Module III : Find your destination.
Schedule 28th July 2017 – 5th Aug 2017
DAY 0 ; 28th July 2017 ; I'm Here .. India Taj Mahaj, Agra fort
ออกเดินทางจากประเทศไทยด้วยสายการบินไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ลัดเลาะข้ามหลายประเทศจนมาถึงชมพูทวีปอินเดีย โดยส่วนตัวไม่อยากเรียกวันนี้ว่าเป็น Day 1 สักเท่าไหร่ (เลยให้เป็น DAY 0 ละกัน) เพราะว่าอะไรอ่ะหรอ ก็นกกกกกกกกกกกกไงละ จะอะไรอีก เริ่มต้นจากพอลงจากเครื่องบินมา แพลนกันไว้ว่าจะไปทัชมาฮาลกัน แล้วจะไปกันยังไงละ คำตอบคือไม่รู้ เห็นเขาบอกว่าเดินลงมาก็ไปหาเอาแถวหน้าสนามบิน เราก็ไปหาตรงบริเวณหน้าสนามบิน
หมายเหตุ ; สนามบินนิวเดลี มีระบบรักษาความปลอดภัยที่นับว่ายอดเยี่ยมที่สุด มีทหารถือไวอาก้า เอ้ย ปืนอาก้า เตรียมสอยคุณได้ทุกเมื่อ แต่ก็ปลอดภัยมากเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอเตือนว่า อย่าออกจากสนามบินเด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วคุณจะกลับเข้ามาในสนามบินอีกไม่ได้ เฉกเช่นที่เพื่อนเดี่ยวอาสาออกไปนอกสนามบินเพื่อหารถให้เพื่อน แล้วก็กลับเข้ามาไม่ได้อีกจนเพื่อนออกไปข้างนอกนั่นแหละ น่าวงวารเป็นที่สุด
หมายเหตุ ; ถ้าคุณคิดว่าจะซื้อซิมใส่โทรศัพท์เพื่อไว้ใช้เล่นเน็ตหรืออะไรก็ตาม ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าที่แคว้นเมียร์นั้น ไม่สามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ได้ เพราะฉะนั้นเลิกหวังไปได้เลย ถ้าจะโทรกลับไทยก็ให้โทรที่สนามบินนี่แหละ ถามว่าที่เลห์มีอินเตอร์เน็ตไหม ก็ขอตอบว่ามีแหละ แต่มันช้ามาก บางทีอาจเล่นไม่ได้ด้วย จงทำใจให้สบาย คิดซะว่าหายไปจากโลกหายนอกสักระยะนึงก็แล้วกัน ฮ่าๆ
แล้วเราก็ได้รถมาคันนึง แต่ !!!!! คันเล็กเวอร์เมื่อเทียบกับคน 5 คน นั่งหน้า 1 คน นั่งหลัง 4 คน ผู้ชายล้วน ให้ตายสิ เส้นทางจากนิวเดลี ไปอัครา 222 กิโลเมตร คนขับใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมงในการเดินทาง นั่งอัดกันจนปวดไข่แบนไปหมด ปวดตูดชาไปหมดจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว (มันเห้มากจริงๆนะ แล้วนี่ทำไมบ่นจัง ฮ่าๆ)
ได้ลงจากรถสักที (ดีใจเหมือนเปิดฝากระทิงแดงแล้วใต้ฝาบอกว่าคุณติดคณะแพทย์ ฮ่าๆๆ ) ไปหาอาหารเช้ากินกันเถอะ มันต้องอร่อยมากแน่ๆ
อาหารอินเดียจานแรก โอ้วมายกอด รสชาติเป็นยังไง ขอเก็บไว้ให้ไปลองเองนะ .......
กว่าจะมาถึงอัคราก็ปาไปเกือบบ่ายโมงละ และคนขับรถที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่น้อยของเราก็พาไปพบกับไกค์ท้องถิ่น ซึ่งไม่ได้บอกไว้แม้แต่น้อย (นึกว่าคนขับจะพาไปเป็นซะอีก คือมัดมือชกให้เสียตังค์เพิ่มใช่ไหม =_=) คนขับที่พามาคือไม่รู้เส้นทางในอัคราเลย พีคไปอีกกกกกก และพีคกว่านั้นคือ ทัชมาฮาล ปิดทุกวันศุกร์นะจ๊ะยูจ๋า (โอ้ยยยยย กุมาทำมาย ทำไมยูไม่บอกไอก่อนนนนนน T^T) เลยไปได้เพียงสวนหลังทัชมาฮาล ซึ่งก็มีค่าเข้าชมนะจ๊ะ
ช่วงนี้ผีเข้าสิงเพื่อน ... หน้าเพื่อนก็จะมืดๆหน่อย
ภาพถ่ายจากทางด้านหลังของทัชมาฮาล มีแม่น้ำกั้นอยู่ เหมือนเส้นบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างเราทั้งสองคน ...
Taj Mahal .. Touch Your Heart … มาตั้งไกล แต่ได้แค่อยู่ใกล้เธอ ....
หลังจากไกค์อธิบายถึงความเป็นมาของการสร้างทัชมาฮาล รวมถึงเพชรอันมีค่า (ยังกะเพชรซิลมาริล ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์) จบลง เพื่อเป็นการปลอบใจ ไกค์ได้พาเราไปยังที่อีกแห่ง เรียกว่า “Baby Taj” ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแทน
Baby Taj .. hey Baby I love you.
บางทีสถานที่ที่เราไปอาจจะไม่สำคัญ .. เท่ากับการได้ไปใครสักคนที่ “สำคัญ”
สถานที่ต่อไปเป็นอีกแลนด์มาร์คที่เราต้องไปกัน นั่นก็คือ agra fort หรือ ป้อมอัครา นั่นเอง นั่งรถมาไม่ไกลก็มาถึงยังป้อมอัครา ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่สามารถเข้าชมได้ทุกส่วนของป้อม เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและการทหารบางประการ
มาถึงแล้ว ป้อมอัครา ... ตูมหายไปไหนนนนนนนนน !!!
ทางเดิน ...
The face men Thailand ..
เขาบอกว่ามันคือสถานที่เอาไว้ให้กษัตริย์คัดเลือกพระสนม หรือเอาไว้นัดเดทมั้ง จำไม่ได้แล้ว
และหลังจากที่เข้าชม agra fort เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คงต้องถึงเวลาบอกลาเมืองอัคราและไกค์กิตติมศักดิ์ของเราเสียที
แต่การจากลานั้นย่อมมีราคา ซึ่งเป็นราคาพิเศษสมคำว่า “Don’t’ worry, You’re friends, you’re my guest” ในราคา 4000 รูปี (ลดแล้วจาก 6000 รูปี) หลังจากกลั้นน้ำตาแทบไม่ไหวในการจากลาครั้งนี้ ก็ต้องแทบร้องไห้อีกครั้งเมื่อต้องนั่งรถคันเดิมกลับนิวเดลี ซึ่งแค่คิดก้เจ็บก้นละ ...
ในที่สุดเราก็กลับมายังนิวเดลีได้สำเร็จ ระหว่างทางเฉียดตายเล็กน้อย เพราะคนขับเหมือนจะหลับในอยู่ตลอดเวลา และการขับด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. สำหรับวันนี้เราพักกันที่ hotel 37 delhi
อ้าว ในห้องมีคนอินเดียด้วยหรอเนี่ย ....
ทริปนี้ไม่มีผู้หญิงนะ มีแต่ชายฉกรรจ์
คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ..
หมายเหตุ : สำหรับการมาเที่ยวทัชมาฮาลเองแบบ un-planned แบบนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ควรจะหาข้อมูลไว้เป็นอย่างดี อย่างน้อยยูก็ควรจะรู้ว่าทัชมาฮาลมันปิดวันศุกกกกกกกกกกกกกกร์ แล้วต้องระวังทุกการกระทำด้วย เพราะอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น เช่น สัมภาระที่ยูวางทิ้งไว้ แล้วมีแขกใจดีวิ่งมาช่วยยกให้ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะหลังจากนั้นยูจะได้ยินคำว่า “ My Tip ?“ ทางที่ดีถ้าอยากไปทัชมาฮาลจริงๆอาจหาทัวน์มาจากไทยไว้แต่เนิ่นๆก็ได้
หมายเหตุ : คนอื่นที่มาแบบพวกเราอาจจะไม่ประสบปัญหาแบบพวกเราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นไม่อยากให้คิดว่ามันไม่ดีนะ เรื่องที่เล่าไปมันอาจจะเกิดขึ้นกับเราแค่คนเดียวก็เป็นได้ หรือว่าแท้จริงๆแล้วคือกุโง่เองวะ?? =_=
DAY 1 ; 29th July 2017 ; Stay with me to see Shanti Stupa , Sanskarmonatery ,TsemoGompa, Leh palace , Main bazar
หลังจากลงเครื่องตอนเช้าเสร็จ พวกเราติดต่อรถจากที่ guest house ให้มารับที่สนามบินไว้ล่วงหน้า คนขับรถได้พาเรามายังที่พักเพื่อเก็บของกันก่อน แล้วเจ้าของบ้านก็บอกว่าให้ไปนอนพักกันก่อน(แกมบังคับ)ตอนแรกก็งงว่าทำไมต้องให้นอนพักก่อน พอหัวถึงหมอนแค่นั้นแหละ รู้สึกอากาศมันเบาบาง หายใจเร็วกว่าปกติ แล้วก็เหนื่อยมาก เผลอหลับไปเกือบสองชั่วโมง
ถึงแล้วเลห์ลาดัก แล้วความรักล่ะ เมื่อไหร่จะพบ ..
นอนกันไปถึง สองชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ซึ่งสถานที่แรกที่เราจะไปนั้นก็คือ
Shanti Stupa ; เป็นสถูปสีขาวซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,500 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่บริเวณฐาน สร้างโดยพระภิกษุชาวญี่ปุ่น (มาได้ไงไม่รู้เหมือนกัน) เอาเป็นว่าไม่ต้องรู้ก็ได้มั้ง ตอนไปเราก็ไม่รู้หรอกมันคืออะไร ตามๆเขาไปงั้นแหละ 555 คือมันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาถ่ายภาพมุมสูงแบบ Panorama มาก ถ้าอยากได้ภาพมุมกว้าง ขอแนะนำให้มาที่นี่ แล้วจะไม่ผิดหวัง แต่บางทีภาพที่ได้ อาจจะไม่กว้างเท่าใบหน้าของเพื่อนคุณก็เป็นได้ ....
Sankar Monastery ;เป็นสถานที่ทำพิธีทางศาสนาประมาณนั้นมั้ง ข้างในจะมีรูปภาพที่เกี่ยวกับองค์ดาไลลามะ เราก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก เพราะไม่รู้จะถามใครอ่ะ (แล้วเมิงจะมารีวิวทำด๋อยไร)
ตูมตามสารภาพบาปทั้ง 7 ...
Leh palace ;ปราสาทแห่งเลห์สักพักคนขับรถก็พามาอีกที่ซึ่งไม่ไกลกันมาก เป็นสถานที่ที่ดูมีมนตร์ขัง แล้วก็ขังจริงๆ เรางงๆกับทางข้างในมาก บางที่ก็มืด มีหลายชั้นให้เดิน ก็โอเคนะ เหมือนเดินในเขาวงกตเล็กน้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปราสาทโบราณดี ควรมาสัมผัสบรรยากาศสักครั้ง
มีความยุโรปเบาๆ แต่อากาศนั้นร้อนไม่เบาเลย
นึกว่าถ่ายที่เกาหลี ..
Main Bazar ; ตลาดนัดที่มิเคยหลับใหล แหล่งหาอาการของผู้อดอยากอย่างพวกเรา ที่จะขาดไปไม่ได้ในการซื้อแต่ละวันก็คือ น้ำผลไม้ เพราะอะไรอ่ะเหรอ ลองมาสัมผัสเองแล้วคุณจะรู้ว่าทำไม ฮ่าๆๆ สินค้าที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือผ้า Pashmina เป็นผ้าที่ทำมาจากขนของแพะในแถบแคชเมียร์ บางร้านบอกว่า นี่นะต้องรอให้แพะเอาตัวไปถูตามกิ่งไม้ แล้วเราก็จะเดินตามไปเก็บขนที่ติดตามกิ่งไม้นั้นมาถักทอเป็นผ้านี้ (กรอกตาบนนิดหน่อย)ถ้าใครชอบก็สามารถเลือกซื้อกลับไปใช้หรือจะฝากคนที่เรารักก็ได้ (เพื่อนก็ซื้อกลับไปตั้ง 2 ผืนแน่ะ) ส่วนราคาก็ค่อนข้างแพงสักเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับเนื้อผ้าที่นุ่มน่าสัมผัสเล่นทั้งวันแล้วก็ถือว่าคุ้ม
สาวหล่อคนเดียวในทริป
ไม่รู้จะ ละมุนี ตามนิยามของตูมไหม คือตรูถ่ายภาพไม่เก่งไงเฟ้ย
[CR] [CR] Leh Ladakh ; Unexpected Journey [ทริปหมอๆขอลา(ดักห์)พักร้อน]
Schedule 28th July 2017 – 5th Aug 2017
DAY 0 ; 28th July 2017 ; I'm Here .. India Taj Mahaj, Agra fort
ออกเดินทางจากประเทศไทยด้วยสายการบินไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ลัดเลาะข้ามหลายประเทศจนมาถึงชมพูทวีปอินเดีย โดยส่วนตัวไม่อยากเรียกวันนี้ว่าเป็น Day 1 สักเท่าไหร่ (เลยให้เป็น DAY 0 ละกัน) เพราะว่าอะไรอ่ะหรอ ก็นกกกกกกกกกกกกไงละ จะอะไรอีก เริ่มต้นจากพอลงจากเครื่องบินมา แพลนกันไว้ว่าจะไปทัชมาฮาลกัน แล้วจะไปกันยังไงละ คำตอบคือไม่รู้ เห็นเขาบอกว่าเดินลงมาก็ไปหาเอาแถวหน้าสนามบิน เราก็ไปหาตรงบริเวณหน้าสนามบิน
หมายเหตุ ; สนามบินนิวเดลี มีระบบรักษาความปลอดภัยที่นับว่ายอดเยี่ยมที่สุด มีทหารถือไวอาก้า เอ้ย ปืนอาก้า เตรียมสอยคุณได้ทุกเมื่อ แต่ก็ปลอดภัยมากเช่นกัน เพราะฉะนั้นขอเตือนว่า อย่าออกจากสนามบินเด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วคุณจะกลับเข้ามาในสนามบินอีกไม่ได้ เฉกเช่นที่เพื่อนเดี่ยวอาสาออกไปนอกสนามบินเพื่อหารถให้เพื่อน แล้วก็กลับเข้ามาไม่ได้อีกจนเพื่อนออกไปข้างนอกนั่นแหละ น่าวงวารเป็นที่สุด
หมายเหตุ ; ถ้าคุณคิดว่าจะซื้อซิมใส่โทรศัพท์เพื่อไว้ใช้เล่นเน็ตหรืออะไรก็ตาม ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าที่แคว้นเมียร์นั้น ไม่สามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ได้ เพราะฉะนั้นเลิกหวังไปได้เลย ถ้าจะโทรกลับไทยก็ให้โทรที่สนามบินนี่แหละ ถามว่าที่เลห์มีอินเตอร์เน็ตไหม ก็ขอตอบว่ามีแหละ แต่มันช้ามาก บางทีอาจเล่นไม่ได้ด้วย จงทำใจให้สบาย คิดซะว่าหายไปจากโลกหายนอกสักระยะนึงก็แล้วกัน ฮ่าๆ
กว่าจะมาถึงอัคราก็ปาไปเกือบบ่ายโมงละ และคนขับรถที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่น้อยของเราก็พาไปพบกับไกค์ท้องถิ่น ซึ่งไม่ได้บอกไว้แม้แต่น้อย (นึกว่าคนขับจะพาไปเป็นซะอีก คือมัดมือชกให้เสียตังค์เพิ่มใช่ไหม =_=) คนขับที่พามาคือไม่รู้เส้นทางในอัคราเลย พีคไปอีกกกกกก และพีคกว่านั้นคือ ทัชมาฮาล ปิดทุกวันศุกร์นะจ๊ะยูจ๋า (โอ้ยยยยย กุมาทำมาย ทำไมยูไม่บอกไอก่อนนนนนน T^T) เลยไปได้เพียงสวนหลังทัชมาฮาล ซึ่งก็มีค่าเข้าชมนะจ๊ะ
ช่วงนี้ผีเข้าสิงเพื่อน ... หน้าเพื่อนก็จะมืดๆหน่อย
ภาพถ่ายจากทางด้านหลังของทัชมาฮาล มีแม่น้ำกั้นอยู่ เหมือนเส้นบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างเราทั้งสองคน ...
Taj Mahal .. Touch Your Heart … มาตั้งไกล แต่ได้แค่อยู่ใกล้เธอ ....
หลังจากไกค์อธิบายถึงความเป็นมาของการสร้างทัชมาฮาล รวมถึงเพชรอันมีค่า (ยังกะเพชรซิลมาริล ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์) จบลง เพื่อเป็นการปลอบใจ ไกค์ได้พาเราไปยังที่อีกแห่ง เรียกว่า “Baby Taj” ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแทน
Baby Taj .. hey Baby I love you.
บางทีสถานที่ที่เราไปอาจจะไม่สำคัญ .. เท่ากับการได้ไปใครสักคนที่ “สำคัญ”
สถานที่ต่อไปเป็นอีกแลนด์มาร์คที่เราต้องไปกัน นั่นก็คือ agra fort หรือ ป้อมอัครา นั่นเอง นั่งรถมาไม่ไกลก็มาถึงยังป้อมอัครา ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่สามารถเข้าชมได้ทุกส่วนของป้อม เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและการทหารบางประการ
มาถึงแล้ว ป้อมอัครา ... ตูมหายไปไหนนนนนนนนน !!!
ทางเดิน ...
The face men Thailand ..
เขาบอกว่ามันคือสถานที่เอาไว้ให้กษัตริย์คัดเลือกพระสนม หรือเอาไว้นัดเดทมั้ง จำไม่ได้แล้ว
และหลังจากที่เข้าชม agra fort เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คงต้องถึงเวลาบอกลาเมืองอัคราและไกค์กิตติมศักดิ์ของเราเสียที
แต่การจากลานั้นย่อมมีราคา ซึ่งเป็นราคาพิเศษสมคำว่า “Don’t’ worry, You’re friends, you’re my guest” ในราคา 4000 รูปี (ลดแล้วจาก 6000 รูปี) หลังจากกลั้นน้ำตาแทบไม่ไหวในการจากลาครั้งนี้ ก็ต้องแทบร้องไห้อีกครั้งเมื่อต้องนั่งรถคันเดิมกลับนิวเดลี ซึ่งแค่คิดก้เจ็บก้นละ ...
ในที่สุดเราก็กลับมายังนิวเดลีได้สำเร็จ ระหว่างทางเฉียดตายเล็กน้อย เพราะคนขับเหมือนจะหลับในอยู่ตลอดเวลา และการขับด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. สำหรับวันนี้เราพักกันที่ hotel 37 delhi
อ้าว ในห้องมีคนอินเดียด้วยหรอเนี่ย ....
ทริปนี้ไม่มีผู้หญิงนะ มีแต่ชายฉกรรจ์
คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ..
หมายเหตุ : สำหรับการมาเที่ยวทัชมาฮาลเองแบบ un-planned แบบนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ควรจะหาข้อมูลไว้เป็นอย่างดี อย่างน้อยยูก็ควรจะรู้ว่าทัชมาฮาลมันปิดวันศุกกกกกกกกกกกกกกร์ แล้วต้องระวังทุกการกระทำด้วย เพราะอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น เช่น สัมภาระที่ยูวางทิ้งไว้ แล้วมีแขกใจดีวิ่งมาช่วยยกให้ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะหลังจากนั้นยูจะได้ยินคำว่า “ My Tip ?“ ทางที่ดีถ้าอยากไปทัชมาฮาลจริงๆอาจหาทัวน์มาจากไทยไว้แต่เนิ่นๆก็ได้
หมายเหตุ : คนอื่นที่มาแบบพวกเราอาจจะไม่ประสบปัญหาแบบพวกเราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นไม่อยากให้คิดว่ามันไม่ดีนะ เรื่องที่เล่าไปมันอาจจะเกิดขึ้นกับเราแค่คนเดียวก็เป็นได้ หรือว่าแท้จริงๆแล้วคือกุโง่เองวะ?? =_=
DAY 1 ; 29th July 2017 ; Stay with me to see Shanti Stupa , Sanskarmonatery ,TsemoGompa, Leh palace , Main bazar
หลังจากลงเครื่องตอนเช้าเสร็จ พวกเราติดต่อรถจากที่ guest house ให้มารับที่สนามบินไว้ล่วงหน้า คนขับรถได้พาเรามายังที่พักเพื่อเก็บของกันก่อน แล้วเจ้าของบ้านก็บอกว่าให้ไปนอนพักกันก่อน(แกมบังคับ)ตอนแรกก็งงว่าทำไมต้องให้นอนพักก่อน พอหัวถึงหมอนแค่นั้นแหละ รู้สึกอากาศมันเบาบาง หายใจเร็วกว่าปกติ แล้วก็เหนื่อยมาก เผลอหลับไปเกือบสองชั่วโมง
ถึงแล้วเลห์ลาดัก แล้วความรักล่ะ เมื่อไหร่จะพบ ..
นอนกันไปถึง สองชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง ซึ่งสถานที่แรกที่เราจะไปนั้นก็คือ
Shanti Stupa ; เป็นสถูปสีขาวซึ่งตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,500 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่บริเวณฐาน สร้างโดยพระภิกษุชาวญี่ปุ่น (มาได้ไงไม่รู้เหมือนกัน) เอาเป็นว่าไม่ต้องรู้ก็ได้มั้ง ตอนไปเราก็ไม่รู้หรอกมันคืออะไร ตามๆเขาไปงั้นแหละ 555 คือมันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาถ่ายภาพมุมสูงแบบ Panorama มาก ถ้าอยากได้ภาพมุมกว้าง ขอแนะนำให้มาที่นี่ แล้วจะไม่ผิดหวัง แต่บางทีภาพที่ได้ อาจจะไม่กว้างเท่าใบหน้าของเพื่อนคุณก็เป็นได้ ....
Sankar Monastery ;เป็นสถานที่ทำพิธีทางศาสนาประมาณนั้นมั้ง ข้างในจะมีรูปภาพที่เกี่ยวกับองค์ดาไลลามะ เราก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก เพราะไม่รู้จะถามใครอ่ะ (แล้วเมิงจะมารีวิวทำด๋อยไร)
ตูมตามสารภาพบาปทั้ง 7 ...
Leh palace ;ปราสาทแห่งเลห์สักพักคนขับรถก็พามาอีกที่ซึ่งไม่ไกลกันมาก เป็นสถานที่ที่ดูมีมนตร์ขัง แล้วก็ขังจริงๆ เรางงๆกับทางข้างในมาก บางที่ก็มืด มีหลายชั้นให้เดิน ก็โอเคนะ เหมือนเดินในเขาวงกตเล็กน้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปราสาทโบราณดี ควรมาสัมผัสบรรยากาศสักครั้ง
มีความยุโรปเบาๆ แต่อากาศนั้นร้อนไม่เบาเลย
นึกว่าถ่ายที่เกาหลี ..
Main Bazar ; ตลาดนัดที่มิเคยหลับใหล แหล่งหาอาการของผู้อดอยากอย่างพวกเรา ที่จะขาดไปไม่ได้ในการซื้อแต่ละวันก็คือ น้ำผลไม้ เพราะอะไรอ่ะเหรอ ลองมาสัมผัสเองแล้วคุณจะรู้ว่าทำไม ฮ่าๆๆ สินค้าที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือผ้า Pashmina เป็นผ้าที่ทำมาจากขนของแพะในแถบแคชเมียร์ บางร้านบอกว่า นี่นะต้องรอให้แพะเอาตัวไปถูตามกิ่งไม้ แล้วเราก็จะเดินตามไปเก็บขนที่ติดตามกิ่งไม้นั้นมาถักทอเป็นผ้านี้ (กรอกตาบนนิดหน่อย)ถ้าใครชอบก็สามารถเลือกซื้อกลับไปใช้หรือจะฝากคนที่เรารักก็ได้ (เพื่อนก็ซื้อกลับไปตั้ง 2 ผืนแน่ะ) ส่วนราคาก็ค่อนข้างแพงสักเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับเนื้อผ้าที่นุ่มน่าสัมผัสเล่นทั้งวันแล้วก็ถือว่าคุ้ม
สาวหล่อคนเดียวในทริป
ไม่รู้จะ ละมุนี ตามนิยามของตูมไหม คือตรูถ่ายภาพไม่เก่งไงเฟ้ย