต่อมา รู้สึกตัวเองโอเคขึ้น หายใจสะดวก แล้วหมอมาเจาะเลือด พบว่าค่า hematocrit(HCT%) อยู่ที่ 28 ดีขึ้นจากเดิม 24.6 ก็โล่งใจไปอีก แต่พ่นยาทุกวัน วันละ3ครั้ง แล้วเข้ายาฆ่าเชื้อวันละ 1 กระปุก (100ml) ให้ครบ 7 วัน วันที่เราออกจากโรงบาลเรารู้สึกเหมือนเกิดใหม่ ความรู้สึกแบบสดชื่นมาก จากนั้นมาก็กินยาไม่ขาดเลย เพราะถ้าซีด หรือค่าเลือดต่ำก็เข้าเลือดอีก เข้าเลือดบ่อยๆจะทำให้ม้ามโต แล้วตัดม้าม ซึ่งไม่อยากเป็นแบบนั้น พยายามทำตามคำสั่งหมอทุกอย่าง
สำหรับใครที่เป็นโรคนี้ หรือมีพาหะบอกไว้เลยนะคะ พบหมอละทำตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด จริงอยู่ที่โรคนี้ไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าเผลอหรือปล่อยปะละเลย อาจทำให้เสียชีวิตได้ สุดท้ายนี้อยากขอบคุณผู้บริจาคเลือดให้สภากาชาดไทย หรือให้หน่วยงานต่างๆเลือดของพวกคุณช่วยได้อีกหลายชีวิตจริงๆ และขอบคุณผู้ที่หลงกดเข้ามาอ่านมาก
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ._.
เป็นธาลัสซีเมียแต่ดื้อไม่ยอมกินยา
หมอบอกว่าไม่ถึงขั้นรุนแรงขนาดเข้าเลือดหรอก (เฮ้อ ! โล่งใจขึ้น) โดยหมอให้ยามา 2 อย่างคือ FOLIC ACID และ MULTI VITAMINS กินช่วงเช้า-เย็น ตลอด3เดือน ซึ่งทุกๆ 3 เดือนต้องไปตามที่หมอนัดเพื่อเจาะเลือดดูผลเลือด ช่วงนั้นคือเรายังเด็กๆ ไม่ค่อยสนใจอะไรมาก (ป.6-ม.1-ม.2) ก็คิดว่าคงไม่เป็นไรมาก ยาที่หมอให้มาก็กินบ้าง ไม่กินบ้าง จนขาดยาเป็นเดือนๆ ปีๆ ไปหาหมอบ้าง ไม่ไปบ้าง หมอนัดก็เบี้ยวบ้าง เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่เป็นไรหรอก รู้สึกว่าไม่เหนื่อยด้วยซ้ำ รู้สึกดีที่เลิกกินยา (หลอกตัวเอง) ตอนนั้นรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นโรค เกิดคำถามในใจมาตลอดทำไมต้องมาเป็นโรคบ้านี้ด้วย โทษนู่นนี่นั่นตลอด ทั้งที่มันก็เป็นโรคไม่รุนแรงมาก ถ้าเราได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หมอจะแนะนำให้งดกินธาตุเหล็ก งดกินพวกตับ แต่พอไปหาหมออีกคนก็บอกกินได้ทุกอย่างเพราะร่างกายคนเราต้องการสารอาหารเพื่อไปบำรุงส่วนต่างๆของร่างกาย เอิ่ม..เราก็งง ทำไมพูดไม่เหมือนกัน จะเชื่อใคร? (ไปพบหมอแต่ละครั้งครั้งไม่เคยเจอหมอคนเดิมเลย) เวลาผ่านไปเป็นปีๆ เราก็ยังทำพฤติกรรมเดิมๆ อยากกินยาตอนไหนก็กิน อยากไปหาหมอตอนไหนก็ไป แต่ทุกๆวันช่วงนั้นคือจะเหนื่อย ง่วงเพลียตาจะปิดทำการบ้านอ่านหนังสือไม่ได้เลย มันง่วงตลอด เรียนก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ก็ไม่นอนดึก ก็นอนมาตลอดทั้งคืนแล้ว พูดง่ายๆมันไม่ค่อยสดชื่น ออกกำลังกายยังเหนื่อย เดินเฉยๆยังเหนื่อย
จนกระทั่งเราอยู่ ม.6 เมื่อวันที่ 6 ก.ย 2560 เราไปเจาะเลือด รับยาเหมือนเดิม กลับมาบ้านก็กินยาตลอด ผ่านไป2วัน เราเป็นไข้ กินข้าวกินน้ำไม่ได้ อ้วกตลอด แค่จิบน้ำยังอ้วก ปวดเมื่อยไปทั้งตัวลุกไม่ได้ เจ็บกระดูก เจ็บตรงข้อ(น่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่) เป็นมาตลอด3วัน เลยไปฉีดยาแก้ปวด ที่คลินิก 2 เข็มก็ดีขึ้น แต่ยังกินไรไม่ได้เหมือนเดิม (ยาที่หมอให้มาก็ไม่ได้กิน) ไข้ขึ้นสูง ข้าว น้ำ ยาไม่ได้กิน บวกกับไอต่อเนื่องไม่หยุด ไปฉีดยาอีกเข็มนึง ค่อยยังชั่ว กินไรได้แต่ไม่มากแค่พอได้กินยาตามเข้าไป เรารู้สึกเหนื่อยมาก มันหายใจยาก หายใจหอบ มือสั่น สั่นไปทั้งตัว ตัวกับตาเหลืองซีดมาก ยิ่งเวลาไอมันยิ่งเหนื่อย คิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ พอเข้าวันที่ 10 ( 18 ก.ย. 60 ) เราก็แบกสังขารไป ร.ร.ตามปกติ วันนั้นเหนื่อยมาก แถวไม่เข้า ไม่ขึ้นเรียนเลย คือแค่เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว เลยหยุดตัวเองนั่งพัก รู้สึกเหมือนใจจะขาดแล้ว ตอนเที่ยงเพื่อนเลยพาไปโรงบาล ตรวจเลือด X-ray ปอด ผล X-ray คือปอดติดเชื้อเพราะไอต่อเนื่อง 10 วัน หมอให้นอนโรงบาล(ดีใจนิดๆเพราะหมอหล่อมาก555) แต่ผลเลือดที่เราเห็น เรารับไม่ได้มาก มันแย่กว่าที่ผ่านมา (ที่ผ่านมาคือ26, 28 , 29 ,30 โดยผู้หญิงทั่วไปค่าความเข้มข้นของเลือดจะอยู่ที่ 36-54% )
หมอบอกว่าต้องเข้าเลือด ความรู้สึกตอนนั้นตกใจมาก คิดว่าถ้าเข้าเลือดแล้ว ต้องเข้าตลอดแน่ๆ กลัวไปหมด นอนร้องไห้ ได้แต่บ่นในใจ เกิดมาไม่มีใครเอาเข็มมาแช่ตรงข้อมือ เข้าน้ำเกลือก็ไม่เคยเข้า นี่ทั้งเลือด ทั้งน้ำเกลือ หื้ออ..นอนร้องไห้ทั้งคืน
พอเลือดใกล้หมดถุง เรารู้สึกปวดแขน ปวดมากแบบขยับไม่ได้ ยกไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปวดตัวซีกซ้ายแบบขยับไม่ได้
วันต่อมา รู้สึกตัวเองโอเคขึ้น หายใจสะดวก แล้วหมอมาเจาะเลือด พบว่าค่า hematocrit(HCT%) อยู่ที่ 28 ดีขึ้นจากเดิม 24.6 ก็โล่งใจไปอีก แต่พ่นยาทุกวัน วันละ3ครั้ง แล้วเข้ายาฆ่าเชื้อวันละ 1 กระปุก (100ml) ให้ครบ 7 วัน วันที่เราออกจากโรงบาลเรารู้สึกเหมือนเกิดใหม่ ความรู้สึกแบบสดชื่นมาก จากนั้นมาก็กินยาไม่ขาดเลย เพราะถ้าซีด หรือค่าเลือดต่ำก็เข้าเลือดอีก เข้าเลือดบ่อยๆจะทำให้ม้ามโต แล้วตัดม้าม ซึ่งไม่อยากเป็นแบบนั้น พยายามทำตามคำสั่งหมอทุกอย่าง
สำหรับใครที่เป็นโรคนี้ หรือมีพาหะบอกไว้เลยนะคะ พบหมอละทำตามคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด จริงอยู่ที่โรคนี้ไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าเผลอหรือปล่อยปะละเลย อาจทำให้เสียชีวิตได้ สุดท้ายนี้อยากขอบคุณผู้บริจาคเลือดให้สภากาชาดไทย หรือให้หน่วยงานต่างๆเลือดของพวกคุณช่วยได้อีกหลายชีวิตจริงๆ และขอบคุณผู้ที่หลงกดเข้ามาอ่านมาก
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ._.