สวัสดีครับ หลังจากที่เคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับโครงการ Volunteer project ของ Aiesec และเที่ยวยุโรปมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
หลังจากที่ผมมีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษเป็นเวลา 1 ปี วันนี้ผมเลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในมหาลัยและประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งหวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆหลายคนที่คิดจะไปเรียนต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ The Univeristy of Warwick ไม่มากก็น้อยนะครับ
ติดตามตอนต่อไปได้ที่ตามลิงค์:
ตอนที่ 2 : Greece --
https://ppantip.com/topic/36956716
ตอนที่ 3 : Iceland --
https://ppantip.com/topic/36957829
ตอนที่ 4 : Portugal --
https://ppantip.com/topic/36958501
ตอนที่ 5 : Spain --
https://ppantip.com/topic/36959343
ตอนที่ 6 : Italy --
https://ppantip.com/topic/36960249
ปล1. เนื่องจากไม่ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสเขียนเล่าประสบการณ์ยาวขนาดนี้บ่อยๆ ถ้ามีการใช้ภาษาผิดหรือเขียนวกไปวนมาไม่รู้เรื่องขัดใจคนอ่าน ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปล2.ข้อมูลต่างๆจากกระทู้นี้เขียนมาจากประสบการณ์ตรง ดังนั้นบางทีอาจถูกบ้างผิดบ้าง เพื่อนๆสามารถให้ข้อมูลที่ถูกได้ ผมยินดีน้อมรับครับ
ผมมีโอกาสได้มาเรียนต่อ Master degree ที่ The University of Warwick ในปี 2016 - 2017 ครับ (ชื่อตัวมหาลัยอ่านว่า วอร์ริค ไม่ใช่ วอร์วิค หลายคนมักอ่านผิด) โดยคอร์สที่เลือกเรียนคือ Business (Marketing) คณะ WBS (Warwick business school)
จริงๆแล้วคอร์ส Master degree จะเริ่มเรียนประมาณต้นเดือนตุลาคมครับ แต่ผมตัดสินใจที่จะมาเรียนปรับพื้นฐานภาษา (Pre-seesional course) ก่อนเป็นระยะเวลาประมาณ 6 อาทิตย์ ทั้งนี้ทั่งนั้นก็เพราะว่า ผมกังวลว่าถ้ามาตอนเดือนตุลาเลยจะปรับตัวไม่ทันและก็อยากรื้อฟื้นทักษะภาษาอังกฤษก่อนเรียนจริงด้วย โดยเฉพาะเรื่องการฟังและการพูด
Pre-sessional course(สค.-กย.)
Pre-sessional course ที่นี่ เนื้อหาที่เรียนก็จะแบ่งเป็น 2 part ใหญ่ๆคือ Writting กับ Speaking ซึ่งเป็นทักษะที่คนไทยหลายๆคน โดยเฉพาะตัวผมเองมีปัญหา โดยใน 1 คลาสก็จะมีนักเรียนประมาณ 10 - 15 คนครับ นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมเสริมต่างๆ เช่น มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตในอังกฤษ, การพานักเรียนไปเที่ยวตามเมืองต่างๆทุกอาทิตย์ (ค่าใช้จ่ายรวมในค่าเรียนภาษาแล้ว) เช่น
Shakespeare village,
Liverpool,
Warwick castle,
รวมถึงมีการกีฬากระชับความสามัคคีตอนจบคอร์สด้วย
การวัดผลจากการเรียน Pre-sessional ก็จะมีทั้งการเขียน Report ประมาณ 1500 คำ, การทำ Presentation 10 - 15 นาที รวมถึงการสอบ 4 ทักษะ แบบ Ielts ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครสอบตกก็จะต้องไปเรียนภาษาเพิ่มเติมนะครับ ถึงแม้ว่าคอร์สหลักจะเปิดแล้ว ปล.การเรียนภาษาเพิ่มเติมต้องเสียค่าใช้จ่ายนะครับ โดยต้องเรียนประมาณ 2-3 เดือน ถ้าจำไม่ผิด แต่บางคนอาจจะบอกว่าคุ้มเพราะเห็นว่ากันว่าราคาเมื่อคิดเป็นรายชั่วโมงถูกกว่าเรียนภาษาที่ไทยอีก
ส่วนที่พักนั้นเราก็จะอยู่รวมกันที่ตึกชื่อ Sherbourne ครับ โดยเราจะอยู่แยกกันเป็น flat แต่ละ Flat ก็จะรวมนักเรียน Pre หลายๆชาติเข้าด้วยกันประมาณ 12 คนแยกกันเป็นห้องๆ แต่ใช้ห้องครัวร่วมกัน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนแต่ละชาติที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนจีน ไต้หวัน เกาหลี หรือ กลุ่มอาหรับ
หลังจากเรียนจบก็จะมีเวลาให้พักประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนจะเริ่มเรียนกันแบบจริงจัง ซึ่งตอนนั้นพวกผมเลือกที่จะเช่ารถเที่ยวกันครับ โดยได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองที่อยู่ไม่ไกลจาก Coventry นัก trip นี่ใช้เวลา 3 วัน 2 คืนครับเช่น
Bibury village ที่ Cotsworld,
เยือนสนามฟุตบอลทั้ง Liverpool และ 2 ทีมแห่งเมือง Manchester ปล. ที่เมือง Liverpool นี่เอง ก็เป็นจุดเกิดเหตุของเราครับนั่นคือ เสียค่าปรับนจากการขับรถเร็วเกินกำหนด ถนนของที่อังกฤษจะมีกล้องติดอยู่เพื่อจับความเร็ว ถนนใหญ่ ประมาณ 70 miles/hr ส่วนถนนรอง เล็กๆ ตามซอยก็จะมีป้ายบอกครับ โดนปรับจริงนะครับผ่านทางบัตรเครดิตที่เราใช้เช่ารถ จำได้ว่าโดนปรับไปประมาณ 70 ปอนด์ครับ ดังนั้น ขับตามลิมิตปลอดภัยสุดครับ
Pub หน้า Anfield ครับ มีอยู่ร้านเดียวโดดๆ เด่นมาก
ว่าแล้วก็ tour สนามซะหน่อย ราคานักเรียนประมาณ 15 pounds ปล.อย่าลืมนำบัตรนิสิตติดตัวไปด้วยนะครับ
กลัวแฟนแมนยูและแมนซิตี้จะเสียใจครับ เลยต้องแวะไปชมน่าสนามก็ยังดี
สุดท้ายก็เป็น Lake district แต่โชคร้ายที่วันนั้นฝนตก บรรยากาศเลยดูเงียบเหงาหน่อย
ขากลับก็แอบแวะไปที่ Trentham garden จุดเด่นของที่นี่คือ ตัว Fairies แบบต่างๆที่ถูกวางให้เราได้ตามหากันเล่นๆครับ สำหรับรายละเอียดก็ตามนี้ครับ:
http://www.trentham.co.uk/trentham-gardens ถ้ามาช่วงที่อากาศดีหน่อย ดอกไม้ปานอยู่ สักประมาณเดือน มิย.- สค. น่าจะสวยกว่านี้
Master degree ที่ The University of Warwick+เที่ยวยุโรป Greece, Iceland, Portugal, Spain,Italy ตอนที่ 1: ชีวิตนักเรียน
สวัสดีครับ หลังจากที่เคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับโครงการ Volunteer project ของ Aiesec และเที่ยวยุโรปมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
หลังจากที่ผมมีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษเป็นเวลา 1 ปี วันนี้ผมเลยอยากแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในมหาลัยและประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งหวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆหลายคนที่คิดจะไปเรียนต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ The Univeristy of Warwick ไม่มากก็น้อยนะครับ
ติดตามตอนต่อไปได้ที่ตามลิงค์:
ตอนที่ 2 : Greece -- https://ppantip.com/topic/36956716
ตอนที่ 3 : Iceland -- https://ppantip.com/topic/36957829
ตอนที่ 4 : Portugal -- https://ppantip.com/topic/36958501
ตอนที่ 5 : Spain -- https://ppantip.com/topic/36959343
ตอนที่ 6 : Italy -- https://ppantip.com/topic/36960249
ปล1. เนื่องจากไม่ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสเขียนเล่าประสบการณ์ยาวขนาดนี้บ่อยๆ ถ้ามีการใช้ภาษาผิดหรือเขียนวกไปวนมาไม่รู้เรื่องขัดใจคนอ่าน ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปล2.ข้อมูลต่างๆจากกระทู้นี้เขียนมาจากประสบการณ์ตรง ดังนั้นบางทีอาจถูกบ้างผิดบ้าง เพื่อนๆสามารถให้ข้อมูลที่ถูกได้ ผมยินดีน้อมรับครับ
ผมมีโอกาสได้มาเรียนต่อ Master degree ที่ The University of Warwick ในปี 2016 - 2017 ครับ (ชื่อตัวมหาลัยอ่านว่า วอร์ริค ไม่ใช่ วอร์วิค หลายคนมักอ่านผิด) โดยคอร์สที่เลือกเรียนคือ Business (Marketing) คณะ WBS (Warwick business school)
จริงๆแล้วคอร์ส Master degree จะเริ่มเรียนประมาณต้นเดือนตุลาคมครับ แต่ผมตัดสินใจที่จะมาเรียนปรับพื้นฐานภาษา (Pre-seesional course) ก่อนเป็นระยะเวลาประมาณ 6 อาทิตย์ ทั้งนี้ทั่งนั้นก็เพราะว่า ผมกังวลว่าถ้ามาตอนเดือนตุลาเลยจะปรับตัวไม่ทันและก็อยากรื้อฟื้นทักษะภาษาอังกฤษก่อนเรียนจริงด้วย โดยเฉพาะเรื่องการฟังและการพูด
Pre-sessional course(สค.-กย.)
Pre-sessional course ที่นี่ เนื้อหาที่เรียนก็จะแบ่งเป็น 2 part ใหญ่ๆคือ Writting กับ Speaking ซึ่งเป็นทักษะที่คนไทยหลายๆคน โดยเฉพาะตัวผมเองมีปัญหา โดยใน 1 คลาสก็จะมีนักเรียนประมาณ 10 - 15 คนครับ นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมเสริมต่างๆ เช่น มีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตในอังกฤษ, การพานักเรียนไปเที่ยวตามเมืองต่างๆทุกอาทิตย์ (ค่าใช้จ่ายรวมในค่าเรียนภาษาแล้ว) เช่น
Shakespeare village,
Liverpool,
Warwick castle,
รวมถึงมีการกีฬากระชับความสามัคคีตอนจบคอร์สด้วย
การวัดผลจากการเรียน Pre-sessional ก็จะมีทั้งการเขียน Report ประมาณ 1500 คำ, การทำ Presentation 10 - 15 นาที รวมถึงการสอบ 4 ทักษะ แบบ Ielts ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครสอบตกก็จะต้องไปเรียนภาษาเพิ่มเติมนะครับ ถึงแม้ว่าคอร์สหลักจะเปิดแล้ว ปล.การเรียนภาษาเพิ่มเติมต้องเสียค่าใช้จ่ายนะครับ โดยต้องเรียนประมาณ 2-3 เดือน ถ้าจำไม่ผิด แต่บางคนอาจจะบอกว่าคุ้มเพราะเห็นว่ากันว่าราคาเมื่อคิดเป็นรายชั่วโมงถูกกว่าเรียนภาษาที่ไทยอีก
ส่วนที่พักนั้นเราก็จะอยู่รวมกันที่ตึกชื่อ Sherbourne ครับ โดยเราจะอยู่แยกกันเป็น flat แต่ละ Flat ก็จะรวมนักเรียน Pre หลายๆชาติเข้าด้วยกันประมาณ 12 คนแยกกันเป็นห้องๆ แต่ใช้ห้องครัวร่วมกัน ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของคนแต่ละชาติที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนจีน ไต้หวัน เกาหลี หรือ กลุ่มอาหรับ
หลังจากเรียนจบก็จะมีเวลาให้พักประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนจะเริ่มเรียนกันแบบจริงจัง ซึ่งตอนนั้นพวกผมเลือกที่จะเช่ารถเที่ยวกันครับ โดยได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองที่อยู่ไม่ไกลจาก Coventry นัก trip นี่ใช้เวลา 3 วัน 2 คืนครับเช่น
Bibury village ที่ Cotsworld,
เยือนสนามฟุตบอลทั้ง Liverpool และ 2 ทีมแห่งเมือง Manchester ปล. ที่เมือง Liverpool นี่เอง ก็เป็นจุดเกิดเหตุของเราครับนั่นคือ เสียค่าปรับนจากการขับรถเร็วเกินกำหนด ถนนของที่อังกฤษจะมีกล้องติดอยู่เพื่อจับความเร็ว ถนนใหญ่ ประมาณ 70 miles/hr ส่วนถนนรอง เล็กๆ ตามซอยก็จะมีป้ายบอกครับ โดนปรับจริงนะครับผ่านทางบัตรเครดิตที่เราใช้เช่ารถ จำได้ว่าโดนปรับไปประมาณ 70 ปอนด์ครับ ดังนั้น ขับตามลิมิตปลอดภัยสุดครับ
Pub หน้า Anfield ครับ มีอยู่ร้านเดียวโดดๆ เด่นมาก
ว่าแล้วก็ tour สนามซะหน่อย ราคานักเรียนประมาณ 15 pounds ปล.อย่าลืมนำบัตรนิสิตติดตัวไปด้วยนะครับ
กลัวแฟนแมนยูและแมนซิตี้จะเสียใจครับ เลยต้องแวะไปชมน่าสนามก็ยังดี
สุดท้ายก็เป็น Lake district แต่โชคร้ายที่วันนั้นฝนตก บรรยากาศเลยดูเงียบเหงาหน่อย
ขากลับก็แอบแวะไปที่ Trentham garden จุดเด่นของที่นี่คือ ตัว Fairies แบบต่างๆที่ถูกวางให้เราได้ตามหากันเล่นๆครับ สำหรับรายละเอียดก็ตามนี้ครับ: http://www.trentham.co.uk/trentham-gardens ถ้ามาช่วงที่อากาศดีหน่อย ดอกไม้ปานอยู่ สักประมาณเดือน มิย.- สค. น่าจะสวยกว่านี้