เราเป็นคนไม่ทันคน ไม่มีเพื่อน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ได้เช่าห้องอยู่กับรูมเมทคนหนึ่งอายุเท่ากัน แต่ก็ไม่ค่อยชอบกันเท่าไร แต่เราก็ทนๆ เพราะเราเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีอยู่แล้ว อยากประหยัดค่าเช่าด้วย
ต่อมา เพื่อนสนิทรูมเมทเราสมมติชื่อ อ้อ ได้ป่วยเป็นโรคร้ายขณะเรียน รูมเมทเราได้มาขอยืมรถยนต์ของเราไปส่งอ้อที่โรงพยาบาล ด้วยความเห็นใจ เราเลยให้ยืมรถไปส่ง แล้วเราก็บอกว่าพอส่งที่โรงพยาบาลเสร็จ ก็ให้ขับรถกลับมาคืนเราที่หน้าห้องเราด้วย
แต่ในวันนั้น ก็ไม่มีใครคืนรถเรา รูมเมทเรากลับมา พูดจาฉุนเฉียวใส่เราว่า "เราให้พี่สาวอ้อยืมรถไปแล้ว เธอจะให้มั้ย ถ้าไม่ให้ เราจะให้เขาขับรถมาคืนเดี๋ยวนี้" รูมเมทเราตะคอกใส่เราแบบนี้ เราก็โมโห เลยเกิดการทะเลาะวิวาทกัน สุดท้าย เลยตกลงว่าถ้าเพื่อนรูมเมทจะยืมรถเรา ให้มาพูดกับเราโดยตรง ไม่ใช่มาขอยืมกับรูมเมทเรา
ต่อมา เพื่อนสนิทอ้ออีกคนชื่อ ปุ๋ย ต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ปุ๋ยเลยมาขอยืมรถเราด้วยตัวเอง เราเห็นใจก็เลยให้ยืม (ทั้งที่ไม่สนิทกัน) แต่เราขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางไปสนามบิน ทั้งปุ๋ยและรูมเมทเราไม่พูดกับเราเลยแม้แต่คำเดียว ปุ๋ยไปได้หนึ่งเดือน พอกลับมาก็เอ่ยปากจะจ่ายค่าน้ำมันคืนให้เรา แล้วรูมเมทเราก็พูดเสียงแข็งกร้าวขึ้นมาว่า "เธอจะคิดค่าน้ำมันปุ๋ยเท่าไร" รูมเมททำตัวพองขยายขึ้นเหมือนจะปกป้องปุ๋ยและจะสู้กับเรา แต่เราก็บอกราคาตามจริงไป ไม่ได้บวกกำไร (ขับรถข้ามเมืองไปจังหวัดที่มีสนามบิน)
ต่อมา พอใกล้จะเรียนจบ เราเลยจะขายรถ รูมเมทเราพยายามห้ามเราไม่ให้ขายรถ เพราะอยากให้เราขับรถพาไปเที่ยวที่จังหวัดอื่น แต่เราก็ขายรถตามต้องการ รูมเมทเราถึงกับตัวสั่น มองเราอย่างตำหนิ แล้วต่อมา ขณะที่เรานอนอยู่ในห้อง รูมเมทเราก็เดินมาในห้องนอนของเรา แล้วพูดใส่เราอย่างไม่พอใจว่า "เรายังหารถไปรับอ้อที่สนามบินไม่ได้เลยนะ" พูดเหมือนเราผิดที่ขายรถไป ทำให้รูมเมทหารถไปรับเพื่อนไม่ได้ เพื่อนสนิทรูมเมทเราคนอื่นก็มีรถยนต์ส่วนตัว ทำไมรูมเมทเราไม่ไปขอยืมพวกเขาก็ไม่รู้
เราไม่พอใจทั้งหมดนี้ และได้เคยตอบโต้ด้วยการพูดจาต่อว่ารูมเมทเราไปเป็นระยะๆ แต่รูมเมทเราก็ยังทำท่าดื้อแพ่งว่าเราต้องช่วยเพื่อนสนิทเขาทั้งหมด ทั้งหมดนี้ เราได้อีเมล์ไปต่อว่ารูมเมทเราและเพื่อนสนิทตรงๆ ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ (ไม่รู้อ่านจบมั้ย) รูมเมทเราไม่ตอบ แล้วก็หายเงียบไป ประจวบกับเรียนจบแล้วด้วย เราก็ไม่คิดจะคบหาสมาคมกับรูมเมทคนนี้แล้ว แล้วรูมเมทคนนี้คงไม่กล้าติดต่อเราด้วย เพราะรู้ว่าต้องโดนเราด่าต่อหน้าแน่นอน
เหลือไว้แต่ความสงสัย เพราะเราไม่ทันคน ไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว
ขอความรู้เป็นวิทยาทานจากเพื่อนๆ
1. ปกติคนไม่ชอบกัน ไม่น่าจะเข้ามาขอยืมรถบ่อยๆ แล้วรูมเมทเราทำไมคิดแต่จะขอยืมรถจากเรา พูดจาบีบคั้นเหมือนเป็นหน้าที่ว่าเราต้องช่วยเพื่อนเขา ทั้งที่ระยะหลัง เราทำท่าไม่ชอบรูมเมทเราอย่างเห็นได้ชัด บางทีเราก็เปรยๆ ว่า "ไม่ชอบให้คนมาสั่ง" หรือ "เรามีสิทธิปฎิเสธ" แต่รูมเมทเราก็ไม่สน ตั้งหน้าต้งตาจะบีบคั้นให้เราช่วยเหมือนเดิม (ซึ่งเราช่วยเพราะเห็นเพื่อนเขาเดือดร้อนจริง ไม่ได้ช่วยเพราะรูมเมท)
2. ทำไมรูมเมทเราและเพื่อนสนิทเขาถึงคิดว่าเรามีหน้าที่ต้องช่วยเพื่อนสนิทของรูมเมท ทั้งที่พวกเขาพูดไม่ดีทำไม่ดีกับเรา และไม่ได้คบกับเรา จะพูดก็ต่อเมื่อจะใช้งานเรา
3. รูมเมทเราเป็นคนมีเพื่อนเยอะ คุยสนุก ร่าเริง เวลาเขาไปขอยืมรถคนอื่น จะพูดน้ำเสียงขอร้องว่า "ขอร้องนะ จะปฎิเสธก็ได้นะ" แต่เวลาพูดขอให้เราช่วย จะพูดน้ำเสียงบีบคั้นฉุนเฉียวแบบบีบว่าต้องช่วย ซึ่งเราก็ฟังผ่านหู ไม่ได้ช่วยนะ ทำไมรูมเมทเลือกบีบเราคนเดียว ไม่ทำกับคนอื่น
ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับทุกความเห็น เราเป็นคนไม่ทันคน ช่วยให้แสงสว่างกับเราด้วยค่ะ ตอนนี้เราได้ไปหาจิตแพทย์ กินยาแล้วค่ะ (ปกติเราไม่มีเพื่อน เราก็สุขภาพจิตไม่ดีอยู่แล้ว) แต่ถ้าได้คำตอบ คงหยุดคิดได้ค่ะ
ทำไมคนที่เกลียดเราถึงชอบมาขอยืมรถเรา
ต่อมา เพื่อนสนิทรูมเมทเราสมมติชื่อ อ้อ ได้ป่วยเป็นโรคร้ายขณะเรียน รูมเมทเราได้มาขอยืมรถยนต์ของเราไปส่งอ้อที่โรงพยาบาล ด้วยความเห็นใจ เราเลยให้ยืมรถไปส่ง แล้วเราก็บอกว่าพอส่งที่โรงพยาบาลเสร็จ ก็ให้ขับรถกลับมาคืนเราที่หน้าห้องเราด้วย
แต่ในวันนั้น ก็ไม่มีใครคืนรถเรา รูมเมทเรากลับมา พูดจาฉุนเฉียวใส่เราว่า "เราให้พี่สาวอ้อยืมรถไปแล้ว เธอจะให้มั้ย ถ้าไม่ให้ เราจะให้เขาขับรถมาคืนเดี๋ยวนี้" รูมเมทเราตะคอกใส่เราแบบนี้ เราก็โมโห เลยเกิดการทะเลาะวิวาทกัน สุดท้าย เลยตกลงว่าถ้าเพื่อนรูมเมทจะยืมรถเรา ให้มาพูดกับเราโดยตรง ไม่ใช่มาขอยืมกับรูมเมทเรา
ต่อมา เพื่อนสนิทอ้ออีกคนชื่อ ปุ๋ย ต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ปุ๋ยเลยมาขอยืมรถเราด้วยตัวเอง เราเห็นใจก็เลยให้ยืม (ทั้งที่ไม่สนิทกัน) แต่เราขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางไปสนามบิน ทั้งปุ๋ยและรูมเมทเราไม่พูดกับเราเลยแม้แต่คำเดียว ปุ๋ยไปได้หนึ่งเดือน พอกลับมาก็เอ่ยปากจะจ่ายค่าน้ำมันคืนให้เรา แล้วรูมเมทเราก็พูดเสียงแข็งกร้าวขึ้นมาว่า "เธอจะคิดค่าน้ำมันปุ๋ยเท่าไร" รูมเมททำตัวพองขยายขึ้นเหมือนจะปกป้องปุ๋ยและจะสู้กับเรา แต่เราก็บอกราคาตามจริงไป ไม่ได้บวกกำไร (ขับรถข้ามเมืองไปจังหวัดที่มีสนามบิน)
ต่อมา พอใกล้จะเรียนจบ เราเลยจะขายรถ รูมเมทเราพยายามห้ามเราไม่ให้ขายรถ เพราะอยากให้เราขับรถพาไปเที่ยวที่จังหวัดอื่น แต่เราก็ขายรถตามต้องการ รูมเมทเราถึงกับตัวสั่น มองเราอย่างตำหนิ แล้วต่อมา ขณะที่เรานอนอยู่ในห้อง รูมเมทเราก็เดินมาในห้องนอนของเรา แล้วพูดใส่เราอย่างไม่พอใจว่า "เรายังหารถไปรับอ้อที่สนามบินไม่ได้เลยนะ" พูดเหมือนเราผิดที่ขายรถไป ทำให้รูมเมทหารถไปรับเพื่อนไม่ได้ เพื่อนสนิทรูมเมทเราคนอื่นก็มีรถยนต์ส่วนตัว ทำไมรูมเมทเราไม่ไปขอยืมพวกเขาก็ไม่รู้
เราไม่พอใจทั้งหมดนี้ และได้เคยตอบโต้ด้วยการพูดจาต่อว่ารูมเมทเราไปเป็นระยะๆ แต่รูมเมทเราก็ยังทำท่าดื้อแพ่งว่าเราต้องช่วยเพื่อนสนิทเขาทั้งหมด ทั้งหมดนี้ เราได้อีเมล์ไปต่อว่ารูมเมทเราและเพื่อนสนิทตรงๆ ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ (ไม่รู้อ่านจบมั้ย) รูมเมทเราไม่ตอบ แล้วก็หายเงียบไป ประจวบกับเรียนจบแล้วด้วย เราก็ไม่คิดจะคบหาสมาคมกับรูมเมทคนนี้แล้ว แล้วรูมเมทคนนี้คงไม่กล้าติดต่อเราด้วย เพราะรู้ว่าต้องโดนเราด่าต่อหน้าแน่นอน
เหลือไว้แต่ความสงสัย เพราะเราไม่ทันคน ไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว
ขอความรู้เป็นวิทยาทานจากเพื่อนๆ
1. ปกติคนไม่ชอบกัน ไม่น่าจะเข้ามาขอยืมรถบ่อยๆ แล้วรูมเมทเราทำไมคิดแต่จะขอยืมรถจากเรา พูดจาบีบคั้นเหมือนเป็นหน้าที่ว่าเราต้องช่วยเพื่อนเขา ทั้งที่ระยะหลัง เราทำท่าไม่ชอบรูมเมทเราอย่างเห็นได้ชัด บางทีเราก็เปรยๆ ว่า "ไม่ชอบให้คนมาสั่ง" หรือ "เรามีสิทธิปฎิเสธ" แต่รูมเมทเราก็ไม่สน ตั้งหน้าต้งตาจะบีบคั้นให้เราช่วยเหมือนเดิม (ซึ่งเราช่วยเพราะเห็นเพื่อนเขาเดือดร้อนจริง ไม่ได้ช่วยเพราะรูมเมท)
2. ทำไมรูมเมทเราและเพื่อนสนิทเขาถึงคิดว่าเรามีหน้าที่ต้องช่วยเพื่อนสนิทของรูมเมท ทั้งที่พวกเขาพูดไม่ดีทำไม่ดีกับเรา และไม่ได้คบกับเรา จะพูดก็ต่อเมื่อจะใช้งานเรา
3. รูมเมทเราเป็นคนมีเพื่อนเยอะ คุยสนุก ร่าเริง เวลาเขาไปขอยืมรถคนอื่น จะพูดน้ำเสียงขอร้องว่า "ขอร้องนะ จะปฎิเสธก็ได้นะ" แต่เวลาพูดขอให้เราช่วย จะพูดน้ำเสียงบีบคั้นฉุนเฉียวแบบบีบว่าต้องช่วย ซึ่งเราก็ฟังผ่านหู ไม่ได้ช่วยนะ ทำไมรูมเมทเลือกบีบเราคนเดียว ไม่ทำกับคนอื่น
ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับทุกความเห็น เราเป็นคนไม่ทันคน ช่วยให้แสงสว่างกับเราด้วยค่ะ ตอนนี้เราได้ไปหาจิตแพทย์ กินยาแล้วค่ะ (ปกติเราไม่มีเพื่อน เราก็สุขภาพจิตไม่ดีอยู่แล้ว) แต่ถ้าได้คำตอบ คงหยุดคิดได้ค่ะ