ผมกับแฟนคบกันมาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ผมอายุ 31 แฟนผม 30ครับ
เดิมครอบครัวผมต้อนรับแฟนผมคนนี้เป็นอย่างดี เคยไปเที่ยวกับครอบครัวผมอยู่บ่อยครั้ง
ไปทานข้าวด้วยกันเรื่อยๆ ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ระหว่างที่คบกันเธอจะมาหาผมที่บ้าน
เพื่อเยี่ยมพ่อแม่ผมเรื่อยๆเท่าที่มีโอกาสครับ แฟนผมถือว่าเป็นคนดีทีเดียว โปรไฟล์เรียนจบโทจากเมืองนอก
ขยัน สู้งาน ดูแลคนรอบข้างเก่ง รุ้จักเก็บออม งานครัวงานบ้านเป็น ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่ ไม่ดื่ม อยู่ติดบ้าน รักครอบครัว
ดูแลผมดีมากมาตลอด ตั้งแต่มีแฟนผมพยายามตั้งใจทำงานให้พ่อแม่เห็น ผมเรียนรู้งานได้มากขึ้น
ผมโตมากขึ้น ทั้งๆที่แต่ก่อนนี่ผมชอบออกดึกๆ ติดเพื่อนสุดๆ จนมาเจอผู้หญิงคนนี้ ผมเปลี่ยนไปเยอะ อยากให้พ่อแม่เชื่อมั่นในตัวผม
ระหว่างที่คบเราสองคนเก็บเงินด้วยกันมาตลอด เราคุยกันเรื่องแต่งงานบ้าง
แต่เธอไม่เคยจี้เรื่องแต่งงานนะครับ เอาที่ผมเห็นว่าดีผมพร้อมเป็นพอ เธอขอแค่อย่าให้แก่เกินวัยมีลูกเป็นอันพอ
ตัวแฟนผมเองจะเป็นคนวางแผนการเงินมาโดยตลอด ชวนผมเก็บออมมาเสมอ
แถมเธอยังหาเงินมาได้อีกมากมายจากทางอื่นๆ ที่นอกจากงานประจำของเธอครับ
จนเรามีเงินเก็บ 1 ล้านนิดภายในเวลา 2 ปีกว่า ซึ่งเป็นเงินที่เธอหามาซะส่วนใหญ่
เธออ้างว่าที่ต้องหาเงินทางอื่น เพราะเธอรู้ว่าเวลาแต่งงานต้องใช้เงินเยอะ อยากแบ่งเบาภาระผม
ด้วยความที่เราอายุเท่านี้แล้ว เริ่มเห็นเพื่อนๆออกเรือนไป มีลูก เราก็อยากจะแต่งบ้าง
เลยเริ่มมีคุยๆ ว่าจะแต่งราวๆปีไหน งานเล็กๆ ประหยัด เน้นอบอุ่น ไม่หวือหวา จะได้ไม่เดือนร้อนเงินผุ้ใหญ่
แต่...เรื่องราวก็เริ่มเกิดชึ้น เมื่อพ่อและแม่ผมไม่อยากให้แต่ง ทั้งๆที่ผมขอเธอแต่งงานแล้ว
ผมเซอร์ไพรส์เธอด้วยแหวน และดินเนอร์ร้านอาหารบรรยากาศดีๆในเมืองครับ เธอตอบตกลง
แต่....หลังจากผมขอเธอแต่งงาน ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยพูดเรื่องสู่ขอ หรือถามอะไรผมเกี่ยวกับการจัดงานเลยครับ
แถมแม่ผมเริ่มมีปฏิกิริยาหลายๆอย่างที่แอนตี้แฟนผมซะงั้น
ทั้งๆที่ก่อนหน้าครอบครัวผมกับตัวแฟนผมก็ถือว่าเข้ากันได้ดีครับ
แม่ให้เหตุผลว่าหวงผม ไม่อยากให้แต่ง หยิบยกเหตุการณ์ต่างๆนามาติติงแฟนผม
แล้วก็ไม่ยอมทำห้องหอที่พร้อมสำหรับ 2 คนอยู่ให้ผม
ทั้งๆที่ผมทำงานให้ที่บ้านมาตลอด(บ้านผมรับถมดิน มีงานถมใหญ่ๆเรื่อยๆ ฐานะถือว่าดีครับ)
แล้วผมตั้งใจว่าถ้าแต่งแล้วจะให้แฟนผมมาอยุ่กับครอบครัวผม ช่วยผมทำงาน
ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไรครับ แถมเข้าใจดี ไม่เคยพูดว่าอยากแยกบ้านหรืออะไรเลย
ผมกับครอบครัวเริ่มมีปากเสียงกันหนักขึ้น
แถมมีคนในบ้านผมแอบเอาคอมผมไปอ่านนั่นนี่ แล้วไปเจอข้อความที่เราเคยทะเลาะกันในนั้น
แล้วมาไม่พอใจแฟนผม ไม่ยอมรับแฟนผม อ้างว่าเธอต่อว่าผม ไปว่าลุกชายเค้า เค้าไม่ชอบ
แต่บ้านแฟนผมดีนะครับ ไม่เคยต่อว่าอะไรผมเลย แม้ว่าหลายๆครั้งผมจะทำให้เธอเสียใจก็ตาม
มีแต่สอนผมเหมือนลูกหลาน ลูกสาวเค้ารักใคร เค้าก็รักคนนั้นครับ ต่างกับบ้านผมเลย
ผมยอมรับนะว่าบางทีเราสองคนทะเลาะกันแรง แต่เราปรับตัวมาเรื่อยๆ จนรู้ทั้งนิสัยและสันดานกันหมดแล้ว
เราคบกันทะเลาะกัน ผมว่ามันปกตินะ สำคัญคือเราสองคนต้องรู้จักให้อภัยกัน รู้จักขอโทษกันในที่สุด
อีกอย่างข้อความแชทผม มาอ่านกันแบบนี้ผมว่ามันไม่ถูกนะ แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม มันส่วนตัวเกิน
ผมเชื่อว่าผู้หญิงที่ผมเลือกดีมากพอครับ แต่พอเป็นแบบนี้ชีวิตผมไปไม่ถูกเลย เหมือนผมเลือกทางเดินตัวเองไม่ได้
ผมควรทำยังไงดีครับ จะแต่งเองไม่สนใจอะไร แล้วแยกออกมาอยู่กันเองดีไม๊ครับ
จะผิดไม๊ ถ้าผมทิ้งพ่อแม่ผม แยกไปอยู่เอง
ตอนนี้สงสารแฟนผมนะครับ ที่ต้องมาเจอแบบนี้ ทั้งๆที่เธอดีกับครอบครัวผม ดูแลผมมาเสมอ
เธอร้องไห้เรื่อยๆ ไม่มีความสุขเหมือนเคยแล้ว ผมทำยังไงดีครับ
พ่อแม่ไม่ยอมรับแฟน ไม่ยอมทำอะไรทั้งสิ้นเพื่อความรักของเรา
เดิมครอบครัวผมต้อนรับแฟนผมคนนี้เป็นอย่างดี เคยไปเที่ยวกับครอบครัวผมอยู่บ่อยครั้ง
ไปทานข้าวด้วยกันเรื่อยๆ ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ระหว่างที่คบกันเธอจะมาหาผมที่บ้าน
เพื่อเยี่ยมพ่อแม่ผมเรื่อยๆเท่าที่มีโอกาสครับ แฟนผมถือว่าเป็นคนดีทีเดียว โปรไฟล์เรียนจบโทจากเมืองนอก
ขยัน สู้งาน ดูแลคนรอบข้างเก่ง รุ้จักเก็บออม งานครัวงานบ้านเป็น ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่ ไม่ดื่ม อยู่ติดบ้าน รักครอบครัว
ดูแลผมดีมากมาตลอด ตั้งแต่มีแฟนผมพยายามตั้งใจทำงานให้พ่อแม่เห็น ผมเรียนรู้งานได้มากขึ้น
ผมโตมากขึ้น ทั้งๆที่แต่ก่อนนี่ผมชอบออกดึกๆ ติดเพื่อนสุดๆ จนมาเจอผู้หญิงคนนี้ ผมเปลี่ยนไปเยอะ อยากให้พ่อแม่เชื่อมั่นในตัวผม
ระหว่างที่คบเราสองคนเก็บเงินด้วยกันมาตลอด เราคุยกันเรื่องแต่งงานบ้าง
แต่เธอไม่เคยจี้เรื่องแต่งงานนะครับ เอาที่ผมเห็นว่าดีผมพร้อมเป็นพอ เธอขอแค่อย่าให้แก่เกินวัยมีลูกเป็นอันพอ
ตัวแฟนผมเองจะเป็นคนวางแผนการเงินมาโดยตลอด ชวนผมเก็บออมมาเสมอ
แถมเธอยังหาเงินมาได้อีกมากมายจากทางอื่นๆ ที่นอกจากงานประจำของเธอครับ
จนเรามีเงินเก็บ 1 ล้านนิดภายในเวลา 2 ปีกว่า ซึ่งเป็นเงินที่เธอหามาซะส่วนใหญ่
เธออ้างว่าที่ต้องหาเงินทางอื่น เพราะเธอรู้ว่าเวลาแต่งงานต้องใช้เงินเยอะ อยากแบ่งเบาภาระผม
ด้วยความที่เราอายุเท่านี้แล้ว เริ่มเห็นเพื่อนๆออกเรือนไป มีลูก เราก็อยากจะแต่งบ้าง
เลยเริ่มมีคุยๆ ว่าจะแต่งราวๆปีไหน งานเล็กๆ ประหยัด เน้นอบอุ่น ไม่หวือหวา จะได้ไม่เดือนร้อนเงินผุ้ใหญ่
แต่...เรื่องราวก็เริ่มเกิดชึ้น เมื่อพ่อและแม่ผมไม่อยากให้แต่ง ทั้งๆที่ผมขอเธอแต่งงานแล้ว
ผมเซอร์ไพรส์เธอด้วยแหวน และดินเนอร์ร้านอาหารบรรยากาศดีๆในเมืองครับ เธอตอบตกลง
แต่....หลังจากผมขอเธอแต่งงาน ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยพูดเรื่องสู่ขอ หรือถามอะไรผมเกี่ยวกับการจัดงานเลยครับ
แถมแม่ผมเริ่มมีปฏิกิริยาหลายๆอย่างที่แอนตี้แฟนผมซะงั้น
ทั้งๆที่ก่อนหน้าครอบครัวผมกับตัวแฟนผมก็ถือว่าเข้ากันได้ดีครับ
แม่ให้เหตุผลว่าหวงผม ไม่อยากให้แต่ง หยิบยกเหตุการณ์ต่างๆนามาติติงแฟนผม
แล้วก็ไม่ยอมทำห้องหอที่พร้อมสำหรับ 2 คนอยู่ให้ผม
ทั้งๆที่ผมทำงานให้ที่บ้านมาตลอด(บ้านผมรับถมดิน มีงานถมใหญ่ๆเรื่อยๆ ฐานะถือว่าดีครับ)
แล้วผมตั้งใจว่าถ้าแต่งแล้วจะให้แฟนผมมาอยุ่กับครอบครัวผม ช่วยผมทำงาน
ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไรครับ แถมเข้าใจดี ไม่เคยพูดว่าอยากแยกบ้านหรืออะไรเลย
ผมกับครอบครัวเริ่มมีปากเสียงกันหนักขึ้น
แถมมีคนในบ้านผมแอบเอาคอมผมไปอ่านนั่นนี่ แล้วไปเจอข้อความที่เราเคยทะเลาะกันในนั้น
แล้วมาไม่พอใจแฟนผม ไม่ยอมรับแฟนผม อ้างว่าเธอต่อว่าผม ไปว่าลุกชายเค้า เค้าไม่ชอบ
แต่บ้านแฟนผมดีนะครับ ไม่เคยต่อว่าอะไรผมเลย แม้ว่าหลายๆครั้งผมจะทำให้เธอเสียใจก็ตาม
มีแต่สอนผมเหมือนลูกหลาน ลูกสาวเค้ารักใคร เค้าก็รักคนนั้นครับ ต่างกับบ้านผมเลย
ผมยอมรับนะว่าบางทีเราสองคนทะเลาะกันแรง แต่เราปรับตัวมาเรื่อยๆ จนรู้ทั้งนิสัยและสันดานกันหมดแล้ว
เราคบกันทะเลาะกัน ผมว่ามันปกตินะ สำคัญคือเราสองคนต้องรู้จักให้อภัยกัน รู้จักขอโทษกันในที่สุด
อีกอย่างข้อความแชทผม มาอ่านกันแบบนี้ผมว่ามันไม่ถูกนะ แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม มันส่วนตัวเกิน
ผมเชื่อว่าผู้หญิงที่ผมเลือกดีมากพอครับ แต่พอเป็นแบบนี้ชีวิตผมไปไม่ถูกเลย เหมือนผมเลือกทางเดินตัวเองไม่ได้
ผมควรทำยังไงดีครับ จะแต่งเองไม่สนใจอะไร แล้วแยกออกมาอยู่กันเองดีไม๊ครับ
จะผิดไม๊ ถ้าผมทิ้งพ่อแม่ผม แยกไปอยู่เอง
ตอนนี้สงสารแฟนผมนะครับ ที่ต้องมาเจอแบบนี้ ทั้งๆที่เธอดีกับครอบครัวผม ดูแลผมมาเสมอ
เธอร้องไห้เรื่อยๆ ไม่มีความสุขเหมือนเคยแล้ว ผมทำยังไงดีครับ