สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์
MC แอ๊ด (WANG JIE) เข้าประจำการอีก 1 วันครับ
วันนี้คุยกันเรื่อง "
มนุษย์พลังจิต" กันดีกว่าครับ การมีพลังจิต ก็คือการใช้จิตใจเป็นเครื่องมือในการกระทำสิ่งใดๆ หรือรับรู้เรื่องใดๆ โดยไม่ต้องลงไม้ลงมือให้เหนื่อยกาย แต่อาจจะต้องเหนื่อยใจ..."เหนื่อยใจ" ในที่นี้ คนละความหมายกับคำว่า "เหนื่อยใจ" ที่เราเข้าใจกันโดยปกติ คือมัน "เหนื่อย" จริงๆ และการที่ได้ใช้พลังจิตจน "เหนื่อยใจ" นี้ก็จะพลอยทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อนล้าตามไปด้วย
เรื่องเกี่ยวกับพลังจิตนี้มิใช่เรื่องล้อเล่นหรือเรื่องโม้ฝันเฟื่องจากนวนิยายหรือหนัง
ต่างประเทศมีการศึกษากันมานานแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา และรัสเซียตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะดินแดนหลังม่านเหล็กมีเรื่องการศึกษาพลังจิตอย่างจริงจัง
ต่อไปนี้คือผู้ที่มีพลังจิตน่าอัศจรรย์
(1) โวล์ฟ เมสซิ่ง (Wolf Messing)
โวล์ฟ เมสซิ่ง มีชื่อเต็มว่า
โวล์ฟ เกรโกเรวิช เมสซิ่ง (Wolf Gregorevich Messing) เป็นบุคคลผู้มีพลังจิตที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลกในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โวล์ฟ เมสซิ่ง เกิดเมื่อ 10 กันยายน 1899 ที่เมืองโกรากาลวาเรีย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกับพรมแดนโปแลนด์กับรัสเซีย ใกล้กับกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์
ครอบครัวของเมสซิ่งยากจนใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเคร่งศาสนา ในวัยเด็กเมสซิ่งสามารถเรียนรู้และอ่านคำภีร์โบราณของศาสนายิวได้อย่างแตกฉาน จนมีนักบวชคนหนึ่งแถวบ้านสนับสนุนให้ไปเรียนต่อทางด้านศาสนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่เมสซิ่งไม่มีความสุขและไม่ชอบเลย เมื่ออายุได้ 11 ปี เมสซิ่งได้หันเหชีวิตไปท่องโลกด้วยตัวเองตามลำพังโดยมีเงินติดตัวเพียง 18 เซ็นต์
และได้ใช้พลังจิตสะกดพนักงานตรวจตั๋วรถไฟให้เห็นว่าเศษกระดาษที่เมสซิ่งยื่นให้ไปนั้นเป็นตั๋วรถไฟจริง ๆ ซึ่งพนักงานก็ได้เอากระดาษแผ่นนั้นสอดเข้าไปในเครื่องเจาะรู เจาะรูและยื่นคืนให้เมสซิ่ง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของเมสซิ่งที่ได้ใช้พลังจิตสะกดผู้อื่น
โวล์ฟ เมสซิ่ง มาใช้ชีวิตอยู่ ณ เมืองเบอร์ลิน โดยทำงานเป็นพนักงานส่งของในเขตของชาวยิว ครั้งหนึ่งได้เกิดเป็นลมหน้ามืดล้มลงไป หลังจากได้นำส่งเข้าโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการตรวจหัวใจของเมซิ่งแล้วพบว่า หยุดเต้น ไม่หายใจ เขาจึงถูกนำร่างเข้าห้องเก็บศพและเกือบถูกส่งกลบแล้ว แต่ปรากฏว่ามีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งได้ทำการตรวจร่างกายของเมสซิ่งอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งและพบว่าเขายังไม่ตาย เพียงแต่หัวใจและชีพจรเต้นอ่อนมากจนแทบจะวัดไม่ได้เลย
ซึ่งต่อมาได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านพลังจิตและเรื่องลึกลับนี้เชื่อว่า เหตุการณ์นี้เป็นการสะกดจิตตัวเอง !!
โวล์ฟ เมสซิ่ง ได้พบปะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนระดับโลก เช่น
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ซิกมันด์ ฟรอยด์ และ
มหาตมะ คานธี โดยได้แสดงพลังจิตของตนให้พวกเขาดู ในการทดสอบกับไอสไตน์และฟรอยด์ เมสซิ่งได้รับคำสั่งจากจิตของฟรอยด์ให้ดึงหนวดของไอน์สไตน์มา 3 เส้น ซึ่งก็ปรากฏว่าทำได้ตรงตามคำสั่ง และกับมหาตมะ คานธี สามารถหยิบขลุ่ยขึ้นมาจากลิ้นชักบนโต๊ะและยื่นให้คานธีตามคำสั่งของคานธีจริง ๆ และอีกครั้งหนึ่งสามารถหาเพชรประจำตระกูลมูลค่าสูงถึง 8 แสนเหรียญของคหบดีชาวโปแลนด์ที่หายไปในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งได้ โดยที่ได้ระดมคนหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบ แต่เมสซิ่งรู้ว่าเพชรซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมีในห้องของคนงานในบ้านคณบดีนั่นเอง เนื่องจากลูกชายตัวเล็ก ๆ ของคนรับใช้ในบ้านเป็นผู้นำไปซ่อนเอง
เมสซิ่งยังสามารถ
ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อีกด้วย หลายครั้งที่ออกแสดง เมสซิ่งได้ทำนายเหตุการณ์สงครามไว้ว่า ดินแดนแถบคาบสมุทรบอลติก, ไบโลรัสเซีย, ยูเครน จะตกอยู่ภายใต้การยึดครองของนาซี หรือเป็นผู้ทำนายถึงจุดจบของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จนถูกทางนาซีไล่ล่าตัวอย่างหนัก ซึ่งทุกอย่างก็ปรากฏเป็นจริงดังคำทำนายทุกอย่าง
โวล์ฟ เมสซิ่ง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
(2) นีนา กุลากินา (Nina Kulagina)
นีนา กุลากินา เกิดเมื่อ 30 กรกฎาคม 1926 ที่แคว้นเลนินกราด ประเทศรัสเซีย เธอเป็นหญิงแกร่งและจงรักภักดีต่อประเทศของเธอมาก ตอนอายุได้ 14 ปี เธอได้เข้าร่วมรบกับกองทัพของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม เธอลาออกจากกองทัพเพื่อแต่งงาน และเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว
จนกระทั่งในปี 1960 เธอออกมาอ้างว่าตนเองมีพลังจิตที่เรียกว่า "เทเลไคเนสิส" (Telekinesis) พลังจิตที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ตามใจนึก โดยเธอไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับวัตถุสิ่งนั้นเลย หลังจากนั้น เธอก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบันต่างก็ต้องการพิสูจน์คำที่เธอกล่าวอ้าง
แต่ไม่ว่าจะทำการทดลองกี่ครั้งก็ไม่สามารถที่จะจับผิดเธอได้เลย ร่างกายของเธอไม่มีพลังแม่เหล็กหรืออะไรก็ตามที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุได้ซ่อนอยู่ และผลจากการพิสูจน์ทุกครั้งก็แสดงให้เห็นว่าเธอสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุต่างๆ ได้จริง! แต่เป็นวัตถุชิ้นเล็กเท่านั้น เธอไม่สามารถใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุชิ้นใหญ่ได้ นอกจากนั้นเธอยังสามารถแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ทำให้หัวใจของกบเต้นเร็วหรือเต้นช้าได้ตามที่ใจต้องการอีกด้วย
ลองชมคลิปวีดิโอซึ่งมีการถ่ายบันทึกการแสดงพลังจิตของเธอดูครับ
นีนาเสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม 1990 ถึงแม้เรื่องราวพลังจิตของเธอยังคงเป็นปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เหตุใดเธอจึงมีพลังวิเศษเช่นนี้ แต่เรื่องราวของเธอก็ได้จุดประกายให้กับสหภาพโซเวียตได้เริ่มทำการศึกษาเรื่องราวของพลังจิตอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน
(3) บาบา วังก้า หญิงชราลึกลับแห่งบอลข่าน
คุณยายชาวบัลแกเรียท่านหนึ่งซึ่งตาบอดและเป็นที่รู้จักกันในนามของ
บาบา วังก้า ถูกเรียกขานกันว่า ‘ผู้หยั่งรู้’ อีกท่านหนึ่ง (นอกเหนือจากนอสตราดามุสที่ทุกคนรู้จักกันดี) เกิดในวันที่ 31 มกราคม 1911 ในครอบครัวของชาวนาผู้ยากจนในมาซิโดเนีย ช่วงนั้นเธอยังไม่ได้ตาบอดแต่เมื่อเธออายุได้ราวๆ 11 เธอถูกพายุพัดไปและปล่อยให้หล่นมาจากท้องฟ้า ถึงแม้ว่า บาบา วังก้า จะรอดชีวิตอย่างปฏิหาริย์แต่เธอก็ต้องตาบอดลงทั้งสองข้าง
ถึงแม้ว่าเธอจะตาบอดทั้งสองข้าง แต่สิ่งที่เธอได้รับเป็นการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ยากจะตอบได้ เพราะเธอ
สามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำจากในความฝันของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีพรายกระซิบเรื่องราวต่างๆให้ได้รับรู้ล่วงหน้า จึงทำให้เธอกลายเป็นที่นิยมของผู้คนในสมัยนั้นโดยผู้คนจะพากันเดินทางมาหาเธอเพื่อขอคำทำนาย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้รับความนิยมจากการทำนายเรื่องราวของทหารที่ไปรบว่าอยู่ที่ไหนหรือตายไปแล้ว ลือกันว่าพลังการทำนายของเธอนั้นไปถึงพระกรรณของจักรพรรดิแห่งบัลแกเรีย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จมาทรงฟังคำทำนายด้วยพระองค์เองเลยก็มี
บาบา วังก้า เสียชีวิตในปี 1996 รวมอายุได้ 85 ปี ประชาชนต่างพากันมาร่วมงานศพของเธออย่างไม่ขาดสาย โดยก่อนที่เธอจะตายนั้นเธอได้ทำนายอนาคตเอาไว้หลากหลายประการเป็นที่น่าฉงนของผู้คนหมู่มากเพราะหลายๆคำทำนายของเธอนั้นค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว
คำทำนายแรกของเธอเป็นที่ประจักษ์ชัดใน
เหตุการณ์ 9/11 โดย บาบา วังก้า ได้ทำนายเอาไว้ว่า
จะมีนกเหล็ก 2 ตัวพุ่งเข้าโจมตีอเมริกา ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายได้จัดการนำเอาเครื่องบินพุ่งใส่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์อาคารสำคัญของเกาะแมนฮัตตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
คำทำนายต่อมา คือคำทำนายว่า
ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 เป็นคนที่มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งคำทำนายดังกล่าวเป็นคำทำนายที่ถูกต้อง เมื่อคนที่ชนะการเลือกตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 นั้นคือนาย บารัก โอบาม่า
ปัจจุบันนั้นได้มีนักวิจัยอยู่กลุ่มหนึ่งที่ออกมาวิเคราะห์คำทำนายของคุณยาย บาบา วังก้า แล้วพบว่าคำทำนายต่างๆ ของเธอนั้นเป็นคำทำนายที่ถูกต้องแม่นยำถึง 80 % ซึ่งคำทำนายล่าสุดที่บาบา วังก้าได้ทำนายไว้ก็คือ ในปี 2016 นั้นชาวมุสลิมจะบุกโจมตีชาวยุโรป จะเห็นได้ว่าคำทำนายของเธอนั้นเป็นจริง เพราะในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า
กลุ่มไอซิส ได้ออกมาโจมตีประเทศยุโรปไม่ว่าจะเป็น ที่ ปารีส หรือ บรัสเซลส์ สถานที่ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกโจมตีโดยกลุ่ม มุสลิมหัวรุนแรงโจมตีทั้งสิ้น
บาบา วังก้า ได้ให้คำทำนายเอาไว้ที่น่าสนใจว่า ในปี 2018 นั้น จีนจะกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจ และในปี 2025 นั้น ยุโรป จะกลายเป็นทวีปรกร้าง
(4) ยูริ เกลเลอร์ ยอดมนุษย์พลังจิต
ยูริ เกลเลอร์ เป็นคนยิว เกิดที่เทลอาวีฟ อิสราเอล เมื่อปี 1946 ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ อาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้า พำนักอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยูริเริ่มรู้ตัวว่ามีสัมผัสพิเศษเมื่ออายุ 4-5 ขวบ ขณะนั่งคอยแม่กลับมาตามนัด
เขาจ้องมองดูเข็มนาฬิกาข้อมือ และนาฬิกาที่ฝาผนัง ปรากฏว่าเข็มนาฬิกาทั้งสองบิดงอไปด้วยอำนาจการเพ่งของเขา
เมื่อทดลองทำกับสิ่งของอื่นๆ ที่เป็นโลหะ เช่น มีด ส้อม และช้อน ก็ได้ผลแบบเดียวกัน
ดวงตาที่มีพลัง มีอำนาจจิตเหนือวัตถุ (mind over matters) ของเขาเป็นที่ร่ำลือกันทั่วไป ได้ออกโชว์ในทีวีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าเขาเล่นกลหรือปาหี่ แท้จริงแล้วเขาได้อำนาจนั้นจากฟ้าประทาน
ในที่สุดก็ถูกเชิญไปทดสอบในอเมริกาและกลับมาพิสูจน์ซ้ำในยุโรป โดยการเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปมากลางอากาศ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า เป็นของจริง อำนาจจิตเหนือดวงตาคมคู่นั้น คืออำนาจพลังแม่เหล็กไฟฟ้า
ยูริ เกลเลอร์ ได้ของรางวัลและของกำนัลมากมาย ล้วนเป็นโลหะ คือมีด ช้อนและส้อมเป็นพื้น จึงนำมันมาโค้งงอด้วยพลังจิต ติดไว้ภายนอกรอบตัวรถคาดิลแล็ก คันงามของเขา ให้ความรู้สึกดีๆ ไปอีกแบบ
นอกจากจะมีพลังจิตเหนือวัตถุแล้ว เขายังมีสัมผัสพิเศษคือตาทิพย์ (clairvoyance) อีกด้วย ครั้งหนึ่งนักดาราศาสตร์ประกาศว่า จะมีก้อนอุกาบาตหลุดวงโคจรมาชนโลก ยูริ เกลเลอร์ ก็เคยอาสาจะใช้พลังจิตของเขาหันเหวงโคจรอุกกาบาตให้เปลี่ยนไปด้วยพลังจิตของเขา
ขอบคุณ เครดิตข้อมูลจาก
https://www.spokedark.tv/posts/nina-kulagina/
https://daily.rabbit.co.th/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2
https://board.postjung.com/744244.html คลิปจากกูเกิ้ล/ภาพประกอบจาก ยูทูป
พบกันใหม่ เสาร์/อาทิตย์หน้าครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 23/9/2560 - 4 ยอดมนุษย์พลังจิตของโลก
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (WANG JIE) เข้าประจำการอีก 1 วันครับ
วันนี้คุยกันเรื่อง "มนุษย์พลังจิต" กันดีกว่าครับ การมีพลังจิต ก็คือการใช้จิตใจเป็นเครื่องมือในการกระทำสิ่งใดๆ หรือรับรู้เรื่องใดๆ โดยไม่ต้องลงไม้ลงมือให้เหนื่อยกาย แต่อาจจะต้องเหนื่อยใจ..."เหนื่อยใจ" ในที่นี้ คนละความหมายกับคำว่า "เหนื่อยใจ" ที่เราเข้าใจกันโดยปกติ คือมัน "เหนื่อย" จริงๆ และการที่ได้ใช้พลังจิตจน "เหนื่อยใจ" นี้ก็จะพลอยทำให้ร่างกายเหนื่อยอ่อนล้าตามไปด้วย
เรื่องเกี่ยวกับพลังจิตนี้มิใช่เรื่องล้อเล่นหรือเรื่องโม้ฝันเฟื่องจากนวนิยายหรือหนัง ต่างประเทศมีการศึกษากันมานานแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา และรัสเซียตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะดินแดนหลังม่านเหล็กมีเรื่องการศึกษาพลังจิตอย่างจริงจัง
ต่อไปนี้คือผู้ที่มีพลังจิตน่าอัศจรรย์
(1) โวล์ฟ เมสซิ่ง (Wolf Messing)
โวล์ฟ เมสซิ่ง มีชื่อเต็มว่า โวล์ฟ เกรโกเรวิช เมสซิ่ง (Wolf Gregorevich Messing) เป็นบุคคลผู้มีพลังจิตที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลกในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โวล์ฟ เมสซิ่ง เกิดเมื่อ 10 กันยายน 1899 ที่เมืองโกรากาลวาเรีย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกับพรมแดนโปแลนด์กับรัสเซีย ใกล้กับกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของประเทศโปแลนด์
ครอบครัวของเมสซิ่งยากจนใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเคร่งศาสนา ในวัยเด็กเมสซิ่งสามารถเรียนรู้และอ่านคำภีร์โบราณของศาสนายิวได้อย่างแตกฉาน จนมีนักบวชคนหนึ่งแถวบ้านสนับสนุนให้ไปเรียนต่อทางด้านศาสนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่เมสซิ่งไม่มีความสุขและไม่ชอบเลย เมื่ออายุได้ 11 ปี เมสซิ่งได้หันเหชีวิตไปท่องโลกด้วยตัวเองตามลำพังโดยมีเงินติดตัวเพียง 18 เซ็นต์ และได้ใช้พลังจิตสะกดพนักงานตรวจตั๋วรถไฟให้เห็นว่าเศษกระดาษที่เมสซิ่งยื่นให้ไปนั้นเป็นตั๋วรถไฟจริง ๆ ซึ่งพนักงานก็ได้เอากระดาษแผ่นนั้นสอดเข้าไปในเครื่องเจาะรู เจาะรูและยื่นคืนให้เมสซิ่ง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของเมสซิ่งที่ได้ใช้พลังจิตสะกดผู้อื่น
โวล์ฟ เมสซิ่ง มาใช้ชีวิตอยู่ ณ เมืองเบอร์ลิน โดยทำงานเป็นพนักงานส่งของในเขตของชาวยิว ครั้งหนึ่งได้เกิดเป็นลมหน้ามืดล้มลงไป หลังจากได้นำส่งเข้าโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการตรวจหัวใจของเมซิ่งแล้วพบว่า หยุดเต้น ไม่หายใจ เขาจึงถูกนำร่างเข้าห้องเก็บศพและเกือบถูกส่งกลบแล้ว แต่ปรากฏว่ามีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งได้ทำการตรวจร่างกายของเมสซิ่งอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งและพบว่าเขายังไม่ตาย เพียงแต่หัวใจและชีพจรเต้นอ่อนมากจนแทบจะวัดไม่ได้เลย ซึ่งต่อมาได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาด้านพลังจิตและเรื่องลึกลับนี้เชื่อว่า เหตุการณ์นี้เป็นการสะกดจิตตัวเอง !!
โวล์ฟ เมสซิ่ง ได้พบปะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนระดับโลก เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ซิกมันด์ ฟรอยด์ และมหาตมะ คานธี โดยได้แสดงพลังจิตของตนให้พวกเขาดู ในการทดสอบกับไอสไตน์และฟรอยด์ เมสซิ่งได้รับคำสั่งจากจิตของฟรอยด์ให้ดึงหนวดของไอน์สไตน์มา 3 เส้น ซึ่งก็ปรากฏว่าทำได้ตรงตามคำสั่ง และกับมหาตมะ คานธี สามารถหยิบขลุ่ยขึ้นมาจากลิ้นชักบนโต๊ะและยื่นให้คานธีตามคำสั่งของคานธีจริง ๆ และอีกครั้งหนึ่งสามารถหาเพชรประจำตระกูลมูลค่าสูงถึง 8 แสนเหรียญของคหบดีชาวโปแลนด์ที่หายไปในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งได้ โดยที่ได้ระดมคนหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบ แต่เมสซิ่งรู้ว่าเพชรซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมีในห้องของคนงานในบ้านคณบดีนั่นเอง เนื่องจากลูกชายตัวเล็ก ๆ ของคนรับใช้ในบ้านเป็นผู้นำไปซ่อนเอง
เมสซิ่งยังสามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อีกด้วย หลายครั้งที่ออกแสดง เมสซิ่งได้ทำนายเหตุการณ์สงครามไว้ว่า ดินแดนแถบคาบสมุทรบอลติก, ไบโลรัสเซีย, ยูเครน จะตกอยู่ภายใต้การยึดครองของนาซี หรือเป็นผู้ทำนายถึงจุดจบของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จนถูกทางนาซีไล่ล่าตัวอย่างหนัก ซึ่งทุกอย่างก็ปรากฏเป็นจริงดังคำทำนายทุกอย่าง
โวล์ฟ เมสซิ่ง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
(2) นีนา กุลากินา (Nina Kulagina)
นีนา กุลากินา เกิดเมื่อ 30 กรกฎาคม 1926 ที่แคว้นเลนินกราด ประเทศรัสเซีย เธอเป็นหญิงแกร่งและจงรักภักดีต่อประเทศของเธอมาก ตอนอายุได้ 14 ปี เธอได้เข้าร่วมรบกับกองทัพของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บจากสงคราม เธอลาออกจากกองทัพเพื่อแต่งงาน และเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว จนกระทั่งในปี 1960 เธอออกมาอ้างว่าตนเองมีพลังจิตที่เรียกว่า "เทเลไคเนสิส" (Telekinesis) พลังจิตที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ตามใจนึก โดยเธอไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับวัตถุสิ่งนั้นเลย หลังจากนั้น เธอก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์จากหลายสถาบันต่างก็ต้องการพิสูจน์คำที่เธอกล่าวอ้าง แต่ไม่ว่าจะทำการทดลองกี่ครั้งก็ไม่สามารถที่จะจับผิดเธอได้เลย ร่างกายของเธอไม่มีพลังแม่เหล็กหรืออะไรก็ตามที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุได้ซ่อนอยู่ และผลจากการพิสูจน์ทุกครั้งก็แสดงให้เห็นว่าเธอสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุต่างๆ ได้จริง! แต่เป็นวัตถุชิ้นเล็กเท่านั้น เธอไม่สามารถใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุชิ้นใหญ่ได้ นอกจากนั้นเธอยังสามารถแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ทำให้หัวใจของกบเต้นเร็วหรือเต้นช้าได้ตามที่ใจต้องการอีกด้วย
ลองชมคลิปวีดิโอซึ่งมีการถ่ายบันทึกการแสดงพลังจิตของเธอดูครับ
นีนาเสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม 1990 ถึงแม้เรื่องราวพลังจิตของเธอยังคงเป็นปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เหตุใดเธอจึงมีพลังวิเศษเช่นนี้ แต่เรื่องราวของเธอก็ได้จุดประกายให้กับสหภาพโซเวียตได้เริ่มทำการศึกษาเรื่องราวของพลังจิตอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน
(3) บาบา วังก้า หญิงชราลึกลับแห่งบอลข่าน
คุณยายชาวบัลแกเรียท่านหนึ่งซึ่งตาบอดและเป็นที่รู้จักกันในนามของ บาบา วังก้า ถูกเรียกขานกันว่า ‘ผู้หยั่งรู้’ อีกท่านหนึ่ง (นอกเหนือจากนอสตราดามุสที่ทุกคนรู้จักกันดี) เกิดในวันที่ 31 มกราคม 1911 ในครอบครัวของชาวนาผู้ยากจนในมาซิโดเนีย ช่วงนั้นเธอยังไม่ได้ตาบอดแต่เมื่อเธออายุได้ราวๆ 11 เธอถูกพายุพัดไปและปล่อยให้หล่นมาจากท้องฟ้า ถึงแม้ว่า บาบา วังก้า จะรอดชีวิตอย่างปฏิหาริย์แต่เธอก็ต้องตาบอดลงทั้งสองข้าง
ถึงแม้ว่าเธอจะตาบอดทั้งสองข้าง แต่สิ่งที่เธอได้รับเป็นการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ยากจะตอบได้ เพราะเธอ สามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำจากในความฝันของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีพรายกระซิบเรื่องราวต่างๆให้ได้รับรู้ล่วงหน้า จึงทำให้เธอกลายเป็นที่นิยมของผู้คนในสมัยนั้นโดยผู้คนจะพากันเดินทางมาหาเธอเพื่อขอคำทำนาย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้รับความนิยมจากการทำนายเรื่องราวของทหารที่ไปรบว่าอยู่ที่ไหนหรือตายไปแล้ว ลือกันว่าพลังการทำนายของเธอนั้นไปถึงพระกรรณของจักรพรรดิแห่งบัลแกเรีย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จมาทรงฟังคำทำนายด้วยพระองค์เองเลยก็มี
บาบา วังก้า เสียชีวิตในปี 1996 รวมอายุได้ 85 ปี ประชาชนต่างพากันมาร่วมงานศพของเธออย่างไม่ขาดสาย โดยก่อนที่เธอจะตายนั้นเธอได้ทำนายอนาคตเอาไว้หลากหลายประการเป็นที่น่าฉงนของผู้คนหมู่มากเพราะหลายๆคำทำนายของเธอนั้นค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว
คำทำนายแรกของเธอเป็นที่ประจักษ์ชัดในเหตุการณ์ 9/11 โดย บาบา วังก้า ได้ทำนายเอาไว้ว่า จะมีนกเหล็ก 2 ตัวพุ่งเข้าโจมตีอเมริกา ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายได้จัดการนำเอาเครื่องบินพุ่งใส่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์อาคารสำคัญของเกาะแมนฮัตตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
คำทำนายต่อมา คือคำทำนายว่า ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 เป็นคนที่มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งคำทำนายดังกล่าวเป็นคำทำนายที่ถูกต้อง เมื่อคนที่ชนะการเลือกตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 นั้นคือนาย บารัก โอบาม่า
ปัจจุบันนั้นได้มีนักวิจัยอยู่กลุ่มหนึ่งที่ออกมาวิเคราะห์คำทำนายของคุณยาย บาบา วังก้า แล้วพบว่าคำทำนายต่างๆ ของเธอนั้นเป็นคำทำนายที่ถูกต้องแม่นยำถึง 80 % ซึ่งคำทำนายล่าสุดที่บาบา วังก้าได้ทำนายไว้ก็คือ ในปี 2016 นั้นชาวมุสลิมจะบุกโจมตีชาวยุโรป จะเห็นได้ว่าคำทำนายของเธอนั้นเป็นจริง เพราะในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า กลุ่มไอซิส ได้ออกมาโจมตีประเทศยุโรปไม่ว่าจะเป็น ที่ ปารีส หรือ บรัสเซลส์ สถานที่ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกโจมตีโดยกลุ่ม มุสลิมหัวรุนแรงโจมตีทั้งสิ้น
บาบา วังก้า ได้ให้คำทำนายเอาไว้ที่น่าสนใจว่า ในปี 2018 นั้น จีนจะกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจ และในปี 2025 นั้น ยุโรป จะกลายเป็นทวีปรกร้าง
(4) ยูริ เกลเลอร์ ยอดมนุษย์พลังจิต
ยูริ เกลเลอร์ เป็นคนยิว เกิดที่เทลอาวีฟ อิสราเอล เมื่อปี 1946 ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ อาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้า พำนักอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยูริเริ่มรู้ตัวว่ามีสัมผัสพิเศษเมื่ออายุ 4-5 ขวบ ขณะนั่งคอยแม่กลับมาตามนัด เขาจ้องมองดูเข็มนาฬิกาข้อมือ และนาฬิกาที่ฝาผนัง ปรากฏว่าเข็มนาฬิกาทั้งสองบิดงอไปด้วยอำนาจการเพ่งของเขา
เมื่อทดลองทำกับสิ่งของอื่นๆ ที่เป็นโลหะ เช่น มีด ส้อม และช้อน ก็ได้ผลแบบเดียวกัน ดวงตาที่มีพลัง มีอำนาจจิตเหนือวัตถุ (mind over matters) ของเขาเป็นที่ร่ำลือกันทั่วไป ได้ออกโชว์ในทีวีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าเขาเล่นกลหรือปาหี่ แท้จริงแล้วเขาได้อำนาจนั้นจากฟ้าประทาน ในที่สุดก็ถูกเชิญไปทดสอบในอเมริกาและกลับมาพิสูจน์ซ้ำในยุโรป โดยการเคลื่อนย้ายรถยนต์ไปมากลางอากาศ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า เป็นของจริง อำนาจจิตเหนือดวงตาคมคู่นั้น คืออำนาจพลังแม่เหล็กไฟฟ้า
ยูริ เกลเลอร์ ได้ของรางวัลและของกำนัลมากมาย ล้วนเป็นโลหะ คือมีด ช้อนและส้อมเป็นพื้น จึงนำมันมาโค้งงอด้วยพลังจิต ติดไว้ภายนอกรอบตัวรถคาดิลแล็ก คันงามของเขา ให้ความรู้สึกดีๆ ไปอีกแบบ
นอกจากจะมีพลังจิตเหนือวัตถุแล้ว เขายังมีสัมผัสพิเศษคือตาทิพย์ (clairvoyance) อีกด้วย ครั้งหนึ่งนักดาราศาสตร์ประกาศว่า จะมีก้อนอุกาบาตหลุดวงโคจรมาชนโลก ยูริ เกลเลอร์ ก็เคยอาสาจะใช้พลังจิตของเขาหันเหวงโคจรอุกกาบาตให้เปลี่ยนไปด้วยพลังจิตของเขา
ขอบคุณ เครดิตข้อมูลจาก https://www.spokedark.tv/posts/nina-kulagina/
https://daily.rabbit.co.th/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2
https://board.postjung.com/744244.html คลิปจากกูเกิ้ล/ภาพประกอบจาก ยูทูป
พบกันใหม่ เสาร์/อาทิตย์หน้าครับ