โรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ผื่นผิวหนังอักเสบจากความแห้งของผิวหนัง พออายุมากขึ้นเซลล์ผิวหนัง
จะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ตัวอุ้มน้ำของผิวหนังน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในตัวของผู้สูงอายุเอง ร่วมกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอก
ที่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นออกไปได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว
ปฎิบัติตัวไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังในผู้สูงอายุอย่างไร ?
นอกจากปัจจัยภายนอกเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผิวแห้งแล้ว การปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้องจะยิ่งทำให้เกิดการแห้งของผิวหนังมากขึ้น เช่น
1. การใช้สบู่ที่แรงกับผิวมากเกินไป หรือว่าการขัดผิว
2. การอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนจัดเป็นเวลานานๆ
ซึ่งจะทำให้ผิวแห้ง หยาบ เป็นขุ่ย ร่วมกับมีอาการคัน เริ่มต้นอาจจะคันยิบๆ มาก่อน โดยที่ผื่นยังไม่เยอะ แต่เมื่อขาดการรักษาที่ถูกต้อง
ก็จะยิ่งทำให้ผื่นพัฒนากลายเป็นผื่นแดงอักเสบขึ้นมา บางคนอาจจะอักเสบมากจนถึงกับมีน้ำเหลืองเยิ้มออกมา
โรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในโรคผิวหนังของผู้สูงอายุ ?
โรคแทรกซ้อนส่วนใหญ่ที่พบ เป็นเรื่องของการติดเชื้อเป็นหลัก เพราะระบบภูมิคุ้มกันผิวหนังของผู้สูงอายุจะลดลงตามอายุ ฉะนั้นความสามารถในการที่ผิวหนังจะเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อมภายนอกก็จะลดลงตาม ซึ่งจะพบว่าผู้สูงอายุหลายๆ ท่านจะมีการติดเชื้อได้ง่ายทั้งในเรื่องของเชื้อรา หรือว่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราที่พบบ่อยจะเกิดที่เท้าและเล็บ ด้วยอาการของผิวเท้าลอกเป็นขุ่ยๆ โดยที่ไม่ได้มีอาการคันใดๆ แต่เมื่อขูดมาตรวจก็จะพบว่าเป็นเชื้อรา ซึ่งควรต้องรักษาให้หายขาดโดยเร็ว เพราะถ้าหากว่า เกา หรือแกะผิวหนัง
จะทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเข้าทางผิวหนัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน และในผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนเข้าไปในร่างกาย และอาจติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ป้องกันโรคผิวหนังในผู้สูงอายุอย่างไร ?
โรคผิวหนังในผู้สูงอายุนั้น การป้องกันต้องมาเป็นอันดับแรก การปฏิบัติตัวง่ายๆ คือ
1. พยายามหลีกเลี่ยงอย่าอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนมากเกินไป
2. ใช้สบู่ที่เหมาะกับผิว มีค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือ PH อ่อนๆ ประมาณ 5.5
3. หลังอาบน้ำเสร็จครวทาครีมบำรุงผิวทันที หลังเช็ดตัวเสร็จหมาดๆ เพื่อให้ช่วยอุ้มน้ำไว้และเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นออกไป
คนใกล้ชิดควรดูแลผิวหนังให้ผู้สูงอายุอย่างไร ?
1. หมั่นสังเกตุว่าผู้สูงอายุในบ้านมีลักษณะผิวหนังที่เริ่มผิดปกติไปอย่างไรจากเดิม เช่น ผู้สูงอายุหลายๆ ท่าน จะมีปัญหาเรื่องของกระเนื้อ
มีลักษณะเป็นตุ่มหรือก้อนสีน้ำตาล สีดำ แปะอยู่ที่ผิวหนังค่อยๆโตขึ้น บางตุ่มมีอาการบวม เจ็บ อักเสบ แตกเป็นแผล หรือมีสีที่เปลี่ยนไป ก็ควรต้องพามาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่ามันกลายเป็นมะเร็งผิวหนังหรือไม่ เพราะถ้าไม่สังเกตุอาจดูว่ามันคล้ายๆ กัน ทำให้เรานึกไม่ถึง
2. สบู่ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ควรเลือกที่อ่อนโยนกับผิว สามารถเก็บความชุ่มชื่นไว้กับผิวได้นาน หลังอาบน้ำเสร็จควรทาครีมบำรุงทันที เนื่องจากผิวแห้งมากกว่าวัยอื่น ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่เข้มข้นกว่าปกติ และทาเพิ่มขึ้นระหว่างวัน ทาบ่อยๆ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับผิว
3. ควรต้องใช้ครีมกันแดดด้วย เพราะมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิด ฝ้า กระเนื้อ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง
โรคผิวหนังในผู้สูงอายุกับการป้องกัน
จะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ตัวอุ้มน้ำของผิวหนังน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในตัวของผู้สูงอายุเอง ร่วมกับปัจจัยสิ่งแวดล้อมภายนอก
ที่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นออกไปได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว
ปฎิบัติตัวไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังในผู้สูงอายุอย่างไร ?
นอกจากปัจจัยภายนอกเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผิวแห้งแล้ว การปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้องจะยิ่งทำให้เกิดการแห้งของผิวหนังมากขึ้น เช่น
1. การใช้สบู่ที่แรงกับผิวมากเกินไป หรือว่าการขัดผิว
2. การอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนจัดเป็นเวลานานๆ
ซึ่งจะทำให้ผิวแห้ง หยาบ เป็นขุ่ย ร่วมกับมีอาการคัน เริ่มต้นอาจจะคันยิบๆ มาก่อน โดยที่ผื่นยังไม่เยอะ แต่เมื่อขาดการรักษาที่ถูกต้อง
ก็จะยิ่งทำให้ผื่นพัฒนากลายเป็นผื่นแดงอักเสบขึ้นมา บางคนอาจจะอักเสบมากจนถึงกับมีน้ำเหลืองเยิ้มออกมา
โรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในโรคผิวหนังของผู้สูงอายุ ?
โรคแทรกซ้อนส่วนใหญ่ที่พบ เป็นเรื่องของการติดเชื้อเป็นหลัก เพราะระบบภูมิคุ้มกันผิวหนังของผู้สูงอายุจะลดลงตามอายุ ฉะนั้นความสามารถในการที่ผิวหนังจะเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อมภายนอกก็จะลดลงตาม ซึ่งจะพบว่าผู้สูงอายุหลายๆ ท่านจะมีการติดเชื้อได้ง่ายทั้งในเรื่องของเชื้อรา หรือว่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราที่พบบ่อยจะเกิดที่เท้าและเล็บ ด้วยอาการของผิวเท้าลอกเป็นขุ่ยๆ โดยที่ไม่ได้มีอาการคันใดๆ แต่เมื่อขูดมาตรวจก็จะพบว่าเป็นเชื้อรา ซึ่งควรต้องรักษาให้หายขาดโดยเร็ว เพราะถ้าหากว่า เกา หรือแกะผิวหนัง
จะทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนเข้าทางผิวหนัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน และในผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะทำให้ติดเชื้อแทรกซ้อนเข้าไปในร่างกาย และอาจติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ป้องกันโรคผิวหนังในผู้สูงอายุอย่างไร ?
โรคผิวหนังในผู้สูงอายุนั้น การป้องกันต้องมาเป็นอันดับแรก การปฏิบัติตัวง่ายๆ คือ
1. พยายามหลีกเลี่ยงอย่าอาบน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนมากเกินไป
2. ใช้สบู่ที่เหมาะกับผิว มีค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือ PH อ่อนๆ ประมาณ 5.5
3. หลังอาบน้ำเสร็จครวทาครีมบำรุงผิวทันที หลังเช็ดตัวเสร็จหมาดๆ เพื่อให้ช่วยอุ้มน้ำไว้และเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นออกไป
คนใกล้ชิดควรดูแลผิวหนังให้ผู้สูงอายุอย่างไร ?
1. หมั่นสังเกตุว่าผู้สูงอายุในบ้านมีลักษณะผิวหนังที่เริ่มผิดปกติไปอย่างไรจากเดิม เช่น ผู้สูงอายุหลายๆ ท่าน จะมีปัญหาเรื่องของกระเนื้อ
มีลักษณะเป็นตุ่มหรือก้อนสีน้ำตาล สีดำ แปะอยู่ที่ผิวหนังค่อยๆโตขึ้น บางตุ่มมีอาการบวม เจ็บ อักเสบ แตกเป็นแผล หรือมีสีที่เปลี่ยนไป ก็ควรต้องพามาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่ามันกลายเป็นมะเร็งผิวหนังหรือไม่ เพราะถ้าไม่สังเกตุอาจดูว่ามันคล้ายๆ กัน ทำให้เรานึกไม่ถึง
2. สบู่ที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ควรเลือกที่อ่อนโยนกับผิว สามารถเก็บความชุ่มชื่นไว้กับผิวได้นาน หลังอาบน้ำเสร็จควรทาครีมบำรุงทันที เนื่องจากผิวแห้งมากกว่าวัยอื่น ควรเลือกครีมบำรุงผิวที่เข้มข้นกว่าปกติ และทาเพิ่มขึ้นระหว่างวัน ทาบ่อยๆ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับผิว
3. ควรต้องใช้ครีมกันแดดด้วย เพราะมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิด ฝ้า กระเนื้อ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง