Alberobello (อัล-เบ-โร-แบล-โล) เป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีหลังคาเป็นรูปทรงกรวย ความน่ารักน่าเอ็นดูของหมู่บ้านแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจที่เป็นที่มาของการสร้างบ้านเรือนแบบที่เห็นนี้
เมื่อศตวรรษที่ ๑๔ ได้เริ่มมีการบุกเบิกพื้นที่เพื่อสร้างหมู่บ้าน ในสมัยนั้น บ้านเรือนที่มีลักษณะถาวรจะถูกเก็บภาษีแพงกว่าสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ เจ้าเมืองจึงออกอุบายเพื่อจะได้ส่งภาษีให้ทางการน้อย
ทำอย่างไรน่ะหรือ?
เจ้าเมืองให้ก่อสร้างด้วยหินปูนที่เอามาวางซ้อนกันโดยไม่มีปูนเชื่อม (เทคนิคนี้ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า drystone แปลตรง ๆ ก็คือ หินแห้ง หรือไม่เปียก (เพราะปูน) นั่นเอง) และเอาหินมาวางซ้อนกันเป็นหลังคารูปกรวย เพื่อเป็น "ที่หลบแดดหลบฝนขณะทำไร่นา" หรือเพื่อเป็น "ที่เก็บรักษาผลผลิต" ที่สามารถรื้อถอนและเอาไปประกอบใหม่ได้ง่าย
แน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจัดให้เป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ต้องเสียภาษีแพง ๆ
สิ่งก่อสร้างลักษณะนี้ในภาษาอิตาเลียนเรียกว่า Trullo (พหูพจน์ คือ Trulli) ต่อมาได้กลายเป็นบ้านพักอาศัยจริง ๆ ชาวบ้าน
Trullo ส่วนใหญ่มีเพียงชั้นเดียว เพราะการก่อสร้าง ๒ ชั้นทำได้ยากตามหลักวิศวกรรม (อันนี้ผมไม่รู้รายละเอียด) เพราะฉะนั้น จะง่ายกว่าถ้าจะสร้าง Trullo ขึ้นมาใหม่ ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวใหญ่ ๆ จึงมี Trullo (หรือต้องเรียกว่า Trulli?) หลายเรือนติดกันอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน เป็นอาณาจักรย่อม ๆ ของครอบครัวก็ว่าได้
แม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาแล้ว แต่ชาวบ้านยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเรือนแบบนี้ บางที่เปิดเป็นที่พักบ้าง ร้านอาหารบ้าง ร้านขายของที่ระลึกบ้าง
Alberobello ได้รับสถานะมรดกโลกจากยูเนสโก้ไปเมื่อปี ๒๕๓๙ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมตั้งใจจะมาตั้งแต่เมื่อคราวที่มาเยือนส้นรองเท้าบู๊ทครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๘ แต่เวลาไม่พอ จึงต้องกลับไปที่เนเธอร์แลนด์อย่างน่าเสียดาย แต่แล้ว โอกาสก็มาอีกครั้งระหว่างที่ได้มาทำงานที่เบลเยียม ผมไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ เมื่อหัวหน้าอนุมัติวันหยุดพักร้อน และได้สมหวังด้วยประการฉะนี้แล
-----------------------------------------------------
ใครสนใจการเรียน การทำงาน และการท่องเที่ยวแนว hidden gems ในยุโรป ก็ขอเชิญไปเยี่ยมชมหรือพูดคุยกันได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจครับ
https://www.facebook.com/IRememberEurope/
ณ ส้นรองเท้าบู๊ทอิตาลี (๔) : เล่ห์เหลี่ยมและสถาปัตยกรรมที่ Alberobello
เมื่อศตวรรษที่ ๑๔ ได้เริ่มมีการบุกเบิกพื้นที่เพื่อสร้างหมู่บ้าน ในสมัยนั้น บ้านเรือนที่มีลักษณะถาวรจะถูกเก็บภาษีแพงกว่าสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ เจ้าเมืองจึงออกอุบายเพื่อจะได้ส่งภาษีให้ทางการน้อย
ทำอย่างไรน่ะหรือ?
เจ้าเมืองให้ก่อสร้างด้วยหินปูนที่เอามาวางซ้อนกันโดยไม่มีปูนเชื่อม (เทคนิคนี้ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า drystone แปลตรง ๆ ก็คือ หินแห้ง หรือไม่เปียก (เพราะปูน) นั่นเอง) และเอาหินมาวางซ้อนกันเป็นหลังคารูปกรวย เพื่อเป็น "ที่หลบแดดหลบฝนขณะทำไร่นา" หรือเพื่อเป็น "ที่เก็บรักษาผลผลิต" ที่สามารถรื้อถอนและเอาไปประกอบใหม่ได้ง่าย
แน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจัดให้เป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ต้องเสียภาษีแพง ๆ
สิ่งก่อสร้างลักษณะนี้ในภาษาอิตาเลียนเรียกว่า Trullo (พหูพจน์ คือ Trulli) ต่อมาได้กลายเป็นบ้านพักอาศัยจริง ๆ ชาวบ้าน
Trullo ส่วนใหญ่มีเพียงชั้นเดียว เพราะการก่อสร้าง ๒ ชั้นทำได้ยากตามหลักวิศวกรรม (อันนี้ผมไม่รู้รายละเอียด) เพราะฉะนั้น จะง่ายกว่าถ้าจะสร้าง Trullo ขึ้นมาใหม่ ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวใหญ่ ๆ จึงมี Trullo (หรือต้องเรียกว่า Trulli?) หลายเรือนติดกันอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน เป็นอาณาจักรย่อม ๆ ของครอบครัวก็ว่าได้
แม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาแล้ว แต่ชาวบ้านยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเรือนแบบนี้ บางที่เปิดเป็นที่พักบ้าง ร้านอาหารบ้าง ร้านขายของที่ระลึกบ้าง
Alberobello ได้รับสถานะมรดกโลกจากยูเนสโก้ไปเมื่อปี ๒๕๓๙ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมตั้งใจจะมาตั้งแต่เมื่อคราวที่มาเยือนส้นรองเท้าบู๊ทครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๘ แต่เวลาไม่พอ จึงต้องกลับไปที่เนเธอร์แลนด์อย่างน่าเสียดาย แต่แล้ว โอกาสก็มาอีกครั้งระหว่างที่ได้มาทำงานที่เบลเยียม ผมไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ เมื่อหัวหน้าอนุมัติวันหยุดพักร้อน และได้สมหวังด้วยประการฉะนี้แล
-----------------------------------------------------
ใครสนใจการเรียน การทำงาน และการท่องเที่ยวแนว hidden gems ในยุโรป ก็ขอเชิญไปเยี่ยมชมหรือพูดคุยกันได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจครับ https://www.facebook.com/IRememberEurope/