ขี่แล้วมาเล่า EP-1 กับ Honda X-ADV
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เขียนบอกเล่าประสบการณ์ จากการขับขี่รถจักรยานยนต์ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ ทั้งหมดมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ มันอาจจะไม่ได้ครบถ้วนหรือถูกต้องมากมายนัก เพราะไม่ได้ถึงขั้นกางเอกสารต่างๆประกอบไปด้วย เพราะเชื่อว่าทุกๆคนคงหาข้อมูลเหล่านั้นได้จากหลายๆช่องทางอยู่แล้ว อ่ะ..ไม่พูดมากละครับ มาเริ่มกันเลย ใน EP-1 นี้ ผมมีโอกาสได้ขี่เจ้า Honda X-ADV จากการได้ร่วมงานกับทางทีมงาน รายการ Journey of The SoulS ชั้นชอบเที่ยว ของพี่ส้ม อมรา ศิริพงษ์ ครับ
ความรู้สึกแรกของการได้เห็นตัวจริงๆเป็นๆได้สัมผัส แบบถึงเนื้อถึงตัวอ่านะ ส่วนตัวผมว่ามันก็สวยล้ำๆ ดี รูปร่างค่อนข้างเพรียวกว่า รถในกลุ่มเดียวกันค่ายอื่น และดูยาวๆแบนๆติดพื้น อาจจะเพราะล้อเล็กด้วย จากการได้มองนะครับ อยากจะบอกว่าถ้า Honda สนับสนุนหนังเรื่อง Tranformers ล่ะก็ เราอาจจะได้เห็นเจ้านี่เป็นหนึ่งสมาชิกหุ่นยนต์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งแน่นอน คราวนี้มาลองคร่อมกันครับ บอกก่อนว่าผมสูงแค่ 169 +/- ตัวรถเองเบาะก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ แต่ว่า...มันกว้างงงง ทำให้ เราต้องกางขาออกค่อนข้างมาก ถ้าผมเปรียบนะ เท้าผมวางได้แค่1/4ของฝ่าเท้า พอๆกับ Z800 ที่ผมใช้ การขยับก้นเพื่อช่วยให้วางเท้าได้ดีขึ้นทำได้ง่ายครับ ถ้าจะต้องคร่อมแล้วเข็นมันถอยหลังล่ะก็ ผมว่าลำบากเอาเรื่องครับแนะนำว่าลงประคองข้างแล้วเข็นจะดีกว่าขนาดต้องลงเข็น ยังรู้สึกว่ามันหนืดๆกว่าตอนเข็น Z800 ตัวเองซะอีกไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร
ท่าขี่ถือว่าสบายมากครับ ด้วยการเป็นรถแบบออโต้แบบนี้ มีพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ และยังสามารถปรับตำแหน่งการวางได้อีกด้วย ถ้าวางเท้าไปทางด้านหน้าสุดจะทำมุมแนวตั้งพอสมควรท่าขี่จะออกแนวรถครุยเซอร์หรือช็อปเปอร์, ถ้าขยับเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นวางขาในตำแหน่ง กลางๆ ของที่พักเท้าแนวระนาบท่าขี่จะเหมือนนั่งเก้าอี้ และถ้าขยับตำแหน่งไปทางด้านหลังสุดขาจะงอเยอะมากขึ้นเท้าจะวางได้ไม่เต็มจะออกแนวเรซซิ่งไปเลยครับ การเป็นแฮนด์บาร์แนวรถทรงเปลือย รถทางฝุ่น ทำให้ท่าขี่ไม่ก้ม หลังค่อนข้างตรง ครับ แฮนด์มีความกว้างทำให้ช่วยควบคุมรถได้ดี องศาของการหักเลี้ยวก็ทำได้มากครับ ทำให้วงเลี้ยวแคบ มีความคล่องตัวมากทีเดียว จากการที่ได้ขี่ทั้งในตัวเมืองที่การจราจรติดขัด ถือว่าคล่องตัวดี แต่ต้องระวังเรื่องความยาวของตัวรถหน่อยเท่านั้นเอง
มาดูชุดควบคุมกันบ้างครับ เรือนไมล์หรือ หน้าจอ แสดงผลนั้นเป็นแบบดิจิทัล มีครบเท่าที่จำเป็นเลยครับ ยกเว้นที่ผมหาไม่เจอคือการบอก ระยะทางที่วิ่งได้ในน้ำมันที่เหลือ หรือเพราะผมหาไม่เจอรึเปล่านะ 555 นอกนั้นมีหมด ดูง่าย แต่ไม่สามารถปรับองศาของตัวเรือนไมล์ได้อันนี้เสียดาย บังลมหน้านี่ชอบตรงปรับตำแหน่งสูงต่ำได้มากเลยครับ และทำได้ง่าย แต่จุดยึดนั้นต้องตรวจเช็คกันให้ดีๆนะครับ เพราะเป็นจุกยาง หากมีการเสื่อมของตัวยางแล้วอาจจะหลุดออกมาได้ครับ หรืออาจจะเพราะออกแบบมาให้ถอดออกง่ายเผื่อการปรับเปลี่ยนหรือดูแลรักษาก็เป็นได้ มาถึง ชุดปุ่มควบคุมทั้งซ้ายขวา มีครบครัน แต่จุดที่จะงงนิดๆคือปุ่มควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ +/- สำหรับผมนะ ยังไม่ชินก็ต้องใช้บ่อยๆหน่อยทั้งปุ่มไฟขอทาง ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ กระจกมองหลังขนาดใหญ่ รูปทรงดูดีนะสำหรับผม มองเห็นได้ชัดเจนแหละ
กุญแจสุดทันสมัยครับ ที่เรียกบ้านๆ Smart Key ละกันนะครับ หลายๆคนบ่นว่ามันคือกุญแจ PCX (-..-)...แต่เอาน่ะมันสะดวกมากๆไม่ต้องไขให้ยุ่งยาก แค่พกติดตัวไว้แล้วไปที่รถ บิดสวิตซ์ เปิดปิดเครื่องยนต์ได้ตามต้องการเลย หรือจะเปิดปิดเบาะ ฝาน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ทำได้สะดวกสบายครับ เพราะที่ปุ่มนั้นมีสัญลักษณ์บอกอยู่ชัดเจน ขอแค่ทำความเข้าใจซักหน่อยก็ใช้งานได้สบายครับ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยก็ดีมาก ด้วยครับ หากไม่มีกุญแจอยู่ในระยะ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ครับ รายละเอียดครบๆลองสอบถามไปที่เจ้าหน้าที่นะครับ เบรกมือคืออีกอย่างที่ชอบมากมีประโยชน์มากๆในการจอดรถตามที่ต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้รถมีการเคลื่อนตัว แต่ที่เสียดายมากๆคือมันไม่มีช่องใส่ของจุกจิกเลยแม้แต่ช่องเดียว ช่องเชื่อมต่อไฟ 12V มีมาให้ด้วยแต่อยู่ใต้เบาะผมว่าไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานเท่าไหร่ พื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะที่มีมาให้น้อยไปนิด เก็บหมวกเต็มใบได้แต่เบียดเสียดไปหน่อย
มาถึงการขับขี่กันบ้างละครับ ด้วยเส้นทางแล้วจะมีขี่ทั้งถนนทั่วไป ที่เรียบๆๆบ้าง ขรุขระบ้าง หลุมบ่อบ้าง ทางฝุ่นอ่อนๆบ้าง รวมถึงทางที่เรียกได้ว่าวิบากเลยแหละ รวมๆแล้ว ทริปนี้ได้ขี่ไกลกว่า 800กม. โดยแบ่งให้เข้าใจง่ายๆแบบนี้
On Road ก็ถนนทั่วๆไปนี่แหระครับเรียบบ้างไม่เรียบบ้าง ตรงบ้างโค้งบ้าง อ่ะไปกัน ด้วยกำลังเครื่องใหญ่ขนาดนี้ บิดเป็นมาเหมือนกันครับ การเร่งแซงในย่านความเร็วสูงนั้นไม่ลุ้นนาน ความเร็วที่ลองทำได้ 178กม/ชม. ยังไม่หมดนะครับ เคยได้คุยๆมีคนบอกว่าได้ 190+/- แต่ผมแค่นี้พอแระ สบายๆนิ่งๆซะด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันดูเหมือนไม่เร็ว ตามเลขไมล์ที่ขึ้น ไม่เป็นไรผมไม่เน้นเรื่องนั้นอยู่ละ มาต่อกันเมื่อเจอโค้งครับ เลี้ยวได้สบายๆครับในทุกๆช่วงความเร็วทั้งช้าๆแบบกลับรถที่มันไม่ดับทำให้ไม่ต้องกังวลใดๆ ในความเร็วสูงๆก็ทำได้นิ่งอยู่ครับ แบนได้จนขาตั้งคู่มันขูดพื้น ทั้งซ้ายและขวา แต่หน้ายางก็ยังเหลืออีกราวๆ 1เซนติเมตร ถ้าเอาขาตั้งคู่ออกไปผมว่าคงได้ขูดท่อกันจนหมดหน้ายางแน่นอน บังลมหน้าช่วยกันลมได้ดีครับ แต่เมื่อลุยฝนผมต้องเอาลงต่ำสุดเพราะน้ำฝนเกาะจนทำให้มองถนนไม่ถนัดเลย ยางเดิมติดรถผมถือว่าดีนะ จากที่ผมขี่นะคนอื่นก็อาจจะต่างกันไปตามการขับขี่ที่ไม่เหมือนกัน ระบบเบรคกำลังจับเหลือเฟือมากๆครับโดยเฉพาะด้านหน้านี่ ออกแรงนิดเดียวเท่านั้น หน้าทิ่มเอาง่ายๆเลยครับ ต้องทำความคุ้นเคยและระวังกันให้ดีๆ จะปลอดภัยขึ้น ส่วนเบรคหลังนี่เอาไว้แบบชลอๆก็เหลือๆครับ
Off Road ในการเดินทางไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ปังค่า แอบไปเห็นเส้นทางขึ้นเขาขนาดเล็กและสูงเอาเรื่อง ที่มีชาวบ้านขี่ฮอนด้าเวฟ ขึ้นลงกันสบายใจ เลยอยากรู้ว่าจะเอาเจ้านี่ไปได้มั้ยพอเห็นทางเท่านั้นแหละอื้อหือ นึกถึงที่ๆนึงคุ้นๆคล้ายๆทางที่เคยไปขี่มาอย่าง ทางไปเหมืองสมศักดิ์ หรือบ้านป้าเกล็น รีสอร์ท ที่กาญจนบุรี ถ้าใครเคยไปน่าจะพอนึกภาพออก ทั้งทางดินแห้ง, ดินน้ำขังสีแดงๆ, ทางหินล้วนหยาบๆใหญ่ๆ, ร่องยางรถยนต์มีน้ำขัง, ทางคอนกรีตแคบๆพื้นผิวหยาบๆ และทางชัน กว่า 40องศา อันนี้กะเอานะครับเพราะรู้สึกว่าชันมาก คิดในใจจะรอดไหมว้า แต่ไหนๆก็มาแล้ว ลุยครับ ขี่เข้าไปตามทางนั้น กว่าจะผ่านเข้าไปจนถึงยอดเขา และย้อนกลับออกมาได้นั้น แทบแย่ครับ เพราะรู้สึกถึงอะไรหลายๆอย่างมากกว่าที่ขี่ทางเรียบๆ รถหนักมากเกินไปสำหรับทางแบบนี้ ไปเร็วก็ไม่ไหวเปิดส่งไม่ได้เสี่ยงมากที่จะเสียหลักบึ้ม ใต้ท้องเตี้ยกระแทกหลายต่อหลายครั้ง บังลมหน้าที่ปรับลดลงต่ำสุดแล้วแต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ตัวผู้ขับขี่มากเกินไปเสียวๆจะกระแทกเข้าตัวหลายครั้ง กำลังเครื่องเหลือๆยิ่งจำเป็นต้องคุมรอบเดินเบาให้ดีไม่งั้นฟรีทิ้งหมด เพราะยางไม่สามารถยึดเกาะตะเกียกตะกายหิน หญ้า ดิน ในเส้นทางแบบนี้ได้ มันลื่นมาก รถพอเสียหลักแล้วกู้คืนได้ยาก ต้องใช้กำลังเยอะทีเดียว กว่าจะรอดมาได้เหนื่อยมากครับ 55555
จุดเด่นมากๆที่ชอบคือเรื่องเกียร์ ที่ทันสมัยและฉลาดมาก มันคือออโต้ที่เล่นเกียร์เองได้ทุกโหมด เพียงแต่ว่าถ้าเป็นโหมด M เกียร์จะไม่เปลี่ยนเพิ่มให้เอง เราต้องกดเองเท่านั้น โหมด D ก็ออโต้ปกติเปลี่ยนเองก็ได้หรือจะให้มันเปลี่ยนให้ก็ได้ ส่วนโหมด S ( ที่เค้าบอกว่ามี 3ระดับผมหาไม่เจอนะครับเอาเท่าที่มีเวลาได้ลอง5555 ) นั้นในแต่ละเกียร์จะลากรอบสูงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนให้ ลดเกียร์มันทำให้เองหมดครับ ทุกโหมดนะถ้าผมจำไม่ผิด แต่ที่น่าสังเกตคือการเปลี่ยนเกียร์เองนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ที่รอบเครื่องหรือความเร็วเท่านั้น เมื่อเราขี่อยู่บนทางที่มีความชันต่างกันไป มันจะคำนวณให้ใหม่ว่าสมควรจะเปลี่ยนตอนไหน ซึ่งจะต่างจากจังหวะในการเปลี่ยนบนทางราบปกติ ผมยกตัวอย่างนะเช่น D จาก เกียร์ 2ไป3 ทางราบ จะเปลี่ยนที่ 2,500รอบ แต่พอขึ้นหรือลงทางชัน มันจะไม่เปลี่ยนในรอบที่เท่ากัน ผมลากไปจน 4,000-5,000 รอบ ก็ยังไม่เปลี่ยน เหมือนกับว่าขึ้นลงทางชันต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้รถมีแรงหน่วงจากเครื่องยนต์ช่วยประคองไม่ให้รถวิ่งเร็วเกินไปจนเสี่ยงอันตราย ซึ่งแล้วแต่ความชันของถนนด้วยนะครับ แต่ว่าเสียงตอนเปลี่ยนเกียร์ผมว่ายังดังชัดเจนไปหน่อย ถ้าทำให้เงียบกว่านี้ได้จะดีมาก รวมถึงอาการกระตุกตอนเปลี่ยนเกียร์ด้วยครับ ในการควบคุมรอบเครื่องหากคนไม่เคยขี่รถแนวนี้จะไม่ชินกับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์เท่าไหร่ บางครั้งเปลี่ยนในโค้งที่เรากำลังเลี้ยวหรือแบนรถอยู่ ก็มีสะดุ้งมีตื่นเต้นครับ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกันหน่อยและลองใช้แบบเปลี่ยนเอง ให้คล่องๆจะช่วยได้มาก
อ่อเรื่องอัตราการกินน้ำมันนั้นแล้วแต่คนขี่ละกันนะครับไม่ขอพูดถึงเพราะมันไม่ตายตัวจริงๆ แต่อย่างที่บอกหลายๆคนครับ ซื้อสองล้อราคาหลายๆแสน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินน้ำมันแล้วครับ
ช่วงล่างผมว่ามันยังเหมาะกับการขับขี่บนถนนทั่วๆไปมากกว่า เพราะหลายครั้งที่ตกหลุมแบบขนมครก มันกระแทกดังมาก และด้วยระยะล้อที่ยาวมากทำให้ตัวรถดูยาวเข้าไปอีกและเตี้ย น้ำหนักรถที่มากพอควร เกินกว่าที่ควรจะเป็นรถแนวลุยๆ จะแก้ด้วยการเปลี่ยนล้อหนามที่ใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยให้รถสูงขึ้นและลุยได้ดีขึ้นก็น่าจะทำได้ยากรึเปล่าเพราะพื้นที่ใต้ซุ้มล้อมีน้อยมากโดยเฉพาะล้อหลัง หรือเสริมโช๊คอัพ ทำได้รึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นผมคงซื้อมาแล้วเอามาใช้ถนนดำมากกว่ารวมถึงจับแต่งแนวถนนดำมากกว่าไปทางฝุ่น เพราะกำลังมีมาก ท่าขี่สบายปรับได้หลากหลาย ตัวรถมีความเพรียว คล่องตัว และที่สำคัญที่ชอบคือมันเท่ห์มาก ขีไ่ปที่ไหนก็มีแต่คนหันมามองจริงๆครับ 5555
ขอบคุณทุกๆคนที่สละเวลาอ่านเรื่องเล่านี้จนจบครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้างไม่มาก็น้อยครับ หากบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ไว้มีโอกาสได้ขี่อะไรแล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันอีกครับผม
ขอบคุณรายการ Journey of The SoulS ชั้นชอบเที่ยว
ขอบคุณหมวกนิรภัย Vemar จากร้าน Koala Riders
ขอบคุณรถจักรยานยนต์ Honda X-ADV
#RCClub
#JourneyOfTheSoulS
#VemarHelmets
#VemarThailand
#KoalaRiders
#HondaXADV
#ขี่แล้วมาเล่า
[SR] ขี่แล้วมาเล่า EP-1 กับ Honda X-ADV
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เขียนบอกเล่าประสบการณ์ จากการขับขี่รถจักรยานยนต์ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ ทั้งหมดมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผมล้วนๆนะครับ มันอาจจะไม่ได้ครบถ้วนหรือถูกต้องมากมายนัก เพราะไม่ได้ถึงขั้นกางเอกสารต่างๆประกอบไปด้วย เพราะเชื่อว่าทุกๆคนคงหาข้อมูลเหล่านั้นได้จากหลายๆช่องทางอยู่แล้ว อ่ะ..ไม่พูดมากละครับ มาเริ่มกันเลย ใน EP-1 นี้ ผมมีโอกาสได้ขี่เจ้า Honda X-ADV จากการได้ร่วมงานกับทางทีมงาน รายการ Journey of The SoulS ชั้นชอบเที่ยว ของพี่ส้ม อมรา ศิริพงษ์ ครับ
ความรู้สึกแรกของการได้เห็นตัวจริงๆเป็นๆได้สัมผัส แบบถึงเนื้อถึงตัวอ่านะ ส่วนตัวผมว่ามันก็สวยล้ำๆ ดี รูปร่างค่อนข้างเพรียวกว่า รถในกลุ่มเดียวกันค่ายอื่น และดูยาวๆแบนๆติดพื้น อาจจะเพราะล้อเล็กด้วย จากการได้มองนะครับ อยากจะบอกว่าถ้า Honda สนับสนุนหนังเรื่อง Tranformers ล่ะก็ เราอาจจะได้เห็นเจ้านี่เป็นหนึ่งสมาชิกหุ่นยนต์ฝั่งใดฝั่งหนึ่งแน่นอน คราวนี้มาลองคร่อมกันครับ บอกก่อนว่าผมสูงแค่ 169 +/- ตัวรถเองเบาะก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ แต่ว่า...มันกว้างงงง ทำให้ เราต้องกางขาออกค่อนข้างมาก ถ้าผมเปรียบนะ เท้าผมวางได้แค่1/4ของฝ่าเท้า พอๆกับ Z800 ที่ผมใช้ การขยับก้นเพื่อช่วยให้วางเท้าได้ดีขึ้นทำได้ง่ายครับ ถ้าจะต้องคร่อมแล้วเข็นมันถอยหลังล่ะก็ ผมว่าลำบากเอาเรื่องครับแนะนำว่าลงประคองข้างแล้วเข็นจะดีกว่าขนาดต้องลงเข็น ยังรู้สึกว่ามันหนืดๆกว่าตอนเข็น Z800 ตัวเองซะอีกไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร
ท่าขี่ถือว่าสบายมากครับ ด้วยการเป็นรถแบบออโต้แบบนี้ มีพื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ และยังสามารถปรับตำแหน่งการวางได้อีกด้วย ถ้าวางเท้าไปทางด้านหน้าสุดจะทำมุมแนวตั้งพอสมควรท่าขี่จะออกแนวรถครุยเซอร์หรือช็อปเปอร์, ถ้าขยับเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้นวางขาในตำแหน่ง กลางๆ ของที่พักเท้าแนวระนาบท่าขี่จะเหมือนนั่งเก้าอี้ และถ้าขยับตำแหน่งไปทางด้านหลังสุดขาจะงอเยอะมากขึ้นเท้าจะวางได้ไม่เต็มจะออกแนวเรซซิ่งไปเลยครับ การเป็นแฮนด์บาร์แนวรถทรงเปลือย รถทางฝุ่น ทำให้ท่าขี่ไม่ก้ม หลังค่อนข้างตรง ครับ แฮนด์มีความกว้างทำให้ช่วยควบคุมรถได้ดี องศาของการหักเลี้ยวก็ทำได้มากครับ ทำให้วงเลี้ยวแคบ มีความคล่องตัวมากทีเดียว จากการที่ได้ขี่ทั้งในตัวเมืองที่การจราจรติดขัด ถือว่าคล่องตัวดี แต่ต้องระวังเรื่องความยาวของตัวรถหน่อยเท่านั้นเอง
มาดูชุดควบคุมกันบ้างครับ เรือนไมล์หรือ หน้าจอ แสดงผลนั้นเป็นแบบดิจิทัล มีครบเท่าที่จำเป็นเลยครับ ยกเว้นที่ผมหาไม่เจอคือการบอก ระยะทางที่วิ่งได้ในน้ำมันที่เหลือ หรือเพราะผมหาไม่เจอรึเปล่านะ 555 นอกนั้นมีหมด ดูง่าย แต่ไม่สามารถปรับองศาของตัวเรือนไมล์ได้อันนี้เสียดาย บังลมหน้านี่ชอบตรงปรับตำแหน่งสูงต่ำได้มากเลยครับ และทำได้ง่าย แต่จุดยึดนั้นต้องตรวจเช็คกันให้ดีๆนะครับ เพราะเป็นจุกยาง หากมีการเสื่อมของตัวยางแล้วอาจจะหลุดออกมาได้ครับ หรืออาจจะเพราะออกแบบมาให้ถอดออกง่ายเผื่อการปรับเปลี่ยนหรือดูแลรักษาก็เป็นได้ มาถึง ชุดปุ่มควบคุมทั้งซ้ายขวา มีครบครัน แต่จุดที่จะงงนิดๆคือปุ่มควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ +/- สำหรับผมนะ ยังไม่ชินก็ต้องใช้บ่อยๆหน่อยทั้งปุ่มไฟขอทาง ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ กระจกมองหลังขนาดใหญ่ รูปทรงดูดีนะสำหรับผม มองเห็นได้ชัดเจนแหละ
กุญแจสุดทันสมัยครับ ที่เรียกบ้านๆ Smart Key ละกันนะครับ หลายๆคนบ่นว่ามันคือกุญแจ PCX (-..-)...แต่เอาน่ะมันสะดวกมากๆไม่ต้องไขให้ยุ่งยาก แค่พกติดตัวไว้แล้วไปที่รถ บิดสวิตซ์ เปิดปิดเครื่องยนต์ได้ตามต้องการเลย หรือจะเปิดปิดเบาะ ฝาน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ทำได้สะดวกสบายครับ เพราะที่ปุ่มนั้นมีสัญลักษณ์บอกอยู่ชัดเจน ขอแค่ทำความเข้าใจซักหน่อยก็ใช้งานได้สบายครับ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยก็ดีมาก ด้วยครับ หากไม่มีกุญแจอยู่ในระยะ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ครับ รายละเอียดครบๆลองสอบถามไปที่เจ้าหน้าที่นะครับ เบรกมือคืออีกอย่างที่ชอบมากมีประโยชน์มากๆในการจอดรถตามที่ต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้รถมีการเคลื่อนตัว แต่ที่เสียดายมากๆคือมันไม่มีช่องใส่ของจุกจิกเลยแม้แต่ช่องเดียว ช่องเชื่อมต่อไฟ 12V มีมาให้ด้วยแต่อยู่ใต้เบาะผมว่าไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานเท่าไหร่ พื้นที่เก็บสัมภาระใต้เบาะที่มีมาให้น้อยไปนิด เก็บหมวกเต็มใบได้แต่เบียดเสียดไปหน่อย
มาถึงการขับขี่กันบ้างละครับ ด้วยเส้นทางแล้วจะมีขี่ทั้งถนนทั่วไป ที่เรียบๆๆบ้าง ขรุขระบ้าง หลุมบ่อบ้าง ทางฝุ่นอ่อนๆบ้าง รวมถึงทางที่เรียกได้ว่าวิบากเลยแหละ รวมๆแล้ว ทริปนี้ได้ขี่ไกลกว่า 800กม. โดยแบ่งให้เข้าใจง่ายๆแบบนี้
On Road ก็ถนนทั่วๆไปนี่แหระครับเรียบบ้างไม่เรียบบ้าง ตรงบ้างโค้งบ้าง อ่ะไปกัน ด้วยกำลังเครื่องใหญ่ขนาดนี้ บิดเป็นมาเหมือนกันครับ การเร่งแซงในย่านความเร็วสูงนั้นไม่ลุ้นนาน ความเร็วที่ลองทำได้ 178กม/ชม. ยังไม่หมดนะครับ เคยได้คุยๆมีคนบอกว่าได้ 190+/- แต่ผมแค่นี้พอแระ สบายๆนิ่งๆซะด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันดูเหมือนไม่เร็ว ตามเลขไมล์ที่ขึ้น ไม่เป็นไรผมไม่เน้นเรื่องนั้นอยู่ละ มาต่อกันเมื่อเจอโค้งครับ เลี้ยวได้สบายๆครับในทุกๆช่วงความเร็วทั้งช้าๆแบบกลับรถที่มันไม่ดับทำให้ไม่ต้องกังวลใดๆ ในความเร็วสูงๆก็ทำได้นิ่งอยู่ครับ แบนได้จนขาตั้งคู่มันขูดพื้น ทั้งซ้ายและขวา แต่หน้ายางก็ยังเหลืออีกราวๆ 1เซนติเมตร ถ้าเอาขาตั้งคู่ออกไปผมว่าคงได้ขูดท่อกันจนหมดหน้ายางแน่นอน บังลมหน้าช่วยกันลมได้ดีครับ แต่เมื่อลุยฝนผมต้องเอาลงต่ำสุดเพราะน้ำฝนเกาะจนทำให้มองถนนไม่ถนัดเลย ยางเดิมติดรถผมถือว่าดีนะ จากที่ผมขี่นะคนอื่นก็อาจจะต่างกันไปตามการขับขี่ที่ไม่เหมือนกัน ระบบเบรคกำลังจับเหลือเฟือมากๆครับโดยเฉพาะด้านหน้านี่ ออกแรงนิดเดียวเท่านั้น หน้าทิ่มเอาง่ายๆเลยครับ ต้องทำความคุ้นเคยและระวังกันให้ดีๆ จะปลอดภัยขึ้น ส่วนเบรคหลังนี่เอาไว้แบบชลอๆก็เหลือๆครับ
Off Road ในการเดินทางไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ปังค่า แอบไปเห็นเส้นทางขึ้นเขาขนาดเล็กและสูงเอาเรื่อง ที่มีชาวบ้านขี่ฮอนด้าเวฟ ขึ้นลงกันสบายใจ เลยอยากรู้ว่าจะเอาเจ้านี่ไปได้มั้ยพอเห็นทางเท่านั้นแหละอื้อหือ นึกถึงที่ๆนึงคุ้นๆคล้ายๆทางที่เคยไปขี่มาอย่าง ทางไปเหมืองสมศักดิ์ หรือบ้านป้าเกล็น รีสอร์ท ที่กาญจนบุรี ถ้าใครเคยไปน่าจะพอนึกภาพออก ทั้งทางดินแห้ง, ดินน้ำขังสีแดงๆ, ทางหินล้วนหยาบๆใหญ่ๆ, ร่องยางรถยนต์มีน้ำขัง, ทางคอนกรีตแคบๆพื้นผิวหยาบๆ และทางชัน กว่า 40องศา อันนี้กะเอานะครับเพราะรู้สึกว่าชันมาก คิดในใจจะรอดไหมว้า แต่ไหนๆก็มาแล้ว ลุยครับ ขี่เข้าไปตามทางนั้น กว่าจะผ่านเข้าไปจนถึงยอดเขา และย้อนกลับออกมาได้นั้น แทบแย่ครับ เพราะรู้สึกถึงอะไรหลายๆอย่างมากกว่าที่ขี่ทางเรียบๆ รถหนักมากเกินไปสำหรับทางแบบนี้ ไปเร็วก็ไม่ไหวเปิดส่งไม่ได้เสี่ยงมากที่จะเสียหลักบึ้ม ใต้ท้องเตี้ยกระแทกหลายต่อหลายครั้ง บังลมหน้าที่ปรับลดลงต่ำสุดแล้วแต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ตัวผู้ขับขี่มากเกินไปเสียวๆจะกระแทกเข้าตัวหลายครั้ง กำลังเครื่องเหลือๆยิ่งจำเป็นต้องคุมรอบเดินเบาให้ดีไม่งั้นฟรีทิ้งหมด เพราะยางไม่สามารถยึดเกาะตะเกียกตะกายหิน หญ้า ดิน ในเส้นทางแบบนี้ได้ มันลื่นมาก รถพอเสียหลักแล้วกู้คืนได้ยาก ต้องใช้กำลังเยอะทีเดียว กว่าจะรอดมาได้เหนื่อยมากครับ 55555
จุดเด่นมากๆที่ชอบคือเรื่องเกียร์ ที่ทันสมัยและฉลาดมาก มันคือออโต้ที่เล่นเกียร์เองได้ทุกโหมด เพียงแต่ว่าถ้าเป็นโหมด M เกียร์จะไม่เปลี่ยนเพิ่มให้เอง เราต้องกดเองเท่านั้น โหมด D ก็ออโต้ปกติเปลี่ยนเองก็ได้หรือจะให้มันเปลี่ยนให้ก็ได้ ส่วนโหมด S ( ที่เค้าบอกว่ามี 3ระดับผมหาไม่เจอนะครับเอาเท่าที่มีเวลาได้ลอง5555 ) นั้นในแต่ละเกียร์จะลากรอบสูงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนให้ ลดเกียร์มันทำให้เองหมดครับ ทุกโหมดนะถ้าผมจำไม่ผิด แต่ที่น่าสังเกตคือการเปลี่ยนเกียร์เองนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ที่รอบเครื่องหรือความเร็วเท่านั้น เมื่อเราขี่อยู่บนทางที่มีความชันต่างกันไป มันจะคำนวณให้ใหม่ว่าสมควรจะเปลี่ยนตอนไหน ซึ่งจะต่างจากจังหวะในการเปลี่ยนบนทางราบปกติ ผมยกตัวอย่างนะเช่น D จาก เกียร์ 2ไป3 ทางราบ จะเปลี่ยนที่ 2,500รอบ แต่พอขึ้นหรือลงทางชัน มันจะไม่เปลี่ยนในรอบที่เท่ากัน ผมลากไปจน 4,000-5,000 รอบ ก็ยังไม่เปลี่ยน เหมือนกับว่าขึ้นลงทางชันต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อให้รถมีแรงหน่วงจากเครื่องยนต์ช่วยประคองไม่ให้รถวิ่งเร็วเกินไปจนเสี่ยงอันตราย ซึ่งแล้วแต่ความชันของถนนด้วยนะครับ แต่ว่าเสียงตอนเปลี่ยนเกียร์ผมว่ายังดังชัดเจนไปหน่อย ถ้าทำให้เงียบกว่านี้ได้จะดีมาก รวมถึงอาการกระตุกตอนเปลี่ยนเกียร์ด้วยครับ ในการควบคุมรอบเครื่องหากคนไม่เคยขี่รถแนวนี้จะไม่ชินกับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์เท่าไหร่ บางครั้งเปลี่ยนในโค้งที่เรากำลังเลี้ยวหรือแบนรถอยู่ ก็มีสะดุ้งมีตื่นเต้นครับ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกันหน่อยและลองใช้แบบเปลี่ยนเอง ให้คล่องๆจะช่วยได้มาก
อ่อเรื่องอัตราการกินน้ำมันนั้นแล้วแต่คนขี่ละกันนะครับไม่ขอพูดถึงเพราะมันไม่ตายตัวจริงๆ แต่อย่างที่บอกหลายๆคนครับ ซื้อสองล้อราคาหลายๆแสน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินน้ำมันแล้วครับ
ช่วงล่างผมว่ามันยังเหมาะกับการขับขี่บนถนนทั่วๆไปมากกว่า เพราะหลายครั้งที่ตกหลุมแบบขนมครก มันกระแทกดังมาก และด้วยระยะล้อที่ยาวมากทำให้ตัวรถดูยาวเข้าไปอีกและเตี้ย น้ำหนักรถที่มากพอควร เกินกว่าที่ควรจะเป็นรถแนวลุยๆ จะแก้ด้วยการเปลี่ยนล้อหนามที่ใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยให้รถสูงขึ้นและลุยได้ดีขึ้นก็น่าจะทำได้ยากรึเปล่าเพราะพื้นที่ใต้ซุ้มล้อมีน้อยมากโดยเฉพาะล้อหลัง หรือเสริมโช๊คอัพ ทำได้รึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นผมคงซื้อมาแล้วเอามาใช้ถนนดำมากกว่ารวมถึงจับแต่งแนวถนนดำมากกว่าไปทางฝุ่น เพราะกำลังมีมาก ท่าขี่สบายปรับได้หลากหลาย ตัวรถมีความเพรียว คล่องตัว และที่สำคัญที่ชอบคือมันเท่ห์มาก ขีไ่ปที่ไหนก็มีแต่คนหันมามองจริงๆครับ 5555
ขอบคุณทุกๆคนที่สละเวลาอ่านเรื่องเล่านี้จนจบครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านบ้างไม่มาก็น้อยครับ หากบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ไว้มีโอกาสได้ขี่อะไรแล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันอีกครับผม
ขอบคุณรายการ Journey of The SoulS ชั้นชอบเที่ยว
ขอบคุณหมวกนิรภัย Vemar จากร้าน Koala Riders
ขอบคุณรถจักรยานยนต์ Honda X-ADV
#RCClub
#JourneyOfTheSoulS
#VemarHelmets
#VemarThailand
#KoalaRiders
#HondaXADV
#ขี่แล้วมาเล่า