ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง และก้าวย่างแรกในศรีลังกา
https://ppantip.com/topic/36759102/
ตอนที่ 1 ครึ่งวันปั่นทั่วเมืองเมืองโบราณ Anuradhapura
https://ppantip.com/topic/36765423
ตอนที่ 2 เป็นคนแสนดีแวะเมือง Kandy เข้าวัดเข้าวา
https://ppantip.com/topic/36772330
ตอนที่ 3 Adam’s Peak มุ่งมั่นตั้งใจ ทำได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง
https://ppantip.com/topic/36779762
ตอนที่ 4 สุดปลายฟ้าศรีลังกาที่ World’s End
https://ppantip.com/topic/36786308
ตอนที่ 5 ดิ่งลงใต้ไปชายทะเลที่ Galle
https://ppantip.com/topic/36961909
สะดุ้งตื่นตอนที่สายมากแล้ว เลยต้องรีบอาบน้ำ เช็คเอาท์แล้วหาวิธีไปสนามบินสำหรับคืนนี้ หลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มานั่งสงบสติแล้วบอกตัวเองว่า “จะรีบไปไหน? วันนี้ยังไม่แพลนอะไรเลยซะอย่าง!!!” คิดได้แบบนั้นแล้วค่อยๆ เปิดหนังสือดูว่าจะไปไหนดี แรกๆ ก็ว่าจะไป Gangurayama แต่ใส่ขาสั้น วัดไม่น่าจะให้เราเข้า เลยตั้งใจว่าเดินไป Fort เลยละกัน ระยะทางจากที่พักไป Fort ก็ประมาณ 5 กม. ไหนๆ ก็ว่างทั้งวัน งั้นก็เดินชิวๆ ละกัน
ระหว่างที่เดินเลยแวะกิน Mc ก่อนเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มี Junk Food แบบที่ชื่นชอบตกลงกระเพาะเลย นี่คือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการปรนเปรอท้องในวันนี้ ออกจากร้าน Mc กำลังจะเดินตรงไป Fort ก็มีผู้ชายมาชวนคุย บอกว่าวัด Gungurayama จะมีพิธีในอีกครึ่งชั่วโมง ชวนเราไปด้วย แล้วคือยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลยก็เรียกตุ๊กๆ แล้วลากเราขึ้นรถ เราก็คิดว่าตุ๊กๆ มันก็เปิดโล่งคงไม่มีอะไร แล้วมันก็มุ่งไปทางวัดจริงๆ
พอถึงวัดหันไปบอกตุ๊กๆ ให้รอ เราก็งง ไม่ต้องจ่ายตังเหรอ? แต่ก็ช่างมัน เราไม่ได้เป็นคนเรียก เราไม่จ่ายอยู่แล้ว (เต็มที่ก็แค่ยอมหารด้วย) พอเดินเข้าวัดก็ลากเราไปจ่ายค่าเข้าวัด เราเลยถามกลับว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นต้องจ่าย ทำไมเราต้องจ่าย? เราก็ยื้ออยู่อย่างงั้น จนผู้ชายคนนั้นบอกว่าไม่จ่ายตังเข้าวัด ก็กลับไปจ่ายค่าตุ๊กๆ เราก็โอเค เดินกลับไป ตุ๊กๆ บอกเท่าไหร่เราฟังไม่ออก แต่ผู้ชายคนนั้นบอก 1000 รูปี จะบ้าเหรอ??? ใกล้ๆ แค่นี้ 100 รูปีก็พอแล้วมั๊ง เราเลยยื่นให้ 50 รูปี บอกว่าอีก 50 รูปีเอากับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนั้นหันไปคุยอะไรกับตุ๊กๆ ไม่รู้ ตุ๊กๆ ไม่ยอมรับตัง “ไม่รับใช่มั๊ย?” เราถามครั้งสุดท้าย พร้อมสะบัดบั้นท้ายงามๆ เดินออกมา ดีค่ะ....นั่งรถฟรีไม่เสียซะบาท พี่อยากเรียกรถพาหนูมาต้ม พี่ก็รับผิดชอบไปเองนะคะ พอดีคนที่พี่พามาด้วยมหาสมุทรเรียก “ท่านพี่” อ่าค่ะ
หลังจากหันหลังให้แก๊งค์ต้มตุ๋นแล้ว สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็น่าจะเป็นวัดนี่แหละ เราเลยเดินเข้าไปแล้วสอบถามตรงๆ จ่ายค่าเข้า ฝากรองเท้าแล้วเริ่มเดินสำรวจวัด ตอนไปด้านในกำลังมีพิธีพอดี
พอเสร็จพิธีด้านในเราก็เดินรอบๆ วัดเห็นคนตักน้ำรดรอบต้นโพธิ์ก็ทำตามเพื่อความเป็นสิริมงคล
แล้วก็สำรวจบริเวณวัดรอบๆ จนสบายใจแล้ว (และรู้สึกว่าคุ้มกับค่าเข้าแล้ว) เราก็เดินออกมา เพื่อไปยัง Fort
แต่ตอนนั้นคือเปิดแผนที่แล้วเห็นว่ามันมี Slave Island ที่ต้องเดินไปทางด้านขวา ซึ่งเป็นคนละด้านกับถนนใหญ่ที่จะเดินตรงไป Fort พอเดินไปแถวนั้นถามคนแถวนั้นก็อธิบายอะไรไม่ได้เราเลยเดินไปเรื่อยๆ
เดินตามแผนที่จน “หลงทาง” หลงเดินเข้าไปในเขตทหาร เค้าก็พยายามอธิบายให้เดินย้อนกลับไปใหม่ พอย้อนกลับไปเดินไปจนสุดก็ยังไม่ใช่ โอ้ย.....ไม่หาต่อแล้ว ไป Fort ดีกว่า ระหว่างทางเห็นตึกสีสันน่ารักเลยถ่ายเก็บไว้ พอมองไปที่หน้าต่าง "มีต้นไม้งอกออกมา!!!"
จากจุดนั้นเราต้องพยายามเดินออกไปทางถนนใหญ่ ซึ่งอันนี้ถือเป็นความคิดที่ผิดพลาดมาก เพราะถนนใหญ่มัน “ร้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนน....มากกกกกกกกกกกกกก” จากเดินที่ค่อยๆ เดิน กลายเป็นรีบๆ เดิน เพราะแดดมันเผาหน้า (ไม่ทาครีมกันแดด) จนแสบไปหมด กว่าจะเดินถึง Fort ก็ปาไปเป็นชั่วโมง
พอเดินเข้า Fort ก็เดินตามตึกต่างๆ ที่ระบุใน Lonely Planet เรียกได้ว่าเดินแถบนั้นจนครบ จากใต้ไปเหนือ จากตะวันตกจรดตะวันออก เป้าหมายสำหรับฝั่งตะวันออกคืออยากเห็น Self-Employ market แต่พอไปถึง....เอิ่ม....ตลาดขายผักดีๆ นี่เอง
บรรยากาศภายใน Fort
เดินไปทางตะวันออกเพื่อตามหา Self-Employ Market
และในที่สุดเราก็มาถึง Self-Employ Market!!!
พอได้เห็น Self-Employ market สมใจแล้วก็เดินกลับมาแถว Fort อีกครั้ง แต่ระหว่างทางรถติดมาก แต่มันไม่มีผลอะไรกับเราเพราะเราเดิน แต่แค่อยากรู้ว่ามันติดอะไรนักหนา พอเดินถึงจุดที่มันเริ่มติดก็อ๋อ...มันมีขบวนแห่อะไรซะอย่าง น่าจะเกี่ยวกับการทำบุญแหละมั๊ง
พอถึง Fort คราวนี้หาร้านกาแฟนั่ง (ไม่กินกาแฟ แค่อยากนั่ง) จุดนี้ต้องการ Wifi เพื่อหาร้านนวด แต่ที่เห็นมีแต่แบบไกลๆ ส่วนใกล้สุดก็อยู่ฝั่งตรงข้าม จุดนี้คือเพิ่งจะบ่ายสาม แล้วไม่รู้จะไปไหนต่อ อีกอย่างขาก็เมื่อยมาก เลยจำใจยอมเข้าสปา แล้วเค้าถามว่าจะกรรคิ้วด้วยมั๊ย? เราก็แบบเออลองดู (ปกติไม่เคยกรรเลย) มันเป็นคำตอบที่ถ้าเรียกคืนได้อยากจะเรียกคืนมาก!!! เค้าใช้ด้ายในการกำจัดขนคิ้ว!!! อ๊ากกกกกกกก.....มันคือความเจ็บปวด! สาบานว่าชาตินี้จะไม่มีการยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สอง!!!
กว่าจะออกจากร้านพระอาทิตย์ก็ตกดิน เดินออกมาเจอร้าน Minsitry of Crab อยู่ตรงนั้นพอดี แต่เมื่อวานกินไปแล้ว วันนี้คงไม่กินอีก ได้แค่เดินผ่านแล้วค่อยๆ เดินกลับไปที่โรงแรม ใช่ค่ะ! เดินอีก 5 กม แต่เดินตอนกลางคืนมันเย็นสบายกว่าเยอะ ไม่ต้องรีบ ไม่มีเหงื่อ เดินชิวๆ
ระหว่างทางผ่านร้านร้านหนึ่ง โอโห้! รถจอดอย่างเต็ม เราเลยแวะเข้าไปดูเผื่อเป็นร้านอาหารจะได้ลองดูซะหน่อย แต่พอเข้าไปแล้วมันไม่ใช่ค่ะ...มันคือ "ร้านไอติม" ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วก็ลองหน่อยละกัน แต่ตอนแรกๆ นี่แอบกลับเรื่องราคาเล็กน้อย เพราะร้านมันดูใหญ่โตเหลือเกิน
กินเสร็จแล้วก็ต้องมุ่งหน้ากลับโรงแรมอย่างจริงจัง พอถึงแล้วรู้สึกเหนียวตัวมาก กะจะคว้า Sara Sara Sheet มาเช็ดตัวเลยขอเค้าเข้าห้องน้ำ แต่ จนท ใจดีกว่าที่คิดวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้เลยจ้า บอกว่าอาบน้ำได้ตามสบาย อร๊ายย...มันคือความฟินค่ะ
อาบน้ำเสร็จออกมารอแท็กซี่ พี่แท็กซี่ขับดีมากมาตลอดจนเข้า Express Way พี่แกขับเร็วมาก (แต่หนูไม่รีบค่ะ) นั่งไปตะโกนให้ระวังไป คุณพี่หันหลังมาถาม “ระวังอะไรเหรอ?” แล้วคือเท้ายังคงเหยียบสปีตเท่าเดิมทั้งๆ ที่หันมาทั้งตัวแบบนั้น! หันไปอีกทีเกือบชนกับคันหน้า!!! กว่าจะถึงสนามบินใจหายใจคว่ำไปหลายรอบ รอดครบ 32 ก็ถือว่าบุญแล้ว หลังจากโหลดกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปเห็นมีนวดเท้า อุ๊ย...อยากลอง แต่คิวยาวมากๆ จะนวด 20 นาที ไม่ให้ค่ะ!!! คิวยาวให้ได้แค่คนละ 10 นาที เป็น 10 นาทีที่เสียดายตังมาก ไม่รู้สึกถึงคำว่านวดเลย เหมือนเอามือมาลูบๆ เฉยๆ เฮ้อ....
หลังจากเสียตังไปกับเรื่องที่ไร้ประโยชน์แล้ว เราก็ต้องหาอะไรมาบำรุงบำเรอท้องเราซะหน่อย ที่สนามบินมี Burger King เราเลยจัดไป แต่ด้วยราคาที่ต้องจ่ายนี่แอบเสียดาย มันสามารถไปกินปูที่ Minister of Crab ได้เลยนะเนี่ย!! กินเสร็จคราวนี้ก็ถึงเวลาบินลัดฟ้ากลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนจริงๆ ซะที
จบรีวิวทริปศรีลังกาแล้วนะคะ ตอนนี้ที่เราเริ่มรีวิวต่อก็จะเป็นทริป Uganda-Rwanda-DR Congo ที่เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือน ติดตามอ่านต่อได้ตามลิงก์ด้านล่างเลยค่ะ
https://ppantip.com/topic/36953763
ถ้าชอบกระทู้ไหนก็ช่วยโหวตเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากเป็นเพื่อนกัน ก็ตามไปคุยหรือไปดูทริปอัพเดทได้ในเพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/ladylonelyplanet/
[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “ศรีลังกามีมากกว่าวัด” ตอนที่ 6 ละลายเวลาใน Colombo ก่อนกลับไทย
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง และก้าวย่างแรกในศรีลังกา
https://ppantip.com/topic/36759102/
ตอนที่ 1 ครึ่งวันปั่นทั่วเมืองเมืองโบราณ Anuradhapura
https://ppantip.com/topic/36765423
ตอนที่ 2 เป็นคนแสนดีแวะเมือง Kandy เข้าวัดเข้าวา
https://ppantip.com/topic/36772330
ตอนที่ 3 Adam’s Peak มุ่งมั่นตั้งใจ ทำได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง
https://ppantip.com/topic/36779762
ตอนที่ 4 สุดปลายฟ้าศรีลังกาที่ World’s End
https://ppantip.com/topic/36786308
ตอนที่ 5 ดิ่งลงใต้ไปชายทะเลที่ Galle
https://ppantip.com/topic/36961909
สะดุ้งตื่นตอนที่สายมากแล้ว เลยต้องรีบอาบน้ำ เช็คเอาท์แล้วหาวิธีไปสนามบินสำหรับคืนนี้ หลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มานั่งสงบสติแล้วบอกตัวเองว่า “จะรีบไปไหน? วันนี้ยังไม่แพลนอะไรเลยซะอย่าง!!!” คิดได้แบบนั้นแล้วค่อยๆ เปิดหนังสือดูว่าจะไปไหนดี แรกๆ ก็ว่าจะไป Gangurayama แต่ใส่ขาสั้น วัดไม่น่าจะให้เราเข้า เลยตั้งใจว่าเดินไป Fort เลยละกัน ระยะทางจากที่พักไป Fort ก็ประมาณ 5 กม. ไหนๆ ก็ว่างทั้งวัน งั้นก็เดินชิวๆ ละกัน
ระหว่างที่เดินเลยแวะกิน Mc ก่อนเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มี Junk Food แบบที่ชื่นชอบตกลงกระเพาะเลย นี่คือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการปรนเปรอท้องในวันนี้ ออกจากร้าน Mc กำลังจะเดินตรงไป Fort ก็มีผู้ชายมาชวนคุย บอกว่าวัด Gungurayama จะมีพิธีในอีกครึ่งชั่วโมง ชวนเราไปด้วย แล้วคือยังไม่ได้บอกว่าจะไปเลยก็เรียกตุ๊กๆ แล้วลากเราขึ้นรถ เราก็คิดว่าตุ๊กๆ มันก็เปิดโล่งคงไม่มีอะไร แล้วมันก็มุ่งไปทางวัดจริงๆ
พอถึงวัดหันไปบอกตุ๊กๆ ให้รอ เราก็งง ไม่ต้องจ่ายตังเหรอ? แต่ก็ช่างมัน เราไม่ได้เป็นคนเรียก เราไม่จ่ายอยู่แล้ว (เต็มที่ก็แค่ยอมหารด้วย) พอเดินเข้าวัดก็ลากเราไปจ่ายค่าเข้าวัด เราเลยถามกลับว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นต้องจ่าย ทำไมเราต้องจ่าย? เราก็ยื้ออยู่อย่างงั้น จนผู้ชายคนนั้นบอกว่าไม่จ่ายตังเข้าวัด ก็กลับไปจ่ายค่าตุ๊กๆ เราก็โอเค เดินกลับไป ตุ๊กๆ บอกเท่าไหร่เราฟังไม่ออก แต่ผู้ชายคนนั้นบอก 1000 รูปี จะบ้าเหรอ??? ใกล้ๆ แค่นี้ 100 รูปีก็พอแล้วมั๊ง เราเลยยื่นให้ 50 รูปี บอกว่าอีก 50 รูปีเอากับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนั้นหันไปคุยอะไรกับตุ๊กๆ ไม่รู้ ตุ๊กๆ ไม่ยอมรับตัง “ไม่รับใช่มั๊ย?” เราถามครั้งสุดท้าย พร้อมสะบัดบั้นท้ายงามๆ เดินออกมา ดีค่ะ....นั่งรถฟรีไม่เสียซะบาท พี่อยากเรียกรถพาหนูมาต้ม พี่ก็รับผิดชอบไปเองนะคะ พอดีคนที่พี่พามาด้วยมหาสมุทรเรียก “ท่านพี่” อ่าค่ะ
หลังจากหันหลังให้แก๊งค์ต้มตุ๋นแล้ว สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็น่าจะเป็นวัดนี่แหละ เราเลยเดินเข้าไปแล้วสอบถามตรงๆ จ่ายค่าเข้า ฝากรองเท้าแล้วเริ่มเดินสำรวจวัด ตอนไปด้านในกำลังมีพิธีพอดี
พอเสร็จพิธีด้านในเราก็เดินรอบๆ วัดเห็นคนตักน้ำรดรอบต้นโพธิ์ก็ทำตามเพื่อความเป็นสิริมงคล
แล้วก็สำรวจบริเวณวัดรอบๆ จนสบายใจแล้ว (และรู้สึกว่าคุ้มกับค่าเข้าแล้ว) เราก็เดินออกมา เพื่อไปยัง Fort
แต่ตอนนั้นคือเปิดแผนที่แล้วเห็นว่ามันมี Slave Island ที่ต้องเดินไปทางด้านขวา ซึ่งเป็นคนละด้านกับถนนใหญ่ที่จะเดินตรงไป Fort พอเดินไปแถวนั้นถามคนแถวนั้นก็อธิบายอะไรไม่ได้เราเลยเดินไปเรื่อยๆ
เดินตามแผนที่จน “หลงทาง” หลงเดินเข้าไปในเขตทหาร เค้าก็พยายามอธิบายให้เดินย้อนกลับไปใหม่ พอย้อนกลับไปเดินไปจนสุดก็ยังไม่ใช่ โอ้ย.....ไม่หาต่อแล้ว ไป Fort ดีกว่า ระหว่างทางเห็นตึกสีสันน่ารักเลยถ่ายเก็บไว้ พอมองไปที่หน้าต่าง "มีต้นไม้งอกออกมา!!!"
จากจุดนั้นเราต้องพยายามเดินออกไปทางถนนใหญ่ ซึ่งอันนี้ถือเป็นความคิดที่ผิดพลาดมาก เพราะถนนใหญ่มัน “ร้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนน....มากกกกกกกกกกกกกก” จากเดินที่ค่อยๆ เดิน กลายเป็นรีบๆ เดิน เพราะแดดมันเผาหน้า (ไม่ทาครีมกันแดด) จนแสบไปหมด กว่าจะเดินถึง Fort ก็ปาไปเป็นชั่วโมง
พอเดินเข้า Fort ก็เดินตามตึกต่างๆ ที่ระบุใน Lonely Planet เรียกได้ว่าเดินแถบนั้นจนครบ จากใต้ไปเหนือ จากตะวันตกจรดตะวันออก เป้าหมายสำหรับฝั่งตะวันออกคืออยากเห็น Self-Employ market แต่พอไปถึง....เอิ่ม....ตลาดขายผักดีๆ นี่เอง
บรรยากาศภายใน Fort
เดินไปทางตะวันออกเพื่อตามหา Self-Employ Market
และในที่สุดเราก็มาถึง Self-Employ Market!!!
พอได้เห็น Self-Employ market สมใจแล้วก็เดินกลับมาแถว Fort อีกครั้ง แต่ระหว่างทางรถติดมาก แต่มันไม่มีผลอะไรกับเราเพราะเราเดิน แต่แค่อยากรู้ว่ามันติดอะไรนักหนา พอเดินถึงจุดที่มันเริ่มติดก็อ๋อ...มันมีขบวนแห่อะไรซะอย่าง น่าจะเกี่ยวกับการทำบุญแหละมั๊ง
พอถึง Fort คราวนี้หาร้านกาแฟนั่ง (ไม่กินกาแฟ แค่อยากนั่ง) จุดนี้ต้องการ Wifi เพื่อหาร้านนวด แต่ที่เห็นมีแต่แบบไกลๆ ส่วนใกล้สุดก็อยู่ฝั่งตรงข้าม จุดนี้คือเพิ่งจะบ่ายสาม แล้วไม่รู้จะไปไหนต่อ อีกอย่างขาก็เมื่อยมาก เลยจำใจยอมเข้าสปา แล้วเค้าถามว่าจะกรรคิ้วด้วยมั๊ย? เราก็แบบเออลองดู (ปกติไม่เคยกรรเลย) มันเป็นคำตอบที่ถ้าเรียกคืนได้อยากจะเรียกคืนมาก!!! เค้าใช้ด้ายในการกำจัดขนคิ้ว!!! อ๊ากกกกกกกก.....มันคือความเจ็บปวด! สาบานว่าชาตินี้จะไม่มีการยอมให้ใครมาทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สอง!!!
กว่าจะออกจากร้านพระอาทิตย์ก็ตกดิน เดินออกมาเจอร้าน Minsitry of Crab อยู่ตรงนั้นพอดี แต่เมื่อวานกินไปแล้ว วันนี้คงไม่กินอีก ได้แค่เดินผ่านแล้วค่อยๆ เดินกลับไปที่โรงแรม ใช่ค่ะ! เดินอีก 5 กม แต่เดินตอนกลางคืนมันเย็นสบายกว่าเยอะ ไม่ต้องรีบ ไม่มีเหงื่อ เดินชิวๆ
ระหว่างทางผ่านร้านร้านหนึ่ง โอโห้! รถจอดอย่างเต็ม เราเลยแวะเข้าไปดูเผื่อเป็นร้านอาหารจะได้ลองดูซะหน่อย แต่พอเข้าไปแล้วมันไม่ใช่ค่ะ...มันคือ "ร้านไอติม" ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วก็ลองหน่อยละกัน แต่ตอนแรกๆ นี่แอบกลับเรื่องราคาเล็กน้อย เพราะร้านมันดูใหญ่โตเหลือเกิน
กินเสร็จแล้วก็ต้องมุ่งหน้ากลับโรงแรมอย่างจริงจัง พอถึงแล้วรู้สึกเหนียวตัวมาก กะจะคว้า Sara Sara Sheet มาเช็ดตัวเลยขอเค้าเข้าห้องน้ำ แต่ จนท ใจดีกว่าที่คิดวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้เลยจ้า บอกว่าอาบน้ำได้ตามสบาย อร๊ายย...มันคือความฟินค่ะ
อาบน้ำเสร็จออกมารอแท็กซี่ พี่แท็กซี่ขับดีมากมาตลอดจนเข้า Express Way พี่แกขับเร็วมาก (แต่หนูไม่รีบค่ะ) นั่งไปตะโกนให้ระวังไป คุณพี่หันหลังมาถาม “ระวังอะไรเหรอ?” แล้วคือเท้ายังคงเหยียบสปีตเท่าเดิมทั้งๆ ที่หันมาทั้งตัวแบบนั้น! หันไปอีกทีเกือบชนกับคันหน้า!!! กว่าจะถึงสนามบินใจหายใจคว่ำไปหลายรอบ รอดครบ 32 ก็ถือว่าบุญแล้ว หลังจากโหลดกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปเห็นมีนวดเท้า อุ๊ย...อยากลอง แต่คิวยาวมากๆ จะนวด 20 นาที ไม่ให้ค่ะ!!! คิวยาวให้ได้แค่คนละ 10 นาที เป็น 10 นาทีที่เสียดายตังมาก ไม่รู้สึกถึงคำว่านวดเลย เหมือนเอามือมาลูบๆ เฉยๆ เฮ้อ....
หลังจากเสียตังไปกับเรื่องที่ไร้ประโยชน์แล้ว เราก็ต้องหาอะไรมาบำรุงบำเรอท้องเราซะหน่อย ที่สนามบินมี Burger King เราเลยจัดไป แต่ด้วยราคาที่ต้องจ่ายนี่แอบเสียดาย มันสามารถไปกินปูที่ Minister of Crab ได้เลยนะเนี่ย!! กินเสร็จคราวนี้ก็ถึงเวลาบินลัดฟ้ากลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนจริงๆ ซะที
จบรีวิวทริปศรีลังกาแล้วนะคะ ตอนนี้ที่เราเริ่มรีวิวต่อก็จะเป็นทริป Uganda-Rwanda-DR Congo ที่เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือน ติดตามอ่านต่อได้ตามลิงก์ด้านล่างเลยค่ะ
https://ppantip.com/topic/36953763
ถ้าชอบกระทู้ไหนก็ช่วยโหวตเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากเป็นเพื่อนกัน ก็ตามไปคุยหรือไปดูทริปอัพเดทได้ในเพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/ladylonelyplanet/