แชร์การทำธุรกิจแนวอินดี้ให้ฟัง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องบอกก่อนว่าตัวผมเองโลกส่วนตัวสูง การทำธุรกิจมันเลยเป็นแบบนี้
เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่อายุ 28 หลังจากออกจากงานประจำเพราะไม่เห็นความเจริญก้าวหน้า (IT Support) เพราะหมดใจที่ให้กับบริษัท ทำงานแทบตาย ทำดีเสมอตัว ไม่มีอะไรดีขึ้น ออกมาไม่มีเงินเก็บเพราะติดการพนันสูญเงินไปครึ่งล้าน (สะสมในเวลา 4 ปี) เริ่มต้นธุรกิจจากความโง่สู่ความสำเร็จในการเป็นเจ้าของกิจการ
กิจการที่ 1 ขายปากกา ดินสอ ยางลบ
เริ่มจาก Me too model เห็นป้าขายขายในตลาดบอกได้กำไรเดือนละ 3 หมื่น ไอเราก็คิดว่าโคตรกระจอกเลย (ตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล) พอได้ทำจริงกลับรู้ซึ้งว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ มา ณ ปัจจุบัน มี ปากกา ดินสอ ยางลบ ให้ลูกใช้ยันโต 555
กิจการที่ 2 ขายต่างหู (me too model เช่นเคย)
เห็นคนอื่นขายของในตลาดนัดกำไรดี เราก็อยากขายบ้าง ขายได้กำไรวันละ 500-800 บาท ยังไม่หักค้าที่ ค่ากิน พออยู่ได้แต่ลำบากมาก เพราะแฟนท้องก่อนแต่ง พร้อมหนี้สินที่ต้องจ่ายเดือนชนเดือน วันหนึ่งที่ในตลาดนัดจองไม่ทัน ต้องไปขายบนสะพานลอย ปรากฎว่าลมพัดแผงที่ตั้งของล้ม ต่างหูกระเด็นตกลงพื้นข้างล่างเยอะมาก คนที่เห็นช่วยกันเก็บต่างหู นึกว่าจะเก็บมาให้ แ_่ง เอาไปเลย วันนั้นโมโหมากกับความซวย ประจวบกับอนาคตมองท่าจะไม่ดี เลยเลิกขายเลย
เมื่อแฟนท้อง ก็ให้พ่อและแม่ไปขอลูกสาวไปแต่งงาน แต่งงานเสร็จได้เงินมา 180000 เอาไปใช้หนี้ และแบ่งมาลงทุนส่วนหนึ่ง ใช้ชีวิตแบบยากลำบากมากเพราะ 2 คนรวมกันมีหนี้ ร่วม ๆ 1 ล้าน นะตอนนั้น (มาจากการใช้เงินไปเป็น หนี้กู้เรียน กู้มาทำธุรกิจ หนี้บัตรเครดิต)
กิจการที่ 3 ขายกับข้าวตอนเช้า
ช่วงนั้นน้ำท่วมกทมพอดี มีร้านค้าข้างทางที่ปิดเพราะเรื่องน้ำท่วม เราก็ไปเสียบทีเขาขาย คิดง่าย ๆ ว่ายังไงคนก็ต้องกิน ยังไงก็ขายได้ ตื่นตี 3 ผัดกระเพราใส่กล่องขาย ปรากฎว่าขายได้กำไรวันละ 300 บาท ทำได้ 2 เดือนเลิกขาย เพราะคนขายเดิมมาไล่ที่ หาทำเลขายไม่ได้ เมียก็ท้องแก่ มาช่วยขาย ขับมอไซค์ขนโต๊ะ ขนของ ไปกลับกันทุกวัน จนป้าขายน้ำข้าง ๆ มาบอก กลับบ้านนอกเถอะ ดูท่าแบบนี้จะไม่ไหวไปไม่รอด ไอเราก็คิดในใจ คอยดูนะวันนึงกรูจะสำเร็จให้ได้
กิจการที่ 4 ขายปฏิทิน
ในช่วงก่อนแต่งงาน มีการค้นพบความยิ่งใหญ่ในชีวิตอย่างนึง ที่เป็นจุดพลิกชีวิตมาถึงทุกวันนี้ ด้วยความที่งานแต่งที่จะต้อง save เงินให้มากที่สุด ต้องมาทำ VDO presentation เอง พบว่า เราสามารถทำงานนี้ได้อย่างลืมวันลืมคืน พบความยิ่งใหญ่ว่าเราเกิดมาชอบทำกราฟฟิค งานเกี่ยวกับอาร์ท เริ่มคิดไอเดียว่าเราจะขายอะไร ช่วงนั้นปลายปี เลยคิดจะขายปฏิทินที่เราออกแบบ ให้กับคนทำงานออฟฟิช โดยออกแบบแล้วไปปริ้นร้านถ่ายรูปใบละ 5 บาท ขายใบละ 25 บาท ไปขายที่สวนจตุจักร ขายดีมากได้กำไรวันละ 2 พัน บางวันดวงซวย ก็โดนเทศกิจมาจับ ปรับ พอถึงต้นปี ก็ไม่สามารถขายได้แล้ว แต่เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจแรกที่ได้กำไรที่พอใจ และมีนัยยะสำคัญในการขบคิด ในการขาย การมีฉันทะในสิ่งที่ทำ
กิจการที่ 4 น้ำมันมหาเสน่ห์
เริ่มจากได้รู้จักพี่ที่เป็นนักเขียนหนังสือพระ อยากจะหาอาชีพเสริมให้ แนะนำให้ขายพวกน้ำมันมหาเสน่ห์ โดยไปลง ads ในหนังสือนิตยาสารพวกแนวศาลาคนเศร้า อะไรประมาณนั้น ทำได้ 3 เดือนเลิก ได้เงินจริงแต่รับไม่ไหว เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบการที่วัน ๆ มีแต่ผู้หญิงโทรหา ปรับความทุกข์ ผัวหนูจะกลับมาหาไหม ? หรือไม่ก็ผญทำงานบริการ แล้วจะจับเสี่ย โดยใช้เวทมนต์กลคาถา คือรับสายไปทุกวันแบบนี้รู้สึกหดหู่ เครียด เลยเลิกทำ
กิจการที่ 5 อุปกรณ์นักสืบ
หลังจากขายปฎิทินไม่ได้แล้ว น้ำมันเสน่ห์ก็ไม่อยากทำ ก็มีพี่คนนึงที่รู้จักแกเป็นนักสืบเอกชน อยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ไอเราก็ยังไม่รู้จะทำงานอะไรเลยรับปากทำ เพราะยังได้เงินมาพอ ยาไส้ไปก่อน ศึกษาทำด้วยโปรแกรม dreamweaver ทำเสร็จได้ค่าจ้าง 7000 บาท แต่ในระหว่างที่หาข้อมูลทำเว็บเกี่ยวกับนักสืบ ก็ไปเห็นใน gg ว่ามีการขายอุปกรณ์นักสืบ ผ่านออนไลน์ด้วย เห็นว่าเข้าทาง จึงเริ่มศึกษาใน thaiseoboard และลงมือทำ เริ่มแรกก็ไม่รู้ว่าจะแหล่งของที่ไหนมาขาย ก็ไปซื้อที่ ebay มาขาย ซื้อมาล็อตแรก 3 หมื่น เจ๊งไม่เป็นท่า เพราะของมันผลิตจากจีน ของเสียเยอะมาก พอหลัง ๆ เริ่มรู้แหล่งว่าต้องเอาตรงจากคนขายจากจีนที่คัดคุณภาพให้แล้ว
จากที่ล้มเหลวมาหลายธุรกิจ ทำให้ได้บทเรียนหลายอย่าง me too model ขายของที่เราไม่ได้ถนัด ไม่มีฉันทะ ขายของได้กำไรน้อย มาธุรกิจนี้จึงมาปรับใหม่ เล็งกลุ่มเป้าหมายตลาดกลาง-บน ขายน้อย แต่ขายแพง เน้นเว็บสวยด้วยงานอาร์ทที่เราถนัด และบริการดี ธุรกิจไปได้ดี จากยอดขาย 3 หมื่นต่อเดือน เป็น 2 แสนต่อเดือน ในเวลา 1 ปี หักลบแล้วเหลือกำไรประมาณ 7-8 หมื่นต่อเดือน พอที่จะเลี้ยงตัวเองกับแฟน และลูกได้บ้าง
วันนึงสิ่งที่เราคิด ไม่เป็นดังหวัง ผมคาดหวังกับธุรกิจตัวนี้ต้องไปได้ไกลเป็น 10 ปี เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อ มีเช่นผญ ผัวหาย ไปเที่ยวกับกิ๊ก ต้องการ track ว่าตอนนี้ขับรถอยู่ที่ไหน ไปเที่ยวอาบอบนวดหรือเปล่า / เจ้านายที่ถูกลูกน้องนินทา อยากได้เครื่องดักฟัง / ตำรวจสายลับจับยา ต้องการกล้องติดตัว / การเจรจาธุรกิจที่ต้องการบันทึกวีดีโอเป็นหลักฐาน / การจับโจรขโมยของ และอื่น ๆ ซึ่งมาคิดดูแล้วปัญหาเหล่านี้ยังไงก็ไม่หายไปจากโลก ยังไงก็ยังคงขายได้
แต่ปัญหาที่เจอคือ การเข้ามาของคู่แข่งที่เข้ามาง่าย สงครามตัดราคาก่อเกิด จากสินค้าบางตัวเคยได้กำไรตอนแรก ๆ ตัวนึง 2500 บาท ตัดกันไปตัดกันมา เหลือกำไร 300 บาท ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการเข้ามาแรก ๆ ของ lazada ที่สินค้าไหนขายได้ดี พี่แกมาขายเองตัดราคาเลย ทำให้เห็นแนวโน้มระยะยาว ว่าไปได้ไม่ไกลแน่ ๆ เพราะเราไม่สามารถสร้างจุดเด่นที่ที่ลูกค้าต้องการได้มากกว่า ราคาถูกที่ล่อใจลูกค้า
จากความหายนะล้มเหลวอีกครั้ง จึงต้องมา swot ตนเองใหม่ ทำไมจึงล้มเหลว ไม่รวยสักที
-เพราะเลือกสินค้าผิด
-ปัญหาการตัดราคา (เราไม่ใช่เจ้าของแบรนด์)
-ขาดความรู้ความเข้าใจของแนวคิดคนรวย
-ขาดกุนซือคนเก่งคอยชี้ทาง
-การบริหารเงิน
-การบริหารความเสี่ยง
เริ่มศึกษา ศาสตร์แห่งความร่ำรวย คนรวยเขาคิดยังไงกัน ?
โชคดีของผมที่ได้ไปรู้จักอาจารย์ท่านนึง จากกลุ่มคนที่ไปงานสัมมนาด้วยกัน จึงฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาขอความรู้ และนี่เป็นการเปลี่ยนชีวิตแนวความคิดเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเริ่มธุรกิจด้วย WHY / การเอาชนะความกลัวความยากจน ศาสตร์ที่ปลดพันธนาการความกลัวของการเป็นเจ้าของประกอบการ / การสร้างสื่อที่สะกดผู้ชมถึงจิตวิญญาณ / แนวคิด High under standing high return / การสร้างความมั่งคั่งในสมองตั้งแต่เด็กของชาวยิว /
process ความสำเร็จ สไตล์ นโปเลี่ยน ฮิลล์ และอื่น ๆ อีกมาก ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง
กิจการที่ 6 อาหารเสริม (ปัจจุบัน) (ขอไม่บอก profile ธุรกิจ)
ธุรกิจนี้
-ช่วยปิดจุดตายเรื่องสงครามตัดราคาได้ 100 % เพราะทำระบบปิด ไม่รับคนมาก
-ขายแพงแต่คนซื้อ (จากคุณภาพสินค้า ขายจุดเด่นที่เหนือกว่า)
-สินค้าที่เป็นไปรวมหลายเทรดอนาคตเอาไว้ด้วยกัน แม้เศรษฐกิจจะแย่ แต่ยอดขายไม่ลด
-สร้างระบบ auto generate เงินมาช่วย ใช้คนทำงาน 2 คน (ทำต้นทุนให้ต่ำที่สุด)
วัน ๆ หนึ่งทำงานกราฟฟิคที่ชอบเป็นหลักในการผลักดันธุรกิจ เรียนรู้เพิ่มเติมตามให้ทันเทคที่เปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันผมใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ พอมีเงินอยู่ได้ไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ดี ถ้าจะก้าวสู่การทำธุรกิจ เมื่อเราล้มเหลวมาก ๆ นั้นแหละดี อยู่ที่เราเรียนรู้ โพกัส ข้อผิดพลาด และก้าวทำมันไปให้ดีขึ้น
ทำธุรกิจแบบอินดี้แชร์ให้ฟัง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กว่าจะมีวันนี้
เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวตั้งแต่อายุ 28 หลังจากออกจากงานประจำเพราะไม่เห็นความเจริญก้าวหน้า (IT Support) เพราะหมดใจที่ให้กับบริษัท ทำงานแทบตาย ทำดีเสมอตัว ไม่มีอะไรดีขึ้น ออกมาไม่มีเงินเก็บเพราะติดการพนันสูญเงินไปครึ่งล้าน (สะสมในเวลา 4 ปี) เริ่มต้นธุรกิจจากความโง่สู่ความสำเร็จในการเป็นเจ้าของกิจการ
กิจการที่ 1 ขายปากกา ดินสอ ยางลบ
เริ่มจาก Me too model เห็นป้าขายขายในตลาดบอกได้กำไรเดือนละ 3 หมื่น ไอเราก็คิดว่าโคตรกระจอกเลย (ตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล) พอได้ทำจริงกลับรู้ซึ้งว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ มา ณ ปัจจุบัน มี ปากกา ดินสอ ยางลบ ให้ลูกใช้ยันโต 555
กิจการที่ 2 ขายต่างหู (me too model เช่นเคย)
เห็นคนอื่นขายของในตลาดนัดกำไรดี เราก็อยากขายบ้าง ขายได้กำไรวันละ 500-800 บาท ยังไม่หักค้าที่ ค่ากิน พออยู่ได้แต่ลำบากมาก เพราะแฟนท้องก่อนแต่ง พร้อมหนี้สินที่ต้องจ่ายเดือนชนเดือน วันหนึ่งที่ในตลาดนัดจองไม่ทัน ต้องไปขายบนสะพานลอย ปรากฎว่าลมพัดแผงที่ตั้งของล้ม ต่างหูกระเด็นตกลงพื้นข้างล่างเยอะมาก คนที่เห็นช่วยกันเก็บต่างหู นึกว่าจะเก็บมาให้ แ_่ง เอาไปเลย วันนั้นโมโหมากกับความซวย ประจวบกับอนาคตมองท่าจะไม่ดี เลยเลิกขายเลย
เมื่อแฟนท้อง ก็ให้พ่อและแม่ไปขอลูกสาวไปแต่งงาน แต่งงานเสร็จได้เงินมา 180000 เอาไปใช้หนี้ และแบ่งมาลงทุนส่วนหนึ่ง ใช้ชีวิตแบบยากลำบากมากเพราะ 2 คนรวมกันมีหนี้ ร่วม ๆ 1 ล้าน นะตอนนั้น (มาจากการใช้เงินไปเป็น หนี้กู้เรียน กู้มาทำธุรกิจ หนี้บัตรเครดิต)
กิจการที่ 3 ขายกับข้าวตอนเช้า
ช่วงนั้นน้ำท่วมกทมพอดี มีร้านค้าข้างทางที่ปิดเพราะเรื่องน้ำท่วม เราก็ไปเสียบทีเขาขาย คิดง่าย ๆ ว่ายังไงคนก็ต้องกิน ยังไงก็ขายได้ ตื่นตี 3 ผัดกระเพราใส่กล่องขาย ปรากฎว่าขายได้กำไรวันละ 300 บาท ทำได้ 2 เดือนเลิกขาย เพราะคนขายเดิมมาไล่ที่ หาทำเลขายไม่ได้ เมียก็ท้องแก่ มาช่วยขาย ขับมอไซค์ขนโต๊ะ ขนของ ไปกลับกันทุกวัน จนป้าขายน้ำข้าง ๆ มาบอก กลับบ้านนอกเถอะ ดูท่าแบบนี้จะไม่ไหวไปไม่รอด ไอเราก็คิดในใจ คอยดูนะวันนึงกรูจะสำเร็จให้ได้
กิจการที่ 4 ขายปฏิทิน
ในช่วงก่อนแต่งงาน มีการค้นพบความยิ่งใหญ่ในชีวิตอย่างนึง ที่เป็นจุดพลิกชีวิตมาถึงทุกวันนี้ ด้วยความที่งานแต่งที่จะต้อง save เงินให้มากที่สุด ต้องมาทำ VDO presentation เอง พบว่า เราสามารถทำงานนี้ได้อย่างลืมวันลืมคืน พบความยิ่งใหญ่ว่าเราเกิดมาชอบทำกราฟฟิค งานเกี่ยวกับอาร์ท เริ่มคิดไอเดียว่าเราจะขายอะไร ช่วงนั้นปลายปี เลยคิดจะขายปฏิทินที่เราออกแบบ ให้กับคนทำงานออฟฟิช โดยออกแบบแล้วไปปริ้นร้านถ่ายรูปใบละ 5 บาท ขายใบละ 25 บาท ไปขายที่สวนจตุจักร ขายดีมากได้กำไรวันละ 2 พัน บางวันดวงซวย ก็โดนเทศกิจมาจับ ปรับ พอถึงต้นปี ก็ไม่สามารถขายได้แล้ว แต่เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจแรกที่ได้กำไรที่พอใจ และมีนัยยะสำคัญในการขบคิด ในการขาย การมีฉันทะในสิ่งที่ทำ
กิจการที่ 4 น้ำมันมหาเสน่ห์
เริ่มจากได้รู้จักพี่ที่เป็นนักเขียนหนังสือพระ อยากจะหาอาชีพเสริมให้ แนะนำให้ขายพวกน้ำมันมหาเสน่ห์ โดยไปลง ads ในหนังสือนิตยาสารพวกแนวศาลาคนเศร้า อะไรประมาณนั้น ทำได้ 3 เดือนเลิก ได้เงินจริงแต่รับไม่ไหว เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบการที่วัน ๆ มีแต่ผู้หญิงโทรหา ปรับความทุกข์ ผัวหนูจะกลับมาหาไหม ? หรือไม่ก็ผญทำงานบริการ แล้วจะจับเสี่ย โดยใช้เวทมนต์กลคาถา คือรับสายไปทุกวันแบบนี้รู้สึกหดหู่ เครียด เลยเลิกทำ
กิจการที่ 5 อุปกรณ์นักสืบ
หลังจากขายปฎิทินไม่ได้แล้ว น้ำมันเสน่ห์ก็ไม่อยากทำ ก็มีพี่คนนึงที่รู้จักแกเป็นนักสืบเอกชน อยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ไอเราก็ยังไม่รู้จะทำงานอะไรเลยรับปากทำ เพราะยังได้เงินมาพอ ยาไส้ไปก่อน ศึกษาทำด้วยโปรแกรม dreamweaver ทำเสร็จได้ค่าจ้าง 7000 บาท แต่ในระหว่างที่หาข้อมูลทำเว็บเกี่ยวกับนักสืบ ก็ไปเห็นใน gg ว่ามีการขายอุปกรณ์นักสืบ ผ่านออนไลน์ด้วย เห็นว่าเข้าทาง จึงเริ่มศึกษาใน thaiseoboard และลงมือทำ เริ่มแรกก็ไม่รู้ว่าจะแหล่งของที่ไหนมาขาย ก็ไปซื้อที่ ebay มาขาย ซื้อมาล็อตแรก 3 หมื่น เจ๊งไม่เป็นท่า เพราะของมันผลิตจากจีน ของเสียเยอะมาก พอหลัง ๆ เริ่มรู้แหล่งว่าต้องเอาตรงจากคนขายจากจีนที่คัดคุณภาพให้แล้ว
จากที่ล้มเหลวมาหลายธุรกิจ ทำให้ได้บทเรียนหลายอย่าง me too model ขายของที่เราไม่ได้ถนัด ไม่มีฉันทะ ขายของได้กำไรน้อย มาธุรกิจนี้จึงมาปรับใหม่ เล็งกลุ่มเป้าหมายตลาดกลาง-บน ขายน้อย แต่ขายแพง เน้นเว็บสวยด้วยงานอาร์ทที่เราถนัด และบริการดี ธุรกิจไปได้ดี จากยอดขาย 3 หมื่นต่อเดือน เป็น 2 แสนต่อเดือน ในเวลา 1 ปี หักลบแล้วเหลือกำไรประมาณ 7-8 หมื่นต่อเดือน พอที่จะเลี้ยงตัวเองกับแฟน และลูกได้บ้าง
วันนึงสิ่งที่เราคิด ไม่เป็นดังหวัง ผมคาดหวังกับธุรกิจตัวนี้ต้องไปได้ไกลเป็น 10 ปี เพราะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อ มีเช่นผญ ผัวหาย ไปเที่ยวกับกิ๊ก ต้องการ track ว่าตอนนี้ขับรถอยู่ที่ไหน ไปเที่ยวอาบอบนวดหรือเปล่า / เจ้านายที่ถูกลูกน้องนินทา อยากได้เครื่องดักฟัง / ตำรวจสายลับจับยา ต้องการกล้องติดตัว / การเจรจาธุรกิจที่ต้องการบันทึกวีดีโอเป็นหลักฐาน / การจับโจรขโมยของ และอื่น ๆ ซึ่งมาคิดดูแล้วปัญหาเหล่านี้ยังไงก็ไม่หายไปจากโลก ยังไงก็ยังคงขายได้
แต่ปัญหาที่เจอคือ การเข้ามาของคู่แข่งที่เข้ามาง่าย สงครามตัดราคาก่อเกิด จากสินค้าบางตัวเคยได้กำไรตอนแรก ๆ ตัวนึง 2500 บาท ตัดกันไปตัดกันมา เหลือกำไร 300 บาท ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการเข้ามาแรก ๆ ของ lazada ที่สินค้าไหนขายได้ดี พี่แกมาขายเองตัดราคาเลย ทำให้เห็นแนวโน้มระยะยาว ว่าไปได้ไม่ไกลแน่ ๆ เพราะเราไม่สามารถสร้างจุดเด่นที่ที่ลูกค้าต้องการได้มากกว่า ราคาถูกที่ล่อใจลูกค้า
จากความหายนะล้มเหลวอีกครั้ง จึงต้องมา swot ตนเองใหม่ ทำไมจึงล้มเหลว ไม่รวยสักที
-เพราะเลือกสินค้าผิด
-ปัญหาการตัดราคา (เราไม่ใช่เจ้าของแบรนด์)
-ขาดความรู้ความเข้าใจของแนวคิดคนรวย
-ขาดกุนซือคนเก่งคอยชี้ทาง
-การบริหารเงิน
-การบริหารความเสี่ยง
เริ่มศึกษา ศาสตร์แห่งความร่ำรวย คนรวยเขาคิดยังไงกัน ?
โชคดีของผมที่ได้ไปรู้จักอาจารย์ท่านนึง จากกลุ่มคนที่ไปงานสัมมนาด้วยกัน จึงฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาขอความรู้ และนี่เป็นการเปลี่ยนชีวิตแนวความคิดเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเริ่มธุรกิจด้วย WHY / การเอาชนะความกลัวความยากจน ศาสตร์ที่ปลดพันธนาการความกลัวของการเป็นเจ้าของประกอบการ / การสร้างสื่อที่สะกดผู้ชมถึงจิตวิญญาณ / แนวคิด High under standing high return / การสร้างความมั่งคั่งในสมองตั้งแต่เด็กของชาวยิว /
process ความสำเร็จ สไตล์ นโปเลี่ยน ฮิลล์ และอื่น ๆ อีกมาก ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง
กิจการที่ 6 อาหารเสริม (ปัจจุบัน) (ขอไม่บอก profile ธุรกิจ)
ธุรกิจนี้
-ช่วยปิดจุดตายเรื่องสงครามตัดราคาได้ 100 % เพราะทำระบบปิด ไม่รับคนมาก
-ขายแพงแต่คนซื้อ (จากคุณภาพสินค้า ขายจุดเด่นที่เหนือกว่า)
-สินค้าที่เป็นไปรวมหลายเทรดอนาคตเอาไว้ด้วยกัน แม้เศรษฐกิจจะแย่ แต่ยอดขายไม่ลด
-สร้างระบบ auto generate เงินมาช่วย ใช้คนทำงาน 2 คน (ทำต้นทุนให้ต่ำที่สุด)
วัน ๆ หนึ่งทำงานกราฟฟิคที่ชอบเป็นหลักในการผลักดันธุรกิจ เรียนรู้เพิ่มเติมตามให้ทันเทคที่เปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันผมใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ พอมีเงินอยู่ได้ไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ดี ถ้าจะก้าวสู่การทำธุรกิจ เมื่อเราล้มเหลวมาก ๆ นั้นแหละดี อยู่ที่เราเรียนรู้ โพกัส ข้อผิดพลาด และก้าวทำมันไปให้ดีขึ้น