เราอยากทำงานโฆษณาค่ะ
เป็นความคิดของเราประมาณปี3 จนถึงตอนนี้ ก็รวมๆ3ปีแล้ว
ชีวิตก่อนหน้านั้นเราเป็นคนหลักลอย
เราเรียนโดยไม่ได้สนใจความชอบของตัวเอง
เพราะพรสวรรค์ที่ติดตัวมาราวกับปีกถูกตัดไปตั้งแต่เด็ก
ด้วยคำของบุพการีว่า
"หยุดวาดรูปได้แล้วนะ โตไปก็ไปเป็นศิลปินไส้แห้ง คนที่วาดรูป อยู่ได้แค่ข้างถนนเท่านั้น"
พร้อมกับเอารูปที่เราวาดเล่นจนเต็มโต๊ะทิ้งจนหมด
เราเจอกับสิ่งนี้ตอนอยู่ป.4ค่ะ
ด้วยความเป็นเด็กและอยากให้พ่อกับแม่รัก
เลยเลิกวาดรูปให้พวกท่านเห็น แต่ก็ยังแอบวาดรูปตลอด
ชีวิตเราถูกกำหนดและลากเส้นไว้หมดแล้ว
เราจึงไม่จำเป็นต้องเลือกอะไร
จึงทำให้ความช่างฝันของเรา ค่อยๆตายทีละเล็ก ทีละน้อย
เราเลยเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง และหลงทาง
จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ
พ่อแม่เราส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์ชื่อดัง
เพราะเราไม่สามารถเข้าบัญชีในมหา'ลัยรัฐดังๆได้
แต่ดันไปติดการละคอนแทน
เราเรียนบริหารธุรกิจ Major บัญชี Minor Marketing
การเลือกMinorนี้ ทำให้เรามีอาจารย์ท่านหนึ่งเห็นความสามารถของเรา
ว่าเรามีแววทางโฆษณา อีกอย่าง วิชานี้เป็นวิชาแรกที่เราสนุกกับมัน
เราจึงย้ายMajor ทำให้เราเสียเวลาไป1ปี
แทนที่เราจะกลายเป็นเด็กจบเร็ว โดยแค่3ปีครึ่ง
กลายเป็น4ปีครึ่ง
พอทางบ้านทราบว่าเราแอบย้ายMajor
บ้านเกือบแตกค่ะ ที่จริง....จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก
เรามีเราคนเดียวที่แตกสลาย
แต่เราก็ยังดื้อจะทำต่อ เพราะโฆษณาคือสิ่งที่ทำให้เราเรียนอย่างมีความสุขอีกครั้ง
และเหมือนจะมีความฝันอีกครั้ง
เราทุ่มสุดตัวค่ะ พร้อมกับBalanceความต้องการของพ่อแม่ด้วย
อะไรที่ดูมากไป ก็จะไม่ทำ
เรายังคงรักษาเกรดได้อย่างดี
แต่มันทำให้เราชวดการร่วมทำกิจกรรม หรือประกวดใดๆ
เพราะร่วมทีไร เกรดดิ่งทุกที555
เราจบมา ด้วยความฝันที่อยากเป็นcreative ในส่วนCopywriter
อยากทำงานระดับโลก จึงหาที่เรียน Graphic designเพื่อทำPortfolio
แต่ว่า ที่บ้านอยากให้ทำงานเลย
โดยปกติสายโฆษณาจำเป็นต้องมีการฝึกงาน
เราตั้งใจที่จะเรียนGraphicสักเดือน ทำพอร์ตแล้วค่อยขอฝึกงาน
พยายามอธิบายให้พวกท่านฟังก็ไม่เข้าใจ
จนสุดท้ายต้องทำตาม
รู้ตัวอีกทีเราก็เป็นโรคซึมเศร้า ที่ยาวนานสะสม
จนไม่สามารถอยู่กับสิ่งที่อึดอัดได้จริงๆ
เราลาออกจากงานและรักษา ท่ามกลางความไม่เข้าใจของพ่อแม่
ว่าเราเป็นโรคนี้ได้อย่างไร พวกท่านเลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน
ตอนนั้นเราใช้โรคนี้เป็นข้อต่อรอง ขอให้เราได้ทำตามสิ่งที่เราอยากทำสักครั้ง
ท่านก็เลยยอม ให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำ
เราออกจากงานตั้งแต่ต้นปี
เข้างานสมนา สมัครคลาสที่จำเป็นต่อสายงาน
และทยอยๆสมัครงาน
แต่มันล้มเหลวค่ะ
ล้มเหลวทุกครั้ง
จนโดนยื่นคำขาดแล้ว
เราอายุ24แล้ว จะมาฝันลมๆแล้งๆไม่ได้
เราเข้าใจนะ แต่เราก็กลัว เราไม่อยากไปทำงานที่เราไม่รัก
ชีวิตเราตั้งแต่เด็ก ถูกบีบอยู่ในที่ที่เราไม่อยากอยู่
เราอยากมีชีวิตวัยผู้ใหญ่ที่มีความสุข
จนสามารถเรียกการดำรงชีวิตอยู่ของเราได้ว่าเป็น"การมีชีวิต"
แต่เราก็ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง
ทุกวันนี้ ท่านอายกับการมีลูกแบบเรามาก
และแสดงออกในเรื่องนั้นสุดๆ
จนตอนนี้ เราไม่รู้จริงๆ เราควรทำอย่างไรต่อไปดี
เราควรจะสู้ต่อให้ถึงที่สุด หรือควรจะ...
..
หยุดได้แล้ว
รู้สึกท้อกับความฝันมาก อยากหยุดแล้วฝังมันไปเลยดีมั้ย
เป็นความคิดของเราประมาณปี3 จนถึงตอนนี้ ก็รวมๆ3ปีแล้ว
ชีวิตก่อนหน้านั้นเราเป็นคนหลักลอย
เราเรียนโดยไม่ได้สนใจความชอบของตัวเอง
เพราะพรสวรรค์ที่ติดตัวมาราวกับปีกถูกตัดไปตั้งแต่เด็ก
ด้วยคำของบุพการีว่า
"หยุดวาดรูปได้แล้วนะ โตไปก็ไปเป็นศิลปินไส้แห้ง คนที่วาดรูป อยู่ได้แค่ข้างถนนเท่านั้น"
พร้อมกับเอารูปที่เราวาดเล่นจนเต็มโต๊ะทิ้งจนหมด
เราเจอกับสิ่งนี้ตอนอยู่ป.4ค่ะ
ด้วยความเป็นเด็กและอยากให้พ่อกับแม่รัก
เลยเลิกวาดรูปให้พวกท่านเห็น แต่ก็ยังแอบวาดรูปตลอด
ชีวิตเราถูกกำหนดและลากเส้นไว้หมดแล้ว
เราจึงไม่จำเป็นต้องเลือกอะไร
จึงทำให้ความช่างฝันของเรา ค่อยๆตายทีละเล็ก ทีละน้อย
เราเลยเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง และหลงทาง
จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ
พ่อแม่เราส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยอินเตอร์ชื่อดัง
เพราะเราไม่สามารถเข้าบัญชีในมหา'ลัยรัฐดังๆได้
แต่ดันไปติดการละคอนแทน
เราเรียนบริหารธุรกิจ Major บัญชี Minor Marketing
การเลือกMinorนี้ ทำให้เรามีอาจารย์ท่านหนึ่งเห็นความสามารถของเรา
ว่าเรามีแววทางโฆษณา อีกอย่าง วิชานี้เป็นวิชาแรกที่เราสนุกกับมัน
เราจึงย้ายMajor ทำให้เราเสียเวลาไป1ปี
แทนที่เราจะกลายเป็นเด็กจบเร็ว โดยแค่3ปีครึ่ง
กลายเป็น4ปีครึ่ง
พอทางบ้านทราบว่าเราแอบย้ายMajor
บ้านเกือบแตกค่ะ ที่จริง....จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก
เรามีเราคนเดียวที่แตกสลาย
แต่เราก็ยังดื้อจะทำต่อ เพราะโฆษณาคือสิ่งที่ทำให้เราเรียนอย่างมีความสุขอีกครั้ง
และเหมือนจะมีความฝันอีกครั้ง
เราทุ่มสุดตัวค่ะ พร้อมกับBalanceความต้องการของพ่อแม่ด้วย
อะไรที่ดูมากไป ก็จะไม่ทำ
เรายังคงรักษาเกรดได้อย่างดี
แต่มันทำให้เราชวดการร่วมทำกิจกรรม หรือประกวดใดๆ
เพราะร่วมทีไร เกรดดิ่งทุกที555
เราจบมา ด้วยความฝันที่อยากเป็นcreative ในส่วนCopywriter
อยากทำงานระดับโลก จึงหาที่เรียน Graphic designเพื่อทำPortfolio
แต่ว่า ที่บ้านอยากให้ทำงานเลย
โดยปกติสายโฆษณาจำเป็นต้องมีการฝึกงาน
เราตั้งใจที่จะเรียนGraphicสักเดือน ทำพอร์ตแล้วค่อยขอฝึกงาน
พยายามอธิบายให้พวกท่านฟังก็ไม่เข้าใจ
จนสุดท้ายต้องทำตาม
รู้ตัวอีกทีเราก็เป็นโรคซึมเศร้า ที่ยาวนานสะสม
จนไม่สามารถอยู่กับสิ่งที่อึดอัดได้จริงๆ
เราลาออกจากงานและรักษา ท่ามกลางความไม่เข้าใจของพ่อแม่
ว่าเราเป็นโรคนี้ได้อย่างไร พวกท่านเลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน
ตอนนั้นเราใช้โรคนี้เป็นข้อต่อรอง ขอให้เราได้ทำตามสิ่งที่เราอยากทำสักครั้ง
ท่านก็เลยยอม ให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำ
เราออกจากงานตั้งแต่ต้นปี
เข้างานสมนา สมัครคลาสที่จำเป็นต่อสายงาน
และทยอยๆสมัครงาน
แต่มันล้มเหลวค่ะ
ล้มเหลวทุกครั้ง
จนโดนยื่นคำขาดแล้ว
เราอายุ24แล้ว จะมาฝันลมๆแล้งๆไม่ได้
เราเข้าใจนะ แต่เราก็กลัว เราไม่อยากไปทำงานที่เราไม่รัก
ชีวิตเราตั้งแต่เด็ก ถูกบีบอยู่ในที่ที่เราไม่อยากอยู่
เราอยากมีชีวิตวัยผู้ใหญ่ที่มีความสุข
จนสามารถเรียกการดำรงชีวิตอยู่ของเราได้ว่าเป็น"การมีชีวิต"
แต่เราก็ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง
ทุกวันนี้ ท่านอายกับการมีลูกแบบเรามาก
และแสดงออกในเรื่องนั้นสุดๆ
จนตอนนี้ เราไม่รู้จริงๆ เราควรทำอย่างไรต่อไปดี
เราควรจะสู้ต่อให้ถึงที่สุด หรือควรจะ...
..
หยุดได้แล้ว