ฟังไม่ผิดหรอกครับ ใช่ครับ ไปเรียนสวิสครับผม! ผมว่าการศึกษาคือการลงทุน
และสามารถนำกลับเอามาต่อยอดได้อีก นี่ถือว่าคุ้มในระดับนึงเลย! ไปอยู่มาเกือบปีแล้ว
ได้อะไรบ้าง ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ว่าได้อะไรบ้าง!
แต่การเรียนครั้งนี้ผมไม่ได้มาเอาปริญญานะ มาเรียนเอา Diploma และประสบการณ์ทำงาน
ในต่างแดนจริงๆ เรียนรู้การใช้ชีวิต เจอเพื่อนใหม่ๆ การอยู่ร่วมกับคนอื่น แล้วที่สำคัญมรที่นี่
ต้องบริหารเวลา เงิน อะไรอีกต่างๆ ที่ต้องทำระหว่างการมาเรียนที่นี่ด้วยตัวเอง
ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เรามาเริ่มพูดถึงการที่เรามาเรียนที่นี่ก่อนเลย ผมเลือกมาเรียน
ที่ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ อ่าวทำไมต้องประเทศ สวิสฯ ล่ะ ก็แหงล่ะ ผมเลือกเรียน
ด้านสายวิชาชีพนี่หว่า เรียนทำอาหาร Post Graduate in Culinary Arts ใช่เรียนทำอาหาร
ทำไมไม่เรียนที่ไทยล่ะ ผมว่ามันไม่เหมือนกันนะ เราไปลองดูกันดีกว่าว่า มันแตกต่างจาก
ที่เราเรียนที่ไทยยังไงบ้าง?
ก่อนไปสวิสฯ เราต้องทำไรบ้างล่ะ อย่างแรกนี่สำคัญสุดๆ คือ เลือกคอร์สเรียน โรงเรียน
แล้วจ่ายเงิน ทำวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วก็เตรียมตัวบินได้เลย
สำหรับวีซ่าไม่ต้องกังวลนะ ทางโรงเรียนหรือมหาลัยที่โน่น เค้าจะส่งจดหมายมารับรองเรา
เราแค่เตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น พาสปอร์ต บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร
และจดหมายเชิญจากโรงเรียน
จากนั้นเราก็ไปยื่นกันที่ สถานทูตสวิสที่ถนนวิทยุกันเลย 1-2 เดือน เราก็จะได้วีซ่ามาแล้ว
แต่วีซ่าจะให้เรามาแค่ 2-3 เดือนเอง ส่วนหลังจากนั้นเราจะต้องมาทำ B-Permit
หรือคล้ายกับบัตรประชาชนบ้านเรานั่นหล่ะ ทีนี้ล่ะ เราก็จะอยู่ที่สวิสได้อย่างสบายๆเลย
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทางออกทะเล แต่มีพรมแดนติดหลายประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย และลิกเทนสไตน์ เฮ้ยอะไรจะติดกัน
หลายประเทศนักวะประเทศเล็กๆ
สำหรับการเดินทางจากไทยไป มีสายการบินตรงและพักเครื่องให้เลือกเยอะเวอร์ คราวนี้อยู่ที่
งบประมาณของเราแล้วล่ะ ว่าจะเลือกแบบไหน คราวนี้ผมเลือกบินกับสายการบินไทย
เพราะบินตรงและเวลาไฟล์ทนี่สวยเลยทีเดียว บินตรง 11 ชั่วโมง เราก็มาถึงสวิสเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับเมืองที่ผมไปเรียนครั้งนี้อยู่ที่ ลูเซิร์น เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของสวิสฯ ห่างจากซูริค
และสนามบินหลักเพียงแค่ 1 ชั่วโมง
คอร์สที่ผมมาเรียนนี้เป็นคอร์สที่เรียน 6 เดือน และทำงานอีก 6 เดือน (ทำงานนี่ได้เงินด้วยนะ
เยอะด้วยพอตัวล่ะครับ ถ้าเรารู้จักใช้มันนะครับ) ผมเดินทางมาถึง ลูเซิร์น เรียบร้อยแล้วครับ
เรา Check-in เข้าที่พักของเรากันเลยครับ ที่พักนี้เราพักของโรงเรียนเลยครับ เป็นอพาร์ทเม้น
หลากหลายแบบ แล้วแต่ทางโรงเรียนจัดให้ ของผมได้อพาร์ทเม้นแบบ 3 คนครับ มีรูมเมทเป็น
คนยูเครน อายุ 18 ปี และโรมาเนียอายุ 20 ปี ครับ เรียกได้ว่าผมนี่แก่สุดในห้องละล่ะครับ
ป้ายต้อนรับก็มา
ห้องพักของเราตลอด 6 เดือน
ตึกหลักของโรงเรียน City Campus รวมทั้งเป็นอพาร์ทเม้นที่พักของเราด้วย
คราวนี้เรามาดูถึงสถาพการเรียนกันครับ ผมเรียน Post Graduate in Culinary Arts,
BHMS Business and Hotel Management School, Luzern, Switzerland
บรรยากาศวันปฐมนิเทศ
หลักสูตรนี้ก็ต้องมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติครับ อย่างเราก็ชอบปฏิบัติ แต่แน่นอนว่าถ้าเรา
ไม่รู้ทฎษฎีมันก็ปฏิบัติไม่ได้ใช่ป่ะล่ะ ดังนั้นเราก็จำเป็นต้องเรียนทฤฏษีด้วย
ชีวิต 6 เดือนที่นี่เราแบ่งเป็น 4 เทอม เทอมละ 5 อาทิตย์เทอมหนึ่งก็เรียน 4-5 วิชาครับ
แล้วก็มีเทอมเบรกด้วย เทอมเบรกนี่ก็เหมือนเป็นการให้เราได้ไปเที่ยวพักผ่อนนั่นเอง
มาดูกันว่าผมไปไหนมาบ้างนะ 5555
เราจะมาพูดถึงการเรียนแนวปฏิบัติกันครับ นั่นก็คือ การทำอาหารนั่นเอง ที่นี่เค้าสอนกัน
ตั้งแต่เบื้องต้นเลยครับ การเตรียมอาหาร หั่นผัก ผลไม้ ทำซอส ซุป สลัดต่างๆ จากนั้นก็
Advance ขึ้นไปอีก
บรรยากาศห้องครัว แบ่งเป็น Station ละ 2 คน
เชฟสาธิต จากนั้นเราก็ปฏิบัติตามครับ นี่ล่ะความยากและท้าทาย
Basic Technique ที่เชฟทุกคนต้องมีครับ หั่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ 5555
โดยการเรียนรู้ Cooking Method ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Boiling, Simmering, Poaching,
Braising, Stewing, Roasting, Baking คลาสพวกนี้เราจะได้ เป็นคนทำและเลือกเมนู
อาหารต่างๆ มาเสนอเชฟ แล้วก็ลงมือทำเองเลยครับ นอกจากนั้นยังมีคอร์สอาหารอื่นๆ
ให้ลงเรียน เช่น Contemporary Cuisine (อันนี้ไอทีเรียกว่าจัดจานสวยแต่กินไม่อิ่มนั่นล่ะ
ตอนแรกคือไม่ชอบนะ แต่พอมาฝึกงานปุ๊ปรู้เลยว่า เฮ้ยไออันนี้สำคัญจริง ควรเรียนรู้ไว้!)
International Cuisine, A la Carte, Mediterranean Cuisine, Cakes and Creams เป็นต้น
นี่ล่ะครับ 6 เดือน เราจะได้เรียนรู้พวกนี้ทั้งหมด และนำเอามาต่อยอดในอนคตได้จริง
ส่วนของคอร์สทฤษฎี จะเป็นวิชาพวก Wines Paring, Menu Design, Culinary Business
Analysis, Nutrition, Food safety เป็นต้น เห็นว่ามันจะสอดคล้องกับวิชาปฏิบัติและนำมา
ประยุกต์ใช้ได้จริงด้วยครับ
Basic Salad dressing, การตัดมันฝรั่งแบบต่างๆ กับการเสิร์ฟในจานอาหารที่แตกต่างกัน
[CR] ไปเรียนสวิสฯ เสียเงิน 1 ล้านได้อะไรบ้าง!
ฟังไม่ผิดหรอกครับ ใช่ครับ ไปเรียนสวิสครับผม! ผมว่าการศึกษาคือการลงทุน
และสามารถนำกลับเอามาต่อยอดได้อีก นี่ถือว่าคุ้มในระดับนึงเลย! ไปอยู่มาเกือบปีแล้ว
ได้อะไรบ้าง ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ว่าได้อะไรบ้าง!
แต่การเรียนครั้งนี้ผมไม่ได้มาเอาปริญญานะ มาเรียนเอา Diploma และประสบการณ์ทำงาน
ในต่างแดนจริงๆ เรียนรู้การใช้ชีวิต เจอเพื่อนใหม่ๆ การอยู่ร่วมกับคนอื่น แล้วที่สำคัญมรที่นี่
ต้องบริหารเวลา เงิน อะไรอีกต่างๆ ที่ต้องทำระหว่างการมาเรียนที่นี่ด้วยตัวเอง
ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เรามาเริ่มพูดถึงการที่เรามาเรียนที่นี่ก่อนเลย ผมเลือกมาเรียน
ที่ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ อ่าวทำไมต้องประเทศ สวิสฯ ล่ะ ก็แหงล่ะ ผมเลือกเรียน
ด้านสายวิชาชีพนี่หว่า เรียนทำอาหาร Post Graduate in Culinary Arts ใช่เรียนทำอาหาร
ทำไมไม่เรียนที่ไทยล่ะ ผมว่ามันไม่เหมือนกันนะ เราไปลองดูกันดีกว่าว่า มันแตกต่างจาก
ที่เราเรียนที่ไทยยังไงบ้าง?
ก่อนไปสวิสฯ เราต้องทำไรบ้างล่ะ อย่างแรกนี่สำคัญสุดๆ คือ เลือกคอร์สเรียน โรงเรียน
แล้วจ่ายเงิน ทำวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน แล้วก็เตรียมตัวบินได้เลย
สำหรับวีซ่าไม่ต้องกังวลนะ ทางโรงเรียนหรือมหาลัยที่โน่น เค้าจะส่งจดหมายมารับรองเรา
เราแค่เตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น พาสปอร์ต บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร
และจดหมายเชิญจากโรงเรียน
จากนั้นเราก็ไปยื่นกันที่ สถานทูตสวิสที่ถนนวิทยุกันเลย 1-2 เดือน เราก็จะได้วีซ่ามาแล้ว
แต่วีซ่าจะให้เรามาแค่ 2-3 เดือนเอง ส่วนหลังจากนั้นเราจะต้องมาทำ B-Permit
หรือคล้ายกับบัตรประชาชนบ้านเรานั่นหล่ะ ทีนี้ล่ะ เราก็จะอยู่ที่สวิสได้อย่างสบายๆเลย
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีทางออกทะเล แต่มีพรมแดนติดหลายประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย และลิกเทนสไตน์ เฮ้ยอะไรจะติดกัน
หลายประเทศนักวะประเทศเล็กๆ
สำหรับการเดินทางจากไทยไป มีสายการบินตรงและพักเครื่องให้เลือกเยอะเวอร์ คราวนี้อยู่ที่
งบประมาณของเราแล้วล่ะ ว่าจะเลือกแบบไหน คราวนี้ผมเลือกบินกับสายการบินไทย
เพราะบินตรงและเวลาไฟล์ทนี่สวยเลยทีเดียว บินตรง 11 ชั่วโมง เราก็มาถึงสวิสเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับเมืองที่ผมไปเรียนครั้งนี้อยู่ที่ ลูเซิร์น เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของสวิสฯ ห่างจากซูริค
และสนามบินหลักเพียงแค่ 1 ชั่วโมง
คอร์สที่ผมมาเรียนนี้เป็นคอร์สที่เรียน 6 เดือน และทำงานอีก 6 เดือน (ทำงานนี่ได้เงินด้วยนะ
เยอะด้วยพอตัวล่ะครับ ถ้าเรารู้จักใช้มันนะครับ) ผมเดินทางมาถึง ลูเซิร์น เรียบร้อยแล้วครับ
เรา Check-in เข้าที่พักของเรากันเลยครับ ที่พักนี้เราพักของโรงเรียนเลยครับ เป็นอพาร์ทเม้น
หลากหลายแบบ แล้วแต่ทางโรงเรียนจัดให้ ของผมได้อพาร์ทเม้นแบบ 3 คนครับ มีรูมเมทเป็น
คนยูเครน อายุ 18 ปี และโรมาเนียอายุ 20 ปี ครับ เรียกได้ว่าผมนี่แก่สุดในห้องละล่ะครับ
ป้ายต้อนรับก็มา
ห้องพักของเราตลอด 6 เดือน
ตึกหลักของโรงเรียน City Campus รวมทั้งเป็นอพาร์ทเม้นที่พักของเราด้วย
คราวนี้เรามาดูถึงสถาพการเรียนกันครับ ผมเรียน Post Graduate in Culinary Arts,
BHMS Business and Hotel Management School, Luzern, Switzerland
บรรยากาศวันปฐมนิเทศ
หลักสูตรนี้ก็ต้องมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติครับ อย่างเราก็ชอบปฏิบัติ แต่แน่นอนว่าถ้าเรา
ไม่รู้ทฎษฎีมันก็ปฏิบัติไม่ได้ใช่ป่ะล่ะ ดังนั้นเราก็จำเป็นต้องเรียนทฤฏษีด้วย
ชีวิต 6 เดือนที่นี่เราแบ่งเป็น 4 เทอม เทอมละ 5 อาทิตย์เทอมหนึ่งก็เรียน 4-5 วิชาครับ
แล้วก็มีเทอมเบรกด้วย เทอมเบรกนี่ก็เหมือนเป็นการให้เราได้ไปเที่ยวพักผ่อนนั่นเอง
มาดูกันว่าผมไปไหนมาบ้างนะ 5555
เราจะมาพูดถึงการเรียนแนวปฏิบัติกันครับ นั่นก็คือ การทำอาหารนั่นเอง ที่นี่เค้าสอนกัน
ตั้งแต่เบื้องต้นเลยครับ การเตรียมอาหาร หั่นผัก ผลไม้ ทำซอส ซุป สลัดต่างๆ จากนั้นก็
Advance ขึ้นไปอีก
บรรยากาศห้องครัว แบ่งเป็น Station ละ 2 คน
เชฟสาธิต จากนั้นเราก็ปฏิบัติตามครับ นี่ล่ะความยากและท้าทาย
Basic Technique ที่เชฟทุกคนต้องมีครับ หั่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ 5555
โดยการเรียนรู้ Cooking Method ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Boiling, Simmering, Poaching,
Braising, Stewing, Roasting, Baking คลาสพวกนี้เราจะได้ เป็นคนทำและเลือกเมนู
อาหารต่างๆ มาเสนอเชฟ แล้วก็ลงมือทำเองเลยครับ นอกจากนั้นยังมีคอร์สอาหารอื่นๆ
ให้ลงเรียน เช่น Contemporary Cuisine (อันนี้ไอทีเรียกว่าจัดจานสวยแต่กินไม่อิ่มนั่นล่ะ
ตอนแรกคือไม่ชอบนะ แต่พอมาฝึกงานปุ๊ปรู้เลยว่า เฮ้ยไออันนี้สำคัญจริง ควรเรียนรู้ไว้!)
International Cuisine, A la Carte, Mediterranean Cuisine, Cakes and Creams เป็นต้น
นี่ล่ะครับ 6 เดือน เราจะได้เรียนรู้พวกนี้ทั้งหมด และนำเอามาต่อยอดในอนคตได้จริง
ส่วนของคอร์สทฤษฎี จะเป็นวิชาพวก Wines Paring, Menu Design, Culinary Business
Analysis, Nutrition, Food safety เป็นต้น เห็นว่ามันจะสอดคล้องกับวิชาปฏิบัติและนำมา
ประยุกต์ใช้ได้จริงด้วยครับ
Basic Salad dressing, การตัดมันฝรั่งแบบต่างๆ กับการเสิร์ฟในจานอาหารที่แตกต่างกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น