สวัสดีค่ะ ปลายกันยายนที่ผ่านมาครอบครัวของเราได้ไปเที่ยวสต็อกโฮล์มมา 6 วัน การเที่ยวของเราที่นี่จะเน้นมิวเซียมและที่เที่ยวสำหรับเด็ก คิดว่าอาจจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปเที่ยวอยู่บ้าง เลยเอาข้อมูลมาแบ่งปันกันค่ะ
สต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่น่ารัก ปลอดภัย เที่ยวง่าย ถึงแม้ตึกรามบ้านช่องจะไม่ได้สวยงามอะไรมากเทียบกับเมืองในประเทศอื่นๆ ในยุโรป แต่ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ครอบครัวของเราตกหลุมรักและอยากจะกลับมาที่นี่อีก ที่นี่มีแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กหลายอย่าง ธรรมชาติสวย งานอาร์ตและดีไซน์เรียบแต่เก๋ คุณภาพชีวิตดี ผู้คนเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เป็นเมืองที่ใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ประทับใจสุดๆ คือ ที่นี่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงผู้ชาย และผู้หญิงที่นี่ก็สตรองมากๆ เลยทีเดียว
เรารู้มาก่อนแล้วว่าที่นี่ไม่ค่อยมีแดดออก ก็เลยไม่ได้คาดหวังอากาศดีๆ มากนัก แค่ฝนไม่ตกเราก็พอใจแล้ว ตอนไหนที่แดดออกนี่เราถือว่าเป็นโบนัสมากๆ เพราะทำให้ได้เห็นสต็อกโฮล์มในอีกมุมหนึ่ง เพื่อนที่เคยอยู่ที่นี่บอกว่าช่วง
มิถุนายน-กรกฎาคมที่นี่อากาศดีแดดออกบ่อย เหมาะแก่การมาเที่ยวมากที่สุด
กว่าครึ่งทริปของเรา อากาศส่วนใหญ่ก็จะครึ้มๆ มีแดดออกเป็นหย่อมๆ แป๊บๆ แล้วก็หายไป แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิด แดดออกนี่ อากาศอุ่นขึ้นมาทันทีเลย ช่วงที่เราไปเที่ยว ใบไม้กำลังเริ่มจะเปลี่ยนสีพอดี
ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวตอนถึงสต็อกโฮล์มแล้ว เพราะไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรให้เที่ยวมากมาย ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมากๆ เรารู้สึกว่าเราควรจะมีเวลาเที่ยวที่นี่อย่างน้อย 1 อาทิตย์เต็มๆ เพราะยังมีสถานที่อีกหลายที่ที่น่าสนใจที่เรายังไม่ได้ไป
เราซื้อ Stockholm Pass (3 Day Adult Pass) และบัตรเดินทาง Travel Card แบบ 7 วันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง สามวันแรกเป็นโปรแกรมที่แม่ลูกออกเที่ยวด้วยกันสองคนเพราะคุณพ่อบ้านต้องทำงาน เลยเน้นโปรแกรมสำหรับเด็กมากหน่อยนะคะ ส่วน 2 วันหลังเป็นการเที่ยวที่ไม่เสียค่าเข้าเพราะบัตร Stockholm Pass ของเราหมดอายุแล้ว
วันที่ 1 Stockholm Panorama นั่งรถทัวร์ชมเมือง (1), Skansen (2), Nordic Museum (3)
วันที่ 2 นั่งเรือทัวร์ Under the Bridges of Stockholm (4), Junibacken (5), Vasa Museum (6), Waldemarsudde (7)
วันที่ 3 Tekniskamuseet (8), Gamla Stan ย่านเมืองเก่า แวะโบสถ์เก่า Storkyrkan (9)และ Postmuseum (10)
วันที่ 4 Gamla Stan (11), เดินเที่ยวในเมือง (12), City Library (13), ดูวิวที่ Skinnarviksberget (14)
วันที่ 5 เข้ามิวเซียมฟรีที่ Moderna Museet และ ArkDes (15)
เราใส่เลขไว้ในแผนที่ตามลำดับที่เราไปเที่ยว คงพอจะเห็นนะคะว่าสถานที่เที่ยวมันอยู่ใกล้กันมากจริงๆ สามารถเดินเที่ยวได้สบายๆ
จากแผนที่จะเห็นว่าสต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่ประกอบไปด้วยเกาะหลายๆ เกาะ บางส่วนติดกับทะเล Baltic Sea บางส่วนติดกับทะเลสาบ Lake Mälaren
City เป็นย่านที่ตั้งของสถานีรถไฟ Central Station, ห้าง, Kulturhuset, Kungsträdgården สวนใจกลางเมือง, Royal Opera
Kungsholmen ที่ตั้งของ Stadshuset (City Hall)
Östermalm มีตลาดขายอาหาร Östermalms Saluhall, สวนสาธารณะ Humlegården, Sweden History Museum
Gamla Stan เป็นย่านเมืองเก่า มีพระราชวัง Kungliga slottet, Nobel museum, Storkyrkan โบสถ์เก่าประจำเมือง
Djurgården มีมิวเซียมที่น่าสนใจหลายๆ ที่ เช่น Vasa Museum (ดูเรือรบที่กู้ขึ้นมาจากการจมใต้ทะเล 330 ปี), Junibacken สวรรค์สำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบนิทานจากสวีเดน, Nordic Museum รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศสวีเดน, Skansen เป็นมิวเซียมกลางแจ้งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นสวนสัตว์อีกด้วย, Waldemarsudde จัดแสดงงานศิลปะของศิลปินชาวสวีดิช
Skeppholmen เป็นที่ตั้งของ Moderna Museet โชว์ศิลปะโมเดิร์น และ ArkDes มิวเซียมงานสถาปัตย์และดีไซน์
Södermalm มีจุดชมวิวจากเนินเขา Skinnarviksberget
Hammarby เกาะทางใต้ลงไปจาก Södermalm มี Hammarby sjöstad (Hammarby Lake City) เป็น Ecodistrict หมู่บ้านแบบโมเดิร์นที่เน้นการประหยัดพลังงาน
จากสนามบินมา Stockholm
เรานั่งรถไฟ Arlanda Express ที่พาเราจากสนามบินตรงมาถึงสถานีรถไฟ Stockholm Central Station ในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น อาจแพงกว่าการเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีอื่น แต่ก็ประหยัดเวลาและสะดวกมากๆ เลยค่ะ เครื่องขายตั๋ว Arlanda Express ที่สนามบินหาง่ายมากๆ ตั๋วที่ออกจากเครื่องขายตั๋วที่นี่จะระบุแค่วันที่เราซื้อตั๋วเท่านั้น ไม่ได้บอกวันเดินทาง ถัดจากเครื่องขายตั๋วจะเจอลิฟต์จากTerminal ตรงลงไปยังชานชาลาของ Arlanda Express เลย พอรถไฟออกจากสนามบินปั๊บ เจ้าหน้าที่จะเดินมาตรวจตั๋วทันที วิธีการตรวจตั๋วของเขาก็แค่เอาปากกาขีดลงบนตั๋วของเราให้รู้ว่าตั๋วใบนี้จะใช้อีกไม่ได้แล้ว โชคดีที่ลูกของเราไม่ได้เอาตั๋วไปขีดเขียนเล่น ฮ่าๆ
ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่ตัวเมืองสต็อกโฮล์ม จะมีเสียงเทปเป็นภาษาอังกฤษจากชาวสต็อกโฮล์มพูดต้อนรับนักเดินทาง อย่างเป็นกันเองมากๆ ไม่เคยเห็นประเทศไหนทำอย่างนี้มาก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าคนที่นี่ค่อนข้างจะเป็นกันเอง ซึ่งเท่าที่เห็นมาก็เป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะเปลี่ยนเสียงคนพูดต้อนรับไปเรื่อยๆ หรือเปล่า แต่ขากลับเข้าสนามบินก็ไม่มีเสียงตามสายที่ว่านี่นะคะ
ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าทางเว็บของ Arlanda Express จะราคา
ถูกกว่าซื้อจากเครื่องขายตั๋วหรือเคาน์เตอร์เยอะแยะเลยค่ะ ตอนเราไปเที่ยวเขามีโปรลดราคาเมื่อซื้อตั๋วผ่านแอพและเว็บด้วย >>>
https://www.arlandaexpress.com/
ภายในรถไฟ Arlanda Express เบาะนิ่มนั่งสบาย เรามาถึงตอนเย็นๆ แล้ว ไม่ค่อยมีผู้โดยสารคนอื่นนั่ง รถไฟออกทุก 15 นาทีในช่วงเวลาปกติ
โรงแรม
โรงแรมในสต็อกโฮล์มส่วนใหญ่จะมีอาหารเช้าให้ฟรี บางโรงแรมมีห้องแบบไม่มีหน้าต่าง ราคาจะถูกกว่าห้องแบบอื่นๆ ถ้าพักแค่ไม่กี่คืน และอยู่โรงแรมแค่เฉพาะตอนนอน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลวเลย ก่อนจองที่พักเราก็ดูคร่าวๆ ว่าที่นี่มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง จุดที่เราจะไปอยู่ตรงไหนของแผนที่ เราเทียบราคาโรงแรมใน booking.com และดู google map ประกอบ จะได้รู้ว่าย่านที่เราจะไปอยู่มีสภาพแวดล้อมประมาณไหน
4 คืนแรก ครอบครัวเราพักที่ ApartDirect Sveavägen เป็นอพาร์ตเมนท์มีครัว ติดกับสถานี Rådmansgatan ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟ Central Station แค่ 2 สถานี มีสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นอยู่ใกล้ๆ เดินจากที่พักไม่กี่ก้าวก็ถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต COOP ก่อนวันเช็คอินทางโรงแรมจะส่งรหัสเปิดประตูรั้วและประตูห้องพักมาให้ ที่นี่ไม่มีเคาน์เตอร์ให้เช็คอิน ต้องบริการตัวเองทุกอย่าง ห้องของเราดีทุกอย่าง ยกเว้นว่ามันเป็นห้องไม่เก็บเสียง มีครั้งหนึ่งต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคนเข็นตู้เก็บขยะออกไปข้างนอกตอนตี 5!
คืนสุดท้าย เราไปนอนที่ Comfort Hotel เพราะจะได้ฝากกระเป๋าตอนออกไปเที่ยวหลังเช็คเอาท์ได้ แล้วโรงแรมนี้อยู่ติดกับที่จอดรถไฟ Alanda Express เลย สะดวกสบายมากๆ ที่นี่มีอาหารเช้าฟรีและอาหารค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว มีไข่คน เบคอน ไส้กรอก แพนเค้ก และผลไม้ให้ นอกเหนือจากพวกขนมปัง แฮม ชีส
บัตรสำหรับนักท่องเที่ยวสุดคุ้ม
ตอนแรกเราก็งงๆ ว่าทำไมมีบัตรสำหรับนักท่องเที่ยวหลายแบบ แถมไม่กี่ปีก่อนก็เป็นบัตรอีกแบบที่ในตอนนี้เขายกเลิกไปแล้ว
สรุปแล้วสต็อกโฮล์มมีบัตรสำหรับนักท่องเที่ยว 2 แบบ คือ
Stockholm Pass >>>
https://www.stockholmpass.com
Stockholm City Pass >>>
https://www.stockholmcitypass.com
ข้อแตกต่างของ Stockholm Pass กับ Stockholm City Pass คือ
Stockholm Pass จะเข้ามิวเซียมได้ฟรีทุกที่รวมถึงทัวร์รอบเมืองโดยรถบัสและเรือ และเรือ/รถบัส hop-on hop-off แต่จะไม่รวมรถราง, รถเมล์, รถไฟใต้ดิน
ส่วน
Stockholm City Pass จะสามารถใช้รถราง, รถเมล์, รถไฟใต้ดิน ทั่วเมืองได้ฟรี แต่จะจำกัดการเข้ามิวเซียมและร่วมทัวร์ได้ฟรีแค่ 3 รายการสำหรับบัตร 1วัน และ 5 รายการสำหรับบัตรแบบ 3 วัน ราคาบัตรทั้งคู่ก็จะพอๆ กัน แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกเที่ยวแบบไหนและมีเวลากี่วัน
หลังจากที่เราคำนวณค่าเข้ามิวเซียมและทัวร์ที่เราสนใจทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าถ้าซื้อ Stockholm Pass แล้วจะประหยัดเงินได้เกือบเท่าตัว เย็นวันแรกที่มาถึงเราสั่งซื้อ Stockholm Pass ในเว็บเพราะมันลดราคา เช้าวันต่อมาก็ไปเอาบัตรที่ Stockholm Visitor Center เพียงแค่ยื่นมือถือเราให้เจ้าหน้าที่ดู voucher ที่เราได้รับทางอีเมล เจ้าหน้าที่จะสแกนบาร์โค้ดจาก voucher แล้วเราก็จะได้บัตร Stockholm Pass มา สะดวกมากๆ เลยค่ะ
(ภาพจากในเว็บที่ขายบัตร)
บัตร Travel Card
ความจริงแล้วสถานที่เที่ยวในเมืองส่วนใหญ่จะสามารถเดินได้ถึงกันหมด แต่เพราะเรามากับเด็กห้าขวบที่เลิกใช้รถเข็นเด็กแล้วและยังเดินไม่ได้ไกลมาก เราเลยจำเป็นต้องนั่งรถไฟใต้ดิน รถบัส รถรางที่นี่ ซึ่งลูกชายของเราชอบมากๆ ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวจะมีบัตร Travel Card แบบ 24 ชั่วโมง (120 SEK) 72 ชั่วโมง (240 SEK) และ 7 วัน (315 SEK) ที่สามารถซื้อเติมเข้าไปในบัตร SL Access card ได้ (ประมาณบัตร BTS บ้านเรา -ราคาบัตร SL Access card แค่ 20SEK) ซึ่งซื้อแบบนี้จะถูกกว่าการซื้อบัตรกระดาษแบบ Single journey ticket (ใช้เดินทางกี่เที่ยวก็ได้ภายใน 75 นาที) ข้อเสียของบัตรกระดาษคือ เวลาเราจะผ่านเกทที่สถานีรถไฟใต้ดิน ต้องเอาบัตรกระดาษไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ตู้ขายตั๋วดู เพื่อให้เขาเปิดเกทให้เรา ตู้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วจะอยู่ข้างๆ เกทนั่นเอง เราก็ซื้อบัตร Travel Card ได้ที่ตู้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วในทุกสถานีรถไฟใต้ดิน เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบสามารถเดินทางกับผู้ใหญ่ได้ฟรี
สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ Tunnelbana มีสัญลักษณ์เป็นตัว T ถือว่าเป็น art gallery ที่ยาวที่สุดในโลก แค่ได้เดินในสถานีรถไฟใต้ดินก็ถือว่าได้เที่ยวแล้ว เพราะเหมือนเดินอยู่ในมิวเซียมที่มีงานศิลปะสวยๆ ให้ดู
เช็คสถานีสวยๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ >>>
https://www.visitstockholm.com/see--do/attractions/art-in-the-subway/
http://www.bbc.com/travel/story/20120709-stockholms-underground-subway-art
ที่สถานี T-centralen สถานีหลักในเมือง
ยังเป็นธีมสีน้ำเงิน คนเยอะตลอดเวลา
Museum
มิวเซียมส่วนใหญ่ปิดวันจันทร์ ปกติเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี แต่บางที่ เช่น Skansen และ Junibacken เด็กเล็กก็ต้องซื้อตั๋วด้วย
บางที่เปิดให้เข้าฟรีตอนเย็น เช่น Tekniskamuseet เข้าฟรีทุกวันพุธหลัง 5 โมง หรือ Nobel Museum เข้าฟรีทุกวันอังคารหลัง 5 โมง
บางที่เปิดให้เข้า
ฟรี เช่น Moderna Museet, ArkDes, Swedish Museum of Natural History, Bonniers Konsthall art gallery, The Swedish History Museum เช็คมิวเซียมที่เข้าฟรี ได้ที่ >>>
https://www.visitstockholm.com/guides/museums
แม่ลูกออกเที่ยว Stockholm
สต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่น่ารัก ปลอดภัย เที่ยวง่าย ถึงแม้ตึกรามบ้านช่องจะไม่ได้สวยงามอะไรมากเทียบกับเมืองในประเทศอื่นๆ ในยุโรป แต่ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ครอบครัวของเราตกหลุมรักและอยากจะกลับมาที่นี่อีก ที่นี่มีแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กหลายอย่าง ธรรมชาติสวย งานอาร์ตและดีไซน์เรียบแต่เก๋ คุณภาพชีวิตดี ผู้คนเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เป็นเมืองที่ใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ประทับใจสุดๆ คือ ที่นี่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงผู้ชาย และผู้หญิงที่นี่ก็สตรองมากๆ เลยทีเดียว
เรารู้มาก่อนแล้วว่าที่นี่ไม่ค่อยมีแดดออก ก็เลยไม่ได้คาดหวังอากาศดีๆ มากนัก แค่ฝนไม่ตกเราก็พอใจแล้ว ตอนไหนที่แดดออกนี่เราถือว่าเป็นโบนัสมากๆ เพราะทำให้ได้เห็นสต็อกโฮล์มในอีกมุมหนึ่ง เพื่อนที่เคยอยู่ที่นี่บอกว่าช่วงมิถุนายน-กรกฎาคมที่นี่อากาศดีแดดออกบ่อย เหมาะแก่การมาเที่ยวมากที่สุด
กว่าครึ่งทริปของเรา อากาศส่วนใหญ่ก็จะครึ้มๆ มีแดดออกเป็นหย่อมๆ แป๊บๆ แล้วก็หายไป แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิด แดดออกนี่ อากาศอุ่นขึ้นมาทันทีเลย ช่วงที่เราไปเที่ยว ใบไม้กำลังเริ่มจะเปลี่ยนสีพอดี
ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวตอนถึงสต็อกโฮล์มแล้ว เพราะไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรให้เที่ยวมากมาย ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมากๆ เรารู้สึกว่าเราควรจะมีเวลาเที่ยวที่นี่อย่างน้อย 1 อาทิตย์เต็มๆ เพราะยังมีสถานที่อีกหลายที่ที่น่าสนใจที่เรายังไม่ได้ไป
เราซื้อ Stockholm Pass (3 Day Adult Pass) และบัตรเดินทาง Travel Card แบบ 7 วันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง สามวันแรกเป็นโปรแกรมที่แม่ลูกออกเที่ยวด้วยกันสองคนเพราะคุณพ่อบ้านต้องทำงาน เลยเน้นโปรแกรมสำหรับเด็กมากหน่อยนะคะ ส่วน 2 วันหลังเป็นการเที่ยวที่ไม่เสียค่าเข้าเพราะบัตร Stockholm Pass ของเราหมดอายุแล้ว
วันที่ 1 Stockholm Panorama นั่งรถทัวร์ชมเมือง (1), Skansen (2), Nordic Museum (3)
วันที่ 2 นั่งเรือทัวร์ Under the Bridges of Stockholm (4), Junibacken (5), Vasa Museum (6), Waldemarsudde (7)
วันที่ 3 Tekniskamuseet (8), Gamla Stan ย่านเมืองเก่า แวะโบสถ์เก่า Storkyrkan (9)และ Postmuseum (10)
วันที่ 4 Gamla Stan (11), เดินเที่ยวในเมือง (12), City Library (13), ดูวิวที่ Skinnarviksberget (14)
วันที่ 5 เข้ามิวเซียมฟรีที่ Moderna Museet และ ArkDes (15)
เราใส่เลขไว้ในแผนที่ตามลำดับที่เราไปเที่ยว คงพอจะเห็นนะคะว่าสถานที่เที่ยวมันอยู่ใกล้กันมากจริงๆ สามารถเดินเที่ยวได้สบายๆ
จากแผนที่จะเห็นว่าสต็อกโฮล์มเป็นเมืองที่ประกอบไปด้วยเกาะหลายๆ เกาะ บางส่วนติดกับทะเล Baltic Sea บางส่วนติดกับทะเลสาบ Lake Mälaren
City เป็นย่านที่ตั้งของสถานีรถไฟ Central Station, ห้าง, Kulturhuset, Kungsträdgården สวนใจกลางเมือง, Royal Opera
Kungsholmen ที่ตั้งของ Stadshuset (City Hall)
Östermalm มีตลาดขายอาหาร Östermalms Saluhall, สวนสาธารณะ Humlegården, Sweden History Museum
Gamla Stan เป็นย่านเมืองเก่า มีพระราชวัง Kungliga slottet, Nobel museum, Storkyrkan โบสถ์เก่าประจำเมือง
Djurgården มีมิวเซียมที่น่าสนใจหลายๆ ที่ เช่น Vasa Museum (ดูเรือรบที่กู้ขึ้นมาจากการจมใต้ทะเล 330 ปี), Junibacken สวรรค์สำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบนิทานจากสวีเดน, Nordic Museum รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศสวีเดน, Skansen เป็นมิวเซียมกลางแจ้งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นสวนสัตว์อีกด้วย, Waldemarsudde จัดแสดงงานศิลปะของศิลปินชาวสวีดิช
Skeppholmen เป็นที่ตั้งของ Moderna Museet โชว์ศิลปะโมเดิร์น และ ArkDes มิวเซียมงานสถาปัตย์และดีไซน์
Södermalm มีจุดชมวิวจากเนินเขา Skinnarviksberget
Hammarby เกาะทางใต้ลงไปจาก Södermalm มี Hammarby sjöstad (Hammarby Lake City) เป็น Ecodistrict หมู่บ้านแบบโมเดิร์นที่เน้นการประหยัดพลังงาน
เรานั่งรถไฟ Arlanda Express ที่พาเราจากสนามบินตรงมาถึงสถานีรถไฟ Stockholm Central Station ในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น อาจแพงกว่าการเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีอื่น แต่ก็ประหยัดเวลาและสะดวกมากๆ เลยค่ะ เครื่องขายตั๋ว Arlanda Express ที่สนามบินหาง่ายมากๆ ตั๋วที่ออกจากเครื่องขายตั๋วที่นี่จะระบุแค่วันที่เราซื้อตั๋วเท่านั้น ไม่ได้บอกวันเดินทาง ถัดจากเครื่องขายตั๋วจะเจอลิฟต์จากTerminal ตรงลงไปยังชานชาลาของ Arlanda Express เลย พอรถไฟออกจากสนามบินปั๊บ เจ้าหน้าที่จะเดินมาตรวจตั๋วทันที วิธีการตรวจตั๋วของเขาก็แค่เอาปากกาขีดลงบนตั๋วของเราให้รู้ว่าตั๋วใบนี้จะใช้อีกไม่ได้แล้ว โชคดีที่ลูกของเราไม่ได้เอาตั๋วไปขีดเขียนเล่น ฮ่าๆ
ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่ตัวเมืองสต็อกโฮล์ม จะมีเสียงเทปเป็นภาษาอังกฤษจากชาวสต็อกโฮล์มพูดต้อนรับนักเดินทาง อย่างเป็นกันเองมากๆ ไม่เคยเห็นประเทศไหนทำอย่างนี้มาก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าคนที่นี่ค่อนข้างจะเป็นกันเอง ซึ่งเท่าที่เห็นมาก็เป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะเปลี่ยนเสียงคนพูดต้อนรับไปเรื่อยๆ หรือเปล่า แต่ขากลับเข้าสนามบินก็ไม่มีเสียงตามสายที่ว่านี่นะคะ
ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าทางเว็บของ Arlanda Express จะราคาถูกกว่าซื้อจากเครื่องขายตั๋วหรือเคาน์เตอร์เยอะแยะเลยค่ะ ตอนเราไปเที่ยวเขามีโปรลดราคาเมื่อซื้อตั๋วผ่านแอพและเว็บด้วย >>> https://www.arlandaexpress.com/
ภายในรถไฟ Arlanda Express เบาะนิ่มนั่งสบาย เรามาถึงตอนเย็นๆ แล้ว ไม่ค่อยมีผู้โดยสารคนอื่นนั่ง รถไฟออกทุก 15 นาทีในช่วงเวลาปกติ
โรงแรมในสต็อกโฮล์มส่วนใหญ่จะมีอาหารเช้าให้ฟรี บางโรงแรมมีห้องแบบไม่มีหน้าต่าง ราคาจะถูกกว่าห้องแบบอื่นๆ ถ้าพักแค่ไม่กี่คืน และอยู่โรงแรมแค่เฉพาะตอนนอน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลวเลย ก่อนจองที่พักเราก็ดูคร่าวๆ ว่าที่นี่มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง จุดที่เราจะไปอยู่ตรงไหนของแผนที่ เราเทียบราคาโรงแรมใน booking.com และดู google map ประกอบ จะได้รู้ว่าย่านที่เราจะไปอยู่มีสภาพแวดล้อมประมาณไหน
4 คืนแรก ครอบครัวเราพักที่ ApartDirect Sveavägen เป็นอพาร์ตเมนท์มีครัว ติดกับสถานี Rådmansgatan ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟ Central Station แค่ 2 สถานี มีสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นอยู่ใกล้ๆ เดินจากที่พักไม่กี่ก้าวก็ถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต COOP ก่อนวันเช็คอินทางโรงแรมจะส่งรหัสเปิดประตูรั้วและประตูห้องพักมาให้ ที่นี่ไม่มีเคาน์เตอร์ให้เช็คอิน ต้องบริการตัวเองทุกอย่าง ห้องของเราดีทุกอย่าง ยกเว้นว่ามันเป็นห้องไม่เก็บเสียง มีครั้งหนึ่งต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคนเข็นตู้เก็บขยะออกไปข้างนอกตอนตี 5!
คืนสุดท้าย เราไปนอนที่ Comfort Hotel เพราะจะได้ฝากกระเป๋าตอนออกไปเที่ยวหลังเช็คเอาท์ได้ แล้วโรงแรมนี้อยู่ติดกับที่จอดรถไฟ Alanda Express เลย สะดวกสบายมากๆ ที่นี่มีอาหารเช้าฟรีและอาหารค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว มีไข่คน เบคอน ไส้กรอก แพนเค้ก และผลไม้ให้ นอกเหนือจากพวกขนมปัง แฮม ชีส
ตอนแรกเราก็งงๆ ว่าทำไมมีบัตรสำหรับนักท่องเที่ยวหลายแบบ แถมไม่กี่ปีก่อนก็เป็นบัตรอีกแบบที่ในตอนนี้เขายกเลิกไปแล้ว
สรุปแล้วสต็อกโฮล์มมีบัตรสำหรับนักท่องเที่ยว 2 แบบ คือ
Stockholm Pass >>> https://www.stockholmpass.com
Stockholm City Pass >>> https://www.stockholmcitypass.com
ข้อแตกต่างของ Stockholm Pass กับ Stockholm City Pass คือ Stockholm Pass จะเข้ามิวเซียมได้ฟรีทุกที่รวมถึงทัวร์รอบเมืองโดยรถบัสและเรือ และเรือ/รถบัส hop-on hop-off แต่จะไม่รวมรถราง, รถเมล์, รถไฟใต้ดิน
ส่วน Stockholm City Pass จะสามารถใช้รถราง, รถเมล์, รถไฟใต้ดิน ทั่วเมืองได้ฟรี แต่จะจำกัดการเข้ามิวเซียมและร่วมทัวร์ได้ฟรีแค่ 3 รายการสำหรับบัตร 1วัน และ 5 รายการสำหรับบัตรแบบ 3 วัน ราคาบัตรทั้งคู่ก็จะพอๆ กัน แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกเที่ยวแบบไหนและมีเวลากี่วัน
หลังจากที่เราคำนวณค่าเข้ามิวเซียมและทัวร์ที่เราสนใจทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่าถ้าซื้อ Stockholm Pass แล้วจะประหยัดเงินได้เกือบเท่าตัว เย็นวันแรกที่มาถึงเราสั่งซื้อ Stockholm Pass ในเว็บเพราะมันลดราคา เช้าวันต่อมาก็ไปเอาบัตรที่ Stockholm Visitor Center เพียงแค่ยื่นมือถือเราให้เจ้าหน้าที่ดู voucher ที่เราได้รับทางอีเมล เจ้าหน้าที่จะสแกนบาร์โค้ดจาก voucher แล้วเราก็จะได้บัตร Stockholm Pass มา สะดวกมากๆ เลยค่ะ
ความจริงแล้วสถานที่เที่ยวในเมืองส่วนใหญ่จะสามารถเดินได้ถึงกันหมด แต่เพราะเรามากับเด็กห้าขวบที่เลิกใช้รถเข็นเด็กแล้วและยังเดินไม่ได้ไกลมาก เราเลยจำเป็นต้องนั่งรถไฟใต้ดิน รถบัส รถรางที่นี่ ซึ่งลูกชายของเราชอบมากๆ ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวจะมีบัตร Travel Card แบบ 24 ชั่วโมง (120 SEK) 72 ชั่วโมง (240 SEK) และ 7 วัน (315 SEK) ที่สามารถซื้อเติมเข้าไปในบัตร SL Access card ได้ (ประมาณบัตร BTS บ้านเรา -ราคาบัตร SL Access card แค่ 20SEK) ซึ่งซื้อแบบนี้จะถูกกว่าการซื้อบัตรกระดาษแบบ Single journey ticket (ใช้เดินทางกี่เที่ยวก็ได้ภายใน 75 นาที) ข้อเสียของบัตรกระดาษคือ เวลาเราจะผ่านเกทที่สถานีรถไฟใต้ดิน ต้องเอาบัตรกระดาษไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ตู้ขายตั๋วดู เพื่อให้เขาเปิดเกทให้เรา ตู้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วจะอยู่ข้างๆ เกทนั่นเอง เราก็ซื้อบัตร Travel Card ได้ที่ตู้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วในทุกสถานีรถไฟใต้ดิน เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบสามารถเดินทางกับผู้ใหญ่ได้ฟรี
สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ Tunnelbana มีสัญลักษณ์เป็นตัว T ถือว่าเป็น art gallery ที่ยาวที่สุดในโลก แค่ได้เดินในสถานีรถไฟใต้ดินก็ถือว่าได้เที่ยวแล้ว เพราะเหมือนเดินอยู่ในมิวเซียมที่มีงานศิลปะสวยๆ ให้ดู
เช็คสถานีสวยๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ >>>
https://www.visitstockholm.com/see--do/attractions/art-in-the-subway/
http://www.bbc.com/travel/story/20120709-stockholms-underground-subway-art
ที่สถานี T-centralen สถานีหลักในเมือง
ยังเป็นธีมสีน้ำเงิน คนเยอะตลอดเวลา
มิวเซียมส่วนใหญ่ปิดวันจันทร์ ปกติเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าฟรี แต่บางที่ เช่น Skansen และ Junibacken เด็กเล็กก็ต้องซื้อตั๋วด้วย
บางที่เปิดให้เข้าฟรีตอนเย็น เช่น Tekniskamuseet เข้าฟรีทุกวันพุธหลัง 5 โมง หรือ Nobel Museum เข้าฟรีทุกวันอังคารหลัง 5 โมง
บางที่เปิดให้เข้าฟรี เช่น Moderna Museet, ArkDes, Swedish Museum of Natural History, Bonniers Konsthall art gallery, The Swedish History Museum เช็คมิวเซียมที่เข้าฟรี ได้ที่ >>> https://www.visitstockholm.com/guides/museums