สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คุณจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง
แต่คุณเขียน “เกียรตินิยม” ทุกแห่งในกระทู้ว่า “เกียตินิยม” “เกียติยม” หรือ “เกียรติยม”
เอกภาษาไทยหรือเปล่าคะ
แต่คุณเขียน “เกียรตินิยม” ทุกแห่งในกระทู้ว่า “เกียตินิยม” “เกียติยม” หรือ “เกียรติยม”
เอกภาษาไทยหรือเปล่าคะ
สมาชิกหมายเลข 1493606 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1623960 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1714098 ถูกใจ, ชิฉางเจิง ถูกใจ, Honey toastทานคู่กับIce cream ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
เด็กเกียตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง
.
.
เราจบมาด้วยเกียติเฉลี่ย 3.8 ค่ะ เราไม่ได้อยากได้หรอกนะคะ เวลาเรียนเราก็เเค่ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นจริงๆ
เเต่อย่างเเรกที่ได้มาจากการเป็นเด็กเกียตินิยม คือ ความคาดหวังค่ะ
.
หวังว่าเราต้องเก่ง
หวังว่าเราต้องรู้ทุกเรื่อง
หวังว่าเราต้องได้ดีกว่าคนอื่น
.
เพื่อนร่วมงานก็หมั่นไส้ บอกว่าเด็กเกียตินิยมทำได้เเค่นี้เหรอ
เรา๔ุกแกล้งหลายอย่าง จากการเป็นเด็กเกียรติยม
.
จนเราเหนื่อย และพอเเล้ว เราจึงลาออกค่ะ
.
เราลาออกมาขายของที่ตลาดนัดเเห่งหนึ่ง ขายดีมาก ไม่ต้องแข่งกับใคร แข่งกับตัวเอง ขยันให้มากๆก็มีรายได้เดือนละ 60,000 - 70,000 บาท
เเต่ก็ยังมีเพื่อนหลายคนที่เห็นเราเเล้วเเอบนินทา หลายคนพูดว่าเด็กเกียติยม จบมามาเป็นแม่ค้า คิดได้เเค่นี้เหรอ
.
.
เราเเค่อยากบอกว่า ไม่ว่าคุณจะจบจากอะไร ได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ งานอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าการศึกษามันขัดเกลาจิตใจคุณได้มากน้อยเเค่ไหน ตอนนี้เรามีลูกแล้วคนนึง เราไม่ซีเรียสเลยว่าลูกจะได้คะเเนนเท่าไหร่ ขอเเค่เรียนแล้วมีความสุขก็พอ เพราะสังคมสมัยนี้ การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก สิ่งที่สำคัญไปกว่าการเรียนหนังสือ คือ การเรียนรู้ ตำรากับชีวิตจริงมันต่างกันกัน หลายๆมหาลัยผลิตนักศึกษาออกมา สอนแต่ทษฎี แต่ไม่ได้สอนวิธีคิดให้ลงมือทำจริงๆ