หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “ศรีลังกามีมากกว่าวัด” ตอนที่ 2 เป็นคนแสนดีแวะเมือง Kandy เข้าวัดเข้าวา
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
Backpack
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศศรีลังกา
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง และก้าวย่างแรกในศรีลังกา
https://ppantip.com/topic/36759102/
ตอนที่ 1 ครึ่งวันปั่นทั่วเมืองเมืองโบราณ Anuradhapura
https://ppantip.com/topic/36765423
จุดหมายปลายทางของการเดินทางของเราวันนี้คือเมือง Kandy แน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ไปศรีลังกาก็ต้องไปวัดพระเขี้ยวแก้ว เราเองในฐานะพุทธศาสนิกชน (ที่ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่) ก็ตั้งใจว่าจะต้องไปที่นี่ให้ได้ เหตุผลหลักๆ คือจะได้เอากลับมาคุยเกทัพกับที่บ้านได้ เพราะตอนที่ป๊าม๊ามาเที่ยวกับทัวร์เอากลับไปเล่าเป็นตุเป็นตะ ถ้าเรามาแล้วไม่มีเรื่องกลับไปเล่าเกทัพเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามาไม่ถึง บ้านนี้แข่งกันอวดที่เที่ยวตลอดเวลา ต้องมีสติและตามทันอยู่เสมอ เช่นถ้าเค้าอวดน้ำตกไนแองการ่าที่เราไม่เคยไป เราต้องรีบงัดเอาน้ำตก Iguazu มาข่มทับ เพราะน้ำตกเราใหญ่กว่า จากนั้นเค้าจะเปิดไพ่สุดท้ายด้วยที่พักประชิดติดริมน้ำตกสุดหรู เพราะรู้ว่าเรามีปัญญานอน Guesthouse แบบรูหนูเท่านั้น สุดท้ายเราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป (จริงๆ คืออ่อนข้อให้ป๊าม๊า ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง 555)
กลับมาเข้าเรื่องศรีลังกาของเราต่อดีกว่า วิธีที่เราจะไป Kandy คือจะต้องนั่งรถประจำทางไป ซึ่งมันจะออกตอน 6:30 น. นั่นหมายถึงเราต้องออกจาก รร. ตั้งแต่ 6 โมงเช้า เรารีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าตั้งแต่ 5:30 น. จากนั้นออกมาเตรียม Check-out แต่ที่ Reception ไม่มีคน แล้วชั้นจะออกไปยังไง? ประตูก็ปิด หมาก็เห่าไม่หยุดแบบนี้? พอใกล้ 6 โมงเช้าเราก็เริ่มเครียดจริงจัง สุดท้ายเลยยอมเสียตังโทรเข้าเบอร์มือถือของ Guesthouse ให้เค้ามารับกุญแจคืน เค้างัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วบอกอย่างรำคาญๆ ว่าจะ Check-out ก็วางกุญแจทิ้งไว้ ประตูใหญ่ก็ไม่ได้ล็อก เดินออกไปได้เลย!!! ใครจะไปคิดว่ามันจะง่ายแบบนี้เล่า!!!
แต่เจ้าหน้าที่ Guesthouse ยังมีน้ำใจ เดินมาเรียกรถให้เราพร้อมกำชับว่าเราจะไป Kandy ให้ไปส่งตรงรถที่ไป Kandy เลย ซึ่งตุ๊กๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม รอส่งจนเราขึ้นรถแล้วค่อยจากไป รถประจำทางที่นี่ไม่ค่อยผิดเวลามาเท่าไหร่ อาจจะเลทประมาณ 5-10 นาที ก็ออกเดินทาง ตลอดทางเราก็ทำสิ่งที่ถนัดที่สุดคือ “การนอนบนรถ”
ประมาณ 10 โมงเช้ารถเข้ามาจอดเลยสถานีรถไฟไปหน่อย ไหนๆ ก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟแล้วเราเลยเดินย้อนกลับไปเพื่อไปซื้อตั๋วสำหรับไป Hotton เย็นนี้ ไปถึงสถานีเจ้าหน้าที่ดีมากๆ คุยดี พูดจาดี แต่ที่ไม่ดีคือกฎการซื้อตั๋ว รถไฟรอบ 5 โมงเย็น จะเปิดให้ซื้อตั๋วตอน 4 โมงเย็นเท่านั้น!!! งั้นเราไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่แล้วกัน แต่ช้าก่อน...เราคงไม่บ้าพลังหอบกระเป๋าเสื้อผ้าไปกับเราทุกที่แน่นอน และโชคดีตรงที่สถานีรถไฟนี้มีบริการรับฝากกระเป๋าด้วย ราคา 50 รูปีเท่านั้น พอออกจากสถานีรถไฟมาจะมีตุ๊กๆ มาคอยเรียกตลอดเวลา แต่ด้วยความตั้งมั่นว่า “ชั้นจะเดิน” เลยเปิดมือถือแล้วเดินตามแผนที่ไป
ซึ่งทางที่แผนที่มันบอกนี่คือขึ้นเขาลงห้วยมากๆ บางจุดคือมันสามารถเดินข้างล่างที่เป็นทางราบได้ มันก็ไม่แนะนำ เรามารู้อีกทีคือตอนเดินถึงข้างล่างแล้วว่าทำไมชั้นต้องโง่เดินขึ้นๆ ลงๆ เนินด้วยนะ!!! แต่การเดินขึ้นเนินทำให้เราเห็นพระองค์ใหญ่จากมุมสูง ตอนนี้เลยได้ไอเดียว่าหลังจากวัดพระเขี้ยวแก้วแล้วเราจะไปที่วัดที่มีพระใหญ่นี่แหละ
พอลงจากเนินแล้วข้ามถนนเราก็จะเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยโรงแรมหรูรอบด้าน เราก็ได้แต่มอง ม๊อง มอง ว่าซะวันชั้นจะนอนไฮโซกะเค้าบ้าง แต่ตอนนี้เดินชมทะเลสาบ แล้วหาทางไปวัดก่อนดีกว่า
พอมาถึงวัดเปิดดูกระเป๋าตังค์ เงินรูปีก็ช่างร่อยหรอลงไปทุกที ถึงเวลาต้องแลกแล้วสินะ เราเคยอ่านรีวิวว่าแลกเงินตามร้าน Jewerly จะได้เรทดีกว่าธนาคาร แต่คือมันไม่มีป้ายบอกว่าร้านไหนรับแลกเงินบ้าง เราเลยเดินเข้าเดินออกอยู่สองสามร้านจนในที่สุดก็เจอ ที่นี่นอกจากแลกเงิน USD แล้ว ยัง Welcome เงินไทยด้วย เพราะคนศรีลังกาเองก็ชอบไปประเทศไทย ในตลาดเลยมี Demand เงินบาท แต่เรทนี่เน่ามากๆ เอาเป็นว่าตราบใดที่ยังมี USD ในมือคงจะยังไม่ปล่อยให้เงินบาทกระเด็นออกจากกระเป๋าแน่นอน
ถนนหน้าวัด
แลกเงินเสร็จก็หาร้านอาหาร ตอนนั้นนี่คือเล็ง Pizza Hut ไว้เลย แต่มันยังไม่ถึงเวลาเปิด (ที่นี่เปิดสายมาก แต่จำไม่ได้ว่ากี่โมง) เราเลยถามร้าน Jewerly ว่ามีอะไรกินบ้าง ก็ได้คำตอบว่าตรงข้ามร้านมี 2 ร้าน ร้านซ้ายที่คนเยอะๆ เป็นมังสวิรัต (แน่นอนว่าเรามองผ่านทันที เพราะเราไม่ถูกกับผัก) ส่วนร้านขวาคนจะน้อยหน่อยอันนี้ขายอาหารทั่วไป แต่พอเราไปถึงคือ อาหารกลางวันยังทำไม่เสร็จดี มีแต่อาหารเช้า (ซึ่งไม่มีเนื้อสัตว์) เรานี่น้ำตาไหลพราก พยายามต่อรองสุดฤทธิ์จนเค้าบอกว่า “แกงไก่” ใกล้เสร็จแล้วจะรอมั๊ย แหมๆๆๆ คำถามนี้ไม่น่าถาม ก็รอสิคะ!
พอท้องอิ่มกำลังขาก็ตามมา เราเดินข้ามถนนกลับไปวัดพระเขี้ยวแก้ว แต่ด้านข้างของวัดมีดอกไม้ที่ใช้บูชาวางขายอยู่ เราก็เลยจัดไปหนึ่งชุด (เห็นอย่างงี้ก็ธรรมะธัมโมอยู่บ้าง)
ก่อนเข้าไปจะต้องฝากรองเท้าไว้ด้านนอก และเสียเงินค่าบัตผ่านประตูก่อน ต่างชาติทั่วไป 1500 RP แต่สำหรับคนไทยและคนพม่าจ่ายแค่ 1000 RP พอได้ตั๋วแล้วเราก็ลุยเข้าไปด้านในเลย วันที่เราไปมันเป็นวันพฤหัสฯ แต่ทำไมคนถึงเยอะมากๆ ก็ไม่รู้ (หรือมันเยอะเป็นปกติ?) ระหว่างที่จะต่อแถวขึ้นไปด้านบนฝนก็เริ่มตกโปรยปรายลงมา
เราโชคดีมากคือตอนที่ไปเค้าเปิดให้คนเข้าไปถวายดอกไม้ด้านในได้เลย ได้ใกล้ชิดกับพระเขี้ยวแก้วมากๆ (แต่เค้าห้ามถ่ายรูป) รู้สึกเหมือนคนมีบุญ แต่!!! กรรมบัง จังหวะที่ถวายดอกไม้ขอพรเสร็จ กำลังจะเงยหน้าดูพระเขี้ยวแก้ว คนด้านหลังยกถาดดอกไม้มาเคาะหัวเราอย่างจัง ด้วยสัญชาตญาณเราเลยหันกลับไปดู พอจะหันหน้ามาดูพระเขี้ยวแก้วมันก็เป็นจังหวะแถวไหลๆๆๆ ออกไปด้านนอก สรุปว่า “อดเห็น”
แต่ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปต่อแถวใหม่ก็ได้ แค่คิดเท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่ประกาศปิดประตูพระเขี้ยวแก้ว ใครจะถวายดอกไม้ก็ถวายได้แต่ด้านนอกเท่านั้น โอ้ว....หรือเราเป็นคนบาปหนาจริงจัง? พอไม่ได้เห็นแล้วก็เลยตัดสินใจเดินรอบๆ วัด แล้วถ่ายรูปเก็บกลับไปอวดที่บ้านดีกว่า
เดินด้านในจนครบหมดแล้วเราก็ออกมาเอารองเท้าแล้วถ่ายรูปตัวเองคู่กับด้านนอกวัดซะหน่อย เดี๋ยวแก่ไปจะจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่แล้ว เสร็จแล้วพอออกจากวัดหันไปเห็น Agency ขายตั๋วเลยลองไปถามเผื่อมีตั๋วรถไฟไป Hotton จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงที่สถานีรถไฟ แต่ปรากฏว่าไม่มีจ้า พอถามตั๋วเครื่องบินในประเทศสำหรับทริปที่เหลือคำตอบที่ได้คือ “เต็ม” เอาแล้วชั้น แล้วจะเที่ยวยังไง จะกลับไปสนามบินยังไงล่ะทีนี้ ด้วยความที่เป็นคนคิดน้อยเลยคิดออกแค่ “ช่างมัน เที่ยวก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปหาเอาข้างหน้าก็ได้”
เราเดินอ้อมมาทางหลังวัดเห็นมี Café น่ารักๆ อยู่สองสามร้านเราเลยขอแวะพัก เอาร้านที่มี wifi เท่านั้นเผื่อจะดูว่าต้องเดินทางอะไรยังไงต่อไปดี นั่งสักพักจนเริ่มเบื่อเลยคิดว่าออกไปวัดพระใหญ่ๆ ที่อยู่บนเขาที่เราเห็นเมื่อกี้ดีกว่า พอออกมาเห็นรถตุ๊กๆ จอดหน้าตึกโบราณๆ มันก็ดูน่ารักดี
เราเดินตามแผนที่มาโดยตลอดผ่านตลาด ผ่านชุมชน แป๊บๆ ฝนก็ตก อีกแป๊บแดดก็ออก คือเดินๆ วิ่งๆ หลบฝนตลอดทาง พอเริ่มมีสติมองไปด้านหน้า เอ๊ะ! ทำไมเหมือนไม่มีทางคนเดิน? สรุปคือต้องเดินข้ามกำแพงขึ้นไปด้านบน แล้วจะเจอทางขึ้นเขา แรกๆ ก็ยังเดินอยู่หรอก แต่พอคิดอีกทีนั่งรถดีกว่า เราต่อราคามาได้ที่ 100 รูปี ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก เพราะทางมันช่างแสนยาวไกลและคดเคี้ยว ตุ๊กๆ มาส่งถึงปากทางแล้วถามว่าจะให้รอมั๊ย? ด้วยความหยิ่งและงก (มาก) เลยบอกไม่ต้องรอเดี๋ยวเดินกลับเอง
บนนี้นอกจากพระใหญ่แล้ววิวเมืองจากด้านบนก็สวยไม่เบาเลยทีเดียว นี่ขนาดวันฝนตกนะเนี่ย ถ้าอยู่จนพระอาทิตย์ตกเราว่ามันคงสวยน่าดู
ชื่อสินค้า:
Kandy, Sri Lanka
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
จะไปไหว้พระเขี้ยวแก้วจอดรถที่อาคารรับฝากรถบางลำภู จะดีหรือไม่
ตั้งใจจะไปไหว้พระเขี้ยวแก้วในวัยจันทร์ที่ 30 ธ.ค.นี้ ไม่ค่อยคุ้นเคยเสันทาง เลยตั้งใจไปจอดที่ อาคารรับฝากบางลำภู คงไปไปถึงสายๆซัก 9 โมง เลยมาขอคำแนะนำว่ามีที่ที่เหมาะสมกว่านี้หรือไม่ครับ&nb
Alone-People
แสวงบุญที่ศรีลังกาคะ
เราได้ไปร่วมทริปเปิดเส้นทางที่ประเทศศรีลังกา(Sri Lanka)ประเทศนี้เป็นอีกจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการแสวงบุญที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของเอเชียใต้ น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ประเทศศรีลังกามีอะไรให้ค้นหาอีกม
สมาชิกหมายเลข 968439
เช่ารถเที่ยวจาก Negombo ไป Kandy
มีเวลาว่าง 1 วันในศรีลังกาเลยอยากไปวัดเขี้ยวแก้วที่ Kandy เลยติดต่อซื้อ package tour ราคา 70$ ไม่รวมตั๋วค่าเข้า คุ้มไหมครับ ขอคำแนะนำด้วย
อยากเดินทาง
ถามเรื่องเที่ยว Kandy - Nuwara Eliya (ศรีลังกา) 3 วันครับ
พอดีผมมีแผนเที่ยวศรีลังกา 4 วันครับ โดยวางไว้แล้วว่าจะไป 2 เมืองคือ Kandy - ไปชมวัดพระเขี้ยวแก้ว และชมเมืองหลวงเก่า Nuwara Eliya - เมืองนี้คือจุดประสงค์หลักของทริป อยากไปดูไร่ชาและขึ้นเขาสูง แผนเดิน
jiggawatt
ศรีลังกา แบ่งปันประสบการณ์ก่อนจาก
อยากให้ความเห็นเล็กๆน้อยๆจากการไปเที่ยวศรีลังกา 12 วัน วันที่ 6-17 มีนาคม เข้า 5 เมือง Colombo, Galle, Matara, Badulla, Kandy เพื่ออัปเดทข้อมูลสำหรับ backpacker ดังนี้ (นั่งเขียนที่เมือง Kandy) 1. อั
นกเถื่อน
ไปไหว้พระเขี้ยวแก้วที่ศรีลังกานี่ ควรไปช่วงงานพิธีแห่ไหมครับ ?
คือกำลังสนใจไปไหว้พระเขี้ยวแก้วที่ศรีลังกา ซึ่งมีหลายทัวร์จัด และออกแทบทั้งปี แต่ถ้าจะไปช่วงมีพิธีแห่พระเขี้ยวแก้ว จะมีระหว่างปลายก.ค. ถึงต้นส.ค. ค่าทัวร์ก็จะแพงกว่าด้วยครับ เลยอยากถามความเห็นว่าท่าน
kugar
รถไฟความเร็วปานกลางของลาวจากหลวงพระบางไปเวียงจันทน์ เราสามารถจองตั๋วที่สถานีแล้วรอขึ้นเลยได้มั้ยครับ หรือต้องจองล่วงหน้า
ถ้าซื้อแล้วเดินทางเลย ได้มั้ยครับ ราคาเท่าไหร่ ในเส้นทางนี้ครับ ขอบคุณครับ
สมาชิกหมายเลข 6392772
พระเขี้ยวแก้วมีอยู่ที่ไหนบ้าง?
พระเขี้ยวแก้ว หรือ พระทันตธาตุ เป็นหนึ่งในพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาและศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา พระเขี้ยวแก้วถือเป็นหนึ่งใน
tonight8
พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
เชิญชวนพุทธศาสนิกชน และบอกต่อพี่ๆในเพจ เที่ยววัดไทย teawwatthai ร่วมสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑป มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งรัฐบาลได้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระช
เที่ยววัดไทย
ขอแชร์รายละเอียดบางส่วน เมื่อไปสักการะพระเขี้ยวแก้ว วัดหลิงกวง ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
จขกท.ไปสักการะเมื่อวันที่ 5/12/2567 ค่ะ ไปถึงตอน 7 โมงเช้า คนเริ่มมากันเยอะแล้ว 1. จนท.ไม่อนุญาตให้จอดรถที่ท้องสนามหลวง เลยไปจอดที่วัดมหาธาตุฯ (จุดจอดรถที่จนท.แจ้งคือ ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ท่าม
Blue Tangmo
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
Backpack
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศศรีลังกา
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 21
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “ศรีลังกามีมากกว่าวัด” ตอนที่ 2 เป็นคนแสนดีแวะเมือง Kandy เข้าวัดเข้าวา
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง และก้าวย่างแรกในศรีลังกา
https://ppantip.com/topic/36759102/
ตอนที่ 1 ครึ่งวันปั่นทั่วเมืองเมืองโบราณ Anuradhapura
https://ppantip.com/topic/36765423
จุดหมายปลายทางของการเดินทางของเราวันนี้คือเมือง Kandy แน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ไปศรีลังกาก็ต้องไปวัดพระเขี้ยวแก้ว เราเองในฐานะพุทธศาสนิกชน (ที่ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่) ก็ตั้งใจว่าจะต้องไปที่นี่ให้ได้ เหตุผลหลักๆ คือจะได้เอากลับมาคุยเกทัพกับที่บ้านได้ เพราะตอนที่ป๊าม๊ามาเที่ยวกับทัวร์เอากลับไปเล่าเป็นตุเป็นตะ ถ้าเรามาแล้วไม่มีเรื่องกลับไปเล่าเกทัพเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรามาไม่ถึง บ้านนี้แข่งกันอวดที่เที่ยวตลอดเวลา ต้องมีสติและตามทันอยู่เสมอ เช่นถ้าเค้าอวดน้ำตกไนแองการ่าที่เราไม่เคยไป เราต้องรีบงัดเอาน้ำตก Iguazu มาข่มทับ เพราะน้ำตกเราใหญ่กว่า จากนั้นเค้าจะเปิดไพ่สุดท้ายด้วยที่พักประชิดติดริมน้ำตกสุดหรู เพราะรู้ว่าเรามีปัญญานอน Guesthouse แบบรูหนูเท่านั้น สุดท้ายเราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป (จริงๆ คืออ่อนข้อให้ป๊าม๊า ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง 555)
กลับมาเข้าเรื่องศรีลังกาของเราต่อดีกว่า วิธีที่เราจะไป Kandy คือจะต้องนั่งรถประจำทางไป ซึ่งมันจะออกตอน 6:30 น. นั่นหมายถึงเราต้องออกจาก รร. ตั้งแต่ 6 โมงเช้า เรารีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าตั้งแต่ 5:30 น. จากนั้นออกมาเตรียม Check-out แต่ที่ Reception ไม่มีคน แล้วชั้นจะออกไปยังไง? ประตูก็ปิด หมาก็เห่าไม่หยุดแบบนี้? พอใกล้ 6 โมงเช้าเราก็เริ่มเครียดจริงจัง สุดท้ายเลยยอมเสียตังโทรเข้าเบอร์มือถือของ Guesthouse ให้เค้ามารับกุญแจคืน เค้างัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วบอกอย่างรำคาญๆ ว่าจะ Check-out ก็วางกุญแจทิ้งไว้ ประตูใหญ่ก็ไม่ได้ล็อก เดินออกไปได้เลย!!! ใครจะไปคิดว่ามันจะง่ายแบบนี้เล่า!!!
แต่เจ้าหน้าที่ Guesthouse ยังมีน้ำใจ เดินมาเรียกรถให้เราพร้อมกำชับว่าเราจะไป Kandy ให้ไปส่งตรงรถที่ไป Kandy เลย ซึ่งตุ๊กๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม รอส่งจนเราขึ้นรถแล้วค่อยจากไป รถประจำทางที่นี่ไม่ค่อยผิดเวลามาเท่าไหร่ อาจจะเลทประมาณ 5-10 นาที ก็ออกเดินทาง ตลอดทางเราก็ทำสิ่งที่ถนัดที่สุดคือ “การนอนบนรถ”
ประมาณ 10 โมงเช้ารถเข้ามาจอดเลยสถานีรถไฟไปหน่อย ไหนๆ ก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟแล้วเราเลยเดินย้อนกลับไปเพื่อไปซื้อตั๋วสำหรับไป Hotton เย็นนี้ ไปถึงสถานีเจ้าหน้าที่ดีมากๆ คุยดี พูดจาดี แต่ที่ไม่ดีคือกฎการซื้อตั๋ว รถไฟรอบ 5 โมงเย็น จะเปิดให้ซื้อตั๋วตอน 4 โมงเย็นเท่านั้น!!! งั้นเราไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่แล้วกัน แต่ช้าก่อน...เราคงไม่บ้าพลังหอบกระเป๋าเสื้อผ้าไปกับเราทุกที่แน่นอน และโชคดีตรงที่สถานีรถไฟนี้มีบริการรับฝากกระเป๋าด้วย ราคา 50 รูปีเท่านั้น พอออกจากสถานีรถไฟมาจะมีตุ๊กๆ มาคอยเรียกตลอดเวลา แต่ด้วยความตั้งมั่นว่า “ชั้นจะเดิน” เลยเปิดมือถือแล้วเดินตามแผนที่ไป
ซึ่งทางที่แผนที่มันบอกนี่คือขึ้นเขาลงห้วยมากๆ บางจุดคือมันสามารถเดินข้างล่างที่เป็นทางราบได้ มันก็ไม่แนะนำ เรามารู้อีกทีคือตอนเดินถึงข้างล่างแล้วว่าทำไมชั้นต้องโง่เดินขึ้นๆ ลงๆ เนินด้วยนะ!!! แต่การเดินขึ้นเนินทำให้เราเห็นพระองค์ใหญ่จากมุมสูง ตอนนี้เลยได้ไอเดียว่าหลังจากวัดพระเขี้ยวแก้วแล้วเราจะไปที่วัดที่มีพระใหญ่นี่แหละ
พอลงจากเนินแล้วข้ามถนนเราก็จะเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยโรงแรมหรูรอบด้าน เราก็ได้แต่มอง ม๊อง มอง ว่าซะวันชั้นจะนอนไฮโซกะเค้าบ้าง แต่ตอนนี้เดินชมทะเลสาบ แล้วหาทางไปวัดก่อนดีกว่า
พอมาถึงวัดเปิดดูกระเป๋าตังค์ เงินรูปีก็ช่างร่อยหรอลงไปทุกที ถึงเวลาต้องแลกแล้วสินะ เราเคยอ่านรีวิวว่าแลกเงินตามร้าน Jewerly จะได้เรทดีกว่าธนาคาร แต่คือมันไม่มีป้ายบอกว่าร้านไหนรับแลกเงินบ้าง เราเลยเดินเข้าเดินออกอยู่สองสามร้านจนในที่สุดก็เจอ ที่นี่นอกจากแลกเงิน USD แล้ว ยัง Welcome เงินไทยด้วย เพราะคนศรีลังกาเองก็ชอบไปประเทศไทย ในตลาดเลยมี Demand เงินบาท แต่เรทนี่เน่ามากๆ เอาเป็นว่าตราบใดที่ยังมี USD ในมือคงจะยังไม่ปล่อยให้เงินบาทกระเด็นออกจากกระเป๋าแน่นอน
ถนนหน้าวัด
แลกเงินเสร็จก็หาร้านอาหาร ตอนนั้นนี่คือเล็ง Pizza Hut ไว้เลย แต่มันยังไม่ถึงเวลาเปิด (ที่นี่เปิดสายมาก แต่จำไม่ได้ว่ากี่โมง) เราเลยถามร้าน Jewerly ว่ามีอะไรกินบ้าง ก็ได้คำตอบว่าตรงข้ามร้านมี 2 ร้าน ร้านซ้ายที่คนเยอะๆ เป็นมังสวิรัต (แน่นอนว่าเรามองผ่านทันที เพราะเราไม่ถูกกับผัก) ส่วนร้านขวาคนจะน้อยหน่อยอันนี้ขายอาหารทั่วไป แต่พอเราไปถึงคือ อาหารกลางวันยังทำไม่เสร็จดี มีแต่อาหารเช้า (ซึ่งไม่มีเนื้อสัตว์) เรานี่น้ำตาไหลพราก พยายามต่อรองสุดฤทธิ์จนเค้าบอกว่า “แกงไก่” ใกล้เสร็จแล้วจะรอมั๊ย แหมๆๆๆ คำถามนี้ไม่น่าถาม ก็รอสิคะ!
พอท้องอิ่มกำลังขาก็ตามมา เราเดินข้ามถนนกลับไปวัดพระเขี้ยวแก้ว แต่ด้านข้างของวัดมีดอกไม้ที่ใช้บูชาวางขายอยู่ เราก็เลยจัดไปหนึ่งชุด (เห็นอย่างงี้ก็ธรรมะธัมโมอยู่บ้าง)
ก่อนเข้าไปจะต้องฝากรองเท้าไว้ด้านนอก และเสียเงินค่าบัตผ่านประตูก่อน ต่างชาติทั่วไป 1500 RP แต่สำหรับคนไทยและคนพม่าจ่ายแค่ 1000 RP พอได้ตั๋วแล้วเราก็ลุยเข้าไปด้านในเลย วันที่เราไปมันเป็นวันพฤหัสฯ แต่ทำไมคนถึงเยอะมากๆ ก็ไม่รู้ (หรือมันเยอะเป็นปกติ?) ระหว่างที่จะต่อแถวขึ้นไปด้านบนฝนก็เริ่มตกโปรยปรายลงมา
เราโชคดีมากคือตอนที่ไปเค้าเปิดให้คนเข้าไปถวายดอกไม้ด้านในได้เลย ได้ใกล้ชิดกับพระเขี้ยวแก้วมากๆ (แต่เค้าห้ามถ่ายรูป) รู้สึกเหมือนคนมีบุญ แต่!!! กรรมบัง จังหวะที่ถวายดอกไม้ขอพรเสร็จ กำลังจะเงยหน้าดูพระเขี้ยวแก้ว คนด้านหลังยกถาดดอกไม้มาเคาะหัวเราอย่างจัง ด้วยสัญชาตญาณเราเลยหันกลับไปดู พอจะหันหน้ามาดูพระเขี้ยวแก้วมันก็เป็นจังหวะแถวไหลๆๆๆ ออกไปด้านนอก สรุปว่า “อดเห็น”
แต่ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปต่อแถวใหม่ก็ได้ แค่คิดเท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่ประกาศปิดประตูพระเขี้ยวแก้ว ใครจะถวายดอกไม้ก็ถวายได้แต่ด้านนอกเท่านั้น โอ้ว....หรือเราเป็นคนบาปหนาจริงจัง? พอไม่ได้เห็นแล้วก็เลยตัดสินใจเดินรอบๆ วัด แล้วถ่ายรูปเก็บกลับไปอวดที่บ้านดีกว่า
เดินด้านในจนครบหมดแล้วเราก็ออกมาเอารองเท้าแล้วถ่ายรูปตัวเองคู่กับด้านนอกวัดซะหน่อย เดี๋ยวแก่ไปจะจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่แล้ว เสร็จแล้วพอออกจากวัดหันไปเห็น Agency ขายตั๋วเลยลองไปถามเผื่อมีตั๋วรถไฟไป Hotton จะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงที่สถานีรถไฟ แต่ปรากฏว่าไม่มีจ้า พอถามตั๋วเครื่องบินในประเทศสำหรับทริปที่เหลือคำตอบที่ได้คือ “เต็ม” เอาแล้วชั้น แล้วจะเที่ยวยังไง จะกลับไปสนามบินยังไงล่ะทีนี้ ด้วยความที่เป็นคนคิดน้อยเลยคิดออกแค่ “ช่างมัน เที่ยวก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปหาเอาข้างหน้าก็ได้”
เราเดินอ้อมมาทางหลังวัดเห็นมี Café น่ารักๆ อยู่สองสามร้านเราเลยขอแวะพัก เอาร้านที่มี wifi เท่านั้นเผื่อจะดูว่าต้องเดินทางอะไรยังไงต่อไปดี นั่งสักพักจนเริ่มเบื่อเลยคิดว่าออกไปวัดพระใหญ่ๆ ที่อยู่บนเขาที่เราเห็นเมื่อกี้ดีกว่า พอออกมาเห็นรถตุ๊กๆ จอดหน้าตึกโบราณๆ มันก็ดูน่ารักดี
เราเดินตามแผนที่มาโดยตลอดผ่านตลาด ผ่านชุมชน แป๊บๆ ฝนก็ตก อีกแป๊บแดดก็ออก คือเดินๆ วิ่งๆ หลบฝนตลอดทาง พอเริ่มมีสติมองไปด้านหน้า เอ๊ะ! ทำไมเหมือนไม่มีทางคนเดิน? สรุปคือต้องเดินข้ามกำแพงขึ้นไปด้านบน แล้วจะเจอทางขึ้นเขา แรกๆ ก็ยังเดินอยู่หรอก แต่พอคิดอีกทีนั่งรถดีกว่า เราต่อราคามาได้ที่ 100 รูปี ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก เพราะทางมันช่างแสนยาวไกลและคดเคี้ยว ตุ๊กๆ มาส่งถึงปากทางแล้วถามว่าจะให้รอมั๊ย? ด้วยความหยิ่งและงก (มาก) เลยบอกไม่ต้องรอเดี๋ยวเดินกลับเอง
บนนี้นอกจากพระใหญ่แล้ววิวเมืองจากด้านบนก็สวยไม่เบาเลยทีเดียว นี่ขนาดวันฝนตกนะเนี่ย ถ้าอยู่จนพระอาทิตย์ตกเราว่ามันคงสวยน่าดู