ถ้าถามทุกๆ คนในโลกนี้ว่ารู้จักสโนวไวท์ไหม คงไม่มีใครปฏิเสธ นิทานอมตะที่ดิสนีย์เอาไปสร้างออกมาอย่างงดงาม ภาพของเจ้าหญิงแสนสวนผู้อ่อนหวาน เป็นที่รักของสรรพสัตว์ เรื่องราวของเธอ มีดังต่อไปนี้
สโนวฯ เป็นลูกของพระราชาผู้โอบอ้อมอารี หลังจากพระมารดาเสียชีวิตไป ด้วยความที่เป็นธิดาเพียงคนเดียว เธอก็โดนสปอยล์ไม่น้อย พระราชบิดาก็อายุมากขึ้นทุกทีๆ ไม่มีแรงจะเลี้ยงดูสโนวฯ ได้
สโนวฯ เป็นเด็กฉลาด เจ้าเล่ห์ และแก่นแก้วอย่างที่สุด คติประจำใจของเธอคือ “ฉันจะทำสิ่งที่อยากทำ ถ้ามาห้าม ฉันก็จะแอบทำ” และด้วยความฉลาดแยบยลไม่น้อยกว่ากระต่ายร่างสูงผอมสีเทา พระราชา จึงตัดสินใจประกาศรับสมัครภรรเมียคนใหม่ ที่มีความเฉลียวฉลาด และใจดี โอบอ้อมอารี เพื่อหวังว่าจะมาช่วยเลี้ยงดูสโนวฯ และแล้วในที่สุด พระราชาก็ได้ราชินีองค์ใหม่ ที่เรารู้จักกันภายหลังในชื่อ “แม่เลี้ยงใจร้าย” แต่จริงๆ เธอเป็นคนที่จิตใจดีมาก และฉลาดเป็นที่สุด ไม่ว่าสโนวฯจะทำอะไร เธอมักจะรู้ทัน หรือจับได้เสมอ เช่น เมื่อเธอแอบไปจุดไฟเผากระท่อมฟาง และไปพังบ้านไม้ของลูกหมู เธอก็ไปบอกให้ลูกหมูไปอาศัยกับพี่ชาย และเธอก็จัดการสโนวฯได้ทัน ก่อนที่เธอจะฝังระเบิดทำมือใต้กำแพงของบ้านอิฐ อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่า สโนว์ฉลาดมาก เพราะฉะนั้น ไม่มีใครอื่นเลยนอกจากพระราชาและพระราชินี ที่รู้ซึ้งถึงวีรกรรมทั้งหลายของสโนวฯ
ไม่ว่าสโนว์จะไปเก็บเศษขนมปังที่โปรยอยู่ตามทาง เอามาทำเป็นตุ๊กตาร่ายมนตร์ให้มีชีวิต เธอก็ตามไปจับตัวสโนวฯได้ก่อนที่สโนวฯ จะทำอะไรแผลงๆ กว่านี้ สรุปคือ ไม่ว่าสโนวฯจะมีความสุขกับการทำอะไร ราชินีแม่เลี้ยงก็จะมาขัดขวางตลอดเวลา แต่อย่างสโนวฯ มีหรือจะยอมใครง่ายๆ เธอคิดหาทาง และคิดแผนตลอดเวลา ว่าทำอย่างไร จะพ้นไปจากยัยป้าที่น่าเบื่อคนนี้ได้ และแล้วช่วงจังหวะก็มาถึง
พระราชาได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เพราะสำลักเม็ดถั่วดำที่ผสมลงไปในแก้วนม (ซึ่งไม่ต้องสงสัยหรอกว่าใครเล่นแผลงๆ แบบนี้) ก่อนจะสิ้นใจ พระราชาได้ฝากราชินีให้ดูแลสโนวฯ ด้วย สโนวฯ รับไม่ได้ที่จะอยู่กับราชินีเพียงสองคน อีกทั้งกลัวคนอื่นรู้ว่า ตนเองเป็นเหตุให้พระราชบิดาต้องตาย สโนวฯ จึงหนีเข้าไปในป่า เพราะจำได้ว่าเคยเห็นบ้านของคนแคระ (ที่ดูท่าทางโง่ๆ ทึ่มๆ) อยู่แถวนั้น โดยใช้เสน่ห์หลอกล่อคนตัดไม้ให้พาเธอไป จากนั้นก็ถีบชายตัดไม้ตกลำธาร จนชายตัดไม้ลอยไปสู่ทะเล และได้นางเงือกช่วยไว้
ราชินีมัวแต่ยุ่งกับงานศพของพระราชา และคิดว่าสโนวฯ คงเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่ไกลเท่าไร โดยหารู้ไม่ว่า สโนวฯ ได้หนีไปไกลแล้ว และมีข่าวลือฉาวโฉ่ว่า “ราชินีวางยาฆ่าพระราชา แถมยังจะฆ่าสโนวฯ อีก สโนวฯ เลยหนีไป”
กลับมาที่สโนวฯ เมื่อใช้กุญแจผีสะเดาะเข้าไปในบ้านของคนแคระแล้ว เห็นของสกปรก เลอะเทอะ และอุปกรณ์ทำเหมือนมากมายวางระเกะระกะไปทั่ว ด้วยความรำคาญ เธอจึงเอาของทั้งหมดไปโยนทิ้งในบ่อน้ำใกล้ๆ เทวดาประจำบ่อน้ำหยิบของขึ้นมาให้เธอ แต่เธอก็ไม่สนใจ “บ้านชั้นมีทองเยอะกว่านี้เป็นพันเป็นหมื่นเฒ่า ลุงเก็บไว้เลี้ยงสังขารแก่ๆ ของลุงเหอะ” หลังจากนั้น เทวดาประจำบ่อน้ำก็ไม่ปรากฏกายมาอีกเลย (ที่เพื่อนของชายตัดไม้ทำขวานหล่นลงไปแล้วไม่ได้คืน ที่จริงเพราะว่าเทวดาไม่โผล่ขึ้นมา แต่เพราะกลัวเสียหน้า จึงไปเล่าเรื่องแต่ง เหมือนตนเองได้บทเรียนเรื่องความโลภ)
“ค่อยโล่งหูโล่งตาหน่อย แม้จะยังมีคราบขี้ดิน กลิ่นขี้โคลนอยู่ก็เถอะ” สโนวฯ เริ่มสำรวจภายในบ้าน มีห้องไหน ห้องอะไร เธอก็เดินไปจนทั่ว และที่ห้องนอนนั่นเอง “เฮ้ย ทำไมห้องนอนเนี้ยบแบบเนี้ย” ผ้าปูเตียงตึงเปรี้ยะ กลิ่นสมุนไพร และเครื่องหอม แสงสว่างที่ลอดเข้ามาอ่อนๆ อย่างอบอุ่นชวนนอนกลางวัน แม้ว่าคนแคระจะเป็นพวกที่ทำงานสกปรก แต่ห้องนอนเท่านั้น ที่แม้แต่ห้องนอนเอลฟ์ยังไม่งามเท่า
เมื่อเห็นที่นอนงามดังนั้น สโนวฯ จึงไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย เช็ดตัวจนแห้ง และกระโจนร่างอันเปลือยเปล่าลงบนที่นอน “ผ้าอะไร นู้มมม นุ่ม เย็นๆ อีกต่างหาก สบาย น่านอน” และแล้ว สโนวฯ ก็มุดผ้าห่มและหลับปุ๋ยอยู่ในเตียงนั่นเอง
“ไฮโล ไฮโล พวกเราชอบเล่นไฮโล!!” ไม่นานนัก เหล่าคนแคระก็กลับมา ที่จริงวันนี้พวกเขาไปได้ไปทำงาน แต่ไปเล่นไฮโลในบ่อนของโจรสลัดแขนเดียว “คาสิโนเนเวอร์แลนด์” แม้จะได้เงินไม่มากนัก แต่ทั้งเจ็ดคนชอบบรรยากาศในคาสิโน ทั้งบันนี่เกิร์ลสาวสวย และแอร์เย็นๆ แต่ช่างเรื่องคาสิโนก่อน กลับมาที่บ้านของคนแคระทั้งเจ็ด
“ประตูไม่ได้ล็อค”
“ประตูไม่ได้ล็อคหรือ”
“หรือมีใครบางคนเปิดเข้าไป”
“มีคนอยู่ในบ้าน”
คนแคระสนทนากับอื้ออึงเมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อค ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน
“เครื่องมือหาย”
“ทำไมห้องมันโล่งแบบนี้”
“มีคราบขี้ดิน”
“มีรอยรองเท้า”
“ใครเอาของรักของข้าไป”
“เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่ละ”
เมื่อคนแคระคนหนึ่งที่อยากเข้าห้องน้ำเข้าไปในห้องน้ำ
“เสื้อผ้าผู้หญิง”
“บราฯ”
“กางเกงใน”
“ชื่นใจ” การพิสูจน์กลิ่นเป็นเรื่องเชี่ยวชาญอย่างหนึ่งของคนแคระ
“ซิลิโคน”
“กะเทย”
“ไม่ใช่ กลิ่นนี้ผู้หญิง”
“ไม่ค่อยสะอาด”
“น้ำเลอะเทอะไปทั่วห้องน้ำไปหมด”
“ออกๆ กันไปสักที กรูจะขี้!!” คนแคระทั้งหกจึงออกมาจากห้องน้ำ ปรึกษากันพลาง ท่ามกลางเสียงปู๊ดป๊าดของเพื่อน
“แสดงว่าต้องเปลือย”
“โป๊!!”
“ต้องอยู่ในบ้าน”
“ที่ไหน”
“ห้องนอน?” ทั้งหมดหันไปทางเดียวกัน ประตูห้องนอนแง้มอยู่นิดๆ
“ใครนำ?” หนึ่งในคนแคระพูด
“ไอ้ขี้” หนึ่งในคนแคระตอบ
“เออดี!!” ทั้งหมดพูดพร้อมกัน
หลังจากคนแคระที่เข้าห้องน้ำออกมาเสร็จ เพื่อนๆ ก็จับเขาโยนเข้าไปในห้องนอนแบบไม่ทันตั้งตัว สโนวฯตกใจตื่น ดึงผ้ามาปิดตัวไว้
“ผู้หญิง!!”
“สูงยาวขาวเอ๊กซ์!!”
“อกแบน!!”
“อย่าลืมซิลิโคน”
สโนวฯ ตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะโมโหหรือจะอายก่อนดี
“พะ พวกนายเข้ามาทั้งแต่เมื่อไหร่ มาแอบดูฉันโป๊เหรอ” สโนวฯ พูดหน้าแดง
“นายเห็นหรือเปล่าแคระหนึ่ง”
“ฉันไม่เห็นหรอกนะแคระสอง นายแอบดูหรือเปล่าแคระสาม”
“ฉันก็ไม่ทันเห็นนะ นายล่ะแคระขี้”
“แคระขี้บ้าน พ่.... เออ ลืมไป เราพ่อเดียวกัน”
“เอาล่ะ ไหนคุณมนุษย์สวยเอ๊กซ์อกแฟ่บ คุณเข้ามาทำอะไรในบ้านของเรา” คนแคระที่ดูฉลาดที่สุดในกลุ่ม (เพราะใส่แว่นตา) ถามสโนไวท์ ด้วยความที่เจอเหตุการณ์อย่างไม่ทันตั้งตัว สโนวฯ จึง ติดสตันไป 1 วินาที ก่อนจะกดอัลติฯ “Big Fat Lier” (โกหกคำโต) ว่า
“ฉันถูกแม่เลี้ยงใจร้ายไล่ออกมา ฉันไม่มีที่อยู่ เลยว่าจะมาอาศัยอยู่กับพวกนายสักพัก” แม้บ้านสโนไวท์จะไม่ได้ผลิตน้ำแข็งเหมือนกับเอลซ่า แต่เธอก็ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งมาก
“เครื่องมือของเราหายหมด”
“ไม่เหลือเลย”
“ไปอยู่ที่ไหน” พอเจอยิงคำถามต่อเนื่อง สมองของสโนฯ ทำงานอย่างรวดเร็ว สายตาเลิกลั่ก มองเห็นคนแคระบางคนถือชิปกับลูกเต๋าอยู่
“อ๋อ มันเก่ามากแล้วน่ะ ก็เลยเอาไปทิ้งให้ ห้องโล่งขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ แล้วก็นะ ชั้นเป็นเซียนไฮโล ต่อให้พวกนายไม่ต้องทำเหมือง พวกนายก็มีกินมีใช้แน่นอน ถ้าเรียนกับฉัน แน่นอน ต้องมีค่าสอนด้วยนะ” ไม่แปลกใจเลยถ้าหากสโนวฯ จะเปิดโรงงานน้ำแข็งแข่งกับ#$$@#!!#!% (ขออภัย!!!)
“แต่ตอนนี้เราหิว เธอทิ้งพวกอุปกรณ์ทำครัวของเราไปด้วย” (ใช่สิ คนแคระวางสุมๆ ของไว้ด้วยกัน สโนวฯ จึงไม่สังเกต) “ตอนนี้เราเหลือแต่หม้ออออ!!! 1 ใบ เราจะทำอะไรกินได้” คนแคระใส่แว่นพูด พร้อมมองมาที่ร่างอันเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มของสโนวฯ
“ขอฉันใส่เสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน” สโนวฯ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้ แต่จะพูดแบบนั้นก็อาจจะไม่ถูก เพราะเธอแก้ผ้าก่อนอยู่แล้ว “เอ่อ มีชุดให้ฉันใส่หรือเปล่า” คนแคระที่ดูเด็กที่สุดตาลุกวาว พร้อมตอบว่า
“มีๆๆๆ เดี๋ยวหยิบให้” พูดจบแคระเด็กก็วิ่งปราดไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดออกมาหนึ่งชุด เป็นชุดของพวกเอลฟ์ สุกเซ็กซี่ ช่วงอกสุดสะบึม
“เอิ่ม ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอ”
“มีๆ ก็ใส่ไปเถอะน่ะ” คนแคระที่แคะขี้มูกพูด “ไปๆๆ เราออกกันไปก่อน ให้เวลาเธอแต่งตัว นั่งจินตนากาม เอ้ย จินตนาการกันไปก่อนไป” แล้วทั้งหมดก็ออกจากห้องไป
“ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี เปิดตัวมาพังย่อยยับ แถมยังต้องทำกับข้าวอีก จะทำอะไรดี เราทำอะไรเป็นมั่งว้า” สโนวฯ คิดหนัก พยายามแก้ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่ที่สุด คงจะเป็น “ทำไมช่วงอกมันหลวมงี้!! แบบนี้ใส่ก็เหมือนไม่ใส่ เอาลูกโป่งยัดยังไม่พอเลย!!!” (เรื่องสวยๆ งามๆ มักจะเป็นปัญหาใหญ่สุดของผู้หญิงเสมอ)
สโนวฯ ออกมาจากห้องนอน เห็นคนแคะ แคระ1 แคระ2 แคระขี้ กำลังสูดดมพิสูจน์กลิ่น กระโปรง กางเกงใน เสื้อ ชุดชั้นในอยู่ ส่วนแคระแว่น กำลังดมซิลิโคน
“กรี๊ด!!! พอเลยพวกแก หยุดดมเสื้อผ้าของชั้นได้แล้วไอ้พวกโรคจิต” แคระทุกคนจึงวางเสื้อผ้าลง ยกเว้นแคระแว่นที่ดมซิลิโคน เพราะซิลิโคน ไม่ใช่เสื้อผ้า แคระแว่นเหลือบตามามองสโนฯ โยนซิลิโคนลง แล้วถอนหายใจเบาๆ
“เฮ้อออออ!!! ต่อให้เอาซิลิโคนมาหมดทั้งอาณาจักร ก็คงจะใส่ไม่เต็มเสื้อสินะ”
“เฮ้ยๆ เอ็งน่ะ ชั้นได้ยินนะยะ”
สุดท้ายสิ่งที่สโนฯ ทำให้คนแคระกินแล้วเอาหน้ารอดไปได้คือ เอาพวกธัญพืชมารวมกัน ต้มน้ำและปรุงรส พูดง่ายๆ ก็ซุปธรรมด๊า ธรรมดา แต่พวกคนแคระไม่เคยกินซุปใส จึงชอบกันใหญ่ และแล้วเธอก็ได้อาศัยอยู่กับคนแคระ โดยได้ลำไพ่ (รายได้พิเศษ) คือ ค่าคอมมิชชั่นเวลาคนแคระได้เงินจากไฮโล สมแล้วที่เป็นไฮโลมาสเตอร์ (มันใช่เรอะ)
และแล้ววันเวลาอันผาสุก บนที่นอนก็ดำเนินเรื่อยมา เพราะที่นอนของคนแคระมีสเน่ห์เย้ายวนให้นอน สโนฯ จึงนอนเวลากลางวัน และไปเที่ยวผับในเวลากลางคืน ช่วงเช้าก็สอนเล่นไฮโล ส่วนคนแคระก็นอนด้วยระบบเด็กอนามัย ทั้งหมดจึงอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีปัญหา
หลังพิธีศพของพระราชา ราชินีทรงทราบข่าวลือเรื่องของสโนไวท์กับนาง และด้วยปรีชาญาณของประองค์ พระองค์จึงออกตามหาสโนไวท์ด้วยพระองค์เอง โดยไม่บอกคนรับใช้คนอื่นๆ เพราะเกรงว่าเรื่องราวจะเลวร้ายมากขึ้นเพราะข่าวลือ และถ้าหากพระองค์พาสโนวฯ กลับมาได้ เรื่องทั้งหมดคงยุติเอง โดยราชินีปลอมเป็นหญิงแก่ๆ เดินทางเข้าไปในป่า เพื่อไม่ให้มีคนจำได้ ไม่ให้มีคนขัดขวาง และจะได้ไปหาสโนวฯ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ด้วยความโอบอ้อมอารี ที่เห็นสโนไวท์เข้าไปอยู่ในป่า จึงนำแอปเปิ้ลผลไม้ที่สโนฯ ชอบไปด้วย
และแล้ววันแห่งชะตากรมก็มาถึง สโนฯ ที่มีชีวิตผาสุก เสเพล ลืมกระทั่งกำพืดของตน หลังจากที่เหล่าคนแคระออกไปแล้ว เธอกำลังเตรียมตัวจะไปนอน เนื่องจากเธอเมามาก
“ก๊อกๆๆ เปิดประตูโหน่ยยยย” ราชินีดัดสดับสำเนียงเพื่อไม่ให้สโนฯ รู้ตัว พอประตูเปิดออก
“รับแอปเปิ้......” ยังไม่ทันพูดจบ สโนฯ ก็คว้าแอปเปิ้ลไปจากมือ เนื่องจากไม่ได้กินแอปเปิ้ลวอชิงตันมานานมาก
“โหย ยายมาพอดีเลย เนี่ย ชั้นกำลังจะนอนแล้วเนี่ย พลาดไปนี้ดดดนึง ชั้นคงไม่ได้กินแอปปเปิ้ลยายแน่ๆ”
“มีชีวิตสุขสบายดีหรือไร ฮึ สโนฯ” ราชินีกลับมาพูดน้ำเสียงปรกติ
“กะ แก เอาอะไรให้ชั้นกิน ยาสลบเรอะ ทำไมชั้นรู้สึกง่วงอย่างนี้” สโนฯ เริ่มตาปรือ
“อย่ามากล่าวหาชั้นอย่างนั้นสิ พระราชาอุตส่าห์กำชับให้ฉันดูแลเธอให้ดีๆ แล้วฉันจะมาซี้ซั้วผสมอะไรให้เธอกินได้ยังไง” ราชีนีใจอารีตอบ “ดูหน้าดูตาสิ คงจะเมามาไม่น้อย กินของหวานอย่างผลไม้ที่มีน้ำตาล อาจจะทำให้เมาหนักขึ้นก็ได้”
“ฮึ่ม!!! ไม่ว่ายังไงชั้นก็ไม่กลับ ตอนนี้ชั้นมีความสุขดีแล้ว ได้ทำสิ่งที่อย่างทำ ได้อ่อยคนที่อยากอ่อย” ราชินีฟังดังนั้นก็รู้สึกสลดพระทัยเป็นยิ่งนัก และแล้ว
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ!!!” เหล่าคนแคระที่กลับมาเพราะลืมขากระต่ายนำโชค กับคูปองวีไอพีเลาจน์กับสาวกระต่าย กลับมาเห็นเหตุการณ์พอดี ด้วยความที่รีบวิ่งกลับมา และหงุดหงิดที่ลืมตั๋วใบสำคัญที่จะหมดอายุวันนี้ ทำให้หน้าตาดูน่ากลัวมาก
สโนฯ เห็นดังนั้น จึงแกล้งสลบ และหลับไปด้วยพิษสุรา หลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี ราชินีใจร้าย (ใจดี) ก็ตกใจ คนแคระก็วิ่งไล่ จนในที่สุดนางก็พลัดตกหน้าผา ถึงแก่ความตาย (ยังมีต่อ.....)
แฉเกรียนสโนวไวท์ (The truth of Snow White)
สโนวฯ เป็นลูกของพระราชาผู้โอบอ้อมอารี หลังจากพระมารดาเสียชีวิตไป ด้วยความที่เป็นธิดาเพียงคนเดียว เธอก็โดนสปอยล์ไม่น้อย พระราชบิดาก็อายุมากขึ้นทุกทีๆ ไม่มีแรงจะเลี้ยงดูสโนวฯ ได้
สโนวฯ เป็นเด็กฉลาด เจ้าเล่ห์ และแก่นแก้วอย่างที่สุด คติประจำใจของเธอคือ “ฉันจะทำสิ่งที่อยากทำ ถ้ามาห้าม ฉันก็จะแอบทำ” และด้วยความฉลาดแยบยลไม่น้อยกว่ากระต่ายร่างสูงผอมสีเทา พระราชา จึงตัดสินใจประกาศรับสมัครภรรเมียคนใหม่ ที่มีความเฉลียวฉลาด และใจดี โอบอ้อมอารี เพื่อหวังว่าจะมาช่วยเลี้ยงดูสโนวฯ และแล้วในที่สุด พระราชาก็ได้ราชินีองค์ใหม่ ที่เรารู้จักกันภายหลังในชื่อ “แม่เลี้ยงใจร้าย” แต่จริงๆ เธอเป็นคนที่จิตใจดีมาก และฉลาดเป็นที่สุด ไม่ว่าสโนวฯจะทำอะไร เธอมักจะรู้ทัน หรือจับได้เสมอ เช่น เมื่อเธอแอบไปจุดไฟเผากระท่อมฟาง และไปพังบ้านไม้ของลูกหมู เธอก็ไปบอกให้ลูกหมูไปอาศัยกับพี่ชาย และเธอก็จัดการสโนวฯได้ทัน ก่อนที่เธอจะฝังระเบิดทำมือใต้กำแพงของบ้านอิฐ อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่า สโนว์ฉลาดมาก เพราะฉะนั้น ไม่มีใครอื่นเลยนอกจากพระราชาและพระราชินี ที่รู้ซึ้งถึงวีรกรรมทั้งหลายของสโนวฯ
ไม่ว่าสโนว์จะไปเก็บเศษขนมปังที่โปรยอยู่ตามทาง เอามาทำเป็นตุ๊กตาร่ายมนตร์ให้มีชีวิต เธอก็ตามไปจับตัวสโนวฯได้ก่อนที่สโนวฯ จะทำอะไรแผลงๆ กว่านี้ สรุปคือ ไม่ว่าสโนวฯจะมีความสุขกับการทำอะไร ราชินีแม่เลี้ยงก็จะมาขัดขวางตลอดเวลา แต่อย่างสโนวฯ มีหรือจะยอมใครง่ายๆ เธอคิดหาทาง และคิดแผนตลอดเวลา ว่าทำอย่างไร จะพ้นไปจากยัยป้าที่น่าเบื่อคนนี้ได้ และแล้วช่วงจังหวะก็มาถึง
พระราชาได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เพราะสำลักเม็ดถั่วดำที่ผสมลงไปในแก้วนม (ซึ่งไม่ต้องสงสัยหรอกว่าใครเล่นแผลงๆ แบบนี้) ก่อนจะสิ้นใจ พระราชาได้ฝากราชินีให้ดูแลสโนวฯ ด้วย สโนวฯ รับไม่ได้ที่จะอยู่กับราชินีเพียงสองคน อีกทั้งกลัวคนอื่นรู้ว่า ตนเองเป็นเหตุให้พระราชบิดาต้องตาย สโนวฯ จึงหนีเข้าไปในป่า เพราะจำได้ว่าเคยเห็นบ้านของคนแคระ (ที่ดูท่าทางโง่ๆ ทึ่มๆ) อยู่แถวนั้น โดยใช้เสน่ห์หลอกล่อคนตัดไม้ให้พาเธอไป จากนั้นก็ถีบชายตัดไม้ตกลำธาร จนชายตัดไม้ลอยไปสู่ทะเล และได้นางเงือกช่วยไว้
ราชินีมัวแต่ยุ่งกับงานศพของพระราชา และคิดว่าสโนวฯ คงเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่ไกลเท่าไร โดยหารู้ไม่ว่า สโนวฯ ได้หนีไปไกลแล้ว และมีข่าวลือฉาวโฉ่ว่า “ราชินีวางยาฆ่าพระราชา แถมยังจะฆ่าสโนวฯ อีก สโนวฯ เลยหนีไป”
กลับมาที่สโนวฯ เมื่อใช้กุญแจผีสะเดาะเข้าไปในบ้านของคนแคระแล้ว เห็นของสกปรก เลอะเทอะ และอุปกรณ์ทำเหมือนมากมายวางระเกะระกะไปทั่ว ด้วยความรำคาญ เธอจึงเอาของทั้งหมดไปโยนทิ้งในบ่อน้ำใกล้ๆ เทวดาประจำบ่อน้ำหยิบของขึ้นมาให้เธอ แต่เธอก็ไม่สนใจ “บ้านชั้นมีทองเยอะกว่านี้เป็นพันเป็นหมื่นเฒ่า ลุงเก็บไว้เลี้ยงสังขารแก่ๆ ของลุงเหอะ” หลังจากนั้น เทวดาประจำบ่อน้ำก็ไม่ปรากฏกายมาอีกเลย (ที่เพื่อนของชายตัดไม้ทำขวานหล่นลงไปแล้วไม่ได้คืน ที่จริงเพราะว่าเทวดาไม่โผล่ขึ้นมา แต่เพราะกลัวเสียหน้า จึงไปเล่าเรื่องแต่ง เหมือนตนเองได้บทเรียนเรื่องความโลภ)
“ค่อยโล่งหูโล่งตาหน่อย แม้จะยังมีคราบขี้ดิน กลิ่นขี้โคลนอยู่ก็เถอะ” สโนวฯ เริ่มสำรวจภายในบ้าน มีห้องไหน ห้องอะไร เธอก็เดินไปจนทั่ว และที่ห้องนอนนั่นเอง “เฮ้ย ทำไมห้องนอนเนี้ยบแบบเนี้ย” ผ้าปูเตียงตึงเปรี้ยะ กลิ่นสมุนไพร และเครื่องหอม แสงสว่างที่ลอดเข้ามาอ่อนๆ อย่างอบอุ่นชวนนอนกลางวัน แม้ว่าคนแคระจะเป็นพวกที่ทำงานสกปรก แต่ห้องนอนเท่านั้น ที่แม้แต่ห้องนอนเอลฟ์ยังไม่งามเท่า
เมื่อเห็นที่นอนงามดังนั้น สโนวฯ จึงไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย เช็ดตัวจนแห้ง และกระโจนร่างอันเปลือยเปล่าลงบนที่นอน “ผ้าอะไร นู้มมม นุ่ม เย็นๆ อีกต่างหาก สบาย น่านอน” และแล้ว สโนวฯ ก็มุดผ้าห่มและหลับปุ๋ยอยู่ในเตียงนั่นเอง
“ไฮโล ไฮโล พวกเราชอบเล่นไฮโล!!” ไม่นานนัก เหล่าคนแคระก็กลับมา ที่จริงวันนี้พวกเขาไปได้ไปทำงาน แต่ไปเล่นไฮโลในบ่อนของโจรสลัดแขนเดียว “คาสิโนเนเวอร์แลนด์” แม้จะได้เงินไม่มากนัก แต่ทั้งเจ็ดคนชอบบรรยากาศในคาสิโน ทั้งบันนี่เกิร์ลสาวสวย และแอร์เย็นๆ แต่ช่างเรื่องคาสิโนก่อน กลับมาที่บ้านของคนแคระทั้งเจ็ด
“ประตูไม่ได้ล็อค”
“ประตูไม่ได้ล็อคหรือ”
“หรือมีใครบางคนเปิดเข้าไป”
“มีคนอยู่ในบ้าน”
คนแคระสนทนากับอื้ออึงเมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อค ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน
“เครื่องมือหาย”
“ทำไมห้องมันโล่งแบบนี้”
“มีคราบขี้ดิน”
“มีรอยรองเท้า”
“ใครเอาของรักของข้าไป”
“เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่ละ”
เมื่อคนแคระคนหนึ่งที่อยากเข้าห้องน้ำเข้าไปในห้องน้ำ
“เสื้อผ้าผู้หญิง”
“บราฯ”
“กางเกงใน”
“ชื่นใจ” การพิสูจน์กลิ่นเป็นเรื่องเชี่ยวชาญอย่างหนึ่งของคนแคระ
“ซิลิโคน”
“กะเทย”
“ไม่ใช่ กลิ่นนี้ผู้หญิง”
“ไม่ค่อยสะอาด”
“น้ำเลอะเทอะไปทั่วห้องน้ำไปหมด”
“ออกๆ กันไปสักที กรูจะขี้!!” คนแคระทั้งหกจึงออกมาจากห้องน้ำ ปรึกษากันพลาง ท่ามกลางเสียงปู๊ดป๊าดของเพื่อน
“แสดงว่าต้องเปลือย”
“โป๊!!”
“ต้องอยู่ในบ้าน”
“ที่ไหน”
“ห้องนอน?” ทั้งหมดหันไปทางเดียวกัน ประตูห้องนอนแง้มอยู่นิดๆ
“ใครนำ?” หนึ่งในคนแคระพูด
“ไอ้ขี้” หนึ่งในคนแคระตอบ
“เออดี!!” ทั้งหมดพูดพร้อมกัน
หลังจากคนแคระที่เข้าห้องน้ำออกมาเสร็จ เพื่อนๆ ก็จับเขาโยนเข้าไปในห้องนอนแบบไม่ทันตั้งตัว สโนวฯตกใจตื่น ดึงผ้ามาปิดตัวไว้
“ผู้หญิง!!”
“สูงยาวขาวเอ๊กซ์!!”
“อกแบน!!”
“อย่าลืมซิลิโคน”
สโนวฯ ตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะโมโหหรือจะอายก่อนดี
“พะ พวกนายเข้ามาทั้งแต่เมื่อไหร่ มาแอบดูฉันโป๊เหรอ” สโนวฯ พูดหน้าแดง
“นายเห็นหรือเปล่าแคระหนึ่ง”
“ฉันไม่เห็นหรอกนะแคระสอง นายแอบดูหรือเปล่าแคระสาม”
“ฉันก็ไม่ทันเห็นนะ นายล่ะแคระขี้”
“แคระขี้บ้าน พ่.... เออ ลืมไป เราพ่อเดียวกัน”
“เอาล่ะ ไหนคุณมนุษย์สวยเอ๊กซ์อกแฟ่บ คุณเข้ามาทำอะไรในบ้านของเรา” คนแคระที่ดูฉลาดที่สุดในกลุ่ม (เพราะใส่แว่นตา) ถามสโนไวท์ ด้วยความที่เจอเหตุการณ์อย่างไม่ทันตั้งตัว สโนวฯ จึง ติดสตันไป 1 วินาที ก่อนจะกดอัลติฯ “Big Fat Lier” (โกหกคำโต) ว่า
“ฉันถูกแม่เลี้ยงใจร้ายไล่ออกมา ฉันไม่มีที่อยู่ เลยว่าจะมาอาศัยอยู่กับพวกนายสักพัก” แม้บ้านสโนไวท์จะไม่ได้ผลิตน้ำแข็งเหมือนกับเอลซ่า แต่เธอก็ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งมาก
“เครื่องมือของเราหายหมด”
“ไม่เหลือเลย”
“ไปอยู่ที่ไหน” พอเจอยิงคำถามต่อเนื่อง สมองของสโนฯ ทำงานอย่างรวดเร็ว สายตาเลิกลั่ก มองเห็นคนแคระบางคนถือชิปกับลูกเต๋าอยู่
“อ๋อ มันเก่ามากแล้วน่ะ ก็เลยเอาไปทิ้งให้ ห้องโล่งขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ แล้วก็นะ ชั้นเป็นเซียนไฮโล ต่อให้พวกนายไม่ต้องทำเหมือง พวกนายก็มีกินมีใช้แน่นอน ถ้าเรียนกับฉัน แน่นอน ต้องมีค่าสอนด้วยนะ” ไม่แปลกใจเลยถ้าหากสโนวฯ จะเปิดโรงงานน้ำแข็งแข่งกับ#$$@#!!#!% (ขออภัย!!!)
“แต่ตอนนี้เราหิว เธอทิ้งพวกอุปกรณ์ทำครัวของเราไปด้วย” (ใช่สิ คนแคระวางสุมๆ ของไว้ด้วยกัน สโนวฯ จึงไม่สังเกต) “ตอนนี้เราเหลือแต่หม้ออออ!!! 1 ใบ เราจะทำอะไรกินได้” คนแคระใส่แว่นพูด พร้อมมองมาที่ร่างอันเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มของสโนวฯ
“ขอฉันใส่เสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน” สโนวฯ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้ แต่จะพูดแบบนั้นก็อาจจะไม่ถูก เพราะเธอแก้ผ้าก่อนอยู่แล้ว “เอ่อ มีชุดให้ฉันใส่หรือเปล่า” คนแคระที่ดูเด็กที่สุดตาลุกวาว พร้อมตอบว่า
“มีๆๆๆ เดี๋ยวหยิบให้” พูดจบแคระเด็กก็วิ่งปราดไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดออกมาหนึ่งชุด เป็นชุดของพวกเอลฟ์ สุกเซ็กซี่ ช่วงอกสุดสะบึม
“เอิ่ม ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอ”
“มีๆ ก็ใส่ไปเถอะน่ะ” คนแคระที่แคะขี้มูกพูด “ไปๆๆ เราออกกันไปก่อน ให้เวลาเธอแต่งตัว นั่งจินตนากาม เอ้ย จินตนาการกันไปก่อนไป” แล้วทั้งหมดก็ออกจากห้องไป
“ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี เปิดตัวมาพังย่อยยับ แถมยังต้องทำกับข้าวอีก จะทำอะไรดี เราทำอะไรเป็นมั่งว้า” สโนวฯ คิดหนัก พยายามแก้ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่ที่สุด คงจะเป็น “ทำไมช่วงอกมันหลวมงี้!! แบบนี้ใส่ก็เหมือนไม่ใส่ เอาลูกโป่งยัดยังไม่พอเลย!!!” (เรื่องสวยๆ งามๆ มักจะเป็นปัญหาใหญ่สุดของผู้หญิงเสมอ)
สโนวฯ ออกมาจากห้องนอน เห็นคนแคะ แคระ1 แคระ2 แคระขี้ กำลังสูดดมพิสูจน์กลิ่น กระโปรง กางเกงใน เสื้อ ชุดชั้นในอยู่ ส่วนแคระแว่น กำลังดมซิลิโคน
“กรี๊ด!!! พอเลยพวกแก หยุดดมเสื้อผ้าของชั้นได้แล้วไอ้พวกโรคจิต” แคระทุกคนจึงวางเสื้อผ้าลง ยกเว้นแคระแว่นที่ดมซิลิโคน เพราะซิลิโคน ไม่ใช่เสื้อผ้า แคระแว่นเหลือบตามามองสโนฯ โยนซิลิโคนลง แล้วถอนหายใจเบาๆ
“เฮ้อออออ!!! ต่อให้เอาซิลิโคนมาหมดทั้งอาณาจักร ก็คงจะใส่ไม่เต็มเสื้อสินะ”
“เฮ้ยๆ เอ็งน่ะ ชั้นได้ยินนะยะ”
สุดท้ายสิ่งที่สโนฯ ทำให้คนแคระกินแล้วเอาหน้ารอดไปได้คือ เอาพวกธัญพืชมารวมกัน ต้มน้ำและปรุงรส พูดง่ายๆ ก็ซุปธรรมด๊า ธรรมดา แต่พวกคนแคระไม่เคยกินซุปใส จึงชอบกันใหญ่ และแล้วเธอก็ได้อาศัยอยู่กับคนแคระ โดยได้ลำไพ่ (รายได้พิเศษ) คือ ค่าคอมมิชชั่นเวลาคนแคระได้เงินจากไฮโล สมแล้วที่เป็นไฮโลมาสเตอร์ (มันใช่เรอะ)
และแล้ววันเวลาอันผาสุก บนที่นอนก็ดำเนินเรื่อยมา เพราะที่นอนของคนแคระมีสเน่ห์เย้ายวนให้นอน สโนฯ จึงนอนเวลากลางวัน และไปเที่ยวผับในเวลากลางคืน ช่วงเช้าก็สอนเล่นไฮโล ส่วนคนแคระก็นอนด้วยระบบเด็กอนามัย ทั้งหมดจึงอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีปัญหา
หลังพิธีศพของพระราชา ราชินีทรงทราบข่าวลือเรื่องของสโนไวท์กับนาง และด้วยปรีชาญาณของประองค์ พระองค์จึงออกตามหาสโนไวท์ด้วยพระองค์เอง โดยไม่บอกคนรับใช้คนอื่นๆ เพราะเกรงว่าเรื่องราวจะเลวร้ายมากขึ้นเพราะข่าวลือ และถ้าหากพระองค์พาสโนวฯ กลับมาได้ เรื่องทั้งหมดคงยุติเอง โดยราชินีปลอมเป็นหญิงแก่ๆ เดินทางเข้าไปในป่า เพื่อไม่ให้มีคนจำได้ ไม่ให้มีคนขัดขวาง และจะได้ไปหาสโนวฯ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ด้วยความโอบอ้อมอารี ที่เห็นสโนไวท์เข้าไปอยู่ในป่า จึงนำแอปเปิ้ลผลไม้ที่สโนฯ ชอบไปด้วย
และแล้ววันแห่งชะตากรมก็มาถึง สโนฯ ที่มีชีวิตผาสุก เสเพล ลืมกระทั่งกำพืดของตน หลังจากที่เหล่าคนแคระออกไปแล้ว เธอกำลังเตรียมตัวจะไปนอน เนื่องจากเธอเมามาก
“ก๊อกๆๆ เปิดประตูโหน่ยยยย” ราชินีดัดสดับสำเนียงเพื่อไม่ให้สโนฯ รู้ตัว พอประตูเปิดออก
“รับแอปเปิ้......” ยังไม่ทันพูดจบ สโนฯ ก็คว้าแอปเปิ้ลไปจากมือ เนื่องจากไม่ได้กินแอปเปิ้ลวอชิงตันมานานมาก
“โหย ยายมาพอดีเลย เนี่ย ชั้นกำลังจะนอนแล้วเนี่ย พลาดไปนี้ดดดนึง ชั้นคงไม่ได้กินแอปปเปิ้ลยายแน่ๆ”
“มีชีวิตสุขสบายดีหรือไร ฮึ สโนฯ” ราชินีกลับมาพูดน้ำเสียงปรกติ
“กะ แก เอาอะไรให้ชั้นกิน ยาสลบเรอะ ทำไมชั้นรู้สึกง่วงอย่างนี้” สโนฯ เริ่มตาปรือ
“อย่ามากล่าวหาชั้นอย่างนั้นสิ พระราชาอุตส่าห์กำชับให้ฉันดูแลเธอให้ดีๆ แล้วฉันจะมาซี้ซั้วผสมอะไรให้เธอกินได้ยังไง” ราชีนีใจอารีตอบ “ดูหน้าดูตาสิ คงจะเมามาไม่น้อย กินของหวานอย่างผลไม้ที่มีน้ำตาล อาจจะทำให้เมาหนักขึ้นก็ได้”
“ฮึ่ม!!! ไม่ว่ายังไงชั้นก็ไม่กลับ ตอนนี้ชั้นมีความสุขดีแล้ว ได้ทำสิ่งที่อย่างทำ ได้อ่อยคนที่อยากอ่อย” ราชินีฟังดังนั้นก็รู้สึกสลดพระทัยเป็นยิ่งนัก และแล้ว
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ!!!” เหล่าคนแคระที่กลับมาเพราะลืมขากระต่ายนำโชค กับคูปองวีไอพีเลาจน์กับสาวกระต่าย กลับมาเห็นเหตุการณ์พอดี ด้วยความที่รีบวิ่งกลับมา และหงุดหงิดที่ลืมตั๋วใบสำคัญที่จะหมดอายุวันนี้ ทำให้หน้าตาดูน่ากลัวมาก
สโนฯ เห็นดังนั้น จึงแกล้งสลบ และหลับไปด้วยพิษสุรา หลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี ราชินีใจร้าย (ใจดี) ก็ตกใจ คนแคระก็วิ่งไล่ จนในที่สุดนางก็พลัดตกหน้าผา ถึงแก่ความตาย (ยังมีต่อ.....)