.
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36959615
ท่านผู้อ่านสามารถแนะนำ ได้อย่างเต็มที่ครับผม
ถ้าเป็นคนอื่นล่ะคะ” หญิงสาวแย้งพลางใช้ไฟฉายกราดส่องดูอย่างสงสัย “และทำไมเดือนถึงรู้สึกเหมือนว่าเป็นภพก็ไม่รู้ แต่แค่อยากให้แน่ใจว่าไม่ใช่เขาเท่านั้นนะคะ
.......
.
“จะเป็นใครก็ช่างเถอะ...และที่สำคัญไม่ใช่นายภพของเดือนแน่ รีบไปกันดีกว่า”
“ไม่ลงไปดูหน่อยหรือคะ”
นี่ล่ะนะผู้หญิง .....ตะวันคิดในใจอย่างเอือมระอาแต่ไม่ยอมหยุดรถ พวกผู้หญิงมักใจอ่อนแบบไม่มีเหตุผลสร้างปัญหาอยู่เสมอคิดเองเออเอง สรุปเอง แล้วเชื่อเอง สร้างปัญหาเอง ถ้าเป็นโจรผู้ร้ายวางแผนล่อให้ลงจากรถเพื่อปล้นจี้จะทำอย่างไร แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ พวกคนร้ายคงไม่ใช้วิธีซับซ้อนขนาดนี้ ถ้าอยากหยุดรถสักคัน แค่เอาขอนไม้ท่อนเดียววางขวางทางก็ได้เรื่อง แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบหยุดรถคู่ชีพลงทันทีด้วยความตกใจ เมื่อแฟนสาวกระโดดลงจากเบาะไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัว หญิงสาวเซถลาไปตามแรงเฉื่อย แทบล้มคว่ำหน้าลงแต่ก็ตั้งหลักได้หวุดหวิด
“คุณจะทำอะไร” ตะวันร้องถามเสียงดังด้วยความหงุดหงิดขัดใจ
“เดือนลงไปดูให้แน่ใจ แป๊บเดียวเท่านั้น”
พูดจบหญิงสาวก็เดินกลับไปยังร่างลึกลับผู้ยังคงนอนนิ่งอยู่ริมถนน นั่นไง....ความหัวดื้อแบบไม่มีเหตุผล เคยเจอแต่ฉากขัดใจแบบนี้ในภาพยนตร์ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอในชีวิตจริง ชายหนุ่มเอาขาตั้งรถค้ำยันลง ดับเครื่องถอดลูกกุญแจออกจากรถเพื่อความไม่ประมาท ตัดสินใจล้วงปืนพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเดินตามหลังแฟนสาวไปแต่แล้วต้องชะงัก หยุดมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่แน่ใจ
คนลึกลับในแสงไฟฉายนอนนิ่งริมถนนเริ่มขยับไหวเหมือนได้สติ ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้เพราะสารรูปยับเยินชนิดต้องหามไปวัดมากกว่าโรงพยาบาลไม่ควรฟื้นคืนสติได้ จันทราหยุดห่างในระยะสามสี่เมตรพลางใช้ไฟฉายส่องดูบริเวณใบหน้าคนเจ็บ ราวกับจะตรวจดูให้รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ไม่ต้องทายก็รู้ว่า “ใครกันแน่” จะต้องเชื่อมโยงไปถึงนายผ่านภพจบโลก
แต่แล้วชายหนุ่มต้องลืมตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อร่างยับเยินเกินตายตะกายขึ้นมายืนโงนเงนในลักษณะตัวหักบิดคอพับเอียงไปด้านหลัง แขนทั้งสองข้างหักบิดเบี้ยวผิดรูป แต่ยังยกขึ้นมาทำท่าไขว่คว้ามาด้านหน้า พร้อมกับอาการย่างเท้าทีละก้าวด้วยท่าทางยากลำบาก เข้าหาจันทราซึ่งดูเหมือนจะประสาทชาค้างยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มใจหายวูบขนลุกเกรียวทันที มีบางอย่างผิดปกติ เป็นไปไม่ได้ว่าคนบาดเจ็บยับเยินสาหัสจะลุกขึ้นมาเดินได้
“เดือน กลับมาเร็ว!”
ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง หญิงสาวสะดุ้งได้สติแต่แทนที่จะรีบเผ่นหนีกลับมีท่าทางพะวักพะวน ยังทำท่าทางเหมือนพยายามส่องไฟฉายดูใบหน้าของชายคนนั้น จนชายหนุ่มต้องตะโกนเตือนอีกครั้ง เธอจึงหันหลังวิ่งตรงกับมาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ แสดงว่าคงเห็นความผิดปกติเช่นกัน แต่กว่าจะรู้ก็แทบสายเกินการ ตะวันกระโจนขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คู่ชีพสอดลูกกุญแจเข้าช่องสตาร์ทรถ พลางนึกในใจว่าอย่าให้เป็นแบบในหนังสยองขวัญทั่วไปเลย ว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานรถเคยทำงานเป็นปกติดีมักจะสตาร์ทเครื่องยากเสมอ
ขอบคุณสวรรค์...พาหนะคู่ชีพไม่ทรยศนอกใจเหมือนในฉากมาตรฐานของหนังสยองขวัญ ขุมพลังจากเครื่องยนตร์กระหึ่มขึ้นทันที เป็นเวลาเดียวกับแฟนสาวกระโดดขึ้นเบาะรถพร้อมด้วยอาการสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่งเสียงร้องเร่งให้พารถออกไปโดยเร็วที่สุดเพราะเมื่อกราดไฟฉายไปด้านหลัง ร่างนรกร้ายยังคงลากขาเดินกระโผลกกระเผลกมือยื่นไขว่คว้าใกล้เข้ามา เหมือนจะเรียกร้องให้อ้อนวอนหยุดรอ แต่เมินเสียเถิดกับการรอให้โง่ ชายหนุ่มพารถคู่ใจกระโจนออกจากแหล่งทันที ทำเอาหญิงสาวแทบหล่นลงไปจากท้ายรถ ดีว่ามือยังเกาะเอวคนขับไว้แน่น บิ๊กไบค์เซเฉไปมาเล็กน้อยแต่ด้วยความชำนาญของคนขับทำให้ไม่มีปัญหาอะไร รถตั้งลำมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว
อะไรหลบได้ก็ควรหลบ เมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นด้วย แต่ถ้ายามปกติและมาคนเดียวคนใจร้อนอย่างตะวันก็พร้อมจะหันไปเผชิญหน้าร่างร้ายให้รู้แล้วรู้รอดไป ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคน
จันทรายังมีแก่ใจเอี้ยวตัวไปด้านหลังกราดแสงไฟฉายออกไป บริเวณปลายแสงสว่างมองเห็นเหมือนร่างวิปริตบิดเบี้ยวกำลังวิ่งไล่ตามหลังมาด้วยความความเร็วเหลือเชื่อ ร่างนรกควรนอนกองอยู่กับพื้นไม่ใช่ลุกมาวิ่งด้วยลักษณะวิปริตผิดปกติ ทำให้เกิดสยดสยองอย่างน่าสะพรึงกลัวสุดขั้วหัวใจ ต่อให้จิตใจเข้มแข็งปานใดก็ตาม ชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของแฟนสาวจึงมองกระจกหลังและก็เห็นภาพอย่างเดียวกัน ในแสงวูบวาบของไฟฉายร่างคนเจ็บหนักกลับวิ่งตามมาด้วยท่าทางน่ากลัว เสียงร้องของคนซ้อนท้ายเร่งให้เร่งความเร็วขึ้นอีกทำให้ต้องบิดคันเร่งแบบลืมตาย นานหลายอึดใจกว่าร่างร้ายจะยอมล่าถอยหายกลับไปในเงามืด
แน่นอนว่าคนขวัญเสียที่สุดจะต้องเป็นจันทราผู้ซ้อนท้าย เพราะมองเห็นภาพถนัดชัดตากับร่างบิดเบี้ยวศีรษะพับห้อยแต่วิ่งติดตามมาด้วยความเร็วชนิดเป็นไปไม่ได้ ภาพสุดสยองคงจะตอกตรึงอยู่ในความรู้สึกไปอีกนาน หญิงสาวเก็บไฟฉายเข้าในกระเป๋าเก็บของท้ายรถด้วยอาการมือไม้หัวใจสั่น หลับตากอดเอวชายคนรักแน่นไม่อยากหันกลับหลังไปมองอีก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะ”
ดูเหมือนหญิงสาวจะร้องถามข้างหูเสียงสั่น ตะวันส่ายศีรษะไปมาอย่างจนปัญหา รู้สึกหัวใจเต้นกระหน่ำแทบระเบิดออกมานอกอก
“ผมไม่รู้” เขาไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน รู้เพียงว่าเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ชวนให้ขนลุกขนพองเหลือเกิน
จันทรามีอาการเหมือนคนจะร้องไห้ด้วยความขวัญหนีดีฝ่อ บางครั้งยังรู้สึกคล้ายมีอะไรบางอย่างวิ่งตามมา และใกล้เข้ามาทุกที จนแทบรู้สึกได้ว่ามีมือปีศาจกำลังยื่นตรงเข้ามาห่างต้นคอด้านหลังออกไปเล็กน้อยชวนให้ขนลุกเกรียว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสความรู้สึกสยดสยองน่ากลัวยิ่งกว่าเคยรับรู้มาจากภาพยนตร์เรื่องไหน ความน่าสะพรึงกลัวจากความไม่เข้าใจกับสิ่งไม่คาดฝัน ความรู้สึกถึงอันตรายอันเยียบเย็นเกาะกินจากส่วนลึกขงจิตใจ
“เตือนแล้วไม่เชื่อ....” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะต่อว่าแฟนสาว เพราะไม่อยากซ้ำเติมคนกำลังเสียขวัญผู้ชอบทำเหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญ ไปในส่วนไม่ควรไป ทำในเรื่องคนธรรมดาไม่ควรทำ
คนซ้อนท้ายหลับตาพยายามไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเพราะมันชวนประสาทเสียเหลือเกิน ถ้าความรู้สึกไม่หลอกตัวเองมากเกินไป หญิงสาวอยากแน่ใจว่าร่างร้ายวิปริตน่าจะเป็นผ่านภพ แม้ว่าจะมองหน้าไม่ถนัดชัดตาก็ตาม แต่ความรู้สึกบอกเช่นนั้นแม้ว่าจะขัดกับสามัญสำนึกเหลือเกิน ความจริงว่าผ่านภพไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์ใครๆก็รู้ ไม่มีเหตุผลอะไรทำให้เขามาใช้เส้นทางเส้นนี้ แต่เหตุการณ์เขย่าประสาทเมื่อครู่มันอะไรกัน จะยอมรับว่าถูกผีหลอกก็ฝืนความรู้สึก เพราะเป็นการยอมรับว่าผีมีจริง แล้วใครจะเชื่อเรื่องแบบนี้
หลังจากนั้นไม่มีใครเอ่ยปากอะไรอีก ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่สะดวกในการพูดคุยขณะขับรถ หรือจะเป็นเพราะยังหาเรื่องมาพูดคุยไม่ได้ก็ตาม แต่ภายในใจต่างหนักอึ้งกดดันไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยเฉพาะตะวันผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้มาก่อน แต่จะมีคำอธิบายเหตุการณ์สดๆร้อนๆ ว่าอย่างไร จะเป็นไปได้ไหมว่าเกิดอาการประสาทหลอนพร้อมกัน โดยมีสาเหตุมาจากความมืดความอ้างว้างรายรอบเป็นองค์ประกอบของภาพหลอน
เส้นทางด้านหน้าเริ่มลาดโค้งลงจากเนิน แสงไฟสองดวงสว่างจ้ามาจากสุดความมืดไกลออกไป ลักษณะของแสงไฟหน้ารถจะต้องเป็นรถขนาดใหญ่ และเมื่อเข้ามาในรัศมีแสงไฟหน้ารถมองเห็นรถบรรทุกสิบหกล้อคันใหญ่ กำลังลากตัวเองขึ้นมาตามความลาดชันของเนินอย่างอุ้ยอ้ายแต่ทรงพลัง ตามแบบฉบับของรถขนาดใหญ่ ตะวันแตะเบรกชะลอความเร็วของรถลงเพื่อความปลอดภัย รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่า เส้นทางเปล่าเปลี่ยวผิดปกติวิสัยยังมีคนอื่นร่วมทางแม้จะสวนทางกันก็ตาม เสียงบีบแตรดังลั่นเหมือนเป็นการทักทาย
เมื่อใกล้เข้ามาอีก จึงเห็นว่ารถบรรทุกคนนั้นกำลังวิ่งย้อนศรมาทางเลนขวามือ และกำลังวิ่งเฉตรงมาเหมือนเสียการทรงตัวในระยะกระชั้นชิด ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นหายนะมหันตภัยในไม่กี่วินาที แต่ด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบแบบรวดเร็วตัดสินใจเร่งความเร็วสวนเข้าหา เพราะรู้ว่าถ้าความเร็วมากพอจะต้องรอดพ้นจากการชนประสานงาไปได้ โดยการผ่านผ่านริมถนนทางซ้ายมือไปให้ทัน ถ้าชักช้าคงอันตรายร้ายแรง
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของคนซ้อนท้ายขณะลมเย็นฝุ่นควันวูบใหญ่ม้วนตัวผ่านไป บิ๊กไบค์พุ่งเฉียดรถคันใหญ่ไปอย่างเฉียดฉิวหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงครามโครมสนั่นหวั่นไหวจากรถบรรทุก ตะวันจอดรถตัวลีบอยู่ข้างทางแทบตกถนน หันมองตามรถต้นเหตุอย่างแค้นเคืองและตกใจ ไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าทำไมมีข่าวคนฆ่ากันตายเพราะปัญหาการขับขี่บนท้องถนน
รถบิ๊กไบค์ถูกดึงเลี้ยวกลับ แฟนสาวรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรจึงรีบยื้อยุดมือของแฟนหนุ่มไว้แน่นพลางร้องเตือนสติเสียงลั่น
“ไม่ต้องตามมันไปนะคะ ไม่มีประโยชน์อะไร”
ชายหนุ่มพยายามสะกดใจลงอย่างยากลำบาก ถ้าไม่ติดว่าต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต เขาคงไล่ล่ารถบรรทุกนรกคันนั้น ลากคอคนขับลงมาถามให้รู้แน่แก่ใจว่าทำไมขับรถในลักษณะอันตรายต่อผู้อื่นอย่างนี้ สิ่งที่เขาเกลียดสุดหัวใจอย่างหนึ่งคือพวกขับรถโดยไม่มีมรรยาทไม่รักษากฏจราจร แสงไฟหน้ารถบิ๊กไบค์สาดตามหลังรถอันธพาล ซึ่งยังไม่พ้นรัศมีของแสงไฟเนื่องจากความเร็วต่ำเพราะเพิ่งหลุดออกจากทางโค้ง มองเห็นวัตถุขนาดใหญ่คล้ายกล่องไม้วางเรียงอยู่ท้ายรถ ฝาปิดท้ายเปิดอ้าออกจากการสะเทือนหรือแรงกระแทกบางอย่าง
โลงศพ ไม่ผิดแน่
คนบรรทุกคันนั้นเป็นรถบรรทุกโลงศพอย่างแน่นอน ขณะกำลังพยายามตะกายข้ามร่องกลางถนนกลับไปยังเลนวิ่งของตัวเอง โลงศพหลังหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากท้ายรถ กลิ้งกระดอนกระเด็นลงไปกลางถนน แต่ดูเหมือนว่าคนขับไม่รู้ตัว ไฟท้ายห่างกลืนหายออกไปในความมืดราวกับภาพในฝันร้าย
“เดือน คุณเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม” เขาเป่าลมออกจากปากหันไปถามแฟนสาวผู้กำลังเอามือเช็ดจมูกไปมา มีอาการแพ้ฝุ่นทำท่าจะไอจามออกมา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อยี่นให้ สักครู่เธอจึงอาการดีขึ้น
“โลงศพใช่ไหม เดือนเห็นมันหล่นลงมาจากรถด้วย” หญิงสาวถามเสียงสั่น
“แล้วเดือนไม่คิดจะไปดูหรือครับ”
วาจาแฝงแววจิกเล็กน้อยเพราะยังขัดใจไม่หายกับการใจอ่อนแบบหัวดื้อของอีกฝ่าย ความจริงตั้งใจจะพูดให้จบว่า... แล้วเดือนไม่คิดจะไปดูหรือครับ เผื่อผ่านภพจะนอนอยู่ในโลงใบนั้น...... แต่ยังใจไม่ร้ายพอ หญิงสาวส่ายหน้าไม่ตอบอะไร เนอกจากเสียงครางกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ไม่มีเสียงอะไรแทรกซ้อนขึ้นมาอีก รถบรรทุกนรกแตกวิ่งลงเนินหายไปในความมืดไม่เหลือวี่แวว
“โลงขวางถนนอยู่ รถคันอื่นอาจวิ่งเข้ามาชนมันเกิดอันตรายได้ เราไปขยับมันออกไปข้างทางดีไหมคะ”
จู่ๆ แฟนสาวก็โพล่งขึ้นมาทำเอาคนฟังสะดุ้ง เอาอีกแล้ว หาเรื่องยุ่งเข้าหาตัวเองอีก แม้ฟังดูดีมีเหตุผลก็ตาม ยังไม่ทันตอบหรือแสดงความเห็นอะไรเสียงของแฟนสาวเป็นฝ่ายอธิบายเหตุผลอันน่าฟังขึ้นมาก่อนว่า
“วันลองคิดดูดีๆสิคะ เวลากลางคืนด้วย สมมุติว่ามีรถวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเบรกไม่ทัน เกิดชนเข้าให้ มันจะอันตรายขนาดไหน ถ้ามีเด็กและคนแก่มาด้วยยิ่งลำบาก เราสามารถแก้ไขได้ก็ควรทำนะคะ ดีกว่ารู้สึกผิดทางใจถ้าเกิดว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”
.
ทางหลอน............2
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36959615
ท่านผู้อ่านสามารถแนะนำ ได้อย่างเต็มที่ครับผม
ถ้าเป็นคนอื่นล่ะคะ” หญิงสาวแย้งพลางใช้ไฟฉายกราดส่องดูอย่างสงสัย “และทำไมเดือนถึงรู้สึกเหมือนว่าเป็นภพก็ไม่รู้ แต่แค่อยากให้แน่ใจว่าไม่ใช่เขาเท่านั้นนะคะ
.......
.
“จะเป็นใครก็ช่างเถอะ...และที่สำคัญไม่ใช่นายภพของเดือนแน่ รีบไปกันดีกว่า”
“ไม่ลงไปดูหน่อยหรือคะ”
นี่ล่ะนะผู้หญิง .....ตะวันคิดในใจอย่างเอือมระอาแต่ไม่ยอมหยุดรถ พวกผู้หญิงมักใจอ่อนแบบไม่มีเหตุผลสร้างปัญหาอยู่เสมอคิดเองเออเอง สรุปเอง แล้วเชื่อเอง สร้างปัญหาเอง ถ้าเป็นโจรผู้ร้ายวางแผนล่อให้ลงจากรถเพื่อปล้นจี้จะทำอย่างไร แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ พวกคนร้ายคงไม่ใช้วิธีซับซ้อนขนาดนี้ ถ้าอยากหยุดรถสักคัน แค่เอาขอนไม้ท่อนเดียววางขวางทางก็ได้เรื่อง แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบหยุดรถคู่ชีพลงทันทีด้วยความตกใจ เมื่อแฟนสาวกระโดดลงจากเบาะไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัว หญิงสาวเซถลาไปตามแรงเฉื่อย แทบล้มคว่ำหน้าลงแต่ก็ตั้งหลักได้หวุดหวิด
“คุณจะทำอะไร” ตะวันร้องถามเสียงดังด้วยความหงุดหงิดขัดใจ
“เดือนลงไปดูให้แน่ใจ แป๊บเดียวเท่านั้น”
พูดจบหญิงสาวก็เดินกลับไปยังร่างลึกลับผู้ยังคงนอนนิ่งอยู่ริมถนน นั่นไง....ความหัวดื้อแบบไม่มีเหตุผล เคยเจอแต่ฉากขัดใจแบบนี้ในภาพยนตร์ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอในชีวิตจริง ชายหนุ่มเอาขาตั้งรถค้ำยันลง ดับเครื่องถอดลูกกุญแจออกจากรถเพื่อความไม่ประมาท ตัดสินใจล้วงปืนพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเดินตามหลังแฟนสาวไปแต่แล้วต้องชะงัก หยุดมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่แน่ใจ
คนลึกลับในแสงไฟฉายนอนนิ่งริมถนนเริ่มขยับไหวเหมือนได้สติ ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้เพราะสารรูปยับเยินชนิดต้องหามไปวัดมากกว่าโรงพยาบาลไม่ควรฟื้นคืนสติได้ จันทราหยุดห่างในระยะสามสี่เมตรพลางใช้ไฟฉายส่องดูบริเวณใบหน้าคนเจ็บ ราวกับจะตรวจดูให้รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ไม่ต้องทายก็รู้ว่า “ใครกันแน่” จะต้องเชื่อมโยงไปถึงนายผ่านภพจบโลก
แต่แล้วชายหนุ่มต้องลืมตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อร่างยับเยินเกินตายตะกายขึ้นมายืนโงนเงนในลักษณะตัวหักบิดคอพับเอียงไปด้านหลัง แขนทั้งสองข้างหักบิดเบี้ยวผิดรูป แต่ยังยกขึ้นมาทำท่าไขว่คว้ามาด้านหน้า พร้อมกับอาการย่างเท้าทีละก้าวด้วยท่าทางยากลำบาก เข้าหาจันทราซึ่งดูเหมือนจะประสาทชาค้างยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มใจหายวูบขนลุกเกรียวทันที มีบางอย่างผิดปกติ เป็นไปไม่ได้ว่าคนบาดเจ็บยับเยินสาหัสจะลุกขึ้นมาเดินได้
“เดือน กลับมาเร็ว!”
ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง หญิงสาวสะดุ้งได้สติแต่แทนที่จะรีบเผ่นหนีกลับมีท่าทางพะวักพะวน ยังทำท่าทางเหมือนพยายามส่องไฟฉายดูใบหน้าของชายคนนั้น จนชายหนุ่มต้องตะโกนเตือนอีกครั้ง เธอจึงหันหลังวิ่งตรงกับมาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ แสดงว่าคงเห็นความผิดปกติเช่นกัน แต่กว่าจะรู้ก็แทบสายเกินการ ตะวันกระโจนขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คู่ชีพสอดลูกกุญแจเข้าช่องสตาร์ทรถ พลางนึกในใจว่าอย่าให้เป็นแบบในหนังสยองขวัญทั่วไปเลย ว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานรถเคยทำงานเป็นปกติดีมักจะสตาร์ทเครื่องยากเสมอ
ขอบคุณสวรรค์...พาหนะคู่ชีพไม่ทรยศนอกใจเหมือนในฉากมาตรฐานของหนังสยองขวัญ ขุมพลังจากเครื่องยนตร์กระหึ่มขึ้นทันที เป็นเวลาเดียวกับแฟนสาวกระโดดขึ้นเบาะรถพร้อมด้วยอาการสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่งเสียงร้องเร่งให้พารถออกไปโดยเร็วที่สุดเพราะเมื่อกราดไฟฉายไปด้านหลัง ร่างนรกร้ายยังคงลากขาเดินกระโผลกกระเผลกมือยื่นไขว่คว้าใกล้เข้ามา เหมือนจะเรียกร้องให้อ้อนวอนหยุดรอ แต่เมินเสียเถิดกับการรอให้โง่ ชายหนุ่มพารถคู่ใจกระโจนออกจากแหล่งทันที ทำเอาหญิงสาวแทบหล่นลงไปจากท้ายรถ ดีว่ามือยังเกาะเอวคนขับไว้แน่น บิ๊กไบค์เซเฉไปมาเล็กน้อยแต่ด้วยความชำนาญของคนขับทำให้ไม่มีปัญหาอะไร รถตั้งลำมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว
อะไรหลบได้ก็ควรหลบ เมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นด้วย แต่ถ้ายามปกติและมาคนเดียวคนใจร้อนอย่างตะวันก็พร้อมจะหันไปเผชิญหน้าร่างร้ายให้รู้แล้วรู้รอดไป ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคน
จันทรายังมีแก่ใจเอี้ยวตัวไปด้านหลังกราดแสงไฟฉายออกไป บริเวณปลายแสงสว่างมองเห็นเหมือนร่างวิปริตบิดเบี้ยวกำลังวิ่งไล่ตามหลังมาด้วยความความเร็วเหลือเชื่อ ร่างนรกควรนอนกองอยู่กับพื้นไม่ใช่ลุกมาวิ่งด้วยลักษณะวิปริตผิดปกติ ทำให้เกิดสยดสยองอย่างน่าสะพรึงกลัวสุดขั้วหัวใจ ต่อให้จิตใจเข้มแข็งปานใดก็ตาม ชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของแฟนสาวจึงมองกระจกหลังและก็เห็นภาพอย่างเดียวกัน ในแสงวูบวาบของไฟฉายร่างคนเจ็บหนักกลับวิ่งตามมาด้วยท่าทางน่ากลัว เสียงร้องของคนซ้อนท้ายเร่งให้เร่งความเร็วขึ้นอีกทำให้ต้องบิดคันเร่งแบบลืมตาย นานหลายอึดใจกว่าร่างร้ายจะยอมล่าถอยหายกลับไปในเงามืด
แน่นอนว่าคนขวัญเสียที่สุดจะต้องเป็นจันทราผู้ซ้อนท้าย เพราะมองเห็นภาพถนัดชัดตากับร่างบิดเบี้ยวศีรษะพับห้อยแต่วิ่งติดตามมาด้วยความเร็วชนิดเป็นไปไม่ได้ ภาพสุดสยองคงจะตอกตรึงอยู่ในความรู้สึกไปอีกนาน หญิงสาวเก็บไฟฉายเข้าในกระเป๋าเก็บของท้ายรถด้วยอาการมือไม้หัวใจสั่น หลับตากอดเอวชายคนรักแน่นไม่อยากหันกลับหลังไปมองอีก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะ”
ดูเหมือนหญิงสาวจะร้องถามข้างหูเสียงสั่น ตะวันส่ายศีรษะไปมาอย่างจนปัญหา รู้สึกหัวใจเต้นกระหน่ำแทบระเบิดออกมานอกอก
“ผมไม่รู้” เขาไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน รู้เพียงว่าเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ชวนให้ขนลุกขนพองเหลือเกิน
จันทรามีอาการเหมือนคนจะร้องไห้ด้วยความขวัญหนีดีฝ่อ บางครั้งยังรู้สึกคล้ายมีอะไรบางอย่างวิ่งตามมา และใกล้เข้ามาทุกที จนแทบรู้สึกได้ว่ามีมือปีศาจกำลังยื่นตรงเข้ามาห่างต้นคอด้านหลังออกไปเล็กน้อยชวนให้ขนลุกเกรียว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสความรู้สึกสยดสยองน่ากลัวยิ่งกว่าเคยรับรู้มาจากภาพยนตร์เรื่องไหน ความน่าสะพรึงกลัวจากความไม่เข้าใจกับสิ่งไม่คาดฝัน ความรู้สึกถึงอันตรายอันเยียบเย็นเกาะกินจากส่วนลึกขงจิตใจ
“เตือนแล้วไม่เชื่อ....” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะต่อว่าแฟนสาว เพราะไม่อยากซ้ำเติมคนกำลังเสียขวัญผู้ชอบทำเหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญ ไปในส่วนไม่ควรไป ทำในเรื่องคนธรรมดาไม่ควรทำ
คนซ้อนท้ายหลับตาพยายามไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเพราะมันชวนประสาทเสียเหลือเกิน ถ้าความรู้สึกไม่หลอกตัวเองมากเกินไป หญิงสาวอยากแน่ใจว่าร่างร้ายวิปริตน่าจะเป็นผ่านภพ แม้ว่าจะมองหน้าไม่ถนัดชัดตาก็ตาม แต่ความรู้สึกบอกเช่นนั้นแม้ว่าจะขัดกับสามัญสำนึกเหลือเกิน ความจริงว่าผ่านภพไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์ใครๆก็รู้ ไม่มีเหตุผลอะไรทำให้เขามาใช้เส้นทางเส้นนี้ แต่เหตุการณ์เขย่าประสาทเมื่อครู่มันอะไรกัน จะยอมรับว่าถูกผีหลอกก็ฝืนความรู้สึก เพราะเป็นการยอมรับว่าผีมีจริง แล้วใครจะเชื่อเรื่องแบบนี้
หลังจากนั้นไม่มีใครเอ่ยปากอะไรอีก ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่สะดวกในการพูดคุยขณะขับรถ หรือจะเป็นเพราะยังหาเรื่องมาพูดคุยไม่ได้ก็ตาม แต่ภายในใจต่างหนักอึ้งกดดันไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยเฉพาะตะวันผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้มาก่อน แต่จะมีคำอธิบายเหตุการณ์สดๆร้อนๆ ว่าอย่างไร จะเป็นไปได้ไหมว่าเกิดอาการประสาทหลอนพร้อมกัน โดยมีสาเหตุมาจากความมืดความอ้างว้างรายรอบเป็นองค์ประกอบของภาพหลอน
เส้นทางด้านหน้าเริ่มลาดโค้งลงจากเนิน แสงไฟสองดวงสว่างจ้ามาจากสุดความมืดไกลออกไป ลักษณะของแสงไฟหน้ารถจะต้องเป็นรถขนาดใหญ่ และเมื่อเข้ามาในรัศมีแสงไฟหน้ารถมองเห็นรถบรรทุกสิบหกล้อคันใหญ่ กำลังลากตัวเองขึ้นมาตามความลาดชันของเนินอย่างอุ้ยอ้ายแต่ทรงพลัง ตามแบบฉบับของรถขนาดใหญ่ ตะวันแตะเบรกชะลอความเร็วของรถลงเพื่อความปลอดภัย รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่า เส้นทางเปล่าเปลี่ยวผิดปกติวิสัยยังมีคนอื่นร่วมทางแม้จะสวนทางกันก็ตาม เสียงบีบแตรดังลั่นเหมือนเป็นการทักทาย
เมื่อใกล้เข้ามาอีก จึงเห็นว่ารถบรรทุกคนนั้นกำลังวิ่งย้อนศรมาทางเลนขวามือ และกำลังวิ่งเฉตรงมาเหมือนเสียการทรงตัวในระยะกระชั้นชิด ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นหายนะมหันตภัยในไม่กี่วินาที แต่ด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบแบบรวดเร็วตัดสินใจเร่งความเร็วสวนเข้าหา เพราะรู้ว่าถ้าความเร็วมากพอจะต้องรอดพ้นจากการชนประสานงาไปได้ โดยการผ่านผ่านริมถนนทางซ้ายมือไปให้ทัน ถ้าชักช้าคงอันตรายร้ายแรง
เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของคนซ้อนท้ายขณะลมเย็นฝุ่นควันวูบใหญ่ม้วนตัวผ่านไป บิ๊กไบค์พุ่งเฉียดรถคันใหญ่ไปอย่างเฉียดฉิวหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงครามโครมสนั่นหวั่นไหวจากรถบรรทุก ตะวันจอดรถตัวลีบอยู่ข้างทางแทบตกถนน หันมองตามรถต้นเหตุอย่างแค้นเคืองและตกใจ ไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าทำไมมีข่าวคนฆ่ากันตายเพราะปัญหาการขับขี่บนท้องถนน
รถบิ๊กไบค์ถูกดึงเลี้ยวกลับ แฟนสาวรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรจึงรีบยื้อยุดมือของแฟนหนุ่มไว้แน่นพลางร้องเตือนสติเสียงลั่น
“ไม่ต้องตามมันไปนะคะ ไม่มีประโยชน์อะไร”
ชายหนุ่มพยายามสะกดใจลงอย่างยากลำบาก ถ้าไม่ติดว่าต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต เขาคงไล่ล่ารถบรรทุกนรกคันนั้น ลากคอคนขับลงมาถามให้รู้แน่แก่ใจว่าทำไมขับรถในลักษณะอันตรายต่อผู้อื่นอย่างนี้ สิ่งที่เขาเกลียดสุดหัวใจอย่างหนึ่งคือพวกขับรถโดยไม่มีมรรยาทไม่รักษากฏจราจร แสงไฟหน้ารถบิ๊กไบค์สาดตามหลังรถอันธพาล ซึ่งยังไม่พ้นรัศมีของแสงไฟเนื่องจากความเร็วต่ำเพราะเพิ่งหลุดออกจากทางโค้ง มองเห็นวัตถุขนาดใหญ่คล้ายกล่องไม้วางเรียงอยู่ท้ายรถ ฝาปิดท้ายเปิดอ้าออกจากการสะเทือนหรือแรงกระแทกบางอย่าง
โลงศพ ไม่ผิดแน่
คนบรรทุกคันนั้นเป็นรถบรรทุกโลงศพอย่างแน่นอน ขณะกำลังพยายามตะกายข้ามร่องกลางถนนกลับไปยังเลนวิ่งของตัวเอง โลงศพหลังหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากท้ายรถ กลิ้งกระดอนกระเด็นลงไปกลางถนน แต่ดูเหมือนว่าคนขับไม่รู้ตัว ไฟท้ายห่างกลืนหายออกไปในความมืดราวกับภาพในฝันร้าย
“เดือน คุณเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม” เขาเป่าลมออกจากปากหันไปถามแฟนสาวผู้กำลังเอามือเช็ดจมูกไปมา มีอาการแพ้ฝุ่นทำท่าจะไอจามออกมา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อยี่นให้ สักครู่เธอจึงอาการดีขึ้น
“โลงศพใช่ไหม เดือนเห็นมันหล่นลงมาจากรถด้วย” หญิงสาวถามเสียงสั่น
“แล้วเดือนไม่คิดจะไปดูหรือครับ”
วาจาแฝงแววจิกเล็กน้อยเพราะยังขัดใจไม่หายกับการใจอ่อนแบบหัวดื้อของอีกฝ่าย ความจริงตั้งใจจะพูดให้จบว่า... แล้วเดือนไม่คิดจะไปดูหรือครับ เผื่อผ่านภพจะนอนอยู่ในโลงใบนั้น...... แต่ยังใจไม่ร้ายพอ หญิงสาวส่ายหน้าไม่ตอบอะไร เนอกจากเสียงครางกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ไม่มีเสียงอะไรแทรกซ้อนขึ้นมาอีก รถบรรทุกนรกแตกวิ่งลงเนินหายไปในความมืดไม่เหลือวี่แวว
“โลงขวางถนนอยู่ รถคันอื่นอาจวิ่งเข้ามาชนมันเกิดอันตรายได้ เราไปขยับมันออกไปข้างทางดีไหมคะ”
จู่ๆ แฟนสาวก็โพล่งขึ้นมาทำเอาคนฟังสะดุ้ง เอาอีกแล้ว หาเรื่องยุ่งเข้าหาตัวเองอีก แม้ฟังดูดีมีเหตุผลก็ตาม ยังไม่ทันตอบหรือแสดงความเห็นอะไรเสียงของแฟนสาวเป็นฝ่ายอธิบายเหตุผลอันน่าฟังขึ้นมาก่อนว่า
“วันลองคิดดูดีๆสิคะ เวลากลางคืนด้วย สมมุติว่ามีรถวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเบรกไม่ทัน เกิดชนเข้าให้ มันจะอันตรายขนาดไหน ถ้ามีเด็กและคนแก่มาด้วยยิ่งลำบาก เราสามารถแก้ไขได้ก็ควรทำนะคะ ดีกว่ารู้สึกผิดทางใจถ้าเกิดว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”
.