[แปล]บทสัมภาษณ์สุดะxยูริอะ "ทางเดียวเท่านั้นที่จะก้าวข้ามตัวเองในอดีต​ไปได้"

พอดีเห็นกระทู้ด้านล่างพูดถึงการย้ายวงและการจบการศึกษาของคิซากิ ยูริอะ
เลยอยากเอาบทสัมภาษณ์นี้มาให้อ่านกัน บางคนอาจจะได้อ่านแล้วเพราะว่าเอามาเพจ https://www.facebook.com/65sub

ในบทสัมภาษณ์ยูริอะบอกว่าจุดสูงสุดของไอดอลคือตอนอยู่กับ SKE และทางเดียวที่จะก้าวข้ามตอนนั้นไปได้ก็คือ "จบการศึกษา"
ซึ่งเราคิดว่าวงน้องหลายคนที่โดนย้ายมาแล้วแกรดออกไป อาจจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้ก็ได้
แล้วก็ยังมีอีกหลายประโยคที่สื่อได้ว่าการไปอยู่โตเกียวไม่ได้เอื้อให้เด็กใช้ความสามารถตัวเองเต็มที่เท่าไหร่ รวมถึงการจัดการในวงและความสัมพันธ์ของเด็กๆในทีมด้วย
เป็นบทสัมภาษณ์ที่น่าจะบอกอะไรได้หลายๆอย่างเกี่ยวกับการชัฟเฟิลทีมจับเด็กย้ายวงได้ดีทีเดียว


------------------------

The Final Peace Countdown

ในระหว่างที่คิซากิ ยูริอะประกาศเรื่องจบการศึกษาของตัวเอง ก็ได้พูดไว้ว่า “ตอนนั้นคือจุดสูงสุด”
เรื่องนี้คนที่เข้าใจเธอที่สุดอย่าง สุดะ อาคาริคิดอย่างไร?
แล้วความตั้งใจที่แท้จริงของเจ้าตัวคืออะไร?
อยากทิ้งความทรงจำเป็นความทรงจำไว้แบบนั้นหรืออยากจะก้าวข้ามมันกันแน่
หลังจากประกาศครั้งใหญ่ผ่านมาเพียง 9 ชม. เธอก็อยู่ที่นี่


(สุดะ) แม้จะเคารพการจบการศึกษาของยูริอะ แต่จากนี้ไปเวลาฉันร้องไห้ใครจะเป็นคนมาคอยปลอบล่ะ?
(ยูริอะ) คนที่ทุ่มเทมุ่งมั่นที่สุดในประวัติศาสตร์ก็คือดาสุ เรื่องนี้น่ะฉันมั่นใจ!


ช่วงเวลา 1 ปีก่อนตัดสินใจ

- คิซากิซังประกาศจบการศึกษาจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งผ่านไป 9 ชม.เอง

ยูริอะ: ไม่ได้นอนเลยค่ะ (หัวเราะ)

สุดะ: ก็เธอเป็นพวกชอบทำงานหนักไง!

ยูริอะ:  ที่ต้องย้ายวันสัมภาษณ์ ขอโทษด้วยนะคะ

- พอเสนอไปว่าอยากจะสัมภาษณ์ทั้ง 2 คน ก็ได้รับแจ้งว่า “อยากจะให้รอจนถึงวันที่ 12 เดือน 4” น่ะ

ยูริอะ: ชัดเลย!

- จากนั้น ก็มีประกาศว่า All Night NIPPON วันที่ 12 คิซากิซังมาจัดรายการ ก็คิดทันทีเลยว่า “อย่าบอกนะว่า...”

สุดะ: เดาถูกเป๊ะเลย แต่ว่าเนื้อหาที่จะคุยกันก่อนประกาศกับหลังประกาศคงจะไม่เหมือนกันสินะคะ

ยูริอะ: ใช่แล้ว เพราะงั้นเลยรู้สึกว่าถ้าเป็นอีกวันหลังจากประกาศก็คงจะดีมาก

- ขอบคุณมากครับ!

ยูริอะ: ถ้าให้สัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกผิดอยู่ในใจก็คงไม่ดีใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้นเลยคิดว่าเป็นหลังจากประกาศจะดีกว่า

- แล้วก็เนื้อหาที่สัมภาษณ์วันนี้จะลงนิตยสารเฉพาะของ SKE48 ด้วยน่ะครับ

ยูริอะ: งั้นเหรอ? งั้นวันนี้ก็มาคุยเรื่อง SKE48 กันเถอะค่ะ!

- ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ ที่จะสัมภาษณ์คุณ 2 คนนี่ บก.กับนักเขียนได้บรีฟกันมาเรียบร้อยแล้วครับ แต่ในเมื่อมันกลายเป็นสัมภาษณ์หลังจากคิซากิซังประกาศจบการศึกษา เราก็คิดว่านี่คงจะเป็นการสัมภาษณ์ที่วุ่นวายมากแน่ๆ

สุดะ: ฮุๆๆๆ

- สรุปว่าเมมเบอร์ที่อยู่ตรงนั้นก็เศร้าจนร้องไห้เลยสินะครับ พอนึกภาพแบบนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาเองเหมือนกัน เป็นพวกผู้ใหญ่ที่นั่งกินราเม็งไต้หวันกับเทบาซากิ(ปีกไก่ทอด) แล้วก็ร้องไห้อยู่ที่ร้านมิเซ็งในนาโกย่า (หัวเราะ)

ยูริอะ: จริงเหรอคะ? (ขำ)

- อยากหัวเราะก็เอาเลย!

ยูริอะ: ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่คิดว่านี่แหละเป็นสิ่งที่สุดยอดของ SKE48 ที่ทำให้ทุกคนคิดแบบนี้ได้ เรื่องนี้ต่างหาก

- แม้ว่า ณ ตอนนั้น จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ตาม

สุดะ: เพราะความรักไงล่ะ (หัวเราะ)

ยูริอะ: อื้ม รู้สึกได้ถึงความรักเลยล่ะ

- “ถ้าพวกเราไม่ทำ แล้วใครจะทำล่ะ!” “เหมือนได้ดูตอนสุดท้ายของละครที่ฉายมา 7 ปีครึ่งเลย” ถ้าคิดแบบนี้ก็เข้าใจได้ล่ะนะว่าทำไมถึงร้องไห้ (หัวเราะ)

สุดะ: พูดแบบนี้ ชอบจังเลยค่ะ อุฮุๆ

ยูริอะ: เพราะแบบนี้ พวกเราถึงพยายามมาได้ ก็เป็นวงที่ตั้งมาด้วยความรักนี่นา

- ถ้ามาคิดดูดีๆตอนสุดท้ายคือเรื่องหลังจากนี้ต่างหาก เราเกริ่นนำกันมายาวเกินแล้ว อยากให้คิซากิซังพูดถึงเบื้องหลังความรู้สึกต่อการจบการศึกษาหน่อยครับ

ยูริอะ: ต้องย้อนกลับไปถึงตอน “Aozora Kataomoi” เลยค่ะ ตอนที่ได้เป็นเซมบัตสึพร้อมกับยุกโกะ (คิโนชิตะ ยูกิโกะ) และโอกิจัง (โอกิโสะ ชิโอริ) นั่นเป็นครั้งแรกที่มีความคิดว่าไม่อยากทำแล้ว ในระหว่าง 7 ปีครึ่งหลังจากนั้นก็คิดว่า “เลิกดีกว่ามั้ง” “ไม่อ่ะ พยายามต่อเถอะ” กลับไปกลับมาอย่างนี้ตลอด ทั้งคุยกับตัวเองในใจ ทั้งเคยคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ในขณะที่เป็นแบบนั้น เมื่อ 3 ปีก่อนก็ได้มาโตเกียว ได้เป็นรองกัปตันทีม 4 จากนั้นก็ได้เป็นกัปตันทีม B น่าจะเป็นช่วงก่อนจะได้เป็นกัปตันไม่นานที่ได้ปรึกษากับอากิโมโตะเซนเซย์เรื่องจบการศึกษา

- งั้นเหรอครับ!

ยูริอะ: แต่ได้รับตอบกลับมาว่า “ลองพยายามต่ออีกซักปีนึงเถอะ” ในระหว่างปีนึงจากนั้นก็ได้รับงานแสดง พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว แต่ว่าก่อนถึงวันเกิด (วันที่ 11 กุมภาพันธ์) ก็คิดว่า “นี่ก็ 21 แล้ว ถ้าจะอยากจะเริ่มงานแสดงละก็ มันจะไม่มีเวลาแล้วนะ” ในรายการวิทยุก็ได้พูดถึงความรู้สึกในใจของตัวเองค่ะว่า “ไอดอลน่ะเป็นมาจนอิ่มแล้วล่ะ” น่าจะเป็นช่วงนั้นแหละค่ะที่เริ่มคุยเรื่องจบการศึกษาอย่างจริงจัง

- เรื่องนี้เคยบอกกับสุดะซังมั้ยครับ?

สุดะ: เคยคุยกันค่ะ

- คุณรู้สึกยังไงตอนที่ได้ยินเธอบอกอย่างนั้น?

สุดะ: รู้มาหลายปีแล้วล่ะค่ะว่าเธอไม่ใช่พวกทำอะไรไม่คิด เราก็คุยกันว่าจะก้าวออกไปดีมั้ยอยู่บ่อยๆ แล้วก็รู้ด้วยว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำอะไรครึ่งๆกลางๆอยู่แล้ว เพราะงั้นฉันไม่กังวลเลยว่าถ้าจบการศึกษาไปเธอจะเป็นยังไง อย่างเดียวที่ฉันคิดคือ ต่อไปเวลาฉันร้องไห้ใครจะมาคอยปลอบ

ยูริอะ: กังวลเรื่องนี้เองหรอกเหรอ...(หัวเราะ)

สุดะ: ถึงจะกังวลแค่เรื่องนี้ แต่ยังไงก็เคารพการตัดสินใจของยูริอะล่ะ

ยูริอะ: เราทั้งคู่ก็อายุเกิน 20 กันแล้ว ไปดื่มกันได้แล้ว เรื่องที่คุยกันก็เปลี่ยนไป แม้ฉันจะอ่อนกว่า 4 ปี...แต่ดาสุน่ะดูโตขึ้นจริงๆนะ

สุดะ: นี่!! (หัวเราะ)

ยูริอะ: วิธีการคิดของเธอน่ะเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะงั้นฉันว่าถึงฉันไม่อยู่ก็คงไม่เป็นไร ทั้งๆที่ตอนที่ไปโตเกียวใหม่ๆ ผู้จัดการSKE48จะชอบโทรมาบ่อยๆว่า “ตอนนี้สภาพสุดะแย่มากเลย ช่วยคุยกับเธอหน่อยได้มั้ย?” แต่หลังๆนี่ไม่มีเรื่องแบบนั้นแล้ว ฉันคิดว่าตอนนี้ก็น่าจะยังมีร้องไห้อยู่แต่คงไม่ได้ร้องฟูมฟายแบบเมื่อก่อน

สุดะ: อื้ม

- จากมุมมองของสุดะซัง หลังจากคิซากิซังไปโตเกียวแล้วมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างครับ?

ยูริอะ: มีกลิ่นอายคนโตเกียว อะไรงี้?

สุดะ: ที่คิดอย่างนั้นก็คือตอนที่เห็นพูดว่า “อาหารเช้า 5000 เยน”  ใน AKBINGO! เท่านั้นแหละ (หัวเราะ) มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นทุกวันอยู่แล้ว ก็คิดว่าที่พูดแบบนั้นก็เพื่อจะให้ดูน่าตื่นเต้น แล้วก็ดูเหมาะดี อะไรประมาณนั้น

ยูริอะ: ใช่ๆ ไม่ได้วางแผนไว้เลย

- คือไม่ได้วางแผนว่า “ถ้าพูดอย่างนั้นแล้วมันจะกลายเป็นแบบนี้” แล้วค่อยพูดออกมาสินะ

สุดะ: ก็ยังห่วงอยู่ว่าเขาจะฝืนตัวเองหรือเปล่า แต่ว่าพอได้เห็นเขาหาที่ทางของตัวเองเจอที่โตเกียว และได้สนิทกับเมมเบอร์คนอื่น ฉันก็สบายใจค่ะ

- ได้บอกเมมเบอร์ล่วงหน้าไปกี่คนครับว่าจะจบการศึกษา?

ยูริอะ: ถ้าไม่บอกล่วงหน้าก็โหดร้ายไปหน่อย จะบอกหรือไม่บอก มันพูดยากค่ะ...ตอนเป็นกัปตันทีม B ฉันรู้สึกไม่สบายใจมากที่เมมเบอร์ที่อยู่ทีมเดียวกันจะจบการศึกษาแล้วไม่ได้มาคุยกับฉันเลย ถึงแม้มันจะเป็นความผิดฉันเองก็เถอะ สำหรับฉันแล้ว พวกเรื่องแย่ๆที่เคยโดนคนอื่นทำฉันจะไม่ไปทำแบบนั้นกับคนอื่นเด็ดขาด แรกสุดฉันบอกดาสุกับอิริยามะ อันนะจังค่ะ เพราะเคยพูดเรื่องจบการศึกษากับเธอสองคนมาตลอด พอได้วันที่แน่นอนก็บอกกับสองคนนี้ก่อนเลย แล้วก็รีบบอกโยโกยาม่า ยุยจัง แล้วก็คนที่อยากจะบอกด้วยตัวเองคือ(ทาคาฮาชิ) จูริและเรนัจจิ (คาโต้ เรนะ) ค่ะ ส่วนเมมเบอร์รุ่นเดียวกันไปบอกด้วยตัวเองไม่ได้ก็เลยบอกไปทาง LINE น่ะค่ะ

- บอกกับสุดะซังด้วยตัวเองเลยเหรอ?

ยูริอะ: หลังจากได้วันที่แน่นอน วันรุ่นขึ้นก็ได้ทำงานที่เดียวกันค่ะ บอกไปประมาณว่า “อรุณสวัสดิ์ เป็นวันที่ 12 แหละ”

สุดะ: อยู่ดีๆก็มาบอกฉันอย่างนี้ ก็เลยงงว่า “อะไรอ่ะ? อะไรอ่ะ?”

- ได้ยินว่าเป็นรายการวิทยุสดด้วยใช่มั้ยครับ

สุดะ: ใช่ค่ะ ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย อยู่ๆนึกจะพูดก็พูด พอเปิดเพลง “10 nen sakura” ก็เลยร้องไห้ออกมา

ยูริอะ: ก็อยากให้ร้องไง (หัวเราะ) แล้วก็ได้คุยกับมิเนกิชิ มี่จัง (มิเนกิชิ มินามิ) ด้วย ตอนสมัยอยู่ทีม 4 เธอช่วยไว้เยอะ ส่วนโอกิจังที่อยู่รุ่นเดียวกันก็ติดต่อกันตลอดเลยได้คุยกันว่า “จบการศึกษาแล้ว เราไปเที่ยวเกียวโตฉลองกันเถอะ” เพราะที่ผ่านมาไม่เคยว่างตรงกันเลยไม่ได้ไปซักทีค่ะ

- หลังจากประกาศแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยใช่มั้ย?

ยูริอะ: ก็รู้สึกเปลี่ยนไปหมดเลยค่ะ แต่เมื่อวานก็มีงานตั้งแต่เช้าพอดึกก็เริ่มเบลอๆแล้ว จำไม่ได้แล้วค่ะว่าพูดอะไรไปบ้าง พอได้อ่านข่าวในเน็ตถึงได้รู้ว่า “ฉันพูดไปอย่างนั้นเองหรอ?”

- แต่อย่างน้อย ก็น่าจะคิดไว้แล้วว่าจะพูดอะไรใช่มั้ยล่ะครับ?

ยูริอะ: ก่อนเริ่มก็มีจดนั่นนี่ไว้ว่าจะพูดเรื่องอะไร แต่พอพูดไปก็รู้สึกแปลกๆแบบว่านี่ตัวฉันเองรึเปล่านะหรือไม่ใช่

สุดะ: ไม่ตื่นเต้นหรอ?

ยูริอะ: โคตรตื่นเต้นเลยล่ะ! 3 วันก่อนหน้านั้นเลยฝันแปลกๆน่ากลัวๆติดกันตั้ง 3 เรื่อง

สุดะ: ตั้ง 3 เรื่องแน่ะ (หัวเราะ)

ยูริอะ: อันแรกก็ฝันว่าผีหลอก อันที่สองก็ฝันว่าตัวเองนอนอยู่แล้วก็มีใครไม่รู้เอาสาหร่ายคอมบุมายัดปาก ตื่นขึ้นมาเพราะหายใจไม่ออก

- ดูท่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีคนฝันอย่างนี้นะครับ สาหร่ายคอมบุเนี่ย (หัวเราะ)

ยูริอะ: ไปเสิร์ชว่า “สาหร่ายคอมบุ เต็มปาก ทำนายฝัน” ก็ไม่มีอะไรออกมา แล้วจากนั้นก็ฝันว่าได้ไปแสดงหนังของผู้กำกับที่มีบุญคุณคนนึง แต่ว่าฉันทำบทหายแล้วก็ไปซ้อมทั้งอย่างงั้น พอพูดบทไปมั่วๆผู้กำกับก็โกรธ ตื่นมาเหงื่อเต็มหลังเลยค่ะ

- นี่ลองเสิร์ชดู เขาอธิบายสาหร่ายคอมบุว่า “เรื่องที่อยากทำถูกกดไว้ คงมีความเครียดอยู่ไม่น้อย”

สุดะ: ถูกเผงเลย (หัวเราะ) ก็สิ่งที่ยูริอะอยากทำคืองานแสดงนี่ มีแบบไอดอลด้วยล่ะ คือไม่ว่ายังไงถ้าเป็นไอดอลก็ต้องเคยฝันถึงแน่ๆ

- ฝันแบบไหนครับ?

สุดะ: ฝันแบบว่าไม่รู้ทั้งท่าเต้นทั้งเนื้อเพลงก็ต้องขึ้นไปยืนบนเวทีแล้ว

ยูริอะ: เคยสิ! น่ากลัวมากเลยเนอะ ฝันถึงจิตใต้สำนึกตัวเองโดยตรงเลยนี่มันฉันชัดๆ

[ต่อ]
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่