๛ ผู้มีทุกข์นั่นแหละ จึงมีความเพลิดเพลิน ผู้มีความเพลิดเพลินนั่นแหละ จึงมีทุกข์ ๛

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

------------------


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค




กกุธสูตรที่ ๘




                                        [๒๖๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-

                                        สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระอัญชนวัน สถาน
                                 พระราชทานอภัยแก่เนื้อ เขตเมืองสาเกต ครั้งนั้น กกุธเทวบุตร เมื่อราตรี
                                 ปฐมยามสิ้นไปแล้ว มีวรรณงามยิ่งนัก ยังอัญชนวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้า
                                 พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้
                                 ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

                                        [๒๖๗] กกุธเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูล
                                 พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระสมณะ พระองค์ทรงยินดีอยู่หรือ ฯ

                                        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรผู้มีอายุ เราได้อะไรจึงจะยินดี ฯ

                                        กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระสมณะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์ทรง
                                 เศร้าโศกอยู่หรือ ฯ


                                        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรผู้มีอายุ เราเสื่อมอะไรจึงจะเศร้าโศก ฯ

                                        กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระสมณะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์ไม่ทรง
                                 ยินดีเลย ไม่ทรงเศร้าโศกเลยหรือ ฯ


                                        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เป็นเช่นนั้นผู้มีอายุ ฯ

                                        [๒๖๘] กกุธเทวบุตร กราบทูลว่า
                                  ข้าแต่ภิกษุ พระองค์ไม่มีทุกข์บ้างหรือ ความเพลิดเพลิน
                                  ไม่มีบ้างหรือ ความเบื่อหน่ายไม่ครอบงำพระองค์ผู้ประทับนั่ง
                                  แต่พระองค์เดียวบ้างหรือ ฯ


                                         [๒๖๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
                                  ดูกรท่านผู้อันคนบูชา เราไม่มีทุกข์เลย และความเพลิดเพลิน
                                  ก็ไม่มี อนึ่ง ความเบื่อหน่าย ก็ไม่ครอบงำเราผู้นั่งแต่ผู้เดียว ฯ


                                         [๒๗๐] กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า
                                  ข้าแต่ภิกษุ ทำไมพระองค์จึงไม่มีทุกข์ ทำไมความเพลิดเพลิน
                                  จึงไม่มี ทำไมความเบื่อหน่าย จึงไม่ครอบงำพระองค์ผู้นั่งแต่ผู้เดียว ฯ


                                         [๒๗๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
                                  ผู้มีทุกข์นั่นแหละ จึงมีความเพลิดเพลิน
                                  ผู้มีความเพลิดเพลินนั่นแหละ จึงมีทุกข์
                                  ภิกษุย่อมเป็นผู้ไม่มีความเพลิดเพลิน ไม่มีทุกข์
                                  ท่านจงรู้อย่างนี้เถิด ผู้มีอายุ ฯ


                                         [๒๗๒] กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า
                                  นานหนอ ข้าพระองค์จึงพบเห็นภิกษุ ผู้เป็นพราหมณ์
                                  ดับรอบแล้ว ไม่มีความเพลิดเพลิน ไม่มีทุกข์ ข้ามพ้น
                                  เครื่องข้องในโลกแล้ว ฯ




             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  บรรทัดที่ ๑๖๙๕ - ๑๗๓๐.  หน้าที่  ๗๗ - ๗๙.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=1695&Z=1730&pagebreak=0
             อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=15&siri=99
             ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=266
             ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :-
[266-272] http://www.84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=15&item=266&items=7
[266-272] http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali.php?B=15&A=266&Z=272











ธรรมทินนาภิกษุณี
ใน จูฬเวทัลลสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=9420&Z=9601&pagebreak=0




.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่